ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : การพบกันครั้งแรก (ยังไม่รีไรท์)
ขอแนะนำ คุณหมอของผมหน่อยนะครับ ผมรู้ว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่พิเศษ ซ่อนอยู่ในตัว เธอเป็นคนไม่ค่อยเปิดเผยตัวกับใครนักหรอกครับ ถึงแม้เธอจะเป็นคนสวยก็เถอะ ผมมั่นใจ มีผมคนเดียวเท่านั้น ที่เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
และนั่นก็คือเสน่ห์ภายในของเธอ...เธอ คือนางในฝันของผม ผมเห็นเธอในความฝัน..มานานนม นาน มากๆ จนไม่รู้ว่าฝันนี้ มันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่...เรารู้จักกันได้ เพราะอุบัติเหตุครับ
ผมคิดว่าผมเป็นคนที่โชคดีนะ ที่รอดตายจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมา และเหนือไปกว่านั้น ผมโชคดี ที่ได้เจอคุณหมอ รถเมล์ท่องเที่ยวสายใต้สายนั้น อย่าให้อธิบายเลยครับ แหลกยับไม่มีชิ้นดี แต่น่าแปลกนะ ไอ้คนที่พาคนหลายคนเขาไปพบจุดจบ ยมบาลกลับปล่อยให้ลอยนวล คนขับอย่างไรละครับ หนีไปไร้ร่องรอยช่างไม่รู้สึกสำนึกผิดชอบอะไรบางเลย
มาพูดถึงคุณหมอของผมต่อ....
รถเมล์สายมรณะ คันนั้น มีคุณหมออยู่ในรถด้วยแน่นอน เรานั่งกันคนละที่ เธอนั่งอยู่แถวกลางๆ ส่วนผม นู่นได้ตั๋วอยู่เกือบท้ายรถแน่ะครับ พอรถพุ่งตกคูน้ำ นัยว่าผมจะสลบไป แต่คุณหมอ คนสวยผู้มีเนื้อหนังทนทาน หรือจะมีบุญ ก็สุดแท้แต่จะทราบได้ กลับรับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ขณะที่ผมหมดสติอยู่นั้น เธอเล่าให้ผมฟังอย่างประทับใจ ตอนที่รู้สึกตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เธอได้ช่วยอุ้มผมขึ้นมาจากน้ำ (ช่างใจบุญเสียจริง แม่คุณ แต่ก็สงสัยอยู่นิดนึง ผู้หญิงอะไรแรงเยอะเป็นบ้า น้ำหนักตัวผมน่ะ ประมาณ 60 กก. เชียวนะครับ เธอคงจะเหนื่อยแทบขาดใจกระมัง ที่โหนผมขึ้นจากน้ำมาได้) ก็จัดการปฐมพยาบาล และผายปอดตามวิชาที่เธอเรียนมา เธอเล่าว่า ที่เธอช่วยผมไว้ เพราะเห็นว่า ผมน่าจะมีโอกาสรอด ในขณะที่หลายๆ คนน่ะ เธอก็พยายามช่วย แต่เขาขาดใจไปซะก่อน
“คุณหมอ ผู้ช่วยชีวิตธาราเอาไว้ ธาราจะไม่ลืมบุญคุณ ตลอดชีวิตที่เหลือนี้ ธาราเป็นของคุณหมอนะ”
ผมท่องประโยคนี้ไว้ในใจ ถึงแม้แขนข้างถนัด จะยังใช้การไม่ได้ ก็พยายามใช้แขนที่เหลืออยู่ จดมันลงกระดาษ แล้วแอบซ่อนไว้ในตู้ใส่ของคนไข้
เชื่อว่า ชีวิตของทอมทุกคน ก็คงจะมีสักครั้งหนึ่ง ที่อยากบอกความในใจ ให้แก่ผู้หญิงที่ตัวเองรักได้ฟัง อย่างสุดซึ้ง และคำๆนั้นก็คือ คำว่า "รักคุณ"
ผมเคยคิดว่า สักวันหนึ่ง ผมคงจะได้มีโอกาสพูดคำนี้ ให้ใครสักคนได้ฟังบ้าง หมอเนคนสวย ผู้ร่วมชะตากรรมในรถคันนั้นกับผม เธอเป็นเจ้าของไข้ผมด้วย
+++++++++++++++++++++++
.....ในโรงพยาบาล ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียง เจ็บหนึบๆ ที่แขนและที่ท้อง รู้สึกเหมือนมีมือนุ่มๆ กำลังจับที่ชีพจรผมอยู่.......
"เอ...ทำไมนอนคลุมโปงล่ะ คงหนาวมากสินะคะ... "
เสียงใสหวาน ดังขึ้น ตอนนั้นผมยังจำหน้าคุณหมอเน ไม่ค่อยจะได้ สมองผมได้รับความกระทบกระเทือนเล็ก น้อย จึงต้องพยายามนึกย้อนไป คลับคล้ายคลับคลาว่าเธอ จะเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน กับคนที่ผมแอบปิ๊งในรถมรณะคันนั้นหรือเปล่า
"ถ้าคุณเป็นไข้อยู่ ยิ่งห่ม จะยิ่งร้อนรู้ไหม ห่มปิดถึงแค่หน้าอกพอนะคะ"
อะฮ้า...เสียงเพราะขนาดนี้ ต้องใช่แน่ๆ
"คุณหมอคะ คนไข้รายนี้ขี้หนาวค่ะ เห็นขอผ้าห่มตั้ง สองผืน ดูสิ คลุมซะมิดเชียว" เสียงของนาง พยาบาล หัวเราะคิกคัก
"นี่ เปิดผ้าห่มนะคะ คุณไอ้โม่งขา จะคลุมไปทำไมนัก"
แม่หมอเสียงหวาน รีบถลกผ้าห่มของผมออก ผมเห็นเธอถนัดตาคราวนี้เอง....
สวยตะลึงเลยครับ สวยไม่บันยะบันยัง ยิ่งกว่าเห็นนาง ฟ้าชั้นไหนๆ อีก นีแหละคือปิ๊งแรกของผม ( ลูกสาวใครทำไมถูกใจจริงๆ ส่งสายตาให้กันปิ๊ง ๆๆ) ใช่จริงๆ ด้วยครับ แม่คนสวยที่ผมแอบมองเธอตอนที่เธอเผลอหลับในรถ แต่หลังจากนั้น อุบัติเหตุก็ทำให้ให้สติสัมปัญชัญยะ ผมดับวูบลง จนมาลืมตาอีกครั้งที่นี่นั่นล่ะ....
เธออยู่ในชุดขาวสะอาด เธอมองมาที่ผมด้วยสายตากระวนกระวาย สวยวุ้ย ขาววุ้ย ผมนึกในใจ ขนาดป่วยยัง ไม่เจียม ผมสั่นหนาวเพราะแอร์ในห้องจึงต้องคลุมโปงมิดหัวจรด เท้า สั้นสู้ครับ สั้นสู้ !
"ถามเขาหรือเปล่า ว่าเจ็บตรงไหนอีกบ้าง ให้ยาหรือยัง"
ผมสังเกตเห็นผ้าก็อตเล็กๆ ที่ปิดไว้ ตรงหน้าผากด้านขวาของผู้หญิงคนที่เป็นหมอ คงเป็นแผลฝากมา จากอุบัติเหตุครั้งนี้ กระมัง จึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“คุณหมอเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“นิดหน่อยเองค่ะ ถ้าเทียบกับคุณ ที่แขนหัก แล้วก็ ผลการตรวจเอ็กซเรย์ ภายในร่างกายอย่างละเอียด คงจะทราบอีกสักสองถึงสามวันนะคะ”
พยาบาลสาวคนนั้น กระซิบที่ข้างหูนายหมอของเธอ แล้วมองมาที่ผม อย่างขำๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ
"คุณหมอคะ อย่าลืมจัดการนะคะ เรื่องที่ฟ้องไปเมื่อกี้"
"เธอไปดูคนไข้เตียงอื่นเถอะ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เดี่ยวหมอจะคุยกับเขาเอง ไม่ต้องห่วง"
"ได้ข่าวว่า ในห้องนี้ มีคนดื้ออยู่ด้วยเหรอคะ ทำไงน้า..ถึงจะหาย จะจับมัดเสียกับเตียง เดี๋ยวจะหาว่าหมอใจร้าย"
ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เธอพูดนักหรอกครับ พยายามนึกแล้ว นึกอีก ว่าตัวเองทำความผิดอะไรไว้ และกลายเป็นคนดื้อไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงแสร้งทำเป็นคุยเรื่องอื่น เพื่อกลบเกลื่อน
“คุณหมอ นานไหม กว่าจะแขนจะกลับคืนดังเดิม”
ผมถามไป ด้วยความกังวล ก็ผมเป็นนักดนตรีนี่ครับ แขนและมือ เป็นสิ่งจำเป็นในการหาเลี้ยงชีพ วาดว่าย บรรเลงฝัน มันจะเป็นอะไรไป ไม่ได้เลย ผมถนอมมันเท่าชีวิตเลยนะเนี่ย
“คงประมาณ 3 เดือนค่ะ กว่ากระดูกจะเข้าที่ ก็ถอดเฝือกออกได้ กลัวเล่นดนตรีไม่ได้เหรอ ” เธอตอบยิ้มๆ ก่อนจะถือแฟ้มประวัติคนไข้ เดินคล่องแคล่วไปที่ข้างประตู เพื่อเบาแอร์คอนดิชั่น คุณหมอเธอรู้อาชีพผม
"จริงๆ แล้วก็เล่นได้สองมือเลยนะ แต่ถนัดข้างขวามากกว่า"
ผมยิ้มให้เธอ รู้สึกเพลินในกริยาของเธอจังเลยครับ ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไร ก็ดูมีเสน่ห์ไปหมด
"คุณหมอรู้ได้ไง ว่าคนไข้คนนี้เป็นนักดนตรี" ผมชี้มาที่อกตัว
"จากญาติของคุณ ที่มาเยี่ยม ตอนที่คุณสลบไป เขายังเจอเครื่องเป่าของคุณที่ตกอยู่ในรถที่คว่ำด้วย แต่มันคงจะพังไปแล้ว หมอเก็บไว้ให้ที่วอร์ดนะคะ อยากได้ก็ไปเอา"
"แล้วนี่พวกเขาไปกันหมดแล้วหรือ"
"เหงาเหรอคะ พรุ่งนี้ ถึงจะอนุญาติให้เข้าเยี่ยมอีกครั้ง"
คุณหมอช่างอ่อนโยน พูดจาไพเราะ ผมอยากรู้ชื่อเธอใจจะขาด เอาเป็นว่า ถามซะเลยดีไหมครับ
“คุณหมอมีแฟนหรือยังครับ”
อุ๊ย ...ตายละหวา ผมหลุดปากพูดอะไรออกไปเนี่ย ดีนะ ที่เสียงนั้นไม่ดังพอ มิฉะนั้น แฟ้มเหล็ก ในอ้อมแขนคุณหมอ อาจลอยละลิ่วมาใส่หัวผมได้ หมอสาว รีบหันกลับมามอง
“บ่นอะไร..พูดดังๆ สิ....” ผมเริ่มติดอ่างในทันที
“เอ่อ. คะ .คือว่า อยากรู้ชื่อคุณหมอ แหะ.. แหะ..” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ก็ถามพยาบาลเอาสิคะ หรือไม่ พอคุณลุกเดินได้ ก็ไปดูที่วอร์ด นู่นไป มีรูปถ่าย มีรายชื่อหมอตั้งหลายคน”
"จ๊ะ" ผมพยักหน้ารับ อดไม่ได้ที่จะแอบลอบมองใบหน้าสวย หวาน ผิวพรรณสะอาด นวลเนียน นั้นบอกถึงการถูกเลี้ยงดูมาเป็น อย่างดี
“เอาละ หมอขอห้ามคุณ ถามอะไรอีก เกี่ยวกับตัวหมอ พักผ่อน มากๆ กินยาให้ครบ ตามที่พยาบาลจัดมาให้ แล้วอย่าให้รู้ล่ะ ว่าแอบทิ้งลงถังขยะ เหมือนเมื่อกี้”
คราวนี้จากเสียงหวานๆ เมื่อครู่ ก็เริ่มดุขึ้นเล็กน้อย ตายละ ผมลืมทำลายหลักฐาน เสียสนิท มันเลยเกลื่อนเต็มถังขยะ ข้างเตียงเลยครับ
“หมอรู้ คนดื้ออย่างคุณเป็นคนไม่ชอบทานยา คงจะติดนิสัยนี้มาแต่เด็ก แต่ยานี้เป็นยาแก้ปวด คืนนี้ล่ะ คุณจะปวดแผลมาก เพราะมันอักเสบ คุณต้องทานยานี้ก่อน หมอไม่อยากจะเห็นคนบางคนร้องโอดโอย...”
“ไม่ร้อง ไม่ร้อง ” ผมให้คำมั่น พลางยกนิ้วก้อย ให้สัญญา อยากจะให้คุณหมอเอานิ้วมาเกี่ยวกับผมด้วยจัง แต่ก็เก้อครับ
“ดีค่ะ...มีอะไร กดกริ่งเรียกพยาบาลละกัน อย่าดื้ออีกล่ะ ถ้าไม่เชื่อละก็ เราจะได้เห็นดีกัน !”
"อะจึ๊ย ! ดุจังแฮะ"
เจอคำสั่งอันเด็ดขาด ทำเอา ผมหงอเลยครับ ถึงจะเป็นหมอที่เฮียบไปหน่อย แต่ก็น่ารักดีใช่ไหมครับ อ่านต่อไปนะครับ แล้วผู้อ่านจะหลงรักเธอ เหมือนที่ผมหลงรัก แต่ขอบอกไว้ก่อน คนเนี้ย ผมจองแล้วนา.....
ร่างบอบบางในชุดเสื้อกาวน์สีขาว บริสุทธิ์ เดินไปที่ประตูทางเข้าอีกครั้ง แต่แล้วก็หันกลับมาถามบางอย่างกับผม
“คุณชื่อเล่นว่าอะไร....หือ คุณ ธารา”
ด้วยความทะเล้นที่มีอยู่ในตัวมาแต่อ้อนแต่ออก ผมจึงชี้ไปที่แก้วน้ำ ที่วางอยู่บนโต๊ะ คนไข้
“ชื่อแก้วเหรอ....” ผมรีบส่ายหน้า แล้วตอบกำกวมอีก เพื่อจะรั้งเจ้าหล่อนไว้ให้คุยกับผมนานๆ
“ในแก้ว....นั้นอ่ะ เขาเรียกว่าอะไรล่ะคุณหมอ”
“ชื่อ น้ำ เหรอ" หน้าสวยเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ
"เกือบถูกแล้ว ชื่อธารครับ ธารแปลว่า น้ำ ฉะนั้น จึงชื่อธาร ซึ่งก็มาจาก ชื่อจริงคือธารา นี่เอง"
"พูดจาเล่นลิ้นเก่งนักนะ สำบัดสำนวนที่หนึ่ง อย่างนี้ต้องเจอหมอกับพยาบาลดุดุ !!”
พอพูดจบ เธอก็รีบหันหลังเดินจากไป ผมได้แต่มองตามหลังเธอไป ด้วยความรู้สึกที่สบายใจ และเป็นสุข มาช่วยลุ้นนะครับ ว่านายพรานหนุ่มอย่างผม จะวางกับดักรักคุณหมอสาว ได้หรือไม่
หายเจ็บเมื่อไหร่ละก็ จะตามแจกขนมจีบ ถึงห้องไอ-ซี-ยู เลยเชียว !
++++++++++++++++++++++
หลังจากผ่านไปสามวัน ผมรู้สึกว่าอาการผมดีขึ้นมานิดหน่อย จึงขอย้ายจากห้องพิเศษ มาอยู่ที่ตึกโอพีดี ซึ่งเป็นตึกรวม พักฟื้นผู้ป่วยโรคกระดูกทั้งหมด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย มีเพื่อนๆ ที่สนิท ทยอยกันมาเยี่ยมไม่กี่คนนักหรอกครับ แต่ของฝากเล็กน้อยๆ จากพวกเขา ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกจมเลยครับ ผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นที่รอดมา ก็ใช้เครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเกลือระโยงระยาง ส่วนญาติของผู้ที่เสียชีวิตรายอื่นๆ ก็ร้องไห้ คร่ำครวญ ไปตามประสา บ้างก็มารับศพไปบำเพ็ญกุศล
“เราเยียวยาเขาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เขาก็อยู่ได้แค่ สามวัน รายอื่นๆ ก็เหมือนกัน อวัยวะภายในฉีกขาดหมด เราจะทำอย่างได้” เสียงพวกพยาบาลในตึกคุยกันอย่างเครียด ผมเองฟังแล้วรู้สึกหดหู่ตามไปด้วย
และได้ยินเสียงญาติคนไข้ข้างเตียงผม คุยถึงคุณหมอคนสวยของผม ให้ฟังว่า
“นี่แหละ คุณหมอ คนนี้แหละที่สวยๆ เดินผ่านไปเมื่อกี้ เขาบอกว่า ร่วมขบวนรถคันนั้นไปด้วย แต่ดูสิ แกแทบจะไม่เป็นอะไรเลย แค่บาดเจ็บ ถูกกระจกบาดเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสวย ทั้งมีบุญ....ว่ามะ”
“ใจบุญอีกต่างหากป้า….เมื่อวานเย็นนะ ฉันกับลุงไปนั่งร้องไห้ข้างตึกอุบัติเหตุ บอกไม่มีเงินค่ารักษา เจ้ากลอยมัน คุณหมอคนนี้แหละ เดินเข้ามาปลอบ บอกจะจัดการทุกอย่างให้...”
ผมได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกและตื้นตันและภูมิใจในตัวคุณหมอ ครับ คิดสังสัย ว่าทั้งสวยทั้งดีอย่างนี้ มีคนรู้ใจหรือยังหนอ แต่ใครจะกล้าถามละครับ กลัวเข็มฉีดยา จะลอยมาปักหัวกบาลผมซะก่อน น่ะสิ
หลังจากพอจะเดินเหินได้ ผมก็ออกมาผ่อนคลาย นอนแบะกับเตียงมาสามวัน มันก็ชักคันไม้คันมืออย่างไรชอบกลครับ เดินทอดน่องไปตามเฉลียงตึก สายตา สอดส่อง หามุมสงบๆ นั่งคิด นั่งเขียนโน้ตเพลงอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็มาหยุดตรง ม้านั่งหินอ่อน ในสวนหย่อมของโรงพยาบาล
“คุณยังไม่หายดี ฉันจะอนุญาติให้นั่งเขียนถึง 5 โมงเย็นเท่านั้น” เสียงใสๆ ที่คุ้นหู ดังขึ้นด้านหลังผม
“คุณหมอเน....” ผมเรียกชื่อเธออย่างดีใจ ทั้งที่เพิ่งเจอกันมาหยกๆ เวลาเรียกชื่อเธอทีไร มันรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างไรบอกไม่ถูก
เธออยู่ในชุดกีฬาสบายๆ ดูแล้วก็เหมือนผู้หญิงสาวรุ่นๆธรรมดา ทั่วไป ทิ้งมาดความเป็นหมอ เสียสนิทเลย
“ทำไมเลิกงานเร็ว วันนี้ ”
“ทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้ว จะไม่ให้หมอพักบ้างเลยเหรอคะ ใจร้ายจัง”
“ตามสบายเลย คุณหมอ เห็นหมอทำงานแล้วเครียดแทนจัง แล้วนี่ เลิกงานแล้วจะไปไหนต่อ”
ผมกล้าที่จะเริ่มชวนเธอคุย เพื่อผูกความคุ้นเคย มันเป็นโอกาสของผมแล้วครับนี่ครับ
“ก็ไปเต้นแอโรบิคต่อสิคะ เอ.....นายรู้ชื่อฉันแล้วใช่ไหม.....”
“รู้แล้วย่ะ หมอเนติยา จะให้ทวนไหม หมอเน !! หมอเน !! หมอเน !!”
ผม เอามือป้องปากตัวเอง เรียกชื่อเธอซ้ำไปซ้ำมาอย่างสนุก เสียงผมเริ่มดังขึ้น ดังขึ้น จนคนที่นั่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ต่างหันมามองเรา อย่างแปลกใจ
“นายธารา !! ธารา !! ธารา !! ธารา !!... ” คราวนี้หมอเนเลยเอาคืนบ้าง
เราต่างเรียกชื่อของกันและกัน อย่างสนุก เหมือนจะไม่มีใครยอมแพ้ใคร
“พอเหอะค่ะ อายเขา อีตาจอมทะเล้น”
ว่าแล้วคุณหมอก็ส่งยิ้มให้ผม หน้าเธอแดงระเรื่อขึ้นมาฉับพลัน ปลายหางตาคุณหมอช่างคม หวาน กรีดหัวใจดีจังเลยครับ
เธอย่อตัวลงเขยิบมานั่งใกล้ๆ กันกับผม
“ทำไมคุณหมอ เรียกธารว่านายล่ะ ธารไม่ใช่ผู้ชายนะ” เธอสบตาผมนิ่ง เวลาโดนสาวๆ จ้องตานานๆ เนี่ย ผมมักจะออกอาการเด๋อด๋าทุกที
“ก็รู้อ่ะ แต่ ทำไมนายไม่เหมือนผู้หญิงเลยล่ะ ไว้ผมสั้น แถมยังเดินทื่อๆ ขวางๆ แบบผู้ชาย อีก เวลาพูดก็เลี่ยงที่จะพูด คะ ขา มันหมายความว่ายังไง ?”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น