ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยังคิดไม่ออก(ไว้คิดออกจะบอกแล้วกัน)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ย. 50


                    ฝ่าบาท...ฝ่าบาทเพคะ ! หม่อมฉันมิสามารถทนดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ต้องตกตายอย่างอเน็จอนาถได้...ขอได้โปรดทรงตรึกตรองดูอีกทีเถิดเพคะ ...เด็กคนนี้เป็นบุตรของท่านนะเพคะ !”   สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดของสตรีชาววังเอ่ยขึ้นต่อชายผู้อยู่ตรงหน้า แม้น้ำเสียงของนางฟังดูร้อนรนเพียงใด แต่เขาก็คล้ายหาได้มีความทุกข์ร้อนไม่

                    มเหสีที่รักของข้า...เรื่องนี้มิใช่ว่าข้าตัดสินใจโดยชั่ววูบ แต่หากว่าเรามิส่งเด็กคนนี้ไปให้เป็นของบรรณาการแด่องค์พระจักรพรรดิตามที่พระองค์ประสงค์แล้วนั้น เห็นทีเมืองของเราคงต้องล่มสลายลงเป็นแม่นมั่น หรือเจ้าจะยอมให้ประชาชนต้องรับเคราะห์อันใหญ่หลวงนี้ องค์ราชาแห่งเมืองต้าหลังกล่าวอย่างสงบ คล้ายว่าเรื่องที่กำลังพูดอยู่ มิได้มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับพระองค์

                    ทว่า...หากพระองค์ส่งบุตรของเราไปแล้ว ข้าเชื่อว่าองค์พระจักรพรรดิ คงต้องสังหารเขา เพื่อมิให้ ผู้อื่นคิดกระด้างกระเดื่องเช่นท่านอีกเป็นแม่นมั่นนางยังคงคิดกล่าวเว้าวอนต่อผู้เป็นสามีต่อไป แต่กลับต้องสงบลงเมื่อองค์ราชากลับตวาดอย่างกริ้วโกรธ

                    หนึ่งชีวิตของบุตรแลกกับหลายชีวิตของประชาชน นี่ย่อมคุ้มค่ามากนัก ! เจ้ามิต้องกล่าวอันใดอีกแล้ว ออกไปเสีย !!!”

                    พระมเหสีจึงจำใจต้องจากมา แม้ว่านางยังมีคำพูดคิดกล่าว แต่ก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้ เนื่องจากที่องค์ราชาพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ...นางเองก็มิอาจละทิ้งประชาชนของนางเพื่อครอบครัวของตนฝ่ายเดียวได้ นางจึงได้แต่ร่ำไห้ ร่ำไห้ต่อชะตาชีวิตของตน ชะตาชีวิตของสามี และชะตาชีวิตของบุตรที่เพิ่งถือกำเนิดได้ไม่ถึงเดือน

                    หากว่าตอนนั้นท่านมิได้กระด้างกระเดื่อง คิดแข็งเมืองต่อองค์พระจักรพรรดิ ไหนเลยจะเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้

                    แต่หากว่าท่านมิทำเช่นนั้น อาณาประชาราษฎร์ก็คงอยู่อย่างมิเป็นสุข ท่ามกลางการกดขี่ข่มเหงของเหล่าทหารพระจักรพรรดิ

                    ถ้าเช่นนั้นหากว่าท่านทำสงครามชนะได้ เมืองของเราก็คงไม่ต้องตกระกำลำบากอีก และก็ไม่ต้องส่งบรรณาการพร้อมทั้งชีวิตองค์ชายน้อยไปสังเวยให้แก่องค์พระจักรพรรดิผู้โหดร้ายนั่น

                    แต่ข้าก็รู้ดีว่า กำลังไพล่พลของเรามีเพียงหยิบมือเมื่อเทียบกับเหล่าทหารชาญสงครามขององค์พระจักรพรรดิแล้วนั้น ช่างจิ๊บจ้อย ...เสบียงของเมืองก็มีไม่พอกิน อดอยากแร้นแค้นไปทั่วทุกหย่อมหญ้าอยู่แล้ว ไหนเลยจะมีเพียงพอ ต่อสงครามที่ยืดเยื้อได้ ไหนเลยจะสามารถมีชัยในสงครามนี้ได้ !’

                    พระมเหสีทรงกันแสงอย่างหนัก พร้อมทั้งคิดขัดแย้งไปมา จนกระทั่งในที่สุด นางก็ทนต่อสภาพร่างกายที่อ่อนล้าไม่ไหว และสลบไสลไป โดยหารู้ไม่ว่านั่นทำให้นางมิได้แม้แต่จะมีโอกาสร่ำลาต่อลูกน้อยที่นางรักนักหนา

                    ระหว่างที่พระมเหสีสลบไปโดยมีเหล่านางกำนัลคอยดูแลอยู่นั้น องค์ราชาจึงได้มีรับสั่งให้นำตัวทหารจำนวนหนึ่งเข้าเฝ้าเป็นการด่วน

                    พวกเจ้าจงจัดม้าเร็ว นำตัวองค์ชายห่อด้วยผ้าไหมหายากผืนหนึ่ง พร้อมด้วยทองคำห้าสิบชั่ง และดาบสวรรค์พิฆาตศัตรูไปส่งมอบเป็นเครื่องบรรณาการแด่องค์พระจักรพรรดิ โดยเดินทางให้ถึงเมืองหลวงก่อนฟ้าสางของวันรุ่งขึ้น ....ไป !” 

                    พะย่ะค่ะฝ่าบาท พวกเขาเหล่านั้นต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียง แล้วรีบปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในทันทีทันใด แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่พวกเขาก็ยังเดินทางอย่างรีบเร่ง และมิได้หยุดพักในระหว่างทางเลย ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเดินทางกันไปจนถึงเมืองหลวงก่อนฟ้าสาง และนำของบรรณาการไปถวายแด่องค์พระจักรพรรดิในตอนเช้าของวันนั้นได้ในที่สุด

     

    ............................................................

                     “...อืม ข้าคิดว่าองค์ราชาของต้าหลังจะมิส่งตัวบุตรชายรัชทายาทมาเสียอีก มิคิดเลยว่าองค์ราชาจะขลาดเขลาถึงเพียงนี้ ...หวาดกลัวข้าจนต้องยอมส่งลูกออกมาตายแทน ...ฮ่าๆๆๆ ! นี่ช่างน่าขันยิ่งนัก !” ผู้พูดซึ่งแม้ว่าไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าคือ องค์พระจักรพรรดิ ผู้มีชื่อเสียงในทางไม่ดี ยิ่งใหญ่ ก้องโลกนั่นเอง พระองค์ปกครองไพร่ฟ้าประชาชนด้วยความโหดร้าย ขุนนางผู้ใหญ่ก็ไม่กล้าจะขัดประสงค์ของพระองค์ ด้วยเกรงอาญาประหารชีวิตทั้งตระกูล เหล่าประชาชนและเมืองน้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงล้วนแล้วแต่หวาดกลัว ยอมศิโรราบอยู่แทบบาทของพระองค์ มีเพียงองค์ราชาของเมืองต้าหลังเท่านั้น ที่กล้าหาญจะออกมาต่อกรกับพระองค์ และในที่สุดก็พบกับความพ่ายแพ้เช่นนี้นี่เอง

                    บังอาจ ! เจ้ากล้าลบหลู่องค์ราชาของเรา เจ้าต้อง...เสียงของทหารผู้หนึ่งซึ่งจงรักภักดีต่อองค์ราชาขาดห้วงไปกะทันหัน จากการที่ทหารขององค์พระจักรพรรดิฟันด้วยดาบจนถึงแก่ความตาย

                    เหล่าพี่น้องเพื่อนพ้องทหารต้าหลังต่างเป็นชายชาตินักสู้ ครั้นเห็นเพื่อนพ้องต้องตายไปต่อหน้าต่อตา แม้แต่นายเหนือหัวก็โดนหยามเหยียด จึงมิอาจทนทานไหว ต่างก็พร้อมใจกัน กล่าววาจาหมายตระเตรียมตกตายตามทหารที่ตายไปคนก่อน

                    องค์ราชายอมเสียสละดวงใจของท่าน เพื่อเหล่าพสกนิกรต่างหากเล่า ตัวเจ้านั่นแหละที่ขลาดเขลา มิหนำซ้ำยังเบาปัญญาอีกด้วย!”

                    ความเมตตา กล้าหาญ และเสียสละขององค์ราชายิ่งใหญ่เหนือกว่าราชาใดๆ แม้กระทั่งองค์พระจักรพรรดิเยี่ยงเจ้าก็มิอาจทาบติด!”

                    แม้ในวันนี้ต้าหลังของเราจะต้องยินยอมเป็นเมืองขึ้นแก่เจ้า แต่ว่าสักวันต้าหลังจะต้องมีชัยเหนือเมืองหลวงของเจ้าเป็นแม่นมั่น !”

                    ๚ล๚

                    แน่นอนว่าหลังจากนั้น พวกเขาก็ต้องตายอย่างอนาถไร้ที่กลบฝัง อยู่ตรงนั้นเอง และก็เช่นเดียวกันกับที่ไม่มีผู้ใดสามารถกลับไปรายงานต่อองค์ราชาแห่งต้าหลังได้อีก ว่าองค์พระจักรพรรดิจะทำอย่างไรต่อไปกับองค์ชายน้อยผู้เป็นเครื่องบรรณาการ

                    ฆ่าเด็กทารกนี่เสีย องค์พระจักรพรรดิรับสั่งต่อทหารผู้หนึ่ง ที่ยืนอยู่ แม้ว่าตัวของพระองค์เองจดจำทหารเลวผู้นี้ไม่ได้ แต่ก็ทรงมั่นพระทัยว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนคำสั่งของตน

                    พะย่ะค่ะทหารผู้นั้นรับคำ แล้วรีบอุ้มเด็กทารกหรือองค์ชายน้อยแห่งต้าหลังเดินจากมา

    เขาเดินได้ระยะหนึ่ง แล้วจึงเริ่มออกวิ่ง วิ่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้น จนออกนอกประตูพระราชวัง แต่เขาก็ยังคงไม่หยุดวิ่ง แม้ว่าจะเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอย่างไร แต่หากว่าองค์พระจักรพรรดิทราบว่าเขานำทารกน้อยหนีไป ไม่เพียงแต่ทารกเท่านั้น ตัวเขาเองก็ต้องมอดม้วยตามไปด้วย

    อาจบางทีเป็นเนื่องจาก เขาเองก็เคยมีบุตร และได้สูญเสียบุตรไป เมื่อครั้งองค์พระจักรพรรดิขึ้นครองราชย์แล้ว ทหารของพระองค์เข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผลและบ้าคลั่ง เขาสาบานว่าจะอย่างไรต้องแก้แค้นให้ภรรยาที่ถูกย่ำยีจนถึงแก่ความตาย และบุตรที่เข้ามาปกป้องมารดา จนต้องจบชีวิตไปอีกคน เขาโทษตัวเองตลอดมาที่ไม่สามารถช่วยทั้งสองไว้ได้ทันท่วงที จนกระทั่งเขามาสมัครเป็นทหาร เพื่อรอวันที่จะได้แก้แค้น แต่ก็ได้มาพบกับทารกน้อยเสียก่อน ทำให้เขาคิดถึงบุตรของตน และตัดสินใจช่วยชีวิตของทารกน้อยเอาไว้

    จับมันให้ได้ ! หากมันผู้ใดสามารถนำหัวของมันและทารกมาได้ ข้าจะตบรางวัลอย่างงามพร้อมทั้งเพิ่มยศให้อีกสองขั้น !” องค์พระจักรพรรดิ ประกาศก้อง อย่างโกรธกริ้ว และรู้สึกราวกับว่าตนเองโดนเหยียดหยามอย่างรุนแรง ...

     

    .................................................................

     

    สิบปีต่อมา............

    ท่านพ่อ...ท่านพ่อ...ท่าน

    เรียกทำไมอยู่ได้ มีอะไร หือ ?” ชายวัยกลางคนถามต่อเด็กชายที่ร้องเรียกอยู่ด้านข้าง

    ทำไมท่านพ่อถึงไม่ยอมให้ข้า เข้าไปในเมืองหลวงล่ะเด็กชายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดู แต่ช่างเป็นคำถามที่สร้างความกังวลใจให้แก่ผู้ตอบเสียเหลือเกิน

    นั่นก็เพราะว่าในเมืองหลวงมีแต่อันตรายทั่วไปหมดยังไงล่ะ

    ไม่จริงหรอก ข้าได้ยินจากเด็กในหมู่บ้านมาว่าที่นั่นมีของเล่น ของกินอร่อยๆแล้วก็คนอยู่กันเยอะแยะไปหมดเลยเด็กชายเบ้ปาก พร้อมทั้งโต้แย้งต่อชายวัยกลางคนไม่หยุดปาก

    พูดมากจริงๆเลย ข้าบอกว่าไม่ก็ไม่สิผู้เป็นพ่อสรุป

    ให้ข้าไปสักครั้งไม่ได้เหรอ ข้าจะไม่ดื้อ ไม่ซน จะเชื่อฟังท่านทุกอย่างเลย ข้าแค่อยากไปเห็นบ้างเท่านั้นเอง สิบปีมานี้ข้าได้แต่อยู่ที่นี่ กับเข้าไปในหมู่บ้านแค่สองที่ ชีวิตนี้ท่านก็จะให้ข้ารู้จักอยู่แค่สองที่เองหรือ

    .... ชายผู้นั้นคิดอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าคงไม่มีใครจำพวกเขาได้แล้วหลังจากผ่านมาสิบปี นับจากที่หลบหนีออกมาจากพระราชวัง แน่นอนว่าตัวเขาคือทหารคนนั้น และเด็กชายผู้นี้ก็คือ ทารกน้อยที่มีบรรดาศักดิ์เป็นองค์ชายของต้าหลังนั่นเอง
                    “ก็ได้...เราจะไปเมืองหลวงกัน !”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×