Yes, it’s you
ผู้เข้าชมรวม
157
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Yes, it’s you
“...มึงมันก็แค่…” มันคว้าคอเสื้อผมกระชากเข้าไปอย่างแรงจนผมเซไม่เป็นท่า มืออีกข้างง้างหมัดพร้อมที่จะซัดใส่หน้าผมได้ตลอดเวลา
“แค่อะไร กูมันแค่อะไร พูดมาให้จบ”
“เหี้ย! มึงมันเหี้ย ไอ้สารเลว” ผมด่ามันพร้อมกับน้ำตาที่กลั้นมันไว้ไม่ได้ แต่แทนที่มันจะจ้วงหมัดซัดหน้าผม มันกลับปล่อยมือออกกลายเป็นผมเองที่สาวหมัดซัดไปที่หน้ามันจนมันหงายลงไปกองอยู่ที่พื้น ผมตามลงไปคร่อมบนตัวมันแล้วรัวหมัดใส่มันไม่ยั้ง กี่ครั้ง...ไม่รู้เลยครับ จำได้ว่ารัวไม่ยั้งจริงๆ มันไม่แม้แต่จะหลบหรือปัดป้องใดๆ สุดท้ายผมกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา แล้วง้างหมัดเตรียมจะซัดไปที่หน้ามันอีกครั้ง
“กูขอโทษ กูรักมึงคนเดียว…..” เสียงของมันแผ่วและเบามาก แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน มันบีบหัวใจ บีบความรู้สึกจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงแค่นิ่งอยู่อย่างนั้น น้ำตาของมันไหลออกมาผมเห็นอย่างชัดเจน มันผู้ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น วันนี้มันกลับร้องไห้ ผมเกือบจะใจอ่อน แต่ภาพเหตุการณ์วันนั้นย้อนมาย้ำเตือนผมว่ามันสารเลวแค่ไหน ผมพลักมันกระแทกลงไปที่พื้นและลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยมันนอนอยู่อย่างนั้น ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง...
*********
ผมชื่อพีครับ ผมเป็นเด็กผู้ชายคนนึงหน้าไทยค่อนไปทางแขกนิด ๆ จนบางทีคนทั่วไปที่เห็นมักเข้าใจผิดและจะถามผมเสมอๆ ว่าหนูเป็นลูกครึ่งใช่ไหมลูก...(หึ...ไม่ใช่ครับผมนี่คนไทยแท้ๆเลยครับ เอ๊ะหรือมีเชื้อทางแขก แต่แม่ไม่เคยบอกนี่นา...ช่างมันเถอะครับ) หน้าคม ดั้งโด่งเป็นสัน ผิวไม่ขาวมาก ผมหยักศก ตัวบางนิดๆแต่สมส่วน เรียนอยู่โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งแถวชานเมือง ผมเป็นคนเรียนไม่เก่งครับ ทุกวันผมจะมาถึงโรงเรียนเกือบสายตลอด และก็ทุกวันอีกเช่นกันที่พอผมเดินเข้ามาจะต้องเจอกับ "ไอ้อาร์ต" เพื่อนสนิทของผมที่มันจะมาแต่เช้าทุกวันเพื่อเล่นบาส
“เชี่ย...” เสียงอาร์ตตะโกนด่าผมพร้อมกับวิ่งข้ามสนามบาสตรงมาที่ผม พอเข้ามาใกล้มันก็ขว้างลูกบาสมาใส่ตัว จนผมตัองรีบยื่นมือออกมารับไว้ไม้งั้นกระแทกหน้าเต็มๆ
นั่นแหละครับอาร์ต ผู้ไม่เคยพูดดีกับผมซักเท่าไหร่ คงเพราะเราสองคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่ถืออะไรพวกนี้
“มึงมาด่ากูทำเชี่ยไร?”
“มึงชอบกูใช่ม๊าาาา..”
"เดี๋ยวๆ ชอบเชิบเชี่ยไรของมึง"
"ก็ไอ้นิกมันบอกกูว่ามึงชอบกู"
"มึงก็เชื่อมันงี้"
"ก็เออดิวะ"
"ควาย ไปเชื่ออะไรกับไอ้นิกขี้มโน"
"แต่กูเชื่อ"
"เรื่องของมึง!!!" ผมโยนลูกบาสคืนกลับไปให้อาร์ต
"แล้วทำไมมึงต้องหูแดง"
"แดงเชี่ยไร" ผมรีบเอามือจับที่หูตัวเอง ไม่รู้หรอกครับว่าแดงจริงเหมือนที่มันบอกไหม แต่ก็คงจะแดงจริงเพราะผมรู้สึกร้อนผ่าวๆที่หูอย่างบอกไม่ถูก
"แล้วทำไมกูต้องชอบมึง" ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กูหล่อไง” อาร์ตตอบ
“หล่อพ่อมึงดิ” ผมเบะปากแล้วรีบเดินหนีมันออกมาจากสนามบาสทันที ตามมาด้วยเสียงของมันที่ตะโกนล้อเลียนผมมาเรื่อยๆจนผมต้องเดินเลี้ยวเข้าไปที่มุมตึกเพื่อหลบสายตาของมัน
อาร์ต เป็นนักบาสของโรงเรียน หน้าตาดี (หล่อเลยแหละครับ) ปากสีชมพู ดัดฟัน ผิวขาว ตัวสูง หุ่นล่ำๆแบบนักกีฬา มีดีกรีเป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน แถมเรียนเก่งกว่าผมอีกทั้งๆที่มันก็หลับในห้องเรียนตลอด แต่คะแนนสอบออกมาแม่งท็อปทุกที ส่วนผมอ่ะนะ รองบ๊วยทุกทีเหมือนกัน ด้วยความที่มันทั้งหล่อ เป็นนักกีฬา เป็นดรัมเมเยอร์ แถมเรียนเก่ง ทำให้ทั้งสาวแท้สาวเทียมตามกรี๊ดมันอยู่ตลอด บางทีก็มีขนมมาให้ เอาของมาฝาก ตามสไตล์หนุ่มฮอตแหละครับ แต่สำหรับผมหรอ แม่งกวนตีนที่สุด หาเรื่องมาแกล้งผมได้ตลอดเวลา ดึงหูเล่นบ้าง ตบหัวบ้าง จี้เอวบ้าง เอาก้อนน้ำแข็งเย็นๆมาใส่หลังบ้าง และด้วยความสนิทกันนี่แหละครับมันเลยทำให้เกิดเรื่องราวมากมายระหว่างผม กับ อาร์ต และเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่เกี่ยวข้องกับผม
“ไอ้เชี่ยอาร์ตมึงทำไรเนี่ย กูเย็นหลังนะเว่ย” ผมด่าออกไปด้วยความตกใจที่อาร์ตเอาน้ำแข็งที่มันกินเสร็จแล้วมาใส่หลังผมจากทางคอเสื้อด้านหลัง
“กูเห็นมึงร้อนไง ให้กูเอาน้ำแข็งถูหลังให้ไหม แบบจันดาราอ่ะ "จัน..เอาน้ำแข็งมาถูหลังชั้นซิ" เอาปะ ๆ” อาร์ตตอบอย่างกวน ๆ และทำหน้าตากวนตีนใส่ผมอีกเช่นเดิม
“พอเลยมึง เยอะละๆ กูจะทำงาน ร้อนเชี่ยไรหนาวจะตายนี่ห้องแอร์นะมึง ควายมั้ย!!” ผมรีบปัดเรื่องไปทางอื่นเพราะจะทำงานที่ยังค้างอยู่ให้เสร็จ
อาร์ตมันชอบแกล้งเพื่อนครับ และมันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอผม แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่ผมเองนี่แหละที่เป็นฝ่ายไปแกล้งมันบ้าง เพราะผมรู้จุดอ่อนที่สุดของมัน
ผมรู้ว่ามันกลัว "จิ้งจก" ผู้ชายมาดแมน แฮนด์ซ่ำ หล่อล่ำขนาดนี้เสือกกลัวจิ้งจก ดูไม่เข้ากันอย่างที่สุดเลยครับ แต่มันก็ดันกลัวจริงๆ แถมกลัวเอามากซะด้วย ผมก็เลยอาศัยความกลัวของมันนี่แหละครับจับจิ้งจกตัวน้อยมาแกล้งมันอยู่บ่อยๆ และก็โดนมันไล่ถีบทุกทีไป
ผมกับอาร์ตเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ม.1 แต่ความจริงเรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ เนิร์สเซอร์รี่ที่เดียวกัน อนุบาลก็ที่เดียวกัน จนตอนนี้ ม.5 แล้วก็ยังเรียนห้องเดียวกัน บางทีผมก็เริ่มจะเบื่อขี้หน้ามันแล้วล่ะครับ แต่ก็อีกนั่นแหละครับพอห่างกันก็อดนึกถึงไม่ได้ และที่สำคัญเลยตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมาไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่โดนมันแกล้ง
“เชี่ยอาร์ตกูถามจริงๆนะจะมีวันไหนไหมที่มึงจะไม่แกล้งกูอ่ะ” ผมถามหลังจากที่โดนมันแกล้งบ่อยจนรำคาญ
“ก็วันที่กูไม่ได้อยู่ใกล้ๆมึงไง...”
อาร์ตตอบออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไร หรือว่ามันคิดก็ไม่รู้นะครับ แต่สำหรับตอนนั้น คำตอบของมันทำให้ตัวผมชาไปหมด จะขยับปากพูดก็พูดไม่ได้ เหมือนโดนอะไรแข็งๆฟาดเข้ามาที่หน้าอย่างแรง หน้าผมเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนไอ้อาร์ตเดินเข้ามาใกล้ๆตัวผม มือหนาๆทั้งสองข้างของมันแตะลงมาที่แก้มทั้งสองข้างของผมแล้วจับหน้าผมเอียงไปมา วินาทีนั้นเหมือนเวลาทั้งหมดหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ท่ามกลางนักเรียนมากมายที่เดินไปเดินมามันเหมือนกับว่าตรงนั้นมีแค่เพียงผมกับอาร์ตสองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ ความรู้สึกแปลกๆพุ่งพล่านเต็มไปหมดจนผมรู้สึกสับสนจัดการกับความรู้สึกในใจตัวเองตอนนี้ไม่ได้และไม่รู้ว่าที่รู้สึกอยู่ตอนนี้มันคืออะไร
“พี...พี...เชี่ย! เป็นไรวะเนี่ย ช๊อคเลยหรอวะ” อาร์ตร้องเรียกมันเอามือตบที่หน้าผม พร้อมกับเลื่อนมือลงมาที่ไหล่ของผมแล้วเขย่าเบาๆ จนผมสะดุ้งขึ้นมา
“เปล่าๆ กูแกล้งมึงไง ถามดีๆเสือกดึงดราม่าซะงั้น "ก็วันที่กูไม่ได้อยู่ใกล้ๆมึงไง" ” ผมรีบตอบมันออกไปเพื่อแก้เก้อที่เหม่อลอยแถมยังเลียนเสียงและทำหน้าล้อเลียมันด้วย
“กูพูดจริงนะโว่ย ที่กูแกล้งมึงทุกวัน กูก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆมึงอ่ะ” อาร์ตทำน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง
“พอเลยๆ แล้วทำไมมึงต้องอยากอยู่ใกล้ๆกูด้วย ก็เจอกันทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่อ่อวะ” ผมเถียง
“มันไม่เหมือนกันเว่ย” อาร์ตเถียงกลับ
“ไม่เหมือนยังไงของมึง? กูชักจะงงละ” ผมถามต่ออย่างสงสัย
“กูว่ากู.......”
“เชี่ยอาร์ตทำไรอยู่วะ เพื่อนรอซ้อมอยู่เร็วๆเลย” ไอ้นิกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาขัดจังหวะการคุยของผมกับอาร์ตซะก่อน ผมเลยไม่รู้เลยว่ามันจะบอกอะไรต่อ อาร์ตหันหน้ามามองผม มือขวาหนาๆของมันบีบที่ไหล่ผมเบาๆแล้วมันก็วิ่งตามไอ้นิกไป
เย็นวันนั้นหลังจากเลิกเรียนผมก็รีบกลับบ้าน เพราะเมฆฝนตั้งเค้ามาดูท่าทางจะตกหนักแน่ ระหว่างที่จะออกจากโรงเรียนก็เดินผ่านไปที่สนามบาสเห็นไอ้อาร์ตยังซ้อมอยู่ มันหันมาเห็นผมที่กำลังยกมือจะบ๊ายบาย มันรีบหันหน้ากลับไปซ้อมต่อทันที ผมเลยยกมือขึ้นมาเก้อเลย นึกในใจ "ไอ้เชี่ย ทำเป็นไม่เห็นกู ยกมือเก้อเลย อายนะโว่ย" แล้วผมก็รีบเดินออกไปจากโรงเรียน ขึ้นรถกลับบ้านอย่างเร็ว พอก้าวขาขึ้นรถเมล์ปุ๊บฝนก็เทลงมาปั๊บจังหวะเป๊ะซะไม่มี จนถึงหน้าปากซอยบ้านผมฝนแม่งก็ยังไม่หยุดตก ทีนี้ก็เปียกสิครับร่มก็ไม่มี ผมรีบเดินไปที่วินมอไซค์รับจ้าง เชี่ยละ! ไม่มีซักคัน แม่งหายไปไหนกันหมดวะ ทีไม่ต้องการจอดกันให้พรึบ พอโคตรต้องการแม่งไม่มีซักคันซวยชิบ ผมเลยรีบเดินเข้าไปหลบในตู้โทรศัพท์กะว่าจะรอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยเดินเข้าบ้าน
บ้านของผมอยู่ในซอยค่อนข้างลึก ปกติแล้วจะมีวินมอไซค์รับจ้างจอดเต็มไปหมด แต่วันนี้ดันไม่มีเลยซักคัน ผมนั่งกดมือถือเล่นอยู่ในตู้โทรศัพท์ที่ใช้ไม่ได้แล้วแต่ก็ยังดีที่มีผมเลยได้อาศัยหลบฝนไปก่อน ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก แถมดูเหมือนจะตกหนักกว่าเดิม ซักพักนึงก็มีไลน์เข้ามา
“มึงอยู่ไหนเนี่ย”
“ถึงบ้านยัง”
“ฝนตกโคตรหนัก”
“มึงเปียกปะเนี่ย”
“มึงมีร่มปะวะ”
“ให้กูไปส่งไหม”
“มึงตอบกูดิวะ”
“มึงเงียบไมเนี่ย”
“เชี่ย!” ผมด่าตอบกลับไป
“มึงหยุดพิมพ์ดิ๊”
“กูตอบไม่ทันโว่ย”
“เออ โทดๆ” อาร์ตตอบกลับมา
“ตอบมาๆ” อาร์ตทวงคำตอบที่มันถามไว้เยอะมาก
“กูหลบฝนอยู่ในตู้โทสับหน้าปากซอยบ้านเนี่ย”
“วินมอไซค์ไม่มี”
“ยังเข้าบ้านไม่ได้เลย” ผมพิมพ์ไปหงุดหงิดไป
“รอกูอยู่ตรงนั้นเลย”
“รอไมวะ” ผมรีบถามกลีบ
“.............” แต่อาร์ตก็ไม่ได้อ่านและไม่ตอบอะไรกลับมา
***********************************************************************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน Yes, It's you. นะครับ
ฝากแสดงความคิดเห็น แนะนำ ติชม และให้กำลังใจด้วยนะครับนิยายเรื่องแรกจะทำให้ดีที่สุดครับ
ผลงานอื่นๆ ของ mr.เอพี ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ mr.เอพี
ความคิดเห็น