ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อุบัติรักทางสัญจร ภาค 1 (นิยายเพศที่3)

    ลำดับตอนที่ #10 : ฟ้าและฝนเป็นใจ (ตอนอัพเดท ล่าสุด)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 62



    ต้นฉบับเดิม กำลังรีไรท์ใหม่ให้ดีขึ้นๆ เรื่อยๆ ครับ...





    ผมมองรถเบ็นส์สีน้ำเงินสุดหรูของคุณเธอ แล่นผ่านไป แล้วยามหน้าประตูก็โบกมือให้รถคุณหมอหยุดอยู่เป็นครู่ ผมเหลือบเห็นเจ้ายามตี๋หน้าโรงพยาบาลมันทำท่าทางประหลาด ๆ ให้ชวนสงสัย แล้วถือดอกไม้ช่อโตยื่นให้คุณหมอของผม


    “มาแล้วคร้าบ.... ดอกไม้แสนสวย ขององค์หญิงแสนงาม เจ้าชายประทานมาให้........”

    “ไม่เอา บอกแล้วไง ว่าให้เอาไปให้แฟนนายที่บ้าน”

    ผมได้ยินเสียงคุณหมอ แว่วมาแค่นั้น แล้วเธอก็รีบบึ่งรถจากไป ส่วนเจ้ายามคนนั้นก็ยังพล่ามของมันไปเรื่อยเปื่อย


    “มาอีกแว้ว..... มาอีกแว้ว...... มันมาสามเวลาหลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ยิ่งกว่ายาแก้ไข้อีกเว้ย”

    “ดีนะ มันไม่เอามาให้ ก่อนอาหารคุณหมอด้วยล่ะมึง” เจ้ายามหน้าไทยแท้อีกคนนึง ที่อยู่หลังป้อม สั่นหัวอย่างเอือมระอา

    “ข้าว่า จะเอาไปทำพิพิธภัณฑ์ สวนดอกไม้ แถวบ้านดีไหมวะ ไม่รับก็ม่ายด้าย รับมา ก็โดนด่า กรรมของเวร เวรของกรรม กรรมของยาม ยามมีเวร ก็ยามมีกรรม ตูรับมา ตูโดนหมอด่าทู้ก....ที”

    “แก จะบ่นทำไมวะ ก็เวลาไอ้สารวัตรมันเอา ขนม นมเนย มาให้คุณหมอ เธอก็ไม่เคยรับนี่นา สุดท้ายมันก็ตกถึงท้องยามจนๆ อย่างพวกเราทุกที”

    ว่าแล้วเจ้ายามหน้าตี๋จีน ก็โยนช่อดอกไม้ เข้าไปในป้อมของมัน ดังตุ้บ ผมคิดว่าดอกไม้สวยๆ แพงๆ แบบนั้น ถ้าช้ำขึ้นมา น่าเสียดายแย่ ผมอยากรู้ใจจะขาด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของคุณหมอแล้ว ขอผมเจือกหน่อยเถอะ

    “นี่ นี่ คุณหมอเน ยังไม่มีแฟนเหรอ” ผมแอบกระซิบถามเจ้ายามหน้าไทย รู้สึกจะได้กลิ่นเหล้าฝรั่งอ่อนๆ จากมัน ติดจมูกมาด้วย


    “ก็ไอ้สารวัตร ลูกนายพล คนนั้นน่ะสิ มาตามจีบคุณหมอเรา มาทุกวั้น ทุกวัน ขยันเอาดอกไม้มาให้

    ไม่รู้บรรพบุรุษมันชอบทานดอกไม้เป็นอาหารว่างรึไง คุณหมอเขาเคยบอกแล้ว ว่าม่ายรับ ม่ายรับ”


    “ไม่แน่ใจนะ เห็นมีแต่ผู้ชายมาจีบ แต่ก็ไม่เห็นคุณหมอ  ยอมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ใครสักที ขับรถมาเอง เช้า เย็น อาจจะไม่เจอผู้ชายที่ถูกใจก็ได้มั้ง เขาบอกว่าเธอเพิ่งจบใหม่จากกรุงเทพ ถูกส่งมาประจำโรงพยาบาลต่างจังหวัด ที่นี่ ฝีมือการผ่าตัดเนี้ยบ ไม่เคยพลาด” เจ้าหน้าตี๋อีกคน รีบช่วยเสริมทันที


    แค่รู้ว่าเธอยังไม่มีแฟน ก็ทำเอาผมหัวใจพองโตคับอกแล้วล่ะครับ แต่ก็ยังไม่ด่วนสรุปเอาง่ายๆ ต้องสืบกันต่อไป แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะดลใจให้เราสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว หรือว่ามันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ก็ไม่แน่นะครับ ผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองขนาดนั้นหรอก แต่ดูเหมือนฝ่ายผมจะมีใจให้คุณหมอแบบเต็มๆ แล้ว แต่มันก็ยังไม่จบแค่นั้นครับ อยากรู้ไหมครับ ถ้าคุณหมอเธอรู้ว่าผมเป็นทอมแล้ว เธอจะมีปฎิกิริยายังไงบ้าง !!




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    จากวันนั้นมาผมก็ได้เจอเธออีกบ้างในบางครั้ง ที่เวรเธอเข้าตรวจคนไข้ เวลาเจอกัน เราก็ยิ้มให้กันปกติ ให้ตายเหอะ ผมชอบรอยยิ้มอ่อนโยน แต่แฝงเสน่ห์ของคุณหมอซะจริง ผมชอบแอบดูเธอทำงาน กิริยาของเธอที่แสดงกับคนไข้ เหมือนเธอทำหน้าที่นั้นด้วยหัวใจ มาจากความปรานีจากใจส่วนลึกของเธอจริง ๆ เธอทำให้ผมเชื่อแบบนั้น นี่แหละครับ ที่ผมเรียกเธอว่า “เทพธิดาแห่งความการุณย์” ก็คงไม่ผิดนักใช่ไหมครับ

    สำหรับผมแล้วการที่ได้พบและได้คุยกับเธอ แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ที่เรารู้จักกัน ก็เหมือนการได้พบกับโลกใหม่ที่สดใส มันช่างหอมหวาน และอบอวลไปด้วยมิตรภาพอันดีของเราทั้งคู่ ผมไม่รู้ว่าโลกของผม จะเหมือนกับโลกของเธอหรือเปล่า และความรู้สึกของผม คุณหมอก็เหมือนดอกไม้แรกแย้ม ที่เบิกบาน มีชีวิตชีวา เป็นดอกไม้ที่ใคร ต่อใครก็อยากจะถือไว้ในกำมือครับ

    “ธารา คุณอาการดีขึ้นมากแล้วนี่คะ อีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้แล้ว”

    เธอกล่าว ขณะที่สั่งให้พยาบาล เหน็บปรอทไว้ที่ใต้ลิ้นผม


    ภาพของผู้หญิงใส่ชุดกาวน์ นั่งป้อนข้าวผม แทบทุกเย็น ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ไม่เคยเลือนหายไปจากอดีต ความจำอันงดงาม ผมตั้งใจจะเก็บ รายละเอียดทุกอย่าง ผ่านตัวอักษรให้ได้มากที่สุด แม้เหตุการณ์ที่ผมเขียนนี้ จะผ่านมา สามปีแล้วก็ตาม ทุกภาพยังแจ่มกระจ่างชัดอยู่ในความทรงจำ ตลอดมา


    “อีกไม่กี่วันก็ไม่ได้เจอกันแล้ว ธารจะคิดถึงหมอบ้างหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงนั้นมีแววออดอ้อนอยู่ในที

    “คิดถึงสิ ทุกครั้งที่ธารได้เห็นคุณหมอ เหมือนได้เห็นภาพที่สวยงามที่สุด”

    “สวยงามเหรอ หมอดุแบบเนี้ยนะ ธารคงดีใจมากกว่า ที่ไม่มีใครมาคอยดุธารเวลากินข้าว”

    “คงเหงามากกว่า เวลากินข้าว นี่ล่ะ จะคิดถึงหมอเนมากที่สุด”

    คุณหมอก้มมองที่เฝือกของผม แล้วจับมันลูบอยู่สองสามที


    “อดทนหน่อยนะคะ อย่าให้โดนน้ำ ถ้าคันล่ะก็ ห้ามเอาไม้แยงเข้าไปในเฝือก เดี๋ยวหมอให้ยาแก้คันไปดีกว่า คุณจะได้นอนหลับสบาย”

    “ธารไม่เคยเข้าเฝือก จะอึดอัด รำคาญ แต่จะอดทนให้ถึงที่สุด”

    “เดี๋ยวถอดออกมาก็รู้ค่ะ ถ้ามีคนมือคัน ชอบไปล้วงมัน แยงมัน แผลก็จะบ่งชัดว่าติดเชื้อ หมอบอกได้แค่นี้ ถ้าธารไม่เชื่อ หมอจะตีให้มือหักทีเดียว”

    เธอพูดพลาง ตักแกงจืดป้อนผม เหมือนเด็กๆ

    “จะหมดแล้ว เหลืออีกครึ่งจาน เร็วๆ ”

    “ไม่ไหวแล้ว......” ผมเอามือตีพุงตัวเอง มันแน่นจริงๆ ครับ

    “คำสุดท้าย นะนะ.........” เธอคะยั้นคะยอ ในที่สุดก็เกลี้ยงจาน และเป็นอย่างนี้แทบทุกเย็น !

    “ตั้งแต่ป่วยธาร ผอมลงหรือเปล่าเนี่ย อย่าลืมชั่งน้ำหนักนะ”

    “ธารจะไม่ลืมบุญคุณ หมอผู้แสนดี”

    “พูดอะไรหวานเป็นนิยายขนาดนั้นล่ะคะ พ่อศิลปินผู้อ่อนไหว เป็นหมอก็ต้องมีหน้าที่ดูแลคนไข้ เพียงแต่อาจจะมีคนไข้ บางคน ที่ถูกชะตาด้วยอย่างแรง ก็เลยดูแลเป็นพิเศษหน่อย”

    “ ถ้ามีโอกาสธารจะพาคุณหมอไปเลี้ยงข้าวขอบคุณบ้าง ไม่ใช่ร้านอาหารที่อุดอู้อย่างที่นี่ จะพาไปกินบรรยากาศดีดี รับรองคุณหมอต้องชอบแน่นอน”  ผมรีบเสริมต่อ

    “ไม่เอาที่แพงนะคะ ถ้าธารหมดเงินมาก หมอโกรธนะ ขอที่ที่เงียบๆ หน่อยก็พอ”

    เราคุยกันไม่นาน เสียงเพลงในร้านข้าว ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ


     
    แค่อยากรู้ แค่ถามดู

    บอกได้ไหม ความในใจ

    แค่อยากรู้ แค่ถามดู

    บอกได้ไหม ว่าใจเธอคิดอย่างไร (ถ้าเป็นจริงจะว่าไง)




    “คุณหมอชอบเพลงนี้ไหม”

    “ชอบค่ะ ......” เธอยิ้ม

    “การที่เราจะบอกความในใจใครสักคน บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ ถ้าเราไม่แน่ใจว่าคนนั้นเขาคิดกับเรา เหมือนที่เราคิดกับเขาหรือเปล่า” ผมพรั่งพรูความรู้สึกภายในออกมา

    “ฮืม.....ถ้าหมอเป็นอย่างในเพลงนี้ คงอึดอัดน่าดู ธารเคยมีความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่าคะ”

    “รู้สึก แต่ ก็ช่างมันเหอะ......”

    “รีบบอกคนนั้นๆ ไปเถอะค่ะ อย่าให้สายจนเกินไป รู้ไหมวันเวลาชีวิตคนเราสั้นนักนะ ธารกับหมอก็เกือบจะจบชีวิตตัวเอง ลงในวันนั้นแล้วเห็นไหม ….”


    เราสนทนากันอย่างเพลิดเพลินอยู่อีกสักพัก จนฟ้าเริ่มครึ้ม เมื่อมองออกไปภายนอก.....

    “ฝนจะตกแล้ว คุณหมอจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า ธารจะกางร่มไปส่งที่รถ..ธารเอาร่มมา”

    “จะดีเหรอ ธารป่วยอยู่นะคะ .......”

    “ไม่เป็นไร เราไปกันเถอะ คุณหมอ ก่อนจะตกมากกว่านี้ เดี๋ยวขับไปไม่เห็นทาง”

    ผมกางร่มให้เธอ ตัวเราทั้งคู่จึงมาเบียดกันมากกว่าเดิม วิ่งเหยาะๆ มาถึงรถ ฝนเริ่มเทสาดเม็ดหนาขึ้นเรื่อยๆ

    “อูย........ตกใหญ่แล้วธาร ทำไงดี เปียกหมดแน่ๆ ...”


    แล้วก็ไม่รู้เหมือนครับ ว่าผีอะไรเข้าสิงผมในวันนั้น จะเป็นผีโรงพยาบาลหรือเปล่า ผมคว้าเอวบางๆ ของคุณหมอ มาแนบไว้กับตัวผม ไม่ได้ถือโอกาสจะลวนลามอะไรหรอกนะครับ แต่กลัวเธอเปียกมากกว่า ร่มที่ผมถืออยู่ก็คันเล็กเสียเหลือเกิน

    “ชุดขาวคุณหมอเลอะหรือเปล่า”

    “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้รีบเอาไปฆ่าเชื้อแต่เช้าเลยค่ะ”

    ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นรถ

    “อุ๊ย......ระวังเลื่อนนะหมอ” ผมอุทาน รีบถลาไปรับร่างงามนั้นไว้ไม่ให้ล้ม

    “มักง่าย จริง ๆ ทิ้งไม่เป็นที่ ฝนยิ่งตก ยิ่งลื่น เหยียบหัวแตกกันพอดี”


    ผมเตะเศษเปือกกล้วยกระเด็นไปด้วยความโมโห ร่างบางของคุณเธอยังอยู่ในอ้อมแขนของผม "คุณหมอมีเสน่ห์เหลือเกิน ทั้งอ่อนหวาน-น่าทนุถนอมที่สุด" ผมพร่ำเพ้อแต่ประโยคนี้ดังก้องอยู่แต่ในใจของตัวเอง ไม่มีเสียงให้เธอได้ยิน

    และไม่รู้เป็นเพราะอะไร ที่ทำเราสบตากันนิ่งอยู่เป็นครู่ เหมือนดังต้องมนต์สะกด การได้ถูกเนื้อตัวผู้หญิงสวย ซึ่งนาน ๆ ที ที่คนอย่างผมจะได้สัมผัสมัน เลยรู้สึกหวิว ๆ ใจสั่นอย่างไรพิกล ผมหลุดจากภวังค์เมื่อเธอค่อยๆ แกะมือผมออกจากมือเธอ

    "ปล่อยมือหมอเถอะค่ะ หมอพยุงตัวเองได้แล้ว" เธอเอ่ยเสียงเบา พยายามหลบสายตาของผม ผมจับคางเล็กๆ นั้นเชยขึ้นอย่างเอ็นดู

    "คือ...คือว่า คุณหมอ คือว่าธาร เอ่อ......"  ผมได้แต่อึกอักอยู่ในลำคอ เหมือนมีอะไรมาจุกที่อกไปจนถึงลิ้นปี่

    แล้วคุณหมอเนติยาผู้ชาญฉลาด ก็เอ่ยขึ้นเป็นเชิงตัดบท
    “’งั้นๆ คือ หมอ...จะขอตัวกลับนะคะ เย็นแล้ว” เธอเองก็พูดจาติดๆ ขัดๆ เช่นกัน

    “ขับรถดีดีนะคุณหมอ”  ผมตัดใจกล่าวอำลา

    เธอก้าวเข้าไปนั่ง ไม่หันมามองผมอีกเลย ผมปิดประตูรถให้เธอ มองรถเบ๊นซ์สีน้ำเงินวาวคันนั้น ค่อยๆ แล่นลับตาไป ด้วยความเสียดาย




    สมมุติว่าฉัน บอกว่ารัก

    อยากรู้นักเธอ ยังจะเชื่อไหม


    สมมุติว่ามัน คือความจริงใน

    สายไปใช่ไหม ช่วยบอกฉันที...
    .












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×