ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความใฝ่ฝันสีน้ำหมึกของไอ้บิว 100% เปิดตัวนางร้าย
ที่ตึกคณะจิตรกรรม
บิว รัตนะ นักศึกษาปี 4 ของ ม.บูรพา แม้เขาจะร่ำเรียนมาทางด้านศิลปะโดยตรง แต่ก็มีใจในด้านงานวรรณกรรมเป็นอย่างมาก เจ้าบิวใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักเขียนบทที่ดีให้ได้ หลังจากเรียนจบ จึงตระเวนส่งผลงานของเขาไปตามค่ายละครต่างๆ ซึ่งก็ได้รับการปฎิเสธมาแทบทุกครั้ง โดยเหตุผลที่คล้ายๆ กัน "ยังใหม่และฝีมือยังไม่ถึง สำนวนยังไม่ลื่นพอ" แต่ก็ไม่ทำให้บิวท้อถอย จนกระทั่ง ณ วันนี้ที่เขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า บริษัท "หรรษาการละคร"
"อ้าว..ผู้สมัครคนสุดท้ายรอบเย็น ขอเชิญคุณรัตนะ รุ่งทิวา เข้าไปพบบอสได้แล้วค่ะ" เสียงเลขาหน้าห้อง ขานเรียกชื่อเขา
"เอ่อ..ขอบคุณมากขอรับ" บิวก้มหัวน้อมรับเธออย่างสุภาพ พลางหอบเอกสารงานของเขาที่วางไว้บนโต๊ะรับแขกขึ้นไว้แนบอกอย่างตื่นเต้น ท่าทางเขานุ่มนิ่มเหมือนสตรีมากกว่าหนุ่มสาววัยนี้ทั่วไป
"ต๊าย..ตุ๊ดหรือเปล่าหรือจ๊ะนี่ เออ..จะไหวมั้ยเนี่ยเธอ รีบๆเข้าไปเร็วๆ บอสงานยุ่งมาก เย็นนี้มีนัดกับนางเอกในสังกัด ให้เวลา 10 นาทีเท่านั้นนะ แล้วก็พูดจาให้มันเพราะๆ ล่ะคะคุณ" เลขารีบกำชับตามกฎ บิวหน้าเจื่อนลงนิด แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ อายๆ รีบก้มหน้าเดินเข้าไปภายในห้องทำงานภายในที่ดูโอ่โถงอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ในนั้นติดแอร์เสียเย็นเฉียบ จนเขารู้สึกหนาวสะท้านวูบขึ้นมา เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในห้องก็ดูเหมือนจะมีราคาแพงเว่อร์ จนทำให้บิวอึ้ง..
บิวพบกับสาวใหญ่วัยกลางคน นั่งกอดอกไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้เลื่อนตัวใหญ่ ท่าทางของเธอดูเต่งตึงผิดวัย เขาเองได้บังเอิญรู้มาจากปากพนักงานที่หน้าเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ ว่าแท้จริงอายุอานามเจ้านายคนนี้ก็ปาเข้าไป 40 กว่ากะรัตแล้ว แต่เธอยังดูสาวและสวยดี ทั้งบุคลิกก็น่าเกรงขามจนเขารู้สึกกริ่งเกรง ซ้ำการแต่งตัวก็ดูมีคลาส ภูมิฐานสมกับเป็นเจ้าของค่ายละครที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย
เธอเหยียดสายตามองบิวหัวจรดเท้า ทำให้บิวไม่เข้าใจในสายตาที่แสนเย็นชานั้น เขาคิดไปเองว่าบอสคนนี้อาจจะกำลังนึกดูถูกในสถานภาพของเขาที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ก็ได้ ชุดนักศึกษา-รองเท้าที่ค่อนข้างเก่าที่ใส่มา มันทำให้เขาเริ่มก้มมองตัวเองอย่างหดหู่ใจไม่น้อย ยิ่งเธอพยายามเพ่งเล็งสายตาตรงมาที่เขา ยิ่งทำให้บิวเริ่มรู้สึกกระดากอาย เงอะๆ เงิ่นๆ ประหลาดใจชอบกล
"ใครใช้ให้เธอแต่งตัวแบบนี้มา ทำไมไม่ใส่เสื้อให้ดูสุภาพ" เสียงนั้นไม่ดังมากมาย แต่ดูมีอำนาจอยู่ในที
"ครับ ขอโทษครับบอส กลัวเขาปิดรับสมัครแล้วไม่ทัน เลยมาทั้งชุดและเสื้อแบบนี้ก็ถูกแล้ว แต่เออ..แต่ว่ากางเกงมันเปื้อนสีเพราะผมเพิ่งทำงานศิลปะเสร็จครับ" บิวตอบเสียงอ่อย หน้าถอดสี ที่โดนบอสคนเก่ง ดุต้อนรับไปก่อนแล้ว
เขารีบร้อนมาจริงด้วยวันนี้ และอีกทั้งนิสัยพื้นเดิม ก็ดูเป็นคนลุยๆ ง่ายๆ สบายๆ เปิดเผย ไม่ปกปิดเพศอันแท้จริงของตัวเอง จนบางครั้งก็ปล่อยตัวจนเกินงาม เขาพยายามหาข้อแก้ตัวให้ดูดีที่สุด
"เตรียมไม่ทันจริงๆค่ะ บิวเพิ่งวาดภาพของมหาลัยเสร็จก็รีบมาเลย"
"ไม่ต้องมาอ้าง ขี้เกียจเปลี่ยนชุดก็บอกมาตรงๆ อย่าหัดเป็นเด็กโกหกสิ มันไม่ดีนะ เด๋็กสายศิลป์ก็แบบนี้แหละ ติสท์จนเคยตัว" ขาดคำบอสสาว บิวรีบยกมือไหว้เธอเป็นเชิงขอโทษ รู้สึกขัดเขินอย่างไรพิกล
"งั้นบิวขออนุญาตลากลับนะครับ บิวผิดที่ไม่ให้เกียรติสถานที่ ไม่เป็นไร ถือว่าบิวทำผิดกฎการสมัครงาน ทั้งที่รู้แล้วแต่ก็ยังพลั้งเผลอ บอสเรียกคนอื่นเข้ามาแทนได้เลยครับ" บิวทำท่าหันหลังจากไปอย่างปลงๆ ใจ เขาพลาดไปแล้วจริงๆ ที่ไม่รอบคอบเอาซะเลย
"ก็ยอมรับมาตรงๆ ฉันไม่เคยว่าอะไรนะ เจอมาเยอะพวกเด็กอาร์ท ขอให้งานดีก็พอ แต่ฉันไม่ชอบคนที่โกหก เอาไงก็เอาเถิด ตามสบายละกัน ฉันไม่อยากกดดันเธอ สงสาร ฉันขอให้เธอแทนตัวเองว่า บิวเป็นครับ จะดีกว่านะ มันจะดูน่ารักกว่า กันคนหมั้นไส้ คือคนในบริษัทนี้มีผู้ชายที่ไม่ค่อยชอบตุ๊ดอยู่เยอะพอสมควร ฉันอยู่มานานฉันรู้"
นรากรชี้แนะไปอย่างหวังดี เธอยิ้มอย่างมีแววปราณีให้เขา ท่าทางเธอเป็นกันเองและไม่ถือตัว ทำให้บิวเริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมามาก
"คือว่า บิวไม่ใช่ตุ๊ดนะครับบอส" เจ้าบิวหน้าแหยหัวเราะเบาๆ
"เอาเหอะ เธอจะเป็นอะไรก็สิทธิส่วนตัวของเธอ นั่งก่อนสิ" คนที่ได้ฐานะบอส บ่ายมือเชื้อเชิญเขาอย่างเต็มใจ
"เอาล่ะ เรามาคุยกันเรื่องงานเลยดีกว่านะ จะได้ไม่เสียเวลา"
"ฉันชื่อ นรากร วงศ์เพชร นะ เรียกฉันว่าพี่ต้อยก็ได้ เป็นผู้บริหารของที่นี่และคุณพ่อฉัน "คุณอเนก" เป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ เธอคงได้เห็นรูปของท่านที่ติดไว้หน้าห้องทำงานแล้ว หากเจอท่านก็ยกมือไหว้ด้วยล่ะ หน้าที่ของฉันคือดูแลพนักงานทุกคนในนี้ รวมทั้งนักเขียนบทอย่างเธอ คอยประสานงาน รวมทั้งจัดคิวและคัดเลือกนักแสดงหน้าใหม่ที่จะมาเล่นละครให้กับค่ายของเราและสถานีช่อง14"
" ส่วนประวัติเธอฉันได้อ่านหมดละ เธอเรียนทางด้านศิลปะที่บางแสน มหาลัยอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเสียด้วย เกรดเฉลี่ยก็อยู่ในเกณฑ์ดีมากนะ แต่ทำไมถึงคิดอยากทำงานด้านนี้ล่ะ เธอรู้ใช่ไหม ว่างานเขียนบทน่ะมันทั้งหนักและเหนื่อย อีกทั้งปัญหาจุกจิกภายในกองถ่ายแต่ละกองน่ะสารพัดมากมายแค่ไหน"
"ผมชอบการวาดภาพและการเขียน มันคือศิลปะที่งดงามอ่อนโยนและบริสุทธิ์ หากผมได้ทำทั้ง 2 สิ่งนี้คู่ไปด้วยกัน ก็ถือเป็นโชคดี ผมอยากทำมันด้วยใจรัก รักและฝันมาตลอดว่าอยากทำ"
"ขยันจังนะเธอ เรียนปีสุดท้ายคงจะเหนื่อยน่าดู ทั้งต้องคว้าใบปริญญาให้ได้ และยังแบ่งเวลามาเขียนงานอีก"
"ผมรู้ว่างานมันเหนื่อยและยากแค่ไหน เขียนนิยายก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ยิ่งเขียนบทละครยิ่งละเอียดใหญ่ แต่ถ้าใจเรารักมันซะอย่าง ยิ่งทำก็ยิ่งมีความสุขใช่ไหมบอส" บิวพยักหน้ารีบตอบทันควัน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั้น ฉายแววประกายมุ่งมั่น
"ใช่แล้ว นักเขียนบท ไม่มีใครเขารับกันง่ายๆ ละครเรื่องหนึ่ง เราต้องลงทุนเป็นสิบๆ ล้าน เราก็อยากได้คนที่ทำงานเป็น ถ้าเผอิญเธอมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีเลย ไม่ต้องเสียเวลาเทรนกันมากนัก ที่สำคัญที่เราอยากได้ คือคนขยันและทำงานจริงไม่มีบ่น ไม่ย่อท้ออุปสรรค"
"เธอไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องการรีไรท์นิยายใช่ไหม เอานิยายของนักเขียนเขามาแก้บทตามที่เราบอก แก้ซ้ำไปซ้ำมา จนกว่าทีมงานจะพอใจ ละครบางเรื่อง ถ่ายไปออกอากาศไป เธอก็ต้องแก้บทไปตามฟีคแบ็คของตลาดคนดูว่าเขาชอบแบบไหน มันไม่มีอะไรตายตัวน่ะ งานมันไม่อยู่กับที่ บทละครมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามกระแสในเน็ตและเรทติ้งจากพวกชาวบ้าน"
เจ้าบิวนั่งนิ่งตั้งใจฟังและเก็บรายละเอียดที่บอสของเขา บอกไว้ในหัวให้ได้มากที่สุด
"บอสไม่ต้องห่วง บิวจะไม่ทำให้ผิดหวังเลย" เขากล่าวสั้นๆ อย่างมั่นใจ
"ทีนี่เราจะทำงานกันแบบพี่น้อง เอ่อ..คือว่า ช่วงแรกมันจะหนักหน่อยนะ เพราะเธอเพิ่งฝึก อาจยังไม่มีประสบการณ์มากพอเหมือนพวกรุ่นพี่ แล้วไปนานๆ เธอจะคล่องเอง ฉันเอาใจช่วย ทางเราก็มีสวัสดิพิเศษอื่นๆ เช่นการเลี้ยงอาหารฟรี เที่ยวฟรี มีกิจกรรมให้นักเขียน ได้ออกไปนู่นไปนี่บ้าง เพื่อผ่อนคลายสมองกัน"
"เอาเป็นว่าฉันไว้ใจ รับเธอเข้าทำงานละกันนะ ฝึกงาน 3 เดือน เราจะหยั่งเชิงดูงานกันก่อน จะดูว่าเธอถนัดแนวไหนมากที่สุด หรือเขียนแนวไหนแล้วทำได้ดี เราจะป้อนงานให้ต่อเนื่อง ส่วนเรื่องค่าตอบแทนไม่ต้องห่วง คุ้มแน่นอน ถ้าไม่คุ้ม คงจะไม่มีนักเขียนมากมายอยากเดินมาที่นี่หรอก จริงไหมคะ" บอสสาวเอ่ยอย่างภูมิใจ
"ใจเธอชอบเขียนแนวไหนมากสุดล่ะบิว"
"ชอบทุกแนว ทั้งบู๊ แฟนตาซี แนวผี ตลก แต่ที่ถนัดที่สุดก็แนวรักๆละจ๊ะ บอส"
"ดีแล้วล่ะ คนอ่านส่วนใหญ่ก็ชอบแบบนี้ อ่านเรื่องรักที่เพ้อฝัน นิยายบางเรื่องมีเรื่องรักน้อยมาก เราต้องมาแก้บท เ้พิ่มบทใหม่ให้ดูมีสีสัน เน้นเรื่องรักเข้าไปเยอะๆ คนดูทีวีจะติดละครของเรากันมาก"
"ระหว่างนี้เธอต้องมีผลงานมาให้ฉันดูทุกอาทิตย์ ทุกวันเสาร์ห้ามหยุดห้ามเบี้ยว ห้ามไปติดสาวที่ไหน เธอต้องมาอบรมนักเขียนบทตามกฏของบริษัท แล้วแต่สถานที่ที่ทางเราจะนัดให้ไปรวมกลุ่มเจอกันที่ใดบ้าง นี่เป็นรายละเอียดงานคร่าวๆ ลองเอากลับไปอ่านที่บ้านดูคืนนี้ ทำความเข้าใจกับมันนะ" บอสสาวยื่นเอกสารบริษัท เป็นคู่มือสำคัญสำหรับพนักงานใหม่ ส่งให้กับเขา
"ห้ามทำหาย ทำพัง ห้ามเปียกน้ำนะ เราแจกให้ชุดเดียว ไม่แจกอีก ถ้าทำหายฉันจะตัดชื่อเธอออกจากลิสพนักงานทันที ถือว่าสะเพร่าเลินเล่อ นี่จะเป็นบททดสอบความใส่ใจและความรอบคอบในงานขั้นแรกของเธอ ตั้งสติให้ดี จำไว้ว่าอย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ รอบตัว ดูแลรักษาสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากฉันให้ดีที่สุด คิดว่าเธอ คงปรับตัวได้กับงานใหม่"
บิวดีใจจนแทบจะกระโดด ใจเต้นโครมครามในอก แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ด้วยสำรวม เขาได้งานพิเศษทำแล้ว ปิดเทอมนี้คงจะมีรายได้พอมาจ่ายค่าหน่วยกิต โดยไม่ต้องรบกวนคุณน้าของเขาอีก ระหว่างนี้ก่อนเรียนจบ เขาอยากหารายได้เล็ก น้อยๆ มาใช้จ่ายเองบ้าง มันเป็นความภาคภูมิใจลึกๆ ของเด็กมหาลัยคนนึงที่เริ่มคิดหาเงินได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยพึ่งพาผู้ใหญ่ทางบ้านให้มากมายนัก
"ทิ้งท้ายที่ฉันอยากบอกคืออย่านอนดึก อย่าทำร้ายสุขภาพตัวเอง เครื่องดื่มของมึนเมาไม่ควรเสพ สายตากับสมองของเธอสำคัญที่สุด บำรุงรักษามันให้ดี สตีเฟ่นคิงส์ เคยกล่าวไว้ว่า งานเขียนจะออกมาดีได้ ต่อเมื่อสมองและใจนักเขียนโปร่งใส และร่างกายก็ต้องสมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยมาเบียดบัง ทุกสิ่งมันคือกลไกทางร่างกายและจิตใจที่สัมพันธ์กัน ขนานไปกับจินตนาการที่โลดแล่นไปตามที่ใจเราสร้างสรรค์นึกฝัน ถ้าเธอทำอย่างที่ฉันแนะนำจะเป็นผลดี"
"บอสน่ารักจัง ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย ทุกคำที่บอสพูดสอน มันทำให้มีพลังมีไฟอยากเดินหน้า ต่อไปนี้ ต่อให้งานหนักแค่ไหนก็ไม่กลัวแล้วล่ะจ๊ะ"
นรากรยิ้มอย่างเอ็นดู จากสังเกตุเด็กคนนี้ท่าทางซื่อใส ฉลาดตอบและช่างคิด กระตือรือร้นดี อีกทั้งรูปกายภายนอกก็ดูงดงามหมดจรด อ่อนหวานมีเสน่ห์ หน้าตาหล่อคมคายต้องตาต้องใจสตรี บอสสาวนึกชื่นชมอยู่ในใจ
"ฉันมีธุระอย่างอื่นต้องทำอีก คงต้องขอตัวก่อน นัดดาราใหม่เอาไว้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวสุขุมวิทน่ะ ส่วนเธอก็กลับบ้านไปได้ละนะ โชคดี" บอสสาววัยกลางคนเอ่ยตัดบท พลางก้มมองนาฬิกาฝังเพชรเรือนสวยที่ข้อมือ
บิวเดินออกจากบริษัท แอบร้องเพลงเบาๆ คลอไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ตามประสาคนอารมณ์ศิลป์ในวิสัย ระหว่างทางจะกลับออกมา เขาได้พบเจอกับสาวสวยสะดุดตาคนนึง เธออยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้น ใส่เสื้อสีขาวเอวลอยนิดๆ ดูเซ็กซี่เตะตาน่ามอง เธอสวยมาก หน้าหวานเชียวล่ะ สวยจนเขาต้องเหลียวตากลับไปมองอีกครั้ง รูปร่างสมส่วนสไตล์หุ่นนางแบบนิตรสาร ดูดี แลดูสูงโปร่ง หุ่นก็กำลังดี น่ารักน่าโอบประคอง ไม่อวบเกิน เรียวขางามงด ผิวพรรณสดใสผุดผ่องเสียจนทำเอาบรรดาหนุ่มๆ ในบริษัทนั้น ต่างพากันจ้องมองจนแทบจะเหลียวหลัง เธอคนนี้ที่เขาคาดเดาว่า น่าจะเป็นดาราหน้าใหม่แกะกล่องของ "หรรษาการละคร" เพราะบิวไม่เคยเห็นหน้าเธอทางจอทีวีมาก่อนเลย
"คงจะเป็นดาราแน่ๆ ถึงกล้าแต่งตัวแบบนี้เข้าไปในบริษัทได้....." เจ้าบิวนึกในใจ แอบลอบมองดวงหน้าที่มีเสน่ห์นั้นอย่างไม่วางตา ดูเหมือนสาวน้อยจะรู้ตัวอยู่บ้าง ว่ากำลังเป็นจุดสนใจของเขา เธอปรายตามองมาที่เขานิดนึง แต่แล้วเมื่อเจอสายตาหวานคมปราบของบิว เธอก็ต้องหลบสายตาลงอย่างเอียงอาย...
"เธอรู้ตัวเสียแล้วว่าเราแอบมอง" เด็กหนุ่มรำพึง พลางยิ้มและโค้งศรีษะให้อีกฝ่ายอย่างมีมรรยาท แสร้งหันหน้าไปเสียทางอื่น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจึงเดินตรงไปที่จอดรถของตัวเองเพื่อจะกลับบ้าน....แต่ทันใดนั้นเอง!
"อุ๊ยว้าย! ตายแล้ว" หญิงสาวร้องอุทานอย่างตกใจ บิวรีบหันควับกลับไปทันที พบว่าแม่สาวชุดเปรี้ยวคนนั้นเดินสะดุดของแข็งที่เป็นปูนซีเมนต์ฉาบเอาไว้ เท้าไวเท่าความคิด บิวรีบเขาจึงรีบถลันเข้าไปประคองเธอ ด้วยกลัวว่าจะเธอจะบาดเจ็บหกล้มไป
"เป็นอะไรมากไหมคุณ" บิวถาม หน้าอกของเธอแนบชิดกันกับหน้าอกของเขา บิวรู้สึกใจสั่นหวิว เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่เคยได้แนบชิดเนื้อตัวผู้หญิงบ่อยเท่าใดนัก และเมื่อสบตากับเธออีกครั้ง เขาก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์
"ไม่ๆๆ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยืนเองได้ ลำบากคุณเปล่าๆ" หญิงสาวกล่าวเกรงใจ ตะกุกตะกักเล็กน้อย
"คุณชื่ออะไรเหรอจ๊ะ....." ไม่รู้เป็นเพราะอะไรดลใจ ทำให้บิว รัตนะ อยากรู้จักเธอเสียเดี๋ยวนั้น
"นวลนิจค่ะ" หญิงสาวตอบ หลบสายตาบิวอย่างเอียงอาย ครานี้เขาถึงเห็นชัดถึงเครื่องสำอางค์หนาเตอะที่แต้งแต้มอยู่บนใบหน้าของเธอ และเรือนหน้ารูปไข่ ประกายตาดึงดูด รวมทั้งเส้นผมยาวสลายทอประกายรับแสงอาทิตย์ยามเย็น ทำให้เหมือนทุกอย่างรอบตัวเขาหยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะ ปกติบิวไม่ชอบผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดจ้านเท่าใดนัก แต่สำหรับเธอคนนี้แล้วให้ถือว่าผ่าน
"คุณเดินไปที่รถไหวไหม หรือต้องให้ช่วยประคอง" บิวถามขณะที่ร่างบางของเธอถูกเขารั้งไว้แนบอก เพื่อไม่ให้เธอทรุดลงไปกับพื้น
"ขาข้างขวาเจ็บค่ะ โอ๊ย......." หญิงร้องโอดโอยอีกครั้งเบาๆ ซึ่งเขาคาดว่าเธอคงข้อเท้าแพลงชั่วขณะ
"เอาละนะ ขออุ้มไปดีกว่า ประทานโทษนะ คงไม่ว่ากันใช่ไหม" บิวถามอีกครั้งตามมรรยาท หน้าหวานของเขายิ้มละม้ายใจดี คนอะไรช่างหล่อและอบอุ่นได้ขนาดนี้ นวลนิจแอบนึกในใจ
บิวอุ้มร่างเธอเข้าไปในรถยนต์ส่วนตัวของนวลนิจนั่นแล้ว แต่ก็ยังไม่วายที่จะถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
"คุณพอขับรถเองได้ไหม ผมมีเพื่อนที่เรียนมหาลัย เขามีบ้านอยู่ใกล้ๆ แถวซอยลาดพร้าวนี่แหละ ถ้าคุณไว้ใจ จะได้ให้เขาขับไปส่งให้ที่โรงพยาบาลให้" แววตาเอื้ออาทร มีมิตรไมตรีของบิว รัตนะ ทำให้นวลนิจเกิดประทับใจ
"อุ๊ยไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บขนาดนั้น ฉันแค่ประมาท เดินซุ่มซ่ามไม่ระวังเอง แต่ยังพอขับได้ค่ะ ไม่เป็นไร ไม่ใช่ฉันไม่ไว้ใจคุณนะ คุณเป็นคนดีมาก ฉันขอบใจในความมีน้ำใจของคุณนะคะ"
"โอเค เอางั้นก็ได้คุณนวลนิจ นี่นามบัตรของบิวนะ มีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกได้เลย" นวลนิจรีบหยิบนามบัตรจากมือเจ้าบิวมาถืออย่างดีใจ ทั้งคู่ยืนคุย ทำความรู้จักกันครู่หนึ่งอยู่ที่โรงจอดรถของบริษัทหรรษาการละคร
"ค่ะ คุณคงมาสมัครเป็นนักแสดงเหมือนฉันใช่ไหมคะ" นวลนิจถาม
"ปะ..เปล่า ผมมาสมัครเป็นนักเขียนบทต่างหาก แล้วก็สัมภาษณ์แล้วด้วยนะ" บิวตอบภูมิใจ
"เจ้านายต้องรับคุณแน่ๆ ยินดีด้วยนะคะ" บิวพยักหน้ารับ ยิ้มให้
"ค่ะ หวังว่าเราคงได้พบกันอีก และได้คุยกันยาวๆ กว่านี้นะคะ"
"ด้วยความยินดียิ่งครับ" บิวตอบ
ก่อนนวลนิจจะสตาร์ทรถเครื่องจากไป บิวก็หันหลังกลับไปพลางเอ่ยถึงเธออีกครั้ง
"คุณเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ จะเดินเหินอะไรควรระวังตัวหน่อย ผอมอย่างนั้น ล้มพลาดไปกระดูกกระเดี้ยวจะหักเอาได้ เอ่อ! แล้วก็ขานั่นน่ะ ถ้าคืนนี้เกิดปวดขึ้นมา อย่าลืมทานยาพารา หรือนวดด้วยเค้าเตอร์เพนนะ เดี๋ยวจะลุกไปทำงานไม่ไหว"
นวลนิจไม่ตอบแต่หัวเราะเสียงใส รู้สึกนึกเอ็นดูในคำพูดของเจ้าบิว เขาช่างซื่อและเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีจริงๆ เธอยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะหักพวงมาลัยรถตีวงแล่นหายไปจากที่ตรงนั้น
"สวย น่ารัก ยิ้มมีเสน่ห์" บิว รัตนะ แอบเพ้อในใจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น