ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อุบัติรักทางสัญจร ภาค 1 (นิยายเพศที่3)

    ลำดับตอนที่ #9 : หัวใจ เริ่มรู้สึกแปลกๆ (ยังไม่รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 57




     


    "ก็เป็นอย่างที่คุณหมอคิดนั่นแหละ คุณหมออยากให้ธารเป็นอย่างไร ธารก็เป็นแบบนั้น"

    ผมไม่กล้าที่จะบอก เธอว่าเป็นทอมหรอกครับ ก็ได้ตอบเลี่ยง ๆไป ขืนบอก เธออาจจะกลัวและหนีไปก็ได้ เอาเป็นว่า ขอให้สนิทกันมากกว่านี้หน่อยละกัน แล้วผมจะค่อยเผยตัวตนออกมาทีละนิด ทีละนิด


    "ถามหน่อยเถอะ ทำไมคราวนี้หมอไม่เห็นขี้เก็ก เหมือนตอนอยู่บนตึกเลย ตอนอยู่บนตึกนี่นะ โอย...หน้าดุยังกะนางพันธุรัด" 

    ผมแกล้งแหย่ ยวนยั่วเธอไปงั้นละครับ ก็น่ารักน่าเอ็นดูซะขนาดนี้ มันหมั้นเขี้ยวนี่นา ผมเลยอยากตอด อยากยั่วโมโห


    "ก็นี่มันนอกเวลางานนี่คะ เป็นหมอมันก็เครียดพออยู่แล้ว จะให้วางมาด วางฟอร์มตลอดเวลาล่ะก็ ประสาทกินกันพอดี เวลางานหมอจริงจังน่ะคะ เลยดุ"

    "แหม...ทีตอนทำงานเงี้ย หน้าเข้ม สั่งคนไข้กับพยาบาล ยิกๆ เชียวนะ....."


    ผมนึกมาได้ ในหัวผมมีคำถาม บางอย่าง ติดค้าง ที่อยากจะถามเธอตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ถามสักที


    "คุณหมอไปทำธุระอะไร ที่ใต้หรือ"

    "ไปดูงานค่ะ "

    "เป็นถึงหมอ นั่งรถเมล์ไปเนี้ยนะ" ผมถามด้วยความสงสัย

    "ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างนี่คะ อยากลองลำบากดูบ้าง สบายมาก ก็เคยตัว"

    "แล้วเข็ดไหมล่ะ ทีนี้ เจอคนขับเมายาบ้า ดีนะ ที่มันไม่เทกระจาด คว่ำตายทั้งคัน ยังเหลือรอดให้มาดูโลกบ้าง ที่หลังไม่ต้องนั่งแล้วนะ มันอันตราย พวกที่นั่งรถเมล์น่ะ คือพวกไม่ค่อยมีตังค์"


    ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าพูดอะไรออกไป จริงๆ แล้ว ผมไม่ควรจะก้าวก่าย เพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ของเธอครับ ในการที่จะเลือกพาหนะ ไปไหนมาไหน

    แต่อาจจะเป็นเพราะความห่วงใยที่เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจผมเวลานี้ก็ได้ หัวใจผมมันเริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา เวลาไ้ด้พูดคุยกับเธอ ได้อยู่ใกล้เธอ ได้ยินเสียงเธอ ผมอยากให้เวลาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น เพื่อที่จะได้มอง ได้เห็นเธอนานๆ

    "มาคิดอีกทีนะ  แต่ถ้าวันนั้น...หมอไม่อยู่ในรถคันนั้นล่ะ คุณจะได้มานั่งอ้าปากพูดตรงนี้ไหมล่ะ"

    เออ..จริงของเธอแฮะ ถ้าไม่มีคุณหมอ ผมคงตายไปแล้ว ถือเป็นโชคดีเหลือเกินครับ....รอดมาเจอคนสวยซะด้วย กำไรเห็นๆ  อิอิ


    "ธารไม่รู้ จะขอบคุณหมอเน ยังไง จะว่าไปก็เหมือนเป็นหนี้ชีวิตคุณหมอ"

    "ชีวิตของเราทุกคน เราเป็นเจ้าของในตัวเราเอง ไม่มีใครเป็นเจ้าชีวิตใครหรอกค่ะ"

    ใจลึกๆ ของคุณหมอ จะไม่ให้ผมตอบแทนอะไรบ้างเลยเหรอ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเป็นความรัก แบบคู่รัก ที่เรามีต่อกัน อะแฮ่ม....แค่คิดครับ ขืนพูดออกมาสิ มีหวังโดนตบกบาลแยกอยู่ตรงนั้น


    "อยู่มาสามวันแล้ว หมอไม่เห็นพ่อกับแม่ของคุณเลย จะให้ติดต่อท่านไหมคะ"

    "ไม่มี  ธารไม่เคยมีพ่อแม่หรอก" เสียงผมแผ่วเบา

    "อ้าว...แล้วที่มาเยี่ยม นี่เป็นญาติกันบ้างหรือเปล่า"

    "ไม่ใช่หรอก พวกนั้นน่ะ ก็เป็นแต่เพื่อนๆ ของธารทั้งนั้น ที่คุณหมอเห็นนั่นล่ะ มีอยู่แค่นั้น" 

    ผมหมายถึงเจ้าสนกับเจ้าเตย เพราะถึงตอนที่ผมสลบไป ไม่เห็นมันมาเยี่ยม แต่ก็คิดว่าคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจ้าสองคนนี่แน่ๆ เพราะชีวิตผมไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากพวกมัน


    "คุณมีเพื่อนเยอะไหมล่ะคะ ?"

    "ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนจาก สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะ"

    เธอนิ่งอึ้งไปครู่ ผมเห็นแววสลดจากสีหน้าของเธอครู่เดียว ก่อนจะเลือนหายกลายเป็นรอยยิ้ม


    "เออ...งั้นเรามาเป็นเพื่อนกัน ดีไหมคะ"

    "เพื่อน... ดีดี ธารจะได้ไม่เหงา" ผมรีบตกลง ถือโอกาสเขยิบตัวมานั่งใกล้เธอมากกว่าเดิม

    "แล้วที่ผ่านมา คุณคงเหงามากเลยใช่ไหม"

    "บางครั้งมันก็เหงาๆ แต่ไม่รู้จะทำยังไง "


    ผม บ่นลอยๆ สายตาทอดจับไปที่แสงสีส้มเข้ม บนปุยเมฆ หลังยอดไม้ พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มที หันมามองเธออีกครั้ง สายตาของคุณหมอก็กำลังมองภาพนั้นอยู่เช่นกันครับ ใบหน้าเธอสวย หวาน จับใจ เมื่อยามสะท้อนรับแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ พวงแก้มเปล่งปลั่ง ดวงตาเป็นประกาย ผมยาวเป็นมัน ทำให้เธอดูงามเพียบพร้อมไปด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ประหนึ่งดังเทพธิดา แห่งความการุณย์


    พอเห็นผมนิ่งไป เธอก็หันมาชวนคุยต่อ


    "คิดมากอีกแล้วล่ะสิ ไม่เห็นทะเล้น เหมือนตอนที่มาที่นี่ใหม่ๆ เลย"

    "ชีวิต คนเราก็ต้องมีทุกข์ มีสุข หัวเราะ ร้องไห้ ปนกันไป หรือตั้งแต่เกิดมา คุณหมอหัวเราะเป็นอย่างเดียวเหรอ"

    "ย้อน ย้อน นี่แน่ะ ถามแค่นี้ก็มาย้อน เดี๋ยวเถอะ !!"

    ผมโดนคุณหมอ หยิกเข้าที่ต้นแขน แต่ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยครับ ก็คุณหมอเธอเป็นเจ้าของไข้ผมนี่ ครับ เธอคงไม่กล้าทำร้ายคนไข้ตัวเองให้เจ็บหรอก

    "อย่าหาว่าหมอ สู่รู้เลย แล้วคุณอยู่มาได้ยังไง ตัวคนเดียว "

    "อยู่ได้ด้วยกำลังใจของตัวเอง" ผมตอบเศร้า ดูเหมือนเธอจะอ่านใจผมออก จึงเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอื่น

    "อาหารที่โรงบาล เป็นไงคะ ใช้ได้ไหม"

    "อืม...อร่อย น่ากิน ใช้ได้ จืดๆ เหมาะสำหรับคนป่วยไข้"



    "เบื่ออาหารโรงบาลใช่ไหม มานี่ มานี่ มากินร้านนี้ กับข้าวอร่อย เดี๋ยวหมอเลี้ยงเอง"

    ผมถูกเธอจูงมือ ให้เดินตาม ไปอย่างว่าง่าย รายการ อาหารมื้อนี้ ของผม ก็ถูกกำหนดขึ้นด้วยคุณหมอทั้งสิ้น

    "เอาอาหารประจำของหมอมาหน่อย ไม่ใส่ผงชูรสนะ อย่าลืม" เธอหันไปสั่งแม่ครัวประจำโรงอาหาร ซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเีดียว และกำลังเตรียมเก็บของกลับบ้าน

    "ได้เลยค่า...แหม เห็นเป็นคุณหมอเนนะเนี่ย ป้ายอมกลับช้าก็ได้ จะทำให้อย่างอร่อยเลยค่า...." 
    เสียงแจ้วๆ จากแม่ครัววัยกลางคนดังแว่วมา หมอเนเธอสนิทกับคนไปทั่วเลยครับ เธอติดดิน น่ารัก กันเอง ไม่ถือตัวว่าเป็นหมอ

    "ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า ทำอร่อยอยู่แล้วล่ะ ทานประจำจนติดใจ"
    "ค่ะ... แล้วนั่นใครล่ะคะ คุณหมอ ที่นั่งข้างๆ หมอน่ะ"   คุณป้าแม่ครัวเธอเดินออกมา  หยุดที่โต๊ะที่ผมกับหมอเนนั่งอยู่่
    "คนไข้ใหม่ค่ะ ชื่อ ธารา"
    "หูย...หล่อเชียวนะคะ คนไข้คุณหมอคนนี้น่ะ นึกว่าแฟนซะอีก"  หมอเนหน้าแดง รีบก้มหน้าก้มตาจิบน้ำบนโต๊ะ ซ่อนอมยิ้มน้อยๆ ไว้ในท่าทีเอียงอาย แต่ผมยิ่งกว่าเธอ เพราะเขินจนตัวเบาหวิวเหมือนๆ จะลอยไปในอากาศ.....


    ไม่นานนัก ก็มีอาหารถึงสี่จานมาวางตรงหน้า ล้วนน่ากินและมีโภชนาการทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทผักครับ ไม่ค่อยมีไขมันติด เหมือนที่ผมชอบเลย

    "สงสารคนเหลือแขนข้างเดียวจัง งั้นหมอป้อนนะคะ"

    "เอ้า....กินก็กิน งั่ม งั่ม แง้บ แง้บ...."

    ผมอ้าปากรับอาหารจากช้อนนั้น เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างอร่อย รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ มากกว่าอิ่มท้อง

    ไม่อ้าปากงับช้อนเปล่า ผมยังแกล้ง ไล่งับนิ้วคุณหมออีกด้วย คุณหมอเธอรีบเอานิ้วหลบแล้ว แล้ว หัวเราะคิกคัก ดูเธอจะชอบอกชอบใจ กับกริยาของผมซะเหลือเกิน ก็เพราะคุณหมอเธอให้ความสนิทและเป็นกันเองกับผมขนาดนี้ ผมจึงกล้าทำอะไรบ้าๆ บอ ๆ ติ๊งต๊องลงไป โดยที่ไม่กลัวเธอโกรธ....


    "นี่แน่ะ บอกให้กินไป ไม่ต้องมาแกล้ง....." คราวนี้คุณหมอเธอก็แก้เผ็ดผมบ้าง เธอเร่งป้อนไม่ยั้ง จนผมเคี้ยวไม่ทันเลยทีเดียว

    "ไง กลืนไม่ทันเหรอ ติดคอ สมน้ำหน้า อยากแกล้งเขาก่อนดีนัก เอ้า... เอาน้ำไป" คุณหมอรีบรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วให้ ผมรับมาดื่มอย่างเร็ว

    "โห....ไม่ไหวแล้ว พอเหอะ ไม่หิวขนาดนั้น...นี่ป้อนหรือยัดใส่ปากยะแม่คุณ ฆาตกรรมอำพรางชัดๆ..." ผมไอแค่กๆ รีบดื่มน้ำตามอีกอึกใหญ่ แต่ก็หัวเราะไปกับเธอ

    "แน่ใจนะ ว่าไม่หิว ไ่ม่กิน"  เธอถาม

    "แน่ใจสิ" ผมตอบมั่นใจ

    "อยากตายเหรอ ! รีบกินซะ เดี๋ยวนี้ เร็วๆ " เสียงหวานดุนั้นสั่งการ จนผมสะดุ้งเฮือก

    ว๊ากกก .... !  ซวยอีกแล้วตู คุณหมอ องค์ลงอีกแล้วครับท่าน ตัวใครตัวมันละครับ

    "ยังไม่ถึงครึ่งจานเลย กินน้อย อย่างนี้กระดูกจะเชื่อมติดเร็วได้ไง"

    เธอว่าพลาง ตักปลากรอบ ตัวเล็ก ๆ เข้าปากผม

    "รู้ไหมคะ ว่าปลาตัวเล็กๆ แบบเนี้ย แคลเซียมเยอะนะ ร่างกายคุณกำลังต้องการตัวช่วยสร้างกระดูกใหม่นะ"

    "จริงเหรอครับ คุณหมอที่รัก " ผมเริ่มปากกล้าขึ้นมาอีกแล้ว พูดคนเดียวในใจ พอนึกได้ว่าพูดอะไรออกไป ก็รีบเอามือปิดปากตัวเอง ดีนะ ที่เธอไม่ได้ยิน



    ในโรงอาหารตอนนั้นน่ะช่างวิเศษ ไม่มีใครมานั่งเป็นมารคอหอย ผมกับคุณหมอเลย ทุกร้านปิดหมด เหลือร้านข้าวที่เรานั่งกินกันอยู่ร้านเดียว แล้วก็มินิมาร์ทตรงข้ามเท่านั้น

    "คุณหมอไม่กินเหรอ"

    "ไม่ล่ะ เดี๋ยวเต้นไม่ไหว"

    "คุณหมอดูชอบเต้นจัง ไปฟิตเนสบ่อยรึไง"

    "ถ้ามีเวลาว่าง ก็ไปทุกวันล่ะค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ว่าง"

    "ไปกับใคร...."

    "ไปคนเดียว บางทีก็ชวนเพื่อนพยาบาลไปบ้าง หมอชอบออกกำลังกายนะ สุขภาพแข็งแรง แล้วที่มีแรงยกหมูอ้วนบางตัว ขึ้นมาจากน้ำได้เนี่ยค่ะ เก่งไหมล่ะ" 

     เธอทำท่าเบ่งกล้ามโชว์  แต่มันคือกุ้งแห้งเดินได้ดีดีนี่เองครับ...หมูอ้วนบางตัว ที่คุณหมอพูดถึง คงหนีไม่พ้นผมแน่นอน

    "ก็คุณหมอเป็น หญิงอึดไง เลยแบกไหว..แหะ แหะ..."


    ผมเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เราอยู่ด้วยกันจนเพลินมาเป็นชั่วโมง บรรยากาศเริ่มโพล้เพล้มากแล้ว

    "คุณหมอไปเต้นเถอะนะ เดี๋ยวจะมืดจนเกินไป"

    "ฮืม....ขึ้นไปแล้วนี่ ต้องนอนพักนะคะ ไม่ให้แอบเขียนอะไรแล้วนะ เดี๋ยวหมอจะถามพยาบาลนะ ถ้าแอบเขียนล่ะก็ นายตายยยย.....เมื่อนั้นนะ!!"

    ชะอุ๊ย ! มาอีกแล้วครับ ไอ้มุขคำสั่งเปาบุ้นจิ้น เนี้ย เมื่อไหร่ จะเลิกใช้ซะทีก็ไม่รู้น้อ....
    ว่าแล้วเธอก็ยกมือทำท่าเชือดคอให้ผมดูอีกต่างหาก แน่ะ !! มีขู่นะมีขู่  ช่างน่าเอ็นดูซะจริง ว่าแต่ผมจะโดนเชื่อดมั้ยเนี่ย ถ้าละเมิดคำสั่งแม่คุณ จะรอดมั้ยเนี่ยตู...โฮะๆ


    เราชวนกันคุยอีกสองสามประโยค ก่อนที่ผมจะขอตัวเดินขึ้นไปพักที่ตึกคนไข้

    "หมอเน เป็นหมอมากี่ปีแล้ว ....."

    "ได้ปีนึงแล้วค่ะ พ่อจะให้ไปเรียนต่อเมืองนอก แต่ไม่ไปหรอกค่ะ อยู่รักษาคนไข้ที่นี่ดีกว่า เมืองไทยเรายังขาดแคลนหมออีกมาก "

    "งั้นก็เป็นลูกแหง่สิเนี้ย กิ๊ว กิ๊ว...." ผมแกล้งล้อ ก็แค่อยากจะให้นิ้วนุ่มๆ ของเธอ ขยับมาบิดแขนผมอีก คราวนี้กลับโดนเธอบิดหูแทน

    "นี่แน่ะ !! นี่แน่ะ ทำไมถึงแกล้งหมอไม่หยุดไม่หย่อน...เดี๋ยวเหอะ ! จะโดนไม่ใช่น้อย"

    "โอ๊ย....โอย ...กลัวแล้ว ไม่แกล้งแล้วจ้า... ยอม ยอม ยอม....."

    "ให้ไปส่งข้างบนตึกไหมคะ"

    "ไม่เป็นไร ขับรถกลับบ้าน ดีดีนะ คุณหมอ" ผมส่งยิ้มให้เธอเป็นการอำลาสุดท้ายของการพบกันวันนี้

    "งั้นโอเค พรุ่งนี้เจอกันนะคะ บาย....."  เธอหันมาส่งจูบให้ผมหนึ่งที โบกมือลา ก่อนเดินข้ามถนนไปถึงยังที่สำหรับจอดรถของพวกหมอในโรงพยาบาล  ร่างสวยๆ บางๆ ก้าวขึ้นไปนั่งขับอย่างมั่นใจ ผมมองเธอจนรถคันนั้นแล่นลับสายตาไป....ผมคิดว่าเธอเ้ป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่ง แม้จะเพิ่งผ่านอุบัติเหตุมาหยกๆ แต่เธอก็ไม่ได้กลัวเรื่องรถราพรรค์นั้นเลย...ขนาดผมเป็นทอมอกสามศอก ยังรับว่าตั้งแต่รถคว่ำแล้ว รู้สึกหวาดๆ พวกยานพาำหนะไปบ้าง แต่หมอเนไม่กลัว แต่ไม่มีทีท่าจะกลัวให้เห็นด้วย...

    ห่างกันหนึ่งคืนเหมือนหนึ่งปี แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ คืนนี้ผมก็ฝันดีไปคืนหนึ่งได้ล่ะครับ เพราะได้ยาบำรุงหัวใจขนานใหม่ ที่แสนน่ารักและวิเศษอย่างเธอ คุณหมอเนติยา นางฟ้าชุดขาว ผมคงจะหายเจ็บหายไข้ ในเร็ววัน !!


















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×