คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
หญิงสาววัยกลางคนวิ่งออกมาจากโบสถ์แห่งหนึ่งที่อยู่ในใจกลางเมืองปาแลโม่ พร้อมกับขอร้องให้ช่วยไปตลอดทางด้วยใบหน้าที่ตื่นกลัวและวิตกกังวลอย่างมาก จนชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นได้ยินเข้าจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หญิงสาววัยกลางคนนี้กลับพูดวกไปวนมา จับใจความไม่ได้ จึงต้องพาเธอมานั่งสงบสติอารมณ์ที่ร้านน้ำชาใกล้ๆก่อน
หลังจากที่เธอสงบลงแล้วเธอจึงรีบเล่าเรื่องราวให้ฟัง ได้ความว่าเธอชื่อฮาฟีเรียขณะที่เธอและลูกสาวกำลังสวดมนต์อยู่ในโบสถ์นั้น อยู่ๆก็มีชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาในโบสถ์และใช้กำลังบังคับข่มขืนลูกสาวต่อหน้าต่อตาของเธอและพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่สามารถจะสู้แรงของผู้ชายได้ เธอรู้สึกหวาดกลัวและเป็นห่วงลูกสาวอย่างมากจึงรีบวิ่งออกมาของความช่วยเหลือ
เมื่อชาวบ้านได้ยินแบบนั้นจึงรวบรวมกำลังและอาวุธพอที่จะหาได้ บุกเข้าไปปิดล้อมโบสถ์แห่งนั้นเอาไว้ ก่อนที่จะทยอยเข้าไปเป็นกลุ่ม หวังจะจัดการกับชายกลุ่มนั้นก่อนที่ลูกสาวคุณฮาฟีเรียจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ แต่กลับถูกคนกลุ่มนั้นทำร้ายและถูกจับโยนออกมาไม่ต่างจากกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนเลยแม้น้อย
ชายกลุ่มดังกล่าวค่อยๆเดินออกมาสมทบกับคนที่จัดการชาวบ้านในตอนแรก เผยให้เห็นเครื่องแบบสีน้ำเงินและแดงพร้อมกับธงชาติฝรั่งเศสที่หน้าอก ทั้งหมดมีด้วยกันห้าคน รูปร่างกำยำบึกบึน แถมแต่ละคนยังสูงถึงสองเมตรต้นๆเลยทำให้ดูน่ากลัวและน่าเกรงขามเข้าไปใหญ่
“คืนเด็กที่อยู่ในนั้นมาซะดีๆ” ชายคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มชาวบ้านตะโกนขึ้น
“เด็กเรอะ! มันมีที่ไหนกันเล่า” ทหารฝรั่งเศสที่อยู่หน้าสุดและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าพูดขึ้นอย่างไม่สนใจใยดีชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับแสยะยิ้มทีมุมปากด้วยความชอบใจ
“ทำไมจะไม่มีล่ะในเมื่อลูกสาวฉันยังอยู่ในนั้นจนถึงตอนที่พวกแกมา”
“อ๋อ ยัยป้านี่เอง งั้นหรอ ลูกแกเองสินะ ” หัวหน้าทหารฝรั่งเศสคนนี้ยังคงนิ่งเฉยและแสยะยิ้มมุมปากเหมือนเคยก่อนที่จะโบกมือเป็นสัญญาณอะไรสักอย่างให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง พอได้รับคำสั่งจากหัวหน้าของมัน ก็จัดการคว้าปืนที่วางอยู่หน้าโบสถ์ขึ้นมาเล็งไปที่คุณฮาฟีเรีย
“งั้นถ้าไม่มีแกก็ไม่มีพยานอีกแล้วสินะ ฮึฮึ ยิงมัน”
สิ้นสุดคำสั่ง ลูกน้องคนดังกล่าวก็เหนี่ยวไกสาดกระสุนปืนใส่ทันที ชาวบ้านทุกคนต่างพากันวิ่งหลบอย่างอลหม่าน
พรึบ!
ก่อนที่กระสุนปืนจะถึงร่างของหญิงสาวก็มีเงาปริศนาพุ่งเข้ามาปัดกระสุนปืนทั้งหมดนั่นได้อย่างทันท่วงที ทำเอาทหารฝรั่งเศสกลุ่มนี้ถึงกับงุนงง
“ยิงมันเข้าไปสิว๊ะ!”
“นี่พวกนายมาเล่นของอันตรายในที่ศักดิ์แบบนี้ได้ยังไงกันนะ” สิ้นสุดคำพูดเงาปริศนานั้นก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วใช้กระบองสั้นคู่ใจฟาดปืนจนขาดเป็นสองท่อนพร้อมกับจัดการลูกน้องอีกสามคนที่เหลือได้อย่างรวดเร็วโดยที่หัวหน้าของพวกมันยังไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำ มารู้สึกตัวอีกทีเงานั้นก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ไม่สิ! ปีศาจในร่างของเด็กหนุ่มต่างหาก
“แกเป็นใคร?”
“มาเฟียไงล่ะ” สิ้นสุดคำพูดเด็กหนุ่มก็ขยับกระบองสั้นคู่ใจให้ถนัดมือมากขึ้นก่อนจะซัดเข้าเต็มแรงที่หน้าของหัวหน้าทหารฝรั่งเศสคนนั้นลอยละลิ่วปลิวละล่องทะลุกำแพงโบสถ์ด้านหลังออกไปเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มเข้าไปในโบสถ์ก่อนจะกลับมาพร้อมกับร่างที่โชกไปด้วยเลือดและไร้วิญญาณของเด็กสาว ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเศร้าที่ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตของเธอไว้ได้ ไม่ต่างจากหัวอกคนเป็นแม่ เมื่อคุณฮาฟีเรียเห็นสภาพของลูกสาวของตัวเองก็ช็อกจนหมดสติไปอีกคน ส่วนชาวบ้านที่เหลือก็เข้าไปรุมประชาทัณฑ์ทหารฝรั่งเศสด้วยความแค้น
ทหารเหล่านี้ถูกไหว้วานจากผู้บัญชาการของทหารฝรั่งเศสให้เดินทางมาติดต่อเพื่อเข้าร่วมในโครงการ Eleven Guy โครงการที่มีสมชิกกว่า180ประเทศทั่วโลก เป็นโครงการที่จะยุบทหารในแต่ละประเทศและเข้ามาฝึกเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกายและความสามารถให้ถึงขีดสุดของมนุษย์เพื่อต่อกรกับยุคทองของมาเฟียนี้ให้สิ้นซาก
Eleven Guy ถูกก่อตั้งโดยชายหนุ่มสิบเอ็ดคนที่ต้องการเห็นความสงบสุขในแต่ละประเทศ พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนลุกขึ้นต่อต้านพวกที่ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงประชาชน ก่อนที่จะสามารถจัดการคนเหล่านั้นและรวมตัวกันขึ้นมาสร้างเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด โดยแบ่งการทำงานออกเป็นสิบเอ็ดหน่วย หัวหน้าหน่วยจะเป็นผู้ชายซะส่วนใหญ่แต่ในช่วงปีหลังๆผู้หญิงเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีผู้หญิงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคต
ทหารฝรั่งเศสทุกคนถูกมัดรวมกันไว้ที่หน้าโบสถ์ด้วยสภาพสะบักสบอมถึงขั้นปางตาย ชาวบ้านทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องจัดการคนพวกนี้ให้สิ้นซากไปซะ
เปรี๊ยะ!
แต่ก่อนที่ชาวบ้านจะได้ทำอะไรมากเกินไปกว่านั้นต้นไม้สองข้างทางรวมถึงบริเวณปากทางเข้าของโบสถ์ถูกทำให้กลายเป็นน้ำแข็งโดยพริบตา พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มสีขาวมีเสื้อคลุมสีฟ้าทับไว้อีกที เด็กหนุ่มค่อยๆเดินแหวกฝูงชนเข้าไปจนถึงบริเวณหน้าโบสถ์ที่ทหารฝรั่งเศสทั้งห้าถูกจับมัดไว้
“พวกคุณมาทำอะไรที่นี่ นี่ไม่ใช่ทางผ่านเพื่อไปยังศูนย์ใหญ่เลยสักนิด”เด็กหนุ่มกล่าว
“ทำไมคนระดับแกถึงมาที่นี่”หัวหน้าทหารฝรั่งเศสพูดขึ้นด้วยใบหน้าหยิ่งยโส ต่างจากลูกน้องของเขาที่หน้าถอดสีและซีดเผือด ไม่รู้ว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะเกรงกลัวเด็กหนุ่มหรือเพราะเลือดท่วมตัวกันแน่
“ฉันถูกส่งให้มารับพวกคุณ แต่นั่งรอตั้งนานก็ไม่เห็นมาสักที ก็เลยมาเดินเล่นหน่อย”
“งั้นก็ดี รีบแก้มัดนี่แล้วจัดการชาวบ้านนี่ซะ พวกมันบังอาจมาทำร้ายฉัน ฉันเป็นใครแกน่าจะรู้ดี”
“ไม่รู้สิ รู้จักรึเปล่านะ ฮึฮึฮึ ” เด็กหนุ่มพูดพลางหัวเราะก่อนที่จะยื่นมือมาที่เชือก ทันทีที่เชือกถูกนิ้วของเด็กหนุ่มสัมผัส น้ำแข็งก็เริ่มปกคลุมทหารฝรั่งเศสเหล่านี้ทีละน้อยก่อนจะถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์ จากนั้นก็ใช้มือข้างเดิมของเขาจิ้มเบาๆไปบนผลึกน้ำแข็งที่เขาพึ่งจะสร้างขึ้นมา เกิดเป็นร้อยร้าวเล็กๆและขยายเป็นวงกว้างก่อนจะค่อยๆแตกสลายไป
“ถึงจะไม่ใช่มาเฟียแต่คนอย่างพวกคุณก็ไม่มีสิทธิที่จะมาทำแบบนี้ ส่วนพวกคุณก็ควรรีบกลับไปซะเถอะ ที่เหลือผมจะจัดการเอง ถึงคนเหล่านี้จะผิดจริงแต่ทางการคงจะมองข้ามไปเป็นเรื่องเล็กน้อยแน่ เพราะงั้นแล้วพวกคุณจะถูกกวาดล้างจนหมดในฐานะกบฏทันทีที่เรื่องนี้ถึงหูเบื้องบน”
ชาวบ้านได้ยินแบบนั้นแล้วจึงพากันกลับพร้อมกับนำร่างไร้วิญาณของเด็กสาวกลับไปทำพิธีด้วย และก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไปเพราะคนเหล่านั้นถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ แต่ก่อนจะกลับ ผมขอถามอะไรสักอย่างได้หรือเปล่า คนที่จัดการพวกเขาใช่เด็กหนุ่มที่อายุเท่าผมและมีผมสีแดงเพลิงรึเปล่าครับ?”
ความคิดเห็น