คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เมื่อจะทำแล้วต้องทำให้ถึงที่สุด
“ก็บอกแล้วไงว่าจะมาจ่ายวันหลังน่ะ เลิกตื้อได้แล้วลุง”
ลุงเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งวิ่งพลางตะโกนให้ช่วยจับเด็กหนุ่มที่กินแล้วชักดาบ ส่วนเด็กหนุ่มก็วิ่งไปพลางม้วนสปาเก็ตตี้เข้าปากไปพลาง
“ไม่ต้องมาพูด ถ้าจะจ่ายแล้ววิ่งหนีทำไมมิทราบ”
“ก็แล้วลุงจะวิ่งตามมาทำไมกันเล่า”
“หนอยแน่แก”
ลุงเจ้าของร้านอาหารวิ่งมาได้สักพักก็เหนื่อยหอบหมดแรงคุกเข่านั่งลงกับพื้นทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งหนีต้องรีบวิ่งเข้ามาดูอาการคุณลุงทันที
หมับ!!!
“จับได้แล้ว ไอ้คนกินแล้วชักดาบ”
“อะไรกันเนี่ย หลอกกันงั้นหรอ”
โป้ก!
หมัดของคุณลุงลอยเข้ากบาลเด็กหนุ่มทันทีเป็นหมัดที่รุนแรงราวกับไม่ใช่คนแก่ยังไงยังงั้น ก่อนที่จะลากตัวเด็กหนุ่มกลับไปที่ร้านเพื่อนทำงานตอบแทนของที่กินเข้าไป ร้านอาหารที่ลุงทำอยู่เป็นร้านอาหารร้านเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงเนเปิลส์ เป็นร้านอาหารที่หาได้ทั่วไป แถมยังมีร้านที่หรูกว่าอีกตั้งมากมายให้เลือก จึงไม่ค่อยมีคนเข้ามาที่ร้านแกสักเท่านั้น ที่จะมีมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกมาเฟียที่มาขอกินฟรีซะมากกว่า ทั้งๆที่แต่ก่อนเป็นร้านอาหารขึ้นชื่อของเนเปิลส์แท้ๆ เป็นเพราะพวกมาเฟียนี่แหละที่เข้ามาก่อกวนจนลูกค้าหนีไปที่อื่นกันหมด
ถ้าพูดถึงเนเปิลส์แล้วนี่ก็คือเมืองที่เศรษฐกิจวุ่นวายมากที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี และร้านของลุงนั้นตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเนเปิลส์ที่เต็มไปด้วยสถานที่ทางศิลปะและประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับบรรยากาศครึกครื้นแบบชาวเมือง มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย ร้านของลุงคือร้านที่มีทำเลในการค้าขายมากที่สุดจึงถูกกลุ่มมาเฟียกลั่นแกล้งเพื่อที่จะยึดมาทำธุรกิจในแบบของตัวเองซะ
“นี่ลุง ไม่มีลูกค้ามาแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ฉันถึงจะใช้หนี้หมดสักทีล่ะเนี่ย”
“อย่างแกน่ะหุบปาก แล้วก็เช็ดโต๊ะให้สะอาดไปซะ ตรงนั้นด้วย ตรงนั้นอีก”
แกร๊งๆๆ
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกถึงลูกค้าที่กำลังเข้ามาในร้านหลังจากที่ไม่ได้มีลูกค้ามาซะตั้งนาน แต่คนที่เข้ามากลับไม่ใช่ลูกค้าอย่างที่คุณลุงคาดหวังเลยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลในแถบเนเปิลส์ที่คอยรังควานร้านของลุงมาตลอด
“ยินดีต้อนรับครับ จะรับเป็นพิซซ… ”
“โทษทีนะได้น้องพอดีฉันไม่ได้มาเพื่อทานอาหาร”
ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดจบกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เดินกระแทกไหล่เข้าไปอย่างหน้าตาเฉย ทั้งหมดอยู่ในชุดสูทสีดำล้วน ยกเว้นตาลุงอ้วนที่ยืนประจันหน้าอยู่กับลุงเจ้าของร้าน ใส่แหวนและเครื่องประดับระยิบระยับ ใส่สูทสีแดงสดทั้งตัวเพื่อให้ดูเด่นขึ้นมาเมื่ออยู่ในกลุ่มของบอดี้การ์ด
“เมื่อไหร่จะขายร้านนี้ให้ฉันสักที ทั้งๆที่ไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว ห๊ะ เทอเรทโต้”
“ที่ไม่มีลูกค้ามันเพราะแกไม่ใช่รึไง เซโค่”
“อะไร อย่ามาใส่ร้ายกันสิ ลูกค้าก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองสิถึงจะถูก” พูดเสร็จเซโค่ก็เตะโต๊ะที่อยู่ด้านข้างจนหักไม่เหลือชิ้นดี
“โทษทีนะ พอดีเท้ามันลื่นไปหน่อย”
ฟึ่บ!
พริบตาเดียวเด็กหนุ่มผู้ถูกเมินในตอนแรกก็โผล่เข้ามาขัดจังหวะที่เซโค่กำลังจะพังร้านของลุงเทอเรทโต้ จับขาของเซโค่แล้วดันกลับไปก่อนจะเข้าไปประชิดตัวพร้อมกับกระบองสั้นคู่ใจ
“นี่แก รู้รึเปล่าว่าเมื่อกี๊ กว่าฉันจะขัดให้มันเงาน่ะลำบากแค่ไหน แถมแกยังมาพังมันซะเละเทะ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะใช้หนี้ให้ลุงแกหมดล่ะ ไอ้บ้าเอ้ย!” เด็กหนุ่มโมโหสุดขีดพร้อมกับง้างหมัดที่ควบกระบองสั้นอีกข้างเข้าใส่เซโค่ แต่ก็ถูกหยุดเอาไว้โดยคุณลุงเจ้าของร้าน
“ทั้งๆที่ร้านก็ไม่มีจะกินอยู่แล้วแท้ๆแต่กลับจ้างพนักงานได้นี่มัน..”
“ไม่ใช่พนักงาน…มาเฟียต่างหาก” ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ทำให้เซโค่และเหล่าบอดี้การ์ดถึงกับหัวเราะตัวงอในคำพูดของเด็กหนุ่ม พร้อมกับบอกว่าจะแสดงให้ดูว่ามาเฟียเขาทำกันยังไง ก่อนจะดีดนิ้วส่งสัญญาณให้ชายฉกรรจ์ทั้งหลายพังร้านนี่ซะ ก่อนจะเดินหัวเราะออกไปอย่างสะใจ เด็กหนุ่มหันหน้ามาทางลุงเจ้าของร้านเป็นเชิงขออนุญาต แต่ลุงเทอเรทโต้ก็ส่ายหัวเป็นการห้ามเช่นกัน เด็กหนุ่มจึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจจนพวกมันกลับไป
ร้านที่สุดแสนจะสำคัญของลุงเทอเรทโต้ตอนนี้อยู่ทำลายจนย่อยยับไปครึ่งซีกภายในเวลาแค่อึดใจเดียว ร้านที่มีความทรงจำอันแสนวิเศษกับหลานชายของเขา ลุงเจ้าของร้านนั่งมองร้านของตัวเองสักพักก่อนที่จะเข้าไปหยิบเครื่องมือช่างออกมาซ่อมร้านที่กลายเป็นเรื่องเคยชินไปซะแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้และก็ไม่ได้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกด้วย
“นี่ๆๆ เป็นคนแก่อย่ายกของหนักเซ่ มานี่เดี๋ยวฉันช่วยเอง”
“ไปซะเจ้าหนุ่ม ฉันไม่น่าไม่ดึงแกเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้เลย”
“อะไรกันเล่า ฉันยังติดหนี้ลุงอยู่นี่นา”
“ทั้งๆที่ตอนแรกวิ่งหนีนี่นะ”
“หุบปากน่าเดี๋ยวก็แทงด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ซะหรอก”
จากนั้นทั้งสองคนก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือซ่อมหน้าร้านจนกลับมาเป็นอย่างเก่า แต่ด้วยที่มีกันแค่สองคนกว่าจะเสร็จก็มืดค่ำซะแล้ว ชาวเมืองที่ผ่านไปมาได้แต่เพียงมองดูเท่านั้น ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง เพราะหากมีใครเข้าไปช่วยเหลือ ก็จะถูกเก็บทุกรายไป
เมื่อก่อนเคยมีคนพยายามส่งเรื่องนี้ไปถึงEleven Guy แต่ด้วยอิทธิพลของเซโค่ที่มีอยู่ทั่วกรุงเนเปิลส์ จดหมายจึงไม่ถูกส่งไปยังศูนย์ใหญ่หรือแม้แต่ศูนย์ย่อยเลย แถมยังมีคนที่มีอำนาจในEleven Guyคอยหนุนหลังอยู่อีก เรื่องทั้งหมดจึงเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไป
“เมื่อกลางวันนี้ถ้าปล่อยให้ฉันจัดการ ป่านนี้ก็ไม่ต้องมานั่งซ่อมร้านงี่เง่านี่หรอก”
“ปล่อยให้แกไปตายล่ะสิไม่ว่า ฉันเองก็มีหลานชายอายุน่าจะพอๆกับนายนั่นแหละ หมอนั่นก็มีความฝันที่อยากจะเป็นมาเฟียเหมือนกัน”
“แล้วเจ้านั่นไปอยู่ไหนซะล่ะ เผื่อว่าจะได้ชวนเข้าทีม”
“ฮ้าๆๆ ชวนเข้าทีมเรอะ หมอนั่นคงดีใจน่าดู แต่ว่าฉันคงไม่อนุญาต เจ้านั่นก็เลยไปอยู่กับพ่อของเขาที่เป็นนักโบราณคดี ตอนนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ นิสัยก็ห่ามๆเหมือนกับนายแถมยังชอบกินพิซซ่าที่ฉันเป็นคนทำอีกต่างหาก” จากนั้นคุณลุงเทอเรทโต้ก็เล่าเรื่องต่างๆเกี่ยวกับหลานชายสุดที่รักให้ฟังซะยาวเหยียดจนผล็อยหลับไปทั้งคู่
นายจ้างและลุกจ้างจำเป็นลุกขึ้นมาซ่อมร้านต่อตั้งแต่เช้าเพื่อให้ทันเปิดก่อนเวลาสิบนาฬิกาซึ่งเป็นเวลาเปิดของร้านตามปกติ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเข้ามาเลยก็เถอะ แต่ลุงเทอเรทโต้ก็ยังอยากจะเปิดร้านนี้ต่อไปแม้ว่าจะต้องซ่อมร้านนี่อีกี่ครั้งก็ตามที และในที่สุดความพยายามของทั้งสองคนก็สัมฤทธิ์ผล ทั้งสองซ่อมร้านจนกลับมาอยู่ในสภาพที่พอจะถูไถเปิดได้
“เอาล่ะ ทีนี้ก็เปิดร้านได้แล้ว”
“ยังหรอก วัตถุดิบน่ะหมดแล้วล่ะ เดี๋ยวลุงจะออกไปซื้อ ช่วยเฝ้าร้านให้ที”
“พูดอะไรงั้นเล่า เป็นคนแก่ก็ทำตัวให้เหมือนคนแก่หน่อยสิ ซื้ออะไรมั่ง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ทันทีที่รับกระดาษรายการมาเด็กหนุ่มก็รีบวิ่งไปที่อู่ท่าเรือรับส่งสินค้าทันที เพราะที่นั่นจะสามารถหาวัตถุดิบที่สดใหม่ได้ทุกชนิด แถมยังราคาถูกกว่าร้านคาทั่วไปเป็นไหนๆ
เพราะไม่เคยไปจ่ายตลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียวทำให้เด็กหนุ่มต้องใช้เวลาอยู่นานสองนานเพื่อเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดและประหยัดที่สุด ถึงจะมีวัตถุดิบที่ต้องซื้อเพียงไม่กี่อย่าง แต่ลุงเทอเรทโต้ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเลือกที่สดๆเท่านั้น เพราะงั้นเลยต้องพิถีพิถันกันหน่อย ไม่งั้นได้อยู่ช่วยงานจนแก่หงำเหงือกแน่!
ทันทีที่ได้วัตถุดิบที่ต้องการแล้วเด็กหนุ่มจึงรีบกลับไปยังร้านทันที พอกลับมาถึงเด็กหนุ่มถึงกลับยิ้มดีใจที่มุมปากเพราะเวลานี้มีคนมายืนอยู่หน้าร้านเต็มไปหมด ทำให้เด็กหนุ่มกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แต่ทันทีที่เขาไปถึง ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นดั่งที่เขาคิด หน้าร้านยังอยู่ดี แต่ร้านมันพังยับจนหมดแล้ว!
เด็กหนุ่มทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างลงและวิ่งเข้าไปในซากของร้านอย่างไม่ลังเล รื้อซากของร้านที่โค่นล้มลงมาออกทีละชิ้นแต่กลับไม่เจอลุงเทอเรทโต้ในซากของร้านนั้นเลยแม้แต่เงา ในใจของเด็กหนุ่มคิดว่าคุณลุงอาจจะถูกจับไปแล้วแน่ๆ
โครม!
อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากหลังร้าน ลุงเทอเรทโต้ในสภาพโชกเลือดกำลังถือกล่องเครื่องมือและแบกไม้เดินออกมาเพื่อหวังจะซ่อมมันอีกครั้ง แต่ก็เกิดล้มลงไปซะก่อนด้วยความที่เสียเลือดมากเกินไป
“นี่ลุง ทำบ้าอะไรน่ะ ต้องรีบไปรักษาตัวก่อน ส่วนร้านเดี๋ยวค่อยกลับมาซ่อมทีหลังก็ได้”
“ร้านนี้เปรียบเสมือนร่างกายของฉัน หากมันยังมีบาดแผลอยู่ ฉันก็ไม่ปล่อยมันไว้เด็ดขาด”
“เป็นตาแก่ที่ไม่ยอมแก่จริงๆ แต่ขอโทษละกันนะ”
เด็กหนุ่มปล่อยหมัดตรงใส่กลางลำตัวของลุงเทอเรทโต้อย่างจัง ทำให้ลุงหมดสติไปทั้งยืน เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นคุณลุงมีหวังได้ตายเพราะเสียเลือดจริงๆแน่ เด็กหนุ่มพยายามพาร่างที่โชกเลือดของลุงเทอเรทโต้ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แต่กลับเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเด็กหนุ่มก็ได้รับสัมผัสหนักๆที่ใบหน้า สัมผัสที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทำให้เด็กหนุ่มกระเด็นออกห่างจากลุงเทอเรทโต้ ก่อนที่จะมีเด็กหนุ่มอีกคนที่อายุน่าจะพอๆกับเขาเข้ามาพยุงร่างที่โชกไปด้วยเลือดของลุงแทน
“นี่แกจะทำอะไรกับลุงของฉัน”
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนเซ่!” ยังไม่ทันที่จะได้อธิบายก็โดนเด็กหนุ่มผู้มาเยือนสาดกระสุนทรายใส่เป็นชุด เด็กหนุ่มทำได้แค่เพียงปัดป้องกระสุนทรายที่รายล้อมเข้ามาเท่านั้น เพราะเขาเป็นพวกที่ใช้การต่อสู้ระยะประชิดตัวเป็นหลักจึงเสียเปรียบการต่อสู้ระยะไกลเป็นที่สุด และถึงแม้ว่าเขาจะเคยหลบกระสุนปืนมาแล้ว แต่ว่ากระสุนทรายนี่แค่หลบให้พ้นก็เต็มกลืนแล้ว
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจฝ่ากระสุนทรายนั่นเข้าไป ทำเอาฝ่ายตรงข้ามชะงักไปเพราะความบ้าดีเดือดของเด็กหนุ่ม แต่ยังคงรักษาการยิงกระสุนทรายที่ต่อเนื่องไว้ได้ แต่ว่า เร็วมาก! เป็นคำเดียวที่เพียงจะอุทานได้ในตอนนี้ เพราะเพียงชั่วครู่ เด็กหนุ่มก็โผล่เข้ามายืนประจันหน้าเสียแล้ว
“แกเป็นใครกันแน่!?”
“จะยังไงก็ช่างรีบพาคุณลุงไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า”
“อะ..อืม..”
ความคิดเห็น