ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #21 : .....My wife.....{21}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.89K
      13
      3 เม.ย. 56


    .....My wife..... {21}

    [Saint]

              ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในบ้านด้วยอารมณ์แบบว่า สับสนสุดชีวิตเลยครับ ผมจะทำยังไงดีเนี่ย แม้จะบอกไอ้วิคเตอร์ไปแบบนั้นว่าต้องทำอะไรซักอย่าง แต่ก็นั่นแหละ ผมจะทำอะไรดีล่ะ ถึงจะเคลียร์เรื่องไอ้พี่ไนน์ได้เนี่ย ตอนนี้แค่จะเห็นหน้าแม่งยังยากเลยอ่ะ นับประสาอะไรกับเคลียร์

                “เอาไงดีวะเนี่ย เป็นอะไรแม่งก็ไม่บอก อยู่ๆ ก็หายเนี่ยนะ” ผมบ่นกับตัวเอง มือสองข้างยกขึ้นกุมหัวอย่างจนปัญญา ถ้าไอ้วิคเตอร์มาเจอผมสภาพแบบนี้มันคงหัวเราะลั่นแน่ๆเลย

                และท่ามกลางความปวดหัวนั่น ผมก็คิดอะไรออกมาได้ ถึงแม้ว่ามันจะโง่มากก็ตามทีเถอะ

    “เอาว่ะ ในเมื่อไม่ยอมเจอ ก็ไปรอมันแม่งเลย” หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมไม่ทำแต่แรก ก็ดูสิครับ กว่าไอ้พี่ไนน์ตัวร้ายจะกลับบ้านมา ก็ดึกเลยอ่ะ เห็นแบบนี้ผมก็เกรงใจนะครับ  จะให้ผมไปรอจนดึกจนดื่นมันก็เกินไป แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน ผมมีแผนน่า ในเมื่อไม่ยอมเจอหน้ากันดีๆ ก็ต้องให้วิธีบังคับให้ออกมาเจอกันล่ะนะ คนอย่างไอ้เซนท์ไม่ยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้หรอกน่า

    สองขาผมมาหยุดอยู่หน้าบ้านไอ้พี่ไนน์เร็วเท่าความคิด เดี๋ยวรู้กัน ไอ้พี่ตัวแสบ

    “อ้าว เซนท์ มาหาไนน์หรอลูก เข้ามาก่อนสิ” แม่ไอ้พี่ไนน์ทักผมอย่างใจดี ก่อนจะชวนผมเข้าบ้าน นานแค่ไหนกันนะ ที่ผมไม่ได้มาที่นี่เลยน่ะ ปกติจะเป็นไอ้พี่ไนน์มากกว่าที่ไปบ้านผมน่ะ

    “พี่ไนน์ไม่อยู่หรอครับ” แม้จะรู้อยู่ว่าเจ้าตัวไม่อยู่ แต่ผมก็ต้องถามก่อนเป็นมารยาทล่ะนะ

    “ยังไม่กลับมาเลย ช่วงนี้เห็นบอกงานเยอะน่ะ กลับดึกทุกวันเลย ไม่รู้วันนี้จะกลับดึกหรือเปล่า เซนท์มีอะไรกับไนน์หรอลูก ให้ป้าโทรบอกไนน์ให้เอาไหม”

    “เออ ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ รบกวนพี่ไนน์เปล่าๆ”   ผมบอกปัดอย่างเกรงใจ โทรไปก็เท่านั้นแหละครับ ไอ้พี่ไนน์มันไม่ทางจะยอมรีบกลับบ้านมาเพราะผมรอหรอกน่า เผลอๆจะแกล้งกลับดึกให้ผมเจ็บใจเล่นแถมด้วยซ้ำ ผมรู้นิสัยมันดีน่า ไอ้พี่ตัวร้ายเนี่ย คุณป้าเดินเข้าไปในครัว ส่วนผมนั่งรออยู่ในห้องรับแขกอย่างใจเย็น  ของแบบนี้มันต้องรอเวลานิดหนึ่ง

    “เซนท์ทานอะไรมาหรือยังลูก” เสียงแม่ไอ้พี่ไนน์ถามออกมาจากในครัว เสียงกุกกักในครัว ทำให้ผมพอจะเดาออกว่าบ้านนี้พึ่งทานข้าวเสร็จล่ะสิเนี่ย

    “ออ ทานเข้ามาแล้วครับ เออ แล้วนี่คุณลุงไม่อยู่หรอครับ” ปกติบ้านนี้อยู่กันครบนะครับ ไอ้พี่ไนน์เลยไม่ค่อยจะออกไปไหนไง เห็นอย่างนั้นมันก็ติดครอบครัวนะ

    “วันนี้ไม่อยู่หรอกจะ ไปธุระน่ะ จริงสิเซนท์ ถ้าเบื่อละก็ ขึ้นไปรอที่ห้องไนน์ก็ได้นะ เล่นคอมไนน์รอก็ได้” แม่พี่ไนน์บอกผมพร้อมกับรอยยิ้ม หือ เข้าทางเลยสิแบบนี้ วันนี้โชคดีจริงๆแฮะ

    “ได้หรอครับ” ผมถามด้วยความเกรงใจ แต่เอาจริงนะ ผมถามเพื่อความแน่ใจต่างหาก จะขึ้นห้องไอ้พี่ไนน์ผมต้องมีหลักประกันก่อนสิ ไม่งั้นผมโดนฆ่าตายแน่ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะหวงทำไมนักหนา อย่างกับว่ามีสมบัติซ่อนไว้อย่างนั้นแหละ  หวงเหลือเกิน ไอ้ห้องนอนเนี่ย

    “ได้สิจ๊ะ แหม ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหนสักหน่อย คนกันเองทั้งนั้น ไม่เห็นเป็นไรเลย” 

    “แต่ว่า ปกติพี่ไนน์ไม่ให้ใครขึ้นห้องนี่ครับ” มเนี่ยรู้ดีเลยล่ะ เรื่องหวงห้องเนี่ย

    “เดี๋ยวป้าบอกไนน์ให้เอง ก็จะมาให้นั่งรอแบบนี้ก็น่าเบื่อจริงไหมล่ะ วัยรุ่นนี่เนอะ อีกอย่าง เดี๋ยวป้าก็จะขึ้นห้องแล้วด้วย อยู่ข้างล่างคนเดียวเบื่อแย่เลย ไปเถอะ” คุณป้าบอกกับผมที่นั่งอยู่ แต่ไม่ทันได้เดินไปไหน ก็เสียงรถเข้าบ้านมา เฮ้ๆ อย่าบอกนะว่าไอ้พี่ไนน์กลับมาแล้วน่ะ อย่านะ

    “คงไม่ใช่ไนน์หรอกจ๊ะ สงสัยคุณลุงกลับมาแล้วแน่เลย” แม่ไอ้พี่ไนน์ตอบคำถามผมที่ทำหน้าสงสัย ก่อนจะเดินออกไปดู และก็ จริงด้วยแฮะ ไม่ใช่ไอ้พี่ไนน์จริงๆด้วย  

    “อ้าว เซนท์ มาหาไนน์หรอ” พ่อไอ้พี่ไนน์เอ่ยทักผม

    “ครับผม” ผมตอบรับ พ่อไอ้พี่ไนน์มองผมแล้วยิ้มนิดๆ  ก่อนที่คุณป่าจะพูดขึ้น

    “มาสักพักแล้วล่ะ นี่ว่าจะให้ขึ้นไปรอบนห้องไนน์พอดีเลย เพราะเดี๋ยวเบื่อแย่ ไม่มีใครอยู่ด้วย แต่ว่าคุณกลับมาพอดีเลย” ง่ะ เดี๋ยวนะครับ อย่าพึ่งทำร้ายผมแบบนี้สิ และเหมือนผมคงจะโชคดีจริงๆล่ะวันนี้ เพราะพอทันทีที่คุณป้าพูดจบ คุณลุงก็พูดขึ้นมาต่อ

    “เฮ่ย อยู่กับคนแก่น่าเบื่อกว่าไหมน่ะ ไปเถอะเซนท์ วัยรุ่นเหมือนกันน่าจะมีของที่ชอบเหมือนๆกันอยู่บ้างมั้ง ไปหาอะไรทำในห้องไนน์เถอะไป แต่ไนน์คงกลับดึกหน่อยนะ”

    “ครับผม ขอบคุณครับ” ผมรับคำแล้วรีบเดินขึ้นบันได จนไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของสองสามีภรรยาที่ไล่ตามหลังมาอย่างเอ็นดู   หือ ห้องไอ้ไนน์ ผมคิดในใจก่อนจะไล่ดู ตามห้อง

    “อ๊ะ หึหึ เด็กจริงๆเลย” ป้ายชื่อหน้าห้องที่เขียนด้วยลายมือของเด็กๆเป็นภาษาอังกฤษทำเอาผมยิ้มออกมา นี่คงเขียนตั้งแต่ยังเด็กมากๆเลยสิเนี่ย ไม่คิดจะเปลี่ยนเลยหรือไงกันนะ

    “โอย ตื่นเต้นชะมัด เฮ้ๆ ไม่ล็อคด้วยเว้ย” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เมื่อเปิดไฟดู ก็เห็นเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก เตียวขนาดพอดีถูกตั้งไว้ริมห้องกับตุ๊กตาตัวใหญ่บนเดียว ข้าวของต่างๆ รวมทั้งหนังสือถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ยกเว้นบางเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะและเตียง ก็ห้องปกติล่ะนะ แต่เล็กกว่าห้องผมแฮะ อ่านอะไรกันนะ ไอ้พี่คนนี้นี่

    “หือ นิยายเว้ยเฮ้ย” หนังสือบนเตียงเป็นนิยายแปล แต่บนโต๊ะเป็นหนังสือเรียน  อืม ต่างจากห้องผมเลย การ์ตูนล้วนๆ นิยายผมไม่อ่านจริงๆนะ น่าปวดหัวออก ตัวหนังสือเยอะไป ระหว่างรอคอมฯ ไอ้พี่ไนน์พร้อมใช้ ผมสำรวจไปซะทั่วเลย ก่อจะพบว่า ลิ้นชักของโต๊ะหนังสือ มีช่องหนึ่งที่ถูกล็อคไว้ แบบนี้มันน่าแปลกแฮะ ล็อคไว้ช่องเดียวด้วย แต่ผมว่ากุญแจต้องมีในห้องนี่แหละ ไม่มีทางหรอกที่ไอ้พี่ไนน์จะเอาไปด้วยน่ะ คนขี้ลืมแบบนั้น ขืนเอาไปด้วยมีหวังได้ทำหายชัวร์ๆ เลย ไอ้พี่บ้าเคยบอกว่ากุญแจบ้านตัวเองหายด้วยล่ะ ทั้งที่ความจริงเก็บไว้ในรถนั่นแหละ

    “เฮ้ๆ ขนาดคอมยังต้องเข้ารหัสอีกหรอ” ผมบ่นอุบทันทีที่เห็นว่า หน้าจอมันขึ้นให้เข้ารหัสขึ้นมา อะไรวะเนี่ย แล้วผมจะทำยังไงล่ะทีนี้ อะไรวะ มือถือก็เข้ารหัส คอมก็ยังมีอีก เกินไปมั้ง

    “เดี๋ยวนะ คุ้นๆ” ผมกลับไปเปิดลิ้นชักของโต๊ะหนังสือ ลองค้นดู ก่อนจะเจอโพสอิท ที่แปะอยู่ด้านข้าง เล็กโคตร แต่พอผมอ่านดูเท่านั้นแหละ ถึงกับต้องนิ่งค้างไปเลย

    “เฮ้ๆ เดี๋ยวนะ เรื่องแบบนี้นี่มัน ให้ตายสิ” ก็ไม่อะไรหรอกครับ แต่รหัสนั่นน่ะ วันเกิดไอ้พี่ไนน์นั่นแหละ แต่เติมชื่อตัวเองท้ายปีแค่นั้นแหละ กวนจริงๆเฮ้ย ได้มาแล้วจะรออะไรล่ะครับ  เข้าเลยสิ  เฮ้ๆ  ไม่มีอะไรจริงๆนะเนี่ย มีแค่เกมกับไฟล์งาน ชิ นึกว่าจะมีแบบว่าของน่าสนใจ.....หึหึ แต่ไม่อ่ะ เด็กดีจริงๆนะเนี่ย แต่ระหว่างที่กดเล่นอยู่นั้น ผมก็เจอเข้ากับอะไรบางอย่าง

    “เฮ้ย!! เชี่ย! อะไรวะเนี่ย” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะไล่ดูอย่างช้าๆ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมไอ้พี่ไนน์ถึง..... ผมเลือกจะปิดคอม ไม่ค้นอะไรต่อ แล้วพยายามทำใจให้เย็นลง พร้อมกับมองไปที่หน้าจอคอมอย่างอึ้งๆ ทันใดนั้น ผมก็นึกอะไรขึ้นได้ สองเท้าก้าวอย่างเร็วไปที่ลิ้นชักตัวเดิม เปิดหยิบกล่องเหล็กเล็กๆน่าสงสัยออกมาก่อจะเปิดดู และตามที่คิด มีกุญแจอยู่ ไวเท่าความคิด ผมใช้มันเปิดลิ้นชักที่ถูกล็อคทันที สมุดจดที่เหมือนจะเป็นไดอารี่ พร้อมกับกล่องเหล็กน่าสงสัยก็ปรากฏแก่สายตา ผมเปิดกล่องเหล็กออก เมื่อเห็นของที่อยู่ในนั้นทำเอาผมถึงกับยิ้มออกมา ผมซบหน้าลงกับฝ่ามือ ก่อนจะเปิดอ่านสมุดจดเล่มนั้น ไม่ใช่ไดอารี่ แต่เป็นข้อความสั้นๆแทน เหมือนเป็นกับพวกคำพูดเรียกความรู้สึก อะไรประมาณนั้น  โรแมนติกจริงนะมึง

    “อ๊ะ เชี่ยไรอีกวะเนี่ย” อะไรสักอย่างหลุดออกาจากสมุด ผมหยิบออกมาดูก่อนจะยิ้มให้กับตังเอง หึหึ นี่สินะ คำตอบของเรื่องราวทั้งหมดน่ะ มันง่ายแค่นี้เองหรอกหรือเนี่ย

    “เล่นกันแบบนี้เลยหรือไง หึหึ เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่ ไอ้ไนน์” ผมเก็นสมุดไว้ที่เดิม ก่อนจะล็อคลิ้นชักแล้วเอากุญแจไปเก็บที่เดิม ก่อนจะทำอะไรบางอย่างไป วิธีที่ผมจะได้จบเรื่องทั้งหมด

    “อ้าวเซนท์ จะไปแล้วหรอ” แม่ไอ้พี่ไนน์ที่กำลังขึ้นบันได ทักผมเมื่อเห็นผมออกจากห้อง

    “ออ ครับ ผมพึ่งนึกได้ว่า พรุ่งนี้มีธุระแต่เช้าน่ะครับ นี่ก็ค่ำมากแล้วด้วย เลยจะไปก่อนน่ะครับ” ผมตอบคุณป้าไป ทำตัวเหมือนปกติ ทั้งๆที่ในใจกำลังยิ้มกว้างอย่างสมใจ

    “แล้วที่จะคุยกับไนน์ล่ะลูก”

    “ออ เรื่องนั้นไม่รีบเท่าไรน่ะครับ วันนี้ผมว่างๆก็เลยลองมาดู ไม่เจอก็ไม่เป็นไรครับ”

    “ออจ๊ะ งั้นเดี๋ยวป้าบอกไนน์ให้ว่าเรามา”

    “ครับผม” ผมไหว้คุณป้า แล้วเดินลงมาอย่างใจเย็น แม้จะพอเดาๆอนาคตได้ก็เถอะ แต่ก็แบบว่านะครับ บางทีมันก็ต้องอาศัยการกระตุ้นหน่อยล่ะ เพื่อผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น

    “เอ้า จะไปแล้วหรอเซนท์ ไม่รอไนน์ก่อนหรอ” คุณลุงที่นั่งดูโทรทัศน์ทันผมขึ้น

    “ออ ครับผม คือพรุ่งนี้ผมมีธุระแต่เช้าน่ะครับ ไปก่อนนะครับ”

    “หรอ อืมๆ งั้นไปเถอะ” ผมไหว้คุณลุงก่อนจะเดินออกจากบ้านไอ้พี่ไนน์มา ผมเดินเข้าบ้านตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่องที่คาดไม่ถึง หึหึ งานนี้ผมชนะ   

     

    [Nein]

    “เหนื่อยชะมัดเลย ให้ตายสิ” ผมบ่นอุบทันทีที่รถจอด หว่างานจะเสร็จและกลับมาบ้านได้ที่เล่นเอาผมแทบหมดแรงเลย ที่ผมหละบดึกนี่งานล้วนๆเลยนะ ไม่สิ เรียกให้ถูกต้องบอกว่า ผมหางานให้ตัวเองล้วนๆเลยต่างหาก ใครมีอะไรให้ทำก็ไปช่วยเขาหมดแหละ ก็ผมไม่อยากลับบ้านเร็วนี่ รู้ๆอยู่ ในเมื่อผมบอกไอ้เซนท์ไปแบบนั้น ผมต้องทำให้ได้สิ แต่ก็ไม่อยากเจอหน้าจริงๆแหละ

    “อ่าว ไนน์ กลับมาแล้วหรอลูก ดึกเชียว เมื่อกี้ เซนท์มาหาลูกด้วยล่ะ” แม่ผมทักผมทันทีที่เข้าบ้านมาครับ ปกติน่าจะนอนแล้วนะ แต่วันนี้สงสัยละครโปรดออกอากาศ ส่วนคุณพ่อผมหรอ สงสัยคงพักผ่อน  ไม่ก็กำลังดูหนังอยู่  อยู่ในห้องมั้ง เอ๊ะ!! แต่เดี๋ยวนะ เมื่อผมได้ยินอะไรนะ

    “เมื่อกี้ว่าไงนะครับ ไอ้เซนท์เนี่ยนะ  มาหาผม” ผมชี้ตัวเองแล้วถามกลับอย่างอึ้ง ๆ เฮ้ย อะไรของมันเนี่ย คิดอะไรของมันอยู่เนี่ย อยู่ๆก็มาหาผมอ่ะ น่าจะรู้ดิว่าไม่เจอผมหรอก

    “จ่ะ รอตั้งนานเลย แม่เลยให้ขึ้นไปรอบนห้องน่ะ กลัวจะเบื่อ” อะไรนะ!!!

    “ว่าไงนะครับ!! ไอ้เซนท์ขึ้นห้องผมงั้นหรอ” เฮ้ย ไม่นะ ไม่มีทาง มันต้องไม่ขึ้นไปสิ

    “แล้วเราตกใจอะไรกันเนี่ย ก็แม่กลัวน้องเบื่อนี่ อยู่ข้างล่างก็ไม่มีอะไรทำหรอก อีกอย่าง ไม่ใช่คนไกลกันด้วย ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย”  นี่แม่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย

    “เพราะเป็นมันไงครับ เลยเป็นปัญหาน่ะ” ผมไม่รอคำทักท้วงใดๆ รีบวิ่งขึ้นห้องไปทันที แต่ภาพที่เห็นคือห้องที่ยังคงเรียบร้อยเหมือนเดิม ผมรับเปิดลิ้นชักดูทุกชั้นเพื่อความแน่ใจ ว่าไม่มีอะไรหายไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ให้ตายสิ ใจหายจริงๆนะเนี่ย  สำคัญที่สุด รหัสคอม กุญแจ กล่องเหล็ก สมุดจด อยู่ที่เดิมหมด แต่ในทันใดนั้นผมก็เจอแผ่นโพสอิทหน้าคอม

              กูเปลี่ยนรหัสคอมใหม่ อยากได้มาเอาเอง ปล.กูไม่รับสายมึง

                “ไอ้เซนท์!!” ผมพูดชื่อมันออกมาอย่างโกรธๆ พร้อมกับขยำกระดาษในมืออย่างแรง ก่อนจะเปิดคอมดูและพบว่ารหัสเดิมเข้าไม่ได้จริงๆ ไอ้เด็กนิสัยเสียนี่ ใช้วิธีนี้เองหรอ

                “โธ่เว้ย!! จำเป็นต้องใช้ด้วยสิ เอาวะ ไปก็ไป ไอ้เด็กเวรเอ้ย!!” ผมต่อว่าไอ้ตัวต้นเหตุ ก่อจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างทำใจ แล้วเดินออกจากห้องตัวเองอย่างใจเย็น

     “แม่ เดี๋ยวผมไปหาไอ้เซนท์ก่อนนะ มีเรื่องต้องคุยนิดหน่อยน่ะครับ” ผมบอกแม่ที่นั่งอยู่

    “อ่อ จ๊ะ แล้วจะค้างหรือเปล่าล่ะ” ผมค้างบ้านนั้นเป็นเรื่องปกติน่ะครับ เมื่อก่อนนะ

    “คงไม่ล่ะครับ เดี๋ยวก็กลับ” ผมบอกกับแม่ แล้วเดินออกมาทันที เรื่องนี้ต้องเคลียร์  ผมรู้น่าว่ามันต้องอยากเจอผม แต่ช่างมันเถอะ ผมไม่หลงคารมมันง่ายๆหรอก ผมตัดสินใจไปแล้วนี่ สองเท้าก้าวมาหยุดหน้าบ้านไอ้ตัวแสบ ผมสูดลมหายใจเพื่อทำใจอีกครั้งก่อนจะกดกริ่ง

    “ไอ้เซนท์!!  ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” ผมกดกริ่งพร้อมกับ ตะโกนเรียกมันไปด้วย

    “หึ กว่าจะมานะมึง” ไอ้เซนท์ที่เปิดประตูออกมา ยิ้มอย่างร้ายกาจให้ผม ชิ ไอ้บ้านี่

    “บอกรหัสคอมมา กูรีบใข้ นิสัยเสียนะมึงอ่ะ มีสิทธิ์อะไรมาเปลี่ยนรหัสกู” ผมไม่รอช้าครับ ทำตามจุดประสงค์ทันที เล่นตรงหน้าบ้านมันเนี่ยล่ะ ดูดิ ว่ามันจะทำอะไรต่อไป

    “หึ บังเอิญกูตั้งมั่วว่ะ แต่จดไว้นะ อยู่บนห้องอ่ะ อยากได้ก็เข้ามา อ้อ แต่ถ้าทึงจะยืนรอก็แล้วแต่ เพราะกูเอาลงมาให้มึงหรอก หึ รู้สถานะ ตัวเองซะบ้าง” ได้ยินที่มันพูดผมถึงกับกำหมัดแน่นเลย หนอยแน่ ไอ้เด็กนี่ วอนซะแล้ว คิดว่าตัวเองเหนือกว่าได้ขนาดไหนวะ ผมไม่กลัวหรอก

    “คิดว่ามึงจะทำอะไรกูได้งั้นหรอ ไปก็ไปสิ กูไม่กลัวหรอกว่ะ”

    “ปากดีนี่มึง ให้มันได้ตลอดแล้วกัน” ผมเดินเข้าไป ไม่ใช่ว่าผมว่าง่ายนะครับ แต่ว่าผมรู้ต่างหาก ว่ามันพูดจริงแล้วทำจริงด้วย ถ้าไม่ติดว่าผมต้องรีบเอาไฟล์งานในคอมไปใช้นะ ผมไม่มีทางมาแบบนี้หรอก อีกอย่าง ลางสังหรณ์ผมมันบอกว่า มันไม่ได้มีแค่รหัสคอมแน่ ที่ผิดปกติ

    “ขึ้นไปเอาเลยสัส อยู่บนโต๊ะนั่นแหละ จะได้ไม่เสียเวลากู” ผิดคาดแฮะ ไอ้เซนท์พูดแล้วปิดประตู เฮ้ย! เดี๋ยวนะ มึงจะล็อคทำเชี่ยไรมึง ผมมองหน้ามันอย่างไม่ไว้ใจ

    “กลัวอะไรนักหนาวะ มึงจะกลับค่อยมาเปิดดิ กูชินแบบนี้ ไป ขึ้นไปได้แล้ว” ถามอะไรไปอีกมันคงไม่ตอบ ผมเดินขึ้นไปที่ห้องมันอย่างไม่สบอารมณ์ ผมไม่อยากขึ้นมาเลยให้ตายสิ ก็ครั้งล่าสุดที่ผมขึ้นมาที่นี่น่ะ มัน เอ่อ...... อย่าไปพูดถึงมันเลยครับ ไม่ได้น่าจดจำอะไรขนาดนั้น

    “ทำไมต้องเรื่องมากด้วยวะ” ผมเปิดประตูห้องแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะหนังสือมันทันที แผ่นกระดาษ A4 วางอยู่บนโต๊ะ นั่นสินะ แต่ทันทีที่ผมเห็นรหัสใหม่ ผมก็ต้องยืนนิ่งค้าง

    saintismine !!!!!!  [saint is mine]

    “หึ เป็นไง รหัสใหม่ ถูกใจไหม” ไอ้เซนท์ยืนพิงประตูอย่างสบายๆ ในขณะที่ผมตอนนี้ เรียกได้ว่า แทบจะฆ่าคนได้แล้วต่างหาก ผมหันไปมองมันอย่างเอาเรื่อง

    “รหัสนรกอะไรมึงเนี่ย อยากตายหรือไงฮะ!!” ผมตะโกนใส่มันเลยครับ ตลกไหมสัส

    “มึงต่างหากที่อยากตายหรือไงฮะ!! กล้ามากนะมึงที่เรื่องปิดกูอ่ะ” ไอ้เซนท์ตะโกนโต้ผมกลับ ในขณะที่ผมยืนงง เป็นเชี่ยอะไรของมันเนี่ย กูไปปิดอะไรมึงเมื่อไร ไอ้เด็กเวรนี่

    “เรื่องอะไร มึงเป็นใคร ทำไมกูต้องไปบอกมึงทุกเรื่องด้วย อย่าสำคัญตัวเองผิดสิวะ” ผมเถียงกลับครับ แม้จะแอบหวั่นใจเล็กๆ กลัวไอ้เซนท์จะรู้เรื่องบางเรื่องที่ผมพยายามเก็บมาตลอด

    “แน่ใจนะ คิดดีๆแล้วพูดมาตรงๆดีกว่า กูเรื่องบางเรื่องมันก็เกี่ยวกับกูไม่ใช่หรือไง”

    “ไม่มีโว้ย เพ้อเจ้อแล้วมึงอ่ะ ถ้าจะกวนประสาทกูแบบนี้นะ ไปตายเหอะมึง” ไม่นะ หรือว่ามันจะรู้ ไม่มีทางหรอกน่า ความลับนี่ไม่มีใครรู้เลยนะ ไม่ว่าใครก็ตามเถอะ

    “กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง แน่ใจว่าไม่มีความลับเกี่ยวกับกูน่ะ”

    “เออ ไม่มีเว้ย แม่ง เจอมึงทีไรพาอารมณ์เสียจริงๆ ” ผมเถียงกลับอย่างหัวเสีย ก่อนจะดึงกระดาษที่จดรหัสออก แต่แล้วสิ่งที่อยู่ข้างใต้แผ่นกระดาษนั่นก็ทำผมถึงกับผงะอย่างตกใจสุดขีด

    เชี่ยยย นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!!!!!!

    “หึ ไม่มีอะไรแล้วนี่มันเรื่องอะไร” ผมหันไปมองที่นิ้วไอ้เซนท์ทันทีที่เห็นของบนโต๊ะ ก่อนจะมองหน้าไอ้เซนท์อย่างตกใจ ผมเดินถอยห่างทันทีที่กำลังเดินก้าวมาทางผม ไม่จริงน่ะ เรื่องนี้มัน

    “เอ้า กูให้เวลามึงสารภาพมาทั้งหมด ก่อนที่กูจะจับกดมึงลงเตียง”

    “ลงเตียงอะไรของมึง บ้าไปแล้วหรือไง ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” ไม่นะ ทำไมตอนนี้หน้าผมมันร้อนแบบนี้นี่เนี่ย แล้วไอ้บ้านี่ด้วย มันจะยิ้มอะไรนักหนาวะ เลิกยิ้มได้แล้ว ยิ่งมันยิ้มมากเท่าไร ผมยิ่งไม่ไว้ใจมันมากเท่านั้นแหละ มันรู้ไปขนาดไหนแล้วเนี่ย ผมหันไปมองที่ประตูอย่างคิดหนี

    “กูโทรบอกคุณป้าแล้วว่ามึงจะค้างที่นี่ ไม่ต้องคิดหนีเลยสัส พูดมาให้หมด” ไอ้เซนท์คว้าแขนของผมไว้ พร้อมกับรอยยิ้มอย่างร้ายกาจ ไม่นะ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม ทำไมเป็นแบบนี้เนี่ย

    “ไม่รู้เว้ย พูดเรื่องอะไรมึง” ผมยังคงเถียง แม้จะรู้ว่าตอนนี้ไม่มีทางที่มันจะฟังก็ตามทีเถอะ ไอ้เซนท์หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมกลัว

    “ไม่รู้งั้นหรอ ทั้งเรื่องรูปคู่กับกูตอนมึงเรียนจบนี่ที่อยู่ในไดอารี่มึง เรื่องแหวนของกุที่มันหายไปทำไมไปอยู่ที่มึง แล้วไหนจะรูปแอบถ่ายกูทั้งหลายในคอมมึงด้วย!!!!”  

     “ไม่รู้เว้ย ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ” ผมสลัดแขนตัวเองให้หลุดจากไอ้มือปีศาจนั่น ก่อนพยายามจะวิ่งหนี แต่เหมือนไอ้คนตัวโตกว่าจะคำนวณไว้แล้ว เลยคว้าผมไว้ปล้วดึงเข้าส่อ้อมกอดมันทันที ทำให้ตอนนี้ตัวผมถูกรวบไว้โดยแขนแกร่งของไอ้เซนท์อย่างไร้ทางหนี

    “พี่ไนน์ เซนท์ให้เวลาพี่ไนน์สารภาพเรื่องทั้งหมดมานะครับ ก่อนที่จะต้องใช้กำลังนะครับ”  ไอ้เซนท์ตัวร้ายก้มลงกระซิบผมที่ข้างหู พร้อมกับเกยคางไว้ที่ไหล่ของผม มือซุกซนข้างหนึ่งของมันจับอยู่ที่กระดุมเสื้อเม็ดแรกของผม ราวกับจะขู่ ว่าถ้าผมไม่ตอบ มันปลดออกแน่ๆ  และแย่ที่สุด เมื่อกี้ผมดันปลดกระดุมออกเพราะความร้อนไปด้วยสิ แบบนี้แป๊ปเดียวมันก็ปลดได้หมดแล้วแน่

    “ก็บอกว่าไม่รู้ไง ปล่อยสิวะ มาจับไว้ทำไมเนี่ย”ไม่นะ ทำไมเสียงผมต้องสั่นด้วยเนี่ย หัวใจที่เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา ไหนจะใบหน้าที่ร้อนผ่าวนี่อีก มันเกิดเรื่องออะไรขึ้นกับผมเนี่ย

    “หืม แน่ใจหรอครับ โกหกไม่ดีนะครับ” ไอ้เซนท์พูด พร้อมกับกระดุมเสื้อเม็ดแรกถูกมันปลดออกทันที มือข้างเดิมเลื่อนไปกระดุมเม็ดที่สองที่เป็นเป้าหมายทันที

    “ก็มัน... เรื่องแบบนี้น่ะ”  โอ้ย แบบนี้จะให้ผมทำอะไรได้ล่ะเนี่ย ไม่มันยุติธรรมที่สุด ทำไมเป็นผมฝ่ายเดียวที่โดยมันต้อนอยู่แบบนี้ล่ะ แล้วอีกอย่าง ทำไมมันต้องมาใกล้ผมขนาดนี้ด้วย

    “เรื่องแบบนี้ทำไมหรือครับพี่ไนน์” ไอ้เซนท์ยังคงคลอเคลียอยู่ที่ข้างหูผม อะไรของมันอ่ะ

    “ก็จะให้พูดว่าอะไรล่ะ ก็บอกว่ามันไม่มีอะไรไง”  ใครมันจะไปพูดออกมาได้ง่ายๆวะ

    “โกหกอีกแล้ว งั้นเซนท์ถามเอาดีกว่านะครับ แบบนี้น่ะ หึหึ” ไปอีกแล้วกระดุมเสื้อเม็ดที่สองของผม ส่วนอีกข้างตอนนี้รวบตัวผมอยู่ ขยับตัวไม่ได้เลยเนี่ย 

    “ปล่อยนะเว้ย!! ไอ้บ้านี่ บอกว่าไม่มีอะไรจริงๆไง ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ”

    “งั้นตอบมาสิครับ ว่าทำไมถึงต้องเก็บรูปคู่เซนท์กับพี่ไนน์ไว้ในสมุดด้วย” ไอ้เซนท์ถามผม

    “กะ..ก็ มันรูปจบม.ปลายกูนี่ ทำไมจะเก็บไม่ได้ ไม่ได้เก็บเพราะมึงสักหน่อย” เฮ้ย!! มันไม่ฟังผมเลยสีกนิดอ่ะ มันปลดประดุมผมไปอีกเม็ดแล้ว ใครก็ได้ ช่วยผมจากไอ้ปีศาจนี่ที

    “หึ งั้นแหวนของเซนท์ทำไมถึงไปอยู่ที่พี่ไนน์ได้ล่ะครับ วงโปรดซะด้วย” พูดจบ มันก็เอามือข้างที่สวมแหวนจากกระดุมเสื้อมาแตะที่แก้มผม ความเย็นของโลหะเล่นทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง

    “กะ...ก็ มึงทำตกไว้นี่ กูก็เก็บให้ไง แค่มันไม่มีเวลาคืนให้เฉยๆเหอะ” ตายๆ ตอนนี้สีข้างผมลุกเป็นไฟแล้วเนี่ย  หน้าร้อนโคตรเลย  เกิดมาผมไม่เคยแถอะไรมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะ

    “ไม่ใช่ว่าตั้งใจเก็บไว้เองหรอกหรือครับ หึหึ งั้นอีกคำถาม รูปแอบถ่ายผมในคอมนั่นล่ะ”

    “ก็ทีมึงยังแอบถ่ายรูปตอนกูเผลอไว้เลย ทำไมกูจะทำบ้างไม่ได้” เฮือก!! มันปลดอีกแล้ว อ๊าก เหลืออีกเม็ดเดียวเองเนี่ย แม้ผมจะใส่เสื้อกล้ามไว้ก็เหอะ แต่ท่าทางแบบนี้มัน ไว้ใจได้ที่ไหน

    “แต่รู้สึกว่าที่เซนท์ถ่ายพี่ก็รู้ตัวนี่ อาจยกเว้นตอนหลับ แต่รูปเซนท์ที่พี่ไนน์ถ่ายนี่มัน ไม่น่าจะใช้การแกล้งนะครับ เหมือนจะตั้งใจแอบถ่ายไว้เก็บเลยมากกว่า”

    “ไม่ใช่นะ กูไม่ได้โรคจิต ถึงขนาดพิศวาสอะไรมึงขนาดนั้นนะเว้ย อย่ามาหลงตัวเองนะ” อ๊ะ มันไม่ปลดแฮะ หึหึ ยอมแพ้ผมแล้วล่ะสิ แต่ อูย ไม่เหลือแล้วสีข้าง ไหม้หมดแล้วเนี่ย

    “เดี๋ยวสิครับ อย่าพึ่งดีใจไป ยังเหลือคำถามสุดท้าย”

    “อะไรมึงอีกล่ะ กะ..กูจะกลับแล้ว” อย่านานมากได้ไหม ไอ้เด็กบ้านี่ ขืนนานกว่านี้ มันได้รู้กันพอดีสิครับ ว่าตอนนี้ใจผมมันเต้นแรงแค่ไหนเนี่ย โอ้ย ไม่เอานะ ผมต้องไม่แพ้มันสิ

    “ทำไมคืนนั้น พี่ไนน์ถึงยอมเซนท์ล่ะครับ อยากรู้จัง” ไอ้เซนท์พูดช้าๆอย่างใจเย็น เฮือก!! คำถามเชี่ยอะไรมึงเนี่ย จะมาย้อนรำลึกอะไรกับกูตอนนี้ ไม่ต้องการเว้ย

    “ไม่รู้เว้ย ตอนนี้กูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแหละ ปล่อยกูได้แล้ว ปล่อยเด้!!!!

    “หึหึ ปากแข็งดีนักนะ อยากรู้เหมือนว่าจะทนได้แค่ไหน” ไอ้เซนท์ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของผมออก และทันใดนั้นเองก่อนที่ผมจะทันได้โวยวายอะไร

    ตุบ!

    “เฮ้ย!!!  อย่านะเว้ย!!” พอมันพูดจบมันก็จับผมโยนลงเตียงแล้วตามขึ้นมาคร่อมร่างผมในทันที อย่านะเว้ย ไม่สิ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มันต้องไม่ใช่ผมที่ต้องจนมุมแบบนี้สิ

    “ทำไมใจร้ายแบบนี้ล่ะครับพี่ไนน์ หึ รู้ไหมครับว่าการพรากผู้เยาว์น่ะ มันไม่ดีนะครับผม”

    “พรากผู้เยาว์อะไรของมึง กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ปล่อยนะเว้ย ไอ้เซนท์!!” สองมือผมพยายามดันอกแกร่งของไอ้ปีศาจนี่ให้ออกห่าง แต่ทำไมมันไม่สะเทือนเลยเนี่ย ไม่จริงนะ

    “หรอครับ แอบถ่ายรูปเซนท์ตั้งแต่เซนท์เริ่มขึ้น ม.ปลายเนี่ยนะ ยังจะว่าไม่ได้ทำอีกหรอ”

    “มะ.. มั่วแล้วมึงอ่ะ อย่ามาใส่ความกันนะเว้ย ทำไมต้องไปตามติดมึงแบบนั้นด้วยล่ะ”

    “แปลกตรงไหนครับ มันก็เหมือนที่เซนท์ตามติดพี่ไนน์ตั้งแต่แรกเลยไงครับ หึหึ”

    “พูดอะไรมึงวะ อ๊ะ อื้อ... ยะ..อย่านะเว้ย  อื้อ... ไอ้บ้านี่” ผมเริ่มพูดไม่เป็นประโยคแล้วเนี่ย ก็มันเริ่มซุกซนกับซอกคอผมแล้วน่ะสิ แบบนี้มัน เกินไปแล้วนะเว้ย

    “หน้าแดงขนาดนั้นยังจะบอกว่าไม่มีอะไรหรอครับพี่ไนน์ สารภาพออกมาได้แล้วมั้งครับ” ไอ้เซนท์พูดด้วยเสียงที่เบา ข้างหูผมโดยที่ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมาเลยสักนิด

    “สะ...สารภาพเชี่ยไรมึงวะ”  ไอ้เซนท์เลื่อนใบหน้าขึ้นมามองหน้าผมอย่างจังๆกก่อนจะพูด

    “ก็บอกมาตามตรงเลยไงครับ ว่าพี่ไนน์ก็ชอบเซนท์เหมือนกันน่ะ” ไม่มีทางเว้ย!!! ผมกำลังจะเถียงกลับ  แต่ เดี๋ยว!! เมื่อกี้มันว่าไงนะ เหมือนกันงั้นหรอ  ผมมองหน้าไอ้เซนท์อย่างมีคำถาม

    “รู้ตัวบ้างสิครับ หึหึ เรื่องอื่นเซนท์ไม่ขอพูดถึงละนะ เซนท์อยากรู้แค่ตอนนี้ก็พอว่า.....”

    “ว่าอะไร” อย่ามาเว้นช่วงแบบนี้สิวะ มันทำให้ใจหายได้เลยนะเว้ยแบบนี้น่ะ

    “พี่ไนน์ชอบเซนท์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่เซนท์จะหยุดแล้วจะยอมเป็นน้องพี่ไนน์เลยอ่ะ” ไอ้เซนท์มองหน้าผมอย่างจริงจัง อย่ามาถามคำถามอะไรแบบนี้ตอนนี้ได้ไหม มันตอบยากนะ

    “คือ...เอ่อ.....” มันพูดยากนะครับเรื่องแบบนี้น่ะ ทะเลาะกันมาตั้งนาน อยู่ๆจะให้มาดีกันในรูปแบบนี้เนี่ยนะ แต่ว่า ถ้ามันทิ้งผมไปแล้วกลับไปเป็นน้องผมจริงๆล่ะ ผมจะทำยังไง

    “ว่าไงครับพี่ไนน์    หืม...” ไอ้เซนท์หยุดทุกอย่างเพื่อรอคอยคำตอบของผม ผมน่ะ เวลานี้ผมยังไม่พร้อมจริงๆนะ ถ้าผมบอกมันไปแล้ว ผมจะเชื่อใจมันได้แค่ไหนกันเชียวล่ะ

    “กูจะเชื่อใจมึงได้จริงๆหรอ” พอพูดจบ ได้เด็กนี่ยิ้มกว้างเลยครับ ง่า ผมแพ้มันจริงๆอ่ะ

    “ได้ดิ ถ้านี่เป็นเรื่องจริง กูจะยอมมึงทุกอย่างเลยอ่ะ เร็วดิ กูเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ”   

    “เออ ก็ได้ กูยอมแล้ว กูชอบมึง พอใจยัง” ผมพูดแบบไม่มองหน้ามันเลยครับ อายดิเฮ้ย

    “เรื่องมันก็แค่นั้น เล่นตัวอยู่ได้นะมึง หึ”  อย่ามายิ้มนะเว้ย ไอ้เด็กบ้า

    “ก็มึงมัน...อ๊ะ  อื้ออ...” ไม่รอให้พูดจบอะไรเลย ไอ้เซนท์ก็ประทับริมฝีปากของมันลงมาที่ผมทันที มือหนาทำหน้าที่ปลดเปลื้องอย่างช่ำชอง ผมหยุดมันไม่ได้แล้ว จะรีบไปไหนมึงเนี่ย เฮ้ย! คึกเกินไปแล้วเว้ย

    “อื้อ...เดี๋ยว” ผมหยุดได้เซนท์ไว้ ก่อนที่มันจะทำอะไรมากไปจนผมห้ามไม่อยู่

    “มีอะไรอีก น้องเซนท์กูกำลังของขึ้น อย่าขัดได้ไหม”

    “ไอ้บ้า!! พูดมาได้ แค่จะบอกว่า....อย่าเยอะนะมึง พรุ่งนี้กูมีงาน”

    “ไม่รู้เว้ย หึหึ ของแบบนี้มันหยุดกันได้ง่ายๆที่ไหนล่ะ”  เชี่ยย!! แล้วพรุ่งนี้ผมจะไหวไหมเนี่ย

    **********************************************************

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×