ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My wife ขอโทษที คนนี้เมียกู [END]

    ลำดับตอนที่ #24 : .....My wife.....{24}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.43K
      4
      6 พ.ค. 56

    .....My wife..... {24}

    [Pasta]

              ผมปล่อยไอ้วิคเตอร์ไว้อย่างนั้นแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะคนเดียว เฮ้อ ผมทำมันลงไปอีกแล้วล่ะ ผมทำร้ายมันอีกแล้ว ให้ตายสิ เมื่อไรเรื่องแบบนี้มันจะจบสักทีนะ ผมไม่อยากทำเลย

                “อ่าว พี่พาส ทำไมกลับมาคนเดียวล่ะ” ยัยแฟร์ที่นั่งทานไอศกรีมอยู่ถาม

    “เดี๋ยวมันก็ตามมา” ผมตอบแบบไม่ค่อยใส่ใจแล้วนั่งลงที่เดิมของตัวเอง และไม่นานนัก ไอ้วิคเตอร์ก็เดินกลับเข้ามา และทันทีที่มันนั่งลง ความเงียบก็เข้าปกคลุมเราสามคนทันที

    “วิค เอ่อ ทานอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวแฟร์สั่งให้” ยัยแฟร์ที่เห็นว่ามันเงียบเกินไปเลยพูดถามขึ้น เพราะไอ้วิคเตอร์เล่นมองออกไปข้างนอกอย่างเดียวเลย เล่นเอาเดาใจไม่ถูกเลยจริงๆ

    “อ๋อ ไม่เป็นไร เอ่อ แฟร์ คือเราขอตัวก่อนได้ไหม พึ่งนึกได้ว่ามีงานค้างไว้อยู่นะ” ไอ้วิคเตอร์หันไปพูดกับยัยแฟร์อย่างเกรงๆ ยัยแฟร์หันมามองหน้าผมนิดนึง แล้วเหมือนจะเริ่มทำความเข้าใจอะไรได้เลยไม่ซักถามอะไรกับไอ้วิคเตอร์ต่อ

    “อ๋อ จ๊ะ ไม่เป็นไรๆ วิคไปก่อเลยก็ได้” ยัยแฟร์ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม

    “แฟร์ไม่โกรธเรานะ คืองานมันเร่งจริงๆน่ะ” ไอ้วิคเตอร์ถามซ้ำอย่างไม่อยากให้เข้าใจผิด

    “ไม่โกรธหรอกน่า เรื่องแค่นี้เอง”  ไอ้วิคเตอร์พยักหน้ารับรู้แล้วลุกขึ้นเตรียมเดินออกไป

    “ขอบคุณนะแฟร์ เราขอโทษจริงๆ แล้วเจอกันใหม่นะ” เมื่อเห็นว่ายัยแฟร์ไม่ว่าอะไรต่อแล้ไ อ้วิคเตอร์ก็เดินออกไปเลยทันที พอลับสายตาไปแล้ว กลับเป็นผมที่โดนจ้องแทน

    “พี่พาส ไปทำอะไรไว้อีกล่ะทีนี้” ยัยแฟร์ถามผมอย่างจ้องจับผิด

    “เอาไว้ก่อนน่า พี่มีเรื่องต้องจัดการอยู่” ผมลุกขึ้นอย่าเงร็วแล้วรีบเดินออกไป ไม่ทันได้ยินเสียงบ่นตามหลังมาของยัยแฟร์ รู้แค่ว่ายัยนั่นพูดอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ แต่ใครจะสนล่ะ

    ด้วยฝีเท้าที่เร็วมากพอ ทำให้ผมตามไอ้วิคเตอร์ทัน จนกระทั่งมาถึงที่จอดรถ

    “หึ แค่นี้ถึงกับจะหนีเลยหรือไง” มือที่กำลังจะเปิดประตูรถของไอ้วิคเตอร์ ต้องชะงักค้างทันที เมื่อไอ้ยินเสียงผมดังชัดเจน แน่นอนสิครับ ก็ตอนนี้ผมยืนซ้อนอยู่ข้างหลังมันเลยนี่

    คนตัวเล็กกว่า สูดลมหายใจเข้าอย่างทำใจ ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับผม

    “ใครบอกว่ากูหนี ทำไมกูต้องหนีคนอย่างมึงด้วย” แขนของผมสองข้างยกขึ้นยันไว้กับรถ ไอ้วิคเตอร์มองแขนของผมที่ล้อมมันไว้อย่างไม่ไว้วางใจ มันกลับมามองหน้าผมอย่างตั้งคำถาม

    “ถ้าบอกว่าไม่ได้หนี แล้วทำไมต้องรีบออกมาด้วย” ผมถามกลับอย่างใจเย็น ทำไมน่ะหรือเพราะผมรู้น่ะสิ ว่าการที่ผมพูดแบบสบายๆแบบนี้ล่ะ กวนโมโหไอ้เด็กนี่ได้ดีมากเลยล่ะ

    “หูหนวกหรือไงวะ! บอกแล้วไงว่างานกูรีบ” นั่นไงล่ะ ไอ้ตัวเล็กนี่เริ่มขึ้นเสียงแล้ว

    “หึ โกหก คิดว่าข้ออ้างแบบนั้นกูจะเชื่อมึงหรือไง ไม่มีไอ้บ้าที่ไหนที่งานตัวเองรีบแล้วยังนัดแฟนตัวเองออกมาได้หน้าตาเฉยหรอกนะ” ผมขยับให้ตัวเองให้เข้าไปใกล้ไอ้วิคเตอร์มากขึ้น จนจมูกของผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆประจำตัวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผมจดจำมันได้ขึ้นใจ

    “ก็กูนี่ไง คนอยากเจอหน้าแฟนตัวเองมันผิดหรือไงวะ โธ่เว้ย! แล้วมันจะเข้ามาหล้อะไรนักหนาเนี่ย” ไอ้วิคเตอร์ที่ตอนนี้ตัวเบียดกับรถอย่างจนมุม ยกมือตัวเองดันออกผมให้ออกห่าง แต่แรงของมันจะทำอะไรผมได้ล่ะ แต่เห็นแบบนี้ ถ้าโดนประทุษร้ายไปทีนี่โคตรเจ็บเลยนะครับ

    “หึหึ หอมว่ะ” ผมแกล้งไอ้วิคเตอร์โดยการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนมันถึงกับค้าง

    “ทำเชี่ยอะไรมึงเนี่ย ออกไปนะเว้ย!! กลิ่มส้นตีนอะไรมึงวะ” มันออกแรงดันผมหนักกว่าเดิม แต่แทนที่จะออกห่างผมกลับเข้าไปใกล้มันมากกว่าเดิมอีกครับ หนีไม่รอดหรอกว่ะ

    “กลิ่มตัวมึงไง หึ รู้ตัวไหม ว่ามันทำกูคลั่งมากี่ครั้งแล้ว คนอย่างกูความอดทนต่ำนะจะบอกให้” ผมพูดพลางก้มหน้าลงไปใกล้มันจนแทบชิด ปลายจมูกไล้ไปตามคอขาวอย่างแกล้งๆ

    “อะ อื้อ.. นี่มึงจะทำอะไรอีกเนี่ย เฮ้ย อายคนบ้างดิวะ” มีคนสองสามคนเดินผ่านไปมาแถวนี้ครับ แต่ผมไม่คิดจะสนใจหรอก แต่ดูเหมือนไอ้ตัวเล็กนี่มันจะไม่คิดแบบนั้นด้วยสิครับ

    “วันเสาร์หน้า....”มพูดแบบเว้นช่วงไปครับ ผมสูกลมหายใจเข้าแล้วเงียบไป ไม่รู้สิครับ เวลานี้ผมไม่อยากยื้อต่อไปอีกแล้ว ผมว่าละครดราม่าเรื่องนี้มันควรจะจบได้แล้วนะ

    “ทะ ทำไม มึงมีอะไร” ไอ้วิคเตอร์ ถามผมกลับอย่างกล้าๆกลัวๆครับ มันคงจะสงสัยเหมือนกันที่อยู่ๆผมก็เงียบไปแบบนี้  แทนที่จะขึ้นสียงแข่งกับมันกลับ

    “มาหากูที่ห้อง” ผมพูกแค่นั้นแล้วก็เงียบไป เอาจริงๆว่าผมทำใจยากนะครับที่ต้องทำแบบนี้น่ะ แต่ในเมื่อผมไม่อยากที่จะทำร้ายคนตรงหน้าต่อไปอีกแล้ว มันก็ช่วยไม่ได้

    “ไม่ไปว่ะสัส กูไม่เชื่อมึง” มันเถียงกลับทันทีเลยครับ แม้ตัวมันเองจะยังงงๆอยู่ก็เถอะ

    “ถ้าอยากรู้เรื่องทั้งหมดก็มา พี่สัญญาครับ ว่าพี่จะไม่ทำอะไรวิคเตอร์เลย” ผมขยับตัวเองออกมา แล้วมองหน้าไอ้วิคเตอร์อย่างต้องการคำตอบ แต่ดูเหมือนมันจะไม่เข้าใจ

    “มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง เมื้อกี้ยังหาเรื่องกูอยู่เลย” มันถามครับ เสียงที่เบาลงของเจ้าตัวทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราอย่างน้อยในตอนนี้ มันก็รู้จักที่จะฟังผมบ้าง

    “พูดมาตอนนี้ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องไปหามึงที่ห้องด้วย” ไอ้วิคเตอร์ที่เห็นผมเงียบไปนานถามขึ้น เจอผมโหมดนิ่งแบบนี้เข้าไป ไอ้เด็กดื้อนี่ก็ทำอะไรไม่ถูกเลยแฮะ

    “โอ้ย ไอ้ห่านี่! เงียบทำเหี้ยไรนักหนา พูดอะไรบ้างสิวะ...อุ๊บ!” ไอ้วิคเตอร์ผลักผมออกอย่างแรงอย่างหมดความอดทนที่ไม่เห็นผมพูดอะไรสักที ในทันทีนั้นผมเลยค้วาร่างเล็กเข้ามากอด แล้วกดจูบลงไปทันที ลิ้นร้อนของผมเก็บเกี่ยวความหวานจากร่างเล็กอย่างไม่ลดละ ความโหยหาและความเสียดายทั้งหมดถูกส่งผ่านไปทางปลายลิ้น และเหมือนอีกคนเองก็รับรู้ได้ วิคเตอร์หลับตาลงอย่างไม่ขัดขืน อ้อมกอดผมรัดแน่นขึ้นราวกับตอกย้ำ ไม่อยากปล่อยคนๆนี้ไปเลยจริงๆ จูบที่อ่อนโยนดำเนินไป จนกระทั่งคนตัวเล็กเริ่มประท้วงผมเพราะขาดอากาศ ผมจึงถอนริมฝีปากออกมา ใบหนย้าของวิคเตอร์ตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามถึงการกระทำนั้น

    “ทะ ทำไม...” ผมใช้ปลายนิ้วโป้งไล้ไปตามริมฝีปากบางอย่างช้าๆ

    “พี่จะรอนะครับ” ผมพูดแค่นั้นแล้วเดินออกมา โดยไม่สนใจคำพูดไล่หลังของอีกคน

    “มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย!” ใครจะว่าผมบ้าก็ตามทีเถอะ แต่แค่สิ่งที่เกิดขึ้นในร้านเมื่อกี้ผมว่าผมควรจะพอแล้วล่ะ การกระทำของผมมีอิทธิพลมากเกินไปสำหรับคนตัวเล็ก ผมไม่รู้ว่าในหัวของอีกคนตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่  แต่มันก็คงเต็มไปด้วยคำถามมากมายล่ะนะ

    “นี่ พี่พาส ไปรังแกอะไรนายนั่นมาอีกล่ะ”  ผมที่กลับมานั่งแทนที่ของไอ้วิคเตอร์ก็ถูกยัยแฟร์ที่นั่งรออยู่ตั้งคำถามใส่ทันที ไม่ต้องบอกอะไรมากยัยนี่ก็คงพอจะเดาออกล่ะนะ

    “พี่ว่าจะพอแล้วล่ะ ยังไงเดี๋ยวไอ้วินเนอร์ก็จะกลับมาแล้ว” ยัยแฟร์ทำหน้าตกใจทันทีที่ได้ยินผมพูด ยัยนี่มองหน้าผมอย่างต้องการคำตอบกับสิ่งที่ผมคิดในเวลานี้

    “ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลย ขนาดเราเองยังว่าพี่ใจร้ายเกินไปไม่ใช่หรือไง พี่ทำอะไรลงไปมากกว่าที่พวกเธอคิดซะอีก”  คำตอบจากผมเล่นเอายัยแสบถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออกเลย

    “พี่พาส อย่าบอกนะว่า พี่กับนายวิคเตอร์นั้น เอ่อ....คือ...” ยัยแฟร์เว้นช่วงไปอย่างไม่กล้าพูด พลางเอานิ้วชี้มาจิ้มกันอย่างจะสื่อความหมายบางอย่าง

    “อย่างที่คิดนั่นแหละ” คราวนี้ยัยแฟร์เป็นหนักกว่าเดิมอีกครับ ราวกับคนที่อยากกรีดร้องออกมาดังๆแต่ก็ทำไม่ได้ ประมาณนั้นเลยครับ ผมว่ายัยนี่คงอยากอาละวาดเลยล่ะ

    “ครั้งเดียว” เหมือนจะตั้งความหวังอะไรบางอย่าง คนตรงหน้าเลยถามผมต่อ

    “ไม่” ผมที่ตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หระใดๆก็เจอเสียงแว๊ดกลับมาทันทีเลย

    “พี่พาส!!!” ยัยแฟร์ทุบโต๊ะแล้วตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังเลยครับ ดีนะที่คนไม่เยอะน่ะ

    “ก็มันทำลงไปแล้ว จะให้พี่ทำยังไงล่ะ คบกันมานี่ไม่รู้หรือไงว่าแฟนเราน่ะดื้อขนาดไหน พี่ถึงบอกไงว่าพี่ไม่อยากทำแล้วน่ะ” คำพูดนั่นทำเอายัยแฟร์ถึงกับมองหน้าผมอย่างอ่อนใจ

    “แล้วพี่จะปล่อยนายนั่นไปหรอ” ผมนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ

    “มันก็ดีกว่าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะน่า ก็ใช่ว่าจะตายจากกันไปไหนไกลสักหน่อย” ผมพูดพลางเสมองออกไปด้านนอก แค่รอไอ้วินเนอร์กลับมา เรื่องทุกอย่างก็จะจบ ถามจริงเถอะครับ มีใครในโลกบ้างที่สามารถทำร้ายคนที่ตัวเองรักได้ตลอดเวลาน่ะ แม้ว่าจะแค่แกล้งทำ แต่ความเจ็บปวดที่อีกคนได้รับ กับน้ำตาที่ไหนออกมา นั่นน่ะ ของจริงทั้งนั้นเลยนะครับ

    “งั้นก็ตามใจละกัน หนูไม่ยุ่งด้วยแล้ว” ยัยแฟร์พูดออกมาอย่างไม่จนปัญญา ส่วนผมก็ทำได้แค่กันไปยิ้มให้ยัยน้องสาวตัวแสบเท่านั้นแหละ ผมรู้น่าครับว่ายัยนั่นสงสารไอ้วิคเตอร์แค่ไหน ยิ่งมารู้ว่าผมทำอะไรไปบ้างด้วยแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เห็นใจผมมากเหมือนกันล่ะ

     

    [Grafh]

                ความรู้สึกที่พึ่งเกิดขึ้นมันราวกับเป็นความฝันเลยล่ะครับ สิ่งที่ผมเฝ้าตามหามานานในที่สุดก็กลับมาอยู่กับผม ในใจของผมตอนนี้เรียกได้ว่าปลื้มอย่างที่สุด ผมอาจจะดูเหมือนร้ายไปบ้าง แต่ก็นั่นแหละครับ เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ การที่จะร้ายบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

                สองเท้าของผมหยุดยืนอยู่ที่พักของโมสอย่างใจเย็นครับ ในหัวตอนนี้มีแต่เรื่องคิดว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อเจอหน้า แต่ขณะที่ผมกำลังก้าวเดินผ่านประตูพี่พักเข้าไปนั้น ก็มีคนทักขึ้นก่อน

    “เอ้า ผมครับ ใช่คนที่มาหาโมสเมื่อวานหรือเปล่า” ป้าวัยกลางคนเอ่ยทักผมอย่างยิ้มๆ ในขณะที่มืออีกข้างกำลังถือไม้ปัดขนไก่อยู่  ผมชะงักฝีเท้าแล้วหันไปตอบ

    “ครับ” แม้ผมจะเป็นคนใจร้อน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนเสียมารยาทกับผ้ใหญ่นะครับ

    “โมสเขาฝากจดหมายไว้ให้ผมน่ะ ตอนไปนี่ทำหน้าเศร้าๆด้วยสิ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรหรือเปล่า” ป้าคนนั้นวางไม้ปัดขนไก่ไว้บนเคาน์เตอร์ ก่อจะอ้อมไปเปิดลิ้มชัด หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ผมมองมันอย่างสงสัย พร้อมกับคำพูดของป้า

    “เขาบอกว่าถ้าผมมา ให้เอาจดหมายนี่ให้ด้วย แถมบอกว่าอย่าพึ่งเก็บห้อง ให้รอผมมาก่อนน่ะ ป้าก็ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน แหม น่าเสียดายจริงๆ เด็กหนุ่มสดใจแบบนั้น ออกไปซะละ” ป้าคนนั้นพูดแล้วหยิบไม้ปัดขนไก่ ไล่ปันฝุ่นต่อ แต่ผมตอนนี้สิครับ ที่ตัวชาค้างไปแล้ว ความทรงจำหลายอย่างถูกปลุกขึ้นมาอย่างช่วยไมได้ ราวกับว่าเทปม้วนเดิมกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง ผมหยิบจดหมายนั้นด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะเอ่อปากถามป้าคนเดิมนั้น

    “เอ่อ เสียดาย...คือ....ยังไงครับ” ผมหันไปมองป้าคนนั้นอย่างต้องการคำตอบ แม้ในเวลานี้ ผมอาจจะต้องเป็นบ้าไปเพราะคำตอบนั้นก็ตามทีเถอะ แต่มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ

    “อ้าว โมสไม่ได้บอกผมหรอ ว่าเขาย้ายออกไปแล้วน่ะ พึ่งไปเมื่อเช้ามืดนี่เอง ป้ายังถามอยู่เลยว่าจะรีบไปไหน เพราะมันเช้าเกินไปน่ะ” โดยไม่รีรออะไรอีก ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไปทันที จนเมื่อถึงห้องที่ผมพึ่งจะขึ้นมาเมื่อวาน บานประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ผมวิ่งเข้าไปในห้อง

    “โมส!!  โมส!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อดังก้องไปทั่วฟ้อง ด้วยความที่ห้องไม่ใหญ่อะไร เลยไม่จำเป็นที่ผมต้องวิ่ง สายตาผมกวาดมองไปทั่วห้องอย่างกลัวๆ ก่อนที่ผมจะทรุดตัวลงคุกเข้าที่พื้นอย่างอ่อนแรง มือของผมกำจดหมายไว้แน่นจนมันยับไม่เป็นชิ้นดี

    “โธ่เว้ย!!!” สองกำปั้นทุบลงบนพื้นอย่างจนปัญญา อีกแล้ว เรื่องันเป็นแบบนี้อีกแล้ว

    “ทำไมต้องหายไปอีกแล้ว ทำไม!!!” ทั้งที่ผมคิดว่าเราจะเริ่มเข้าใจกันได้แล้วแท้ๆ ผมทำอะไรพลาดไปตรงไหนหรือไง ทำไมโมสต้องหนีผมไปอีกแล้ว ผมเหนื่อยจริงๆนะ

     “ผมอ่านจะหมายของโมสก่อนดีหว่าไหม” ผมที่นั่งทรุดอยู่หันไปมองเสียงปริศนาที่ดังขึ้น แล้วก็เจอกับคุณป้าคนเดิมที่กำลังยืนกอดอกยิ้มๆอยู่ที่หน้าประตู

    “ทะ..ทำไม”

    “เด็กคนนั้นเป็นคนร่าเริงนะ เห็นทำหน้าเศร้าแบบนั้นป้าก็ไม่สบายใจ ยิ่งป้าเห็นผมเป็นแบบนี้ด้วยแล้ว” ป้าคนนั้นเดินเข้ามา ลูบหัวผมอย่างเอ็นดู ในขณะที่ผมมองอย่างไม่เข้าใจ

    “ป้าไม่ใช่คนโบราณอะไรขนาดนั้น เห็นจากเมื่อวานป้าก็พอจะเข้าใจ ป้าเลยอยากให้ผมใจเย็นๆก่อน โมสเขาอาจมีเหตุผลของเขาก็ได้” ป้าคนนั้นย้ายตัวไปนั่งที่โซฟา ผมแกะซองจดหมายที่ยับย่นเพราะแรงบีบของผมเมื้อกี้ออก ลายมือที่คุ้นเคยปรากฏต่อสายตาของผม

    กราฟ กว่านายจะได้อ่านมัน เราคงไม่อยู่ที่นั่นแล้วล่ะ เลิกตามเราสักทีเถอะกราฟ เราไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ให้เรามีชีวิตใหม่ที่มันดีกว่าเถอะนะ เรารู้ว่านายรักเราแค่ไหน แต่ในเมื่อเราเคยเจ็บมาก่อน เราก็รู้ว่าตัวเองะเจ็บเพราะใคร ก็เพราะแบบนั้น เพราะถึงไม่อยากเจ็บอีก และไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะเราอีกแล้ว โดยเฉพาะพี่ไนน์กับเซนท์ เราไม่อยากให้สองคนนั้นต้องเดือนร้อนไปด้วย เพราะอย่างน้อย ช่วงเวลาที่ไม่มีนายอยู่ เขาก็ดูแลเราดีกว่านาย นี่ทำให้เราเจ็บปวดละกัน เลิกยุ่งกับทุกคนเถอะนะกราฟ แล้วเลิกตามหาเราสักที ต่างคนต่างไปเถอะนะ จะบอกว่าเราขี้ขลาดก็ได้ แต่คนทุกคนต่างก็อยากได้คนรักที่ไว้ใจได้ทั้งนั้นแหละ ไม่ใข่ทุกคนหรอกนะ ที่พร้อมจะยกโทษให้กับความผิดที่ผ่านมาได้น่ะ จบกันแค่นี้เถอะกราฟ อย่ายึดติดในสิ่งที่ไม่มีวันไขว่คว้าได้เถอะนะ ลาก่อน : โมส

    “เป็นไงบ้างผม” ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับยิ้มจดหมายนั้นให้กับป้าคนนั้นไป ผมว่าในเมื่อเขาพอจะเดาเหตุการณ์ได้ ก็ไม่จำเป็นอะไรที่ผมต้องกลักับจดหมายแค่นี้หรอกนะ

    “แล้วจะทำตามที่เด็กคนนั้นบอกไหมล่ะ” พอป้าเขาอ่านจบ คำถามที่กำลังก้องอยู่ในหัวผมเวลานี้ก็ถูกส่งออกมา คำถามที่ผมเคยตอบได้ทุกครั้งว่าไม่ แต่เวลานี้ผมเองก็กำลังสับสน  

    “ผมไม่รู้ครับ....” ผมนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด ให้ตายสิ ทำไมเวลาแบบนี้ผมถึงจนมุมนะ

    “ผมตามเขามาปีกว่าแล้วนะครับ แล้วเขาก็หนีผมไปตลอดเลย เรื่องเมื่อวานผมนึกว่าเราเริ่มจะคุยกันรู้เรื่องแล้วแท้ๆ แต่วันนี้ก็เป็นแบบเดิมอีกแล้ว” ไม่รู้ทำไมเวลาแบบนี้ผมถึงกล้าที่จะพูดออกมากัน หรือเพราะผมหมดแรงอย่างสุดตัวแล้วจริงๆ ไม่งั้นผมคงไม่ระบายออกมาหรอก

    “ก็ตามมาปีกว่าแล้ว ตามอีกหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ” ป้าเขาพูดออกมาครับ

    “นี่ ผม ป้าไม่อยากได้หลานเขยที่ยอมแพ้อะไรง่าๆยแบบนี้หรอกนะ” พอได้ยินแค่นั้น ผมถึงกับเบิกตากว้างทันทีเลยครับ เฮ้ อย่าบอกผมนะว่าป้าคนนี้น่ะ

    “คิดไม่ปิดหรอก ป้าเป็นป้าของโมสน่ะ ก็ไม่แปลกหรอกที่ผมจะไม่รู้จักน่ะ เพราะเราไม่เคยเจอกันหรอก ป้าก็ได้ยินจากที่แม่โมสเล่าให้ฟังแค่นั้นแหละ” ป้าคนนั้นพูดแล้วยิ้มให้ผม

    “แต่ว่า พวกผมเป็น...” ผมชะงักครับไม่กล้าพูดต่อ ตอนคบกันคราวนั้นกว่าผมจะฝ่าด่านพ่อกับแม่โมสมาได้นี่ผมก็แทบจะรากเลือดแล้วนะครับ แต่ละคนโหดใช่เล่นเลย

    “อย่าให้ป้าต้องพูดซ้ำเลยผม เดี๋ยวนี้มันสมัยไหนกันแล้ว เรื่องแค่นี้เอง”

    “แต่โมสเขาไม่ยอมฟังผมเลยนะครับ เอาแต่หนีผมตลอดเลย จนบางทีผมก็มีท้อเหมือนกันนะครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ เอาจริงคือเหนื่อยและท้อมากครับ

    “งั้นก็หาเด็กคนนั้นให้เจออีกครั้ง แล้วอย่าให้เขาหนีไปได้สิ บางทีเรื่องของความรักมันก็มีหลากหลายมุมมองนะ” ป้าของโมสพูดออกมาแล้วยิ้มให้ผมอย่างมีเลศนัย

    “ป้าครับ แต่แบบนั้นมัน” ผทถึงกับเบิกตากว้างขึ้นทันที เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากทำที่สุด ผมเลยอดทนมาตลอดเลยไงครับ อดทน ที่จะไม่แตะต้องตัวโมสจนเกินเลย

    “ถ้ามันทำให้โมสยิ้มได้ เรื่องแค่นี้ป้ารับได้น่ะ เห็นร่าเริงแบบนั้น แต่บางทีเขาก็มีมุมเศร้าๆของเขาน่ะ เอ๊ะ! แต่ทำหน้าตกใจแบบนี้ อย่าบอกป้านะว่า เราสองคนไม่เคยน่ะ” ป้าเขาลูบหัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู แต่คำพูดนั้นก็ทำเอาผมส่ายหัวแล้วหันไปยิ้มแห้งๆให้ป้าเขา

    “ก็ในเมื่อโมสเป็นแบบนั้น ผมจะไปกล้าทำได้ยังไงครับ” ใช่ครับ คนที่ดูไร้เดียงสาและสดใสแบบนั้น ผมจะไปกล้าทำอะไรที่มันรุนแรงได้ยังไงครับ

    “ตายจริง! แหม ผมนี่เป็นสุภาพบุรุษจริงๆเลย เอ๊ะ หรือซื่อกันแน่เนี่ย”

    “ป้าครับ” คุณป้าของโมสที่ทำมือป้องปากตกใจ ทำเอาผมมองป้าเขาอย่างระอา

    “แหมๆ ป้าขอโทษๆ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ กับความขี้เล่นนั้นของผ้าเขา เฮ้อ ทำไมโมสไม่เป็นแบบคนๆนี้บ้างเนี่ย ผมจะได้ทำอะไรแบบไม่ต้องรู้สึกผิดได้

    “ก็ได้ครับ ผมจะลองดู” ผมลุกยืนแล้วห้นาป้าเขาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

    “แหม ต้องแบบนี้สิ หลานเขยคนนี้” ป้าเขาลุกขึ้นแล้วดึงผมเขาไปกอดเบาๆแป๊ปนึง

    “เรื่องของวัยรุ่นน่ะ ป้าชอบนะ สนุกดีออกนะ ไม่งั้นป้าจะมาทำหอพักแถวนี้หรือไงล่ะ” มันก็จริงเลยครับ ความจริงที่พักนี้หาไม่ยากนะครับ แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละครับคนถึงคิดไม่ถึงไง ว่าคนที่ต้องการที่จะหนีคนอื่นที่น่ะ จะมาอยู่แถวนี้ได้ ยิ่งผมด้วยแล้ว

    “แต่ว่าป้าครับ...” สิ่งที่ผมงง ก็คือเรื่องของป้าเขาตอนนี้เนี่ยแหละ

    “แหม นี่ผม ป้าไม่ได้เห็นผมสองคนเป็นคู่รักชายคู่แรกเสียหน่อย ต้องเรียกว่าเห็นบ่อยเลยล่ะ หลายคู่ก็พักที่นี่นะ เรื่องแบบนี้เรียนรู้ไว้ก็ไม่เห็นจะเสียหาย”

    “ครับ” ผมพูดแล้วเงียบไปอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อดี

    “เรื่องที่อยู่โมสน่ะ ป้สก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ป้าเชื่อว่าผมทำได้ ในเมื่อผมเคยทำสำเร็จมาแล้วนี่ ไปเถอะจ๊ะ ไปทำตามที่ตัวเองต้องการเถอะ” ป้าเขาจับไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ

    “ขอบคุณมากครับคุณป้า ไว้แล้วผมจะพาโมสมาหานะครับ” ผมไหว้ขอบคุณอย่างดีใจ

    “จ้า”  ผมยิ้มส่งท้ายแล้วจึงหันหลังเดินออกมา นี่มันอะไรกันเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโชคจะเข้าข้างผมได้ถึงขนาดนี้ ความหวังที่กำลังจะดับวูบกลับถูกจุดประกายขึ้นมาใหม่ โดยคนที่ผมคาดไม่ถึง โมส หนีได้หนีไปละกัน แต่ถ้าเจอคราวนี้ละก็......อย่าหวังว่าได้หนีต่ออีกเลย หึหึ

     

     [Saint]

    เฮ้อ สำหรับผมในเวลานี้จะเรียกว่าไงดีล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราสองคนต้องต่างเก็บไว้เป็นความลับด้วย เพราะมาตอนนี้ ต้องเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด พอจบเรื่องไอ้พี่ไนน์ก็ไปเลยครับ ไปทำไอ้ธุระอะไรของมันนั่นแหละ มาเวลานี้ผมก็ได้แต่หวังว่า เรื่องของเราสองคนมันจะผ่านไปได้ดีนะ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าเรื่องมันจะไม่เป็นไปตามนั้นเสียล่ะ

    “เฮ่ย! นั่งยิ้มเชี่ยไรอยู่คนเดียววะ ประสาทหรอมึง” ไอ้อาร์เพื่อตัวแสบทักขึ้นครับ หลายคนคงงงๆ ว่าตอนนี้ผมอยู่ไหนกันแน่ ผมอยู่ผับครับที่สิงโปรดของพวกผมเนี่ยแหละ ต้องเรียกว่าไอ้พี่ไนน์มีอิทธิพลสุดๆเลยล่ะครับ เพราะวันนี้ทั้งวันผมไม่ออกไปไหนเลยล่ะ วนเวียนอยู่ในบ้านนั่นแหละ จนเมื่อไอ้เดย์โทรมาชวนเมื่อตอนเย็น ผมเลยออกมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ไงครับ

    “เอาน่าๆ ปล่อยมันไป คนมันกำลังมีความสุข หึหึ” ได้เดย์ว่าแซวครับ

    “น่ะๆ เรื่องอะไรวะ บอกพวกกูหน่อยดิเฮ้ย อย่ากั๊กดิ” ไอ้ภีมถาม ผมเลยมองไปที่ได้เดย์อย่างคาดโทษครับ แหม่ ไม่น่าเล่าให้มันฟังเลยจริงๆ ได้ทีแม่ง ไอ้ห่านี่แซวผมใหญ่เลย

    “จะอะไรอีกล่ะ ก็พี่ไนน์สุดที่รักน่ะสิ ยอมตกลงกับมันแล้วล่ะ” ไอ้เดย์พูดเฉลยครับ

    “เฮ้ย!! จริงอ่ะ” เสียงอุทานตดใจพร้อมเพรียงกันแบบนี้ทำเอาผมหน่ายเลยจริงๆ

    “เออ! ทำเสียงแม่ง อย่างกับไม่เชื่อ” ผมพูดว่าพวกมันออกครับ ไอ้พวกนี้นี่ ดูถูกกูจริงๆ

    “โหย ไปทำไงมาวะ อย่างพี่ไนน์เนี่ยนะ ยอมตกลงกับมึง โห่ กูว่ามึงนี่เล่นของว่ะ”

    “พูกมากสัส!” ผมเอื้อมตัวไปตบหัวไอ้บ้าภีมทีหนึ่งก่อนจะว่ามันแบบไม่จริงจังนัก  แต่แน่นอนว่าไม่โดนมันหรอกครับ ไอ้บ้านี่สกิลหลบหลีกของมันเทพสุดในกลุ่มพวกผมแล้วครับ

    “อะโด่! พูดแค่นี้แม่งทำเข้ม”  ยังไม่เลิกนะไอ้นี่ เรื่องของไอ้พี่ไนน์ ทั้งกลุ่มผมรู้เรื่องหมดหมดแหละ เคยเจอกันหมดแล้วด้วยซ้ำ แต่เห็นแบบนี้พวกมันก็เคารพไอ้ไนน์นะ เพราะยังไงก็เคยเป็นรุ่นพี่จบโรงเรียนเดียวกันมาก่อน ไม่มีใครปีนเกลียวจีบไอ้ไนน์หรอก นอกจากผมน่ะ

    “ดีใจด้วยละกันว่ะ หึหึ แล้วออกมานี่ พี่ไนน์ไม่ว่าหรือไง” ไอ้อาร์ถามอย่างอยากรู้

    “โทรไปขอแล้วต่างหาก โอ้ย!!” คราวนี้เป็นได้เดย์ที่โดยตบครับ โดนจังๆเลยล่ะ ก็มันนั่งข้างผมนี่เองนี่ หลบได้ให้มันรู้ไปดิ ส่วนคนที่นั่งอีกข้างของผมตอนนี้คือไอ้ฟอร์สครับ

    “ยุ่งไม่เข้าเรื่องนะมึงอ่ะ” แม้จะพูดแบบนั้นไป แต่ไอ้เดย์ก็ทำหน้าล้อผมแบบไม่กลัวเลย

    ”แล้วนี่ไอ้วิคเตอร์หายไปไหนของมันวะ มันไม่มาด้วยหรือไง งานแบบนี้แม่งไม่น่าพลาดนี่หว่า” ผมเปลี่ยนเรื่องถามก่อน เพราะไม่งั้นผมคงหมดความอดทนกับการล้อของพวกมันแล้วคงจะได้ตีพวกเดียวกันเองเนี่ยแหละข้อหากวนตีนโดยไม่ดูหน้าคนโดนกวน

    “ไม่มา กูโทรไปแล้ว แม่งบอก เหนื่อยๆอะไรไม่รู้ของมัน” ไอ้เดย์ที่เป็นคนชวนบอกครับ

    “ไหงงั้นวะ เมื่อเช้ามันยังโทรหากูอยู่เลย เหนื่อยเชี่ยไร” ใช่ครับ ที่ไอ้ไนน์เป็นคนรับสายไง

    “อ่าว ไอ้ห่านี่ มึงสนิทกับมันที่สุด แล้วไหงมาถามพวกกูงี้วะ จะไปรู้ด้วยไหมเนี่ย เดี๋ยวนี้แม่งทำตัวลับๆล่อๆ กูว่ามันต้องกกใครไว้แน่เลยว่ะ” ไอ้ภีม เป็นคนตั้งประเด็นขึ้นมาครับ

    “เรื่องของมันดิวะ เจอหน้าค่อยถามก็ได้ ไม่ได้ความพวกมึงก็ตามแม่งเลย” ไอ้คีย์ที่นั่งเงียบตั้งนานพูดขึ้น เลยเป็นอันว่าปิดประเด็นเรื่องไอ้วิคเตอร์ไป ขนาดผมสนิทกับมันที่สุดนะ ผมไม่เห็นรู้เรื่องห่าอะไรเกี่ยวกับมันตอนนี้เลย ผมรู้ว่ามันมันมีเรื่องกับไอ้คนชื่อพาสต้า แค่นั้นแหละ

    “เซนท์ นี่มึงคบกับพี่ไนน์แล้วจริงๆหรอ” ไอ้ฟอร์สที่นั่งเงียบถามผมขึ้นเบาๆ ไม่มีใครได้ยินที่มันพูดหรอก เพราะตอนนี้คนอื่นเปลี่ยนเรื่องไปคุยกันเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้ว

    “ไอ้นี่ก็อีกคนละ ไอ้เดย์มันก็บอกอยู่แล้วไง” ผมตอบอย่างไม่จริงจังมากนักครับ

    “จริงจัง?” มันถามย้ำผมครับ ทำเอามือที่กำลังจะจับแก้วของผมค้างเลยทันที

    “มึงนี่ถามมากไม่เข้าเรื่องว่ะ” เป็นไอ้คีย์ที่ตอบแทนผมครับ ถ้าเป็นคนอื่นถาม นี่โดนผมแขกหัวไปแล้วเนี่ย แต่เอาจริงว่าไอ้ฟอร์สเป็นคนเดียวที่ผมไม่อยากลงมือนะ มันดูบอบบางเกินไปไงไม่รู้สิครับ กลัวมันตายจริงๆ ไม่เหมือนไอ้วิคเตอร์ รายนั้นตัวเล็กจริง แต่โคตรซ่าส์เลย

    “ตามนั้น คนอื่นกูเล่นๆ แต่คนนี้กูจริงจังเว้ย” ผมพูดทีเล่นทีจริงใส่มันครับ ไอ้ฟอร์สหันหน้าหนีผมเลยทันที เป็นเชี่ยไรวะ ไม่รู้เว้ยช่างมัน แต่พอผมหันกลับมามองในโต๊ะเท่านั้นแหละ

    “อะไรๆ มีอะไร มองหน้ากูทำเชี่ยไรครับ” ผมพูดว่าพวกมัน เพราะตอนนี้ พวกมันเล่นงียบแล้วหันมามองหน้าผมกันหมดเลยซะงั้น นี่กูว่ากูพูดเบาละนะยังได้ยินอยู่หรอวะ

    “เปิดเผยไปนะพวก” ไอ้อาร์ทำเสียงจี๊จ๊ะในคอ แล้วพูดล้อผมอย่างกวนๆครับ

    “เรื่องของกูดิสัส ก็กูรักของกูอ่ะ” พูดจบเท่านั้นแหละ เสียงโห่แม่งดังกระหึ่มเลยครับ

    “เชี่ยอะไรพวกมึงเนี่ย!! เดี่ยวกับกูหน้าร้านเลยป่ะ”  ผมสงสัยว่าต้องได้ตีคนแล้วล่ะ

    “อูยย โหดจริงนะมึง แซวแค่นี้เอง ไม่ไหวเลยๆ” ไอ้ภีมครับ ไอ้ห่านี่มันก็เล่นไม่เลิกจริงๆ

    “เก็บๆบ้างก็ได้ มึงอ่ะ คนไร้คู่เขาก็อิจฉานะเว้ย” ไอ้เดย์พูดครับ แต่ผมไม่สนใจอ่ะ

    “ของแบบนี้มันใครดีใครได้เว้ย โอ้ย! เชี่ย! เล่นไรมึงเนี่ย!!” พูดไม่ทันจบผมก็โดนไอ้พวกเพื่อนรุมขยี้หัวด้วยความหมั่นไส้ครับ โหย ไอ้พวกนี้ อิจฉารุนแรงเกินไปวะ  แต่จะมีคนเดียวเท่านั้นแหละครับ ที่ยังนั่งเงียบอยู่ ผมเลยหันไปถามอย่างสงสัย

    “เป็นเชี่ยไรมึงวะ” ไอ้ฟอร์สส่ายหัวเป็นคำตอบครับ ผมเลยปล่อยมันไป โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่า ทันทีที่ผมหันไปทางอื่น ก็มีสายตาที่อธิบายไม่ได้จากคนด้านข้างที่ผมพึ่งหันไปหาเมื่อกี้


    **********************************************************

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะครับผม


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×