คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : พี่เก๋ เนรัญชลา แรงบันดาลใจของไอ้บิว 100%
สวนสาธารณะยามเย็น อาทิตย์กำลังอัสดง บรรยากาศรอบๆ ตัวเริ่มเย็นลงทุกที บิว รัตนะ ทอดสายตาสำรวจทิวทัศน์ของธรรมชาติ ในช่วงเวลาที่ภาพทุกภาพและแสงทุกแสงเป็นสีส้มอมทองทอประกายดูงดงามเช่นนี้ จากสายตาจิตรกรอย่างเขา คิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะแก่การใช้สมาธิเพื่อวาดภาพเป็นอย่างยิ่ง
"พี่เก๋ พี่อยู่ที่ไหนกันนะ วันนี้บิวทำตามสัญญาที่ได้ให้กับพี่เก๋แล้ว บิวไปสมัครงานเป็นนักเขียนบทละครกับบริษัทหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนะ แต่ก็ช่างมันเหอะ อย่างน้อยๆ บิวก็สบายใจแล้ว พี่เก๋เคยบอกว่า ให้บิวตั้งใจทำในสิ่งที่มั่นใจและคิดว่ารักมันที่สุุด สุดท้ายแล้วจะลงเอยยังไง เราจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำ เพราะถือว่าได้ตั้งใจทำเต็มที่แล้ว"
สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านมาเย็นใจ รู้สึกได้ถึงกระแสเสียงกระซิบจากลมหายใจของใครคนนั้น ที่แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่ก็สัมผัสได้ด้วยหัวใจ รู้สึกอบอุ่นเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก หรือสายลมจะเป็นสัญญาณเตือนว่าสิ่งที่ดีในวันข้างหน้า กำลังจะตามมา
บิวเดินขึ้นไปบนสะพานแขวนที่ทอดข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาผืนใหญ่ ตรงมุมนั้นเคยเป็นที่ ที่พี่เก๋ เนรัญชราของเขา ชอบไปหยุดยืนอยู่ และเธอก็จะกวักมือเพื่อเรียกเขาให้ไปถ่ายภาพของเธอหลายๆ ใบ บางครั้งเขาและพี่เก๋คนสวยของเขา ก็อาจมีการปะทะคารม ขัดคอกันอยู่บ้างเล็กน้อยในแง่ความคิดที่ว่า ระหว่างการถ่ายภาพ กับ การวาดภาพเหมือน อย่างไหนจะดูเป็นศิลปะที่น่ามองน่าดูสำหรับมนุษย์มากกว่ากัน
"พี่ก็ว่างั้นแหละ วาดภาพก็เพลินดีนะแต่งานมันเป็นเอกเทศน่ะ คิดเองคนเดียว วาดเองคนเดียว สู้การถ่ายภาพไม่ได้หรอก มันดูเป็นธรรมชาติและสะท้อนจิตใต้สำนึกของนักศิลปะได้มากกว่า เพราะเราสามารถโพสท่าให้อย่างอิสระเสรีสบายใจ ไม่เหมือนการวาดภาพ บิวชอบให้พี่ยืนอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ขยับตัวไปไหนไม่ได้ พี่อึดอัดจะแย่ แถมเมื่อยคอด้วย" จากนั้นเมื่อหญิงสาวพูดจบ ก็มักจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะใสๆ กังวานหวานของเธอในทุกครั้งไป
"โอเค งั้นต่อไป บิวจะต้องหัดถ่ายภาพให้เก่ง เพื่อเสนอตัวเป็นตากล้องมือหนึ่งให้กับว่าที่นางเอกดาวรุ่งของเมืองไทยอย่าง "พี่เก๋ เนรัญ" เลยดีไหม แต่ค่าจ้างคิดแพงนะ จะบอกให้ ฮ่าๆ"
บิว รัตนะ เอามือจับที่อกด้านซ้ายของตัวเอง ภาพความทรงจำทุกภาพ กำลังผุดขึ้นมาทำร้ายเขาอย่างไม่ปราณี รุมเร้าจนมันเจ็บหัวใจ หายใจติดขัด ตันตื๊อในอกจนแทบจะกลั่นมาเป็นน้ำตา
"บิวคิดถึงพี่มากเกินไป และพี่เก๋ก็ดีกับบิวเกินไป ความสัมพันธ์ของเราดีเกินไป มันจึงกลายเป็นเครื่องทรมานเราในภายหลัง เมื่อไหร่นะ บิวจะชินกับความรู้สึกนี้สักที"
บิว รัตนะ ถอนใจ หลับตาลงเบาๆ ค่อยๆ พลิกภาพความทรงจำให้คืนชีวิตขึ้นอีกครั้ง ในห้วงยามเช่นนั้น เขาจะรู้สึกทั้งสุขเศร้าคละเคล้ากัน บางทีก็อยากจะนึกย้อนให้เลยไปก่อนหน้านั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์ทุกโศก แต่ถ้าทำเช่นนั้น ส่วนที่เป็นความสุขสดชื่นก็จะพลอยหายไปด้วย จึงต้องทำใจยอมรับภาพรวมของรอยอดีต ปล่อยอารมณ์ไปตามครรลอง หลับตาลงเห็นภาพวันเดือนปีค่อยๆ เคลื่อนถอยหลังเหมือนเข็มนาฬิกาหมุนกลับ รู้สึกเหมือนเป็นใครอีกคนที่กำลังมองตัวเองอ่อนวัยลงเรื่อยๆ และวัยบริสุทธิ์ในปีสำคัญปีนั้นก็กลับคืนมา เขาลืมตาขึ้น ชะงักไปชั่ววูบ แล้วพบตัวเองมายืนอยู่หน้าโบสถ์คริสธรรมพระหฤทัย เมื่อมองไปที่ซุ้มประตูทางเข้า เขารู้ทันทีว่าตัวเองคือใคร "บิว รัตนะ รุ่งทิวา อายุ 15 ปี"
"โห...พี่เก๋ ไม่ไหวนะเนี่ย ถ้าต้องให้บิวต้องหอบทั้งพระคัมภีร์ ทั้งนิตรสารแฟชั่น ไหนจะหนังสือเรียนในกระเป๋าอีกเป็นพะเรอ สงสารน้องบ้างเห๊อะ" เจ้าบิวตัดพ้อ มองไปยังเพื่อนสาวรุ่นพี่ต่างวัย คนที่มีศักดิ์เป็นเครือญาติห่างๆ และอายุสูงกว่า จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพี่สาวได้เลยนั้น
"ทำไงได้ล่ะ ดูพี่สิ ถือมากกว่าบิวอีก ทั้งกล่องถ่ายรูป รองเท้า เครื่องสำอางค์" เจ้าบิวมองไปที่ร่างแบบบางของเด็กสาววัยกำลังโต "เก๋ เนรัญ กระจ่างจิต" ก็พบว่าน่าเห็นใจอยู่ ของแต่ละชิ้นของเธอ มีน้ำหนักและมีราคาล้วนๆ แต่ถ้าจะให้ใส่ลงไปในย่ามของเขาหมด ก็เห็นทีจะไม่ไหวแน่
"มามะ เดี๋ยวบิวจะวิ่งเอาไปซ่อนไว้ที่สุสานลับของเราก่อนนะ ของจะได้ไม่หาย" เจ้าบิวออกความคิด แว่บเดียวก็วิ่งหายลับไปจากที่ตรงนั้น ทางไปโบสถ์ก็อีกไกลหลายร้อยเมตร วิธีการนี้จึงเป็นผลดีต่อเพื่อนรักทั้งสอง
"เอ่อ! เอาไงก็เอาเหอะ อย่าทำของพี่หายละกัน อีตาบิว"
ไม่ถึงห้านาที เจ้าบิวก็กลับมาหน้าอยู่หน้ายืนซุ้มประตูู หอบแฮ่กๆ
"ไปกันบิว เรารีบเข้าโบสถ์กันเหอะ ไปช้า เดี๋ยวบาทหลวงจะดุเอาน่ะ" เนรัญชรากล่าว บริเวณหน้าที่ทำการศาลตรงหัวถนน มีเสียงเหง่งหว่างกังวานลอยมาจากหอนาฬิกา...ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปในสถานคริสจักร เพื่อร่วมสวดมนต์เย็นและเรียนรู้คริสตธรรม
ทั้งคู่เลือกที่นั่งใกล้ชิดติดกัน มีเพื่อนๆ จากโรงเรียนเดียวกัน มาร่วมสดับฟังคำสอนจากสาธุคุณ
ในโบสถ์ที่สุดแสนจะเงียบสงบ บิว รัตนะค่อยๆ เขยิบมือของตัวเองไปเกาะกุมมือบางนุ่มของเนรัญชรา ฝ่ายสาวเจ้าเบือนหน้าหันไปทางอื่น แล้วตีมืออีกฝ่ายเบาๆ พลางเอ่ยเป็นเชิงดุเล็กๆ
"ไม่เอาน่าบิว ปล่อยมือพี่ นี่มันในโบถส์นะ สำรวมบ้างเรา"
"เดี๋ยวกลับไปถึงบ้าน บิวมีอะไรให้พี่เก๋ดูด้วยล่ะ"
"ได้...แต่บิวต้องอยู่ช่วยพี่ทำความสะอาดโบสถ์กับซิสเตอร์ก่อนนะ"
"โอเค"
ที่บ้านพักของเนรัญชรา ศรีราชา....
"สวยไหม พี่เก๋ นี่อย่างตั้งใจเลยนะเนี่ย เอาไปให้อาจารย์จิวดู ท่านก็บอกเอาไปขายในนิทรรศการโรงเรียนได้เลย" บิวแกะห่อรูปภาพที่เขาตั้งใจวาดมาเพื่อเนรัญชรา เป็นภาพที่ลงสีและใส่กรอบไม้เรียบร้อยแล้ว
"โอ้โห....เหมือนพี่มาก นี่ฝีมือระดับปิกัสโซ่ในอนาคตเลยนะเนี่ยเรา" หญิงสาวร้องอุทานตาโต เอ่ยชมเป็นการใหญ่ สีหน้ามีความปลาบปลื้มยินดีในสิ่งที่บิวทำให้เธอ
"ทำไมบิวไม่เก็บไว้ดูเองล่ะ ถือเป็นผลงานของบิวเองเลยนะ"
"ไม่หรอก บิวจะเก็บไว้เองทำไม ก็วาดเสร็จก็ต้องให้เจ้าของภาพเขาสิ" บิวยิ้ม
"ไม่เก็บไว้ดูเวลาคิดถึงพี่เหรอจ๊ะ" น้ำเสียงนั้นมีแววออดอ้อน
"ไม่ต้องก็ได้มั้ง พี่เก๋ก็อยู่ข้างๆ บิว ไม่ไปไหนอยู่แล้ว เราเจอกันทุกวัน ได้เจอตัวจริงดีกว่านั่งกอดภาพเป็นไหนๆ"
"บิว นี่เธอดีกับพี่จริงๆ นะเนี่ย ถามจริงๆ คิดอะไรกับพี่หรือเปล่าเนี่ย?" เนรัญชราถาม ทั้งที่มีคำตอบอยู่แล้วในใจ บิวแอบชอบเธอ แต่ความสัมพันธ์ก็คงไม่คืบหน้าไปกว่าคำว่าพี่น้องหรือเพื่อน เนื่องจากอายุของทั้งคู่ที่แตกต่าง และความเป็นเครือญาติกัน
"พี่เก๋....คือว่า.....คือพี่สวยเหลือเกิน สวยจนบิวห้ามใจไม่ไหว" เจ้าบิวใจเต้นระทึก กระสับกระส่าย เมื่อได้โน้มใบหน้าของตัวเองมาจนชิดติดกับหญิงสาว ลมหายใจอุ่นๆ ผสมกลิ่นกายหอมๆ จากเรือนกายของเนรัญชรา ทำให้เขาแทบคลั่ง เผลอจะประทับริมฝีปากจุมพิตแบบเด็กไร้เดียงสาที่ริจะจูบปากกับผู้หญิงครั้งแรก มันจึงดูเก้ๆ กังๆ ติดๆ ขัดๆ เนรัญชราใช้ฝ่ามืออีกข้างดันหน้าอกของเจ้าบิวไว้ ด้วยความตกใจประหม่าไม่แพ้กัน
“หยุดนะบิว! น้องยังไม่รู้จักหรอกว่าความรักคืออะไร มันลึกซึ้งมากกว่าที่พี่และเธอเป็นอยู่ตอนนี้มากมาย อย่าทำกับพี่แบบนี้เลย ถ้าเธอรู้ว่าพี่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอแบบที่เธอคิด มันจะกลายเป็นยาพิษฆ่าเธอได้ทีเดียวเชียว”
“ทำไมล่ะ พี่เก๋มีใครในใจแล้วเหรอ” เจ้าบิวถามเสียงแผ่วเศร้า เนรัญชราน้ำตาซึม แทบไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายมีทีท่าอ่อนโยนลงได้ขนาดนี้ ทั้งที่ถูกเธอผลักไส บิว รัตนะ เป็นเด็กน้อยผู้อ่อนไหวเกินกว่าที่เธอจะทำร้ายใจ ไมว่าด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม เธอต้องเก็บบิวไว้เป็นน้องที่แสนน่ารักของเธอแบบนี้ตลอดไป
“พี่หมายถึงความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงที่เธอยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจน่ะสิ” เนรัญชราอธิบาย
“บิวรู้ว่าพี่เก๋ชอบคนอื่น แต่ความรักของบิวมันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ” เจ้าบิวรั้นถาม
“คือพี่กำลังจะไปสมัครเป็นนักแสดง ต่อไปเราคงทำอะไรเปิดเผยประเจิดประเจ้อแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว” เนรัญชราตอบเลี่ยงๆ ครั้นก็เพื่อดึงเขาให้หลุดจากภวังค์รักที่ตกอยู่ในตอนนี้ด้วย
“บิวรู้ พี่เก๋เป็นคนมีเสน่ห์ แต่บิวรู้มาว่า พวกผู้ชายในวงการพวกนั้นนะ เขาก็แค่ชอบผู้หญิงสวย เขาคงไม่หวังดีอะไรมากไปกว่าที่เราสองคนมีให้กันหรอก พี่เก๋รับบิวไว้พิจารณาเหอะนะ”
“พี่รักบิวแบบนั้นไม่ได้จริงๆ พี่ขอโทษน้องด้วย”
และเมื่อจบประโยคนั้น เจ้าบิวแทบไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ว่าได้หุนหันออกมาจากบ้านหลังนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเขาวิ่งมาเรื่อยๆ จนสุดทางถนนและไม่คิดจะเหลียวกลับไปมองดูสถานที่แห่งความช้ำใจนั้นอีก น้ำตาไหลพรั่งพรูเป็นทำนบพัง เหมือนความรักที่เพิ่งผลิบานออกดอกผลราวผลไม้ที่สุกปลั่งน่ากินในฤดูหนาวถูกเจ้าของผู้ฟูมฟักเหยียบลงไม่มีชิ้นดี ไม่ใช่ความผิดของเนรัญชรา ความผิดของเขา หรือของใครทั้งสิ้น หรือทุกอย่างจะเป็นเพราะพระเจ้าแห่งโชคชะตาได้กำหนดอนาคตไว้แล้วโดยสมบูรณ์
บิว รัตนะ ในเวลาปัจจุบัน……
“โธ่...ไม่น่าเลย พี่เก๋ ถ้าวันนั้นพี่เก๋ยอมรับรักบิว เรื่องทุกเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ บิวไม่ยอมปล่อยให้มันจบแบบนั้นแน่ๆ” บิว รัตนะ ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินลงอาบแก้ม มองไปที่ต้นคาเนชั่นแห้งเหี่ยวในแจกันใบเดิมที่ถูกปักทิ้งไว้เป็นนานหลายปี อย่างไม่มีใครเอาใจใส่
ความคิดเห็น