ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark rain : สาปสายฝน (ภาค 1-4)

    ลำดับตอนที่ #3 : จดหมายจาก 'พ่อ'

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 63


    และแล้ว สิ่งที่ฉันหวาดกลัวก็คืบคลานมาถึงในเช้าวันหนึ่งกลางฤดูอันร้อนระอุ

    ริณลูก ริณ!” เสียงคุณน้าลดาและเสียงเคาะประตูห้องดังก๊อก ก๊อก ก๊อก ปลุกฉันให้ลืมตาผวาตื่นและกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน

    สายแล้วเหรอเนี่ย...แย่จัง!” ฉันอุทาน ก่อนจะขานรับคุณน้า

    ค่า...คุณน้า ฉันลุกไปส่องกระจกติดผนังบานสี่เหลี่ยมกรอบพลาสติก ตรงอ่างล้างหน้า  จัดผมเผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินไปแง้มประตูห้องเปิดออกนิดหนึ่ง แลเห็นดวงหน้ากลมมนผิวขาวเหลืองรับกับคิ้วโก่งบางเหนือดวงตาโตเรียว จมูกเล็กๆ และทรงผมบ็อบสีดำบนลำคอสั้นๆ อันคุ้นเคยนั้น

    วันนี้คุณน้าแต่งตัวสวยเช้งด้วยเสื้อสีครีมอ่อนและสวมชุดสูทแขนยาวสีดำทับอีกชั้นหนึ่ง เพื่อเตรียมตัวไปทำงาน เธอกำลังยืนคอยอยู่ที่หน้าประตู ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่เผยรอยยิ้มให้ฉันเห็นเหมือนวันทีผ่านๆ มา

    คุณน้าลดายื่นจดหมายสีขาวฉบับหนึ่งให้ฉัน 

    ฉันแปลกใจจึงเอื้อมมือไปหยิบมาอ่านดูหน้าซอง                              

    จากคุณพ่อของหนูจ้ะ น้าเห็นมันตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ลืมหยิบมาให้คุณน้าพูดขึ้น

    จากคุณพ่อ

    นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่

    คุณน้ามีท่าทีอึกอักเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ฉันก็ชิงตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

    ขอบคุณค่ะฉันน้อมหัวให้น้าลดาเป็นเชิงขอบคุณ แล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง

    รีบแต่งตัวนะจ้ะริณ เดี๋ยวจะสาย” เธอกล่าวก่อนจะเดินกลับลงไปตระเตรียมอาหารเช้าต่อ                            

    ส่วนฉันก็เดินไปรูดม่านสีขาวมุก เปิดให้พอมีแสงยามเช้าลอดเข้ามาแล้วจึงนั่งลงตรงขอบเตียงแกะซองจดหมายสีขาวขนาดห้าคูณเจ็ดนิ้วซึ่งเขียนชื่อพ่อและที่อยู่ไว้อย่างชัดเจนอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกแปลกใจระคนดีใจ

    เพราะปกติเราสองพ่อลูกจะสื่อสารกันโดยการใช้โทรศัพท์หากันเสียมากกว่า ทว่าทำไมคราวนี้พ่อถึงเขียนจดหมายมาถึงฉันกันนะ  หรืออาจจะเป็นเพราะอาการป่วยไข้ของท่านในพักหลังๆ นี้ก็เป็นได้ละมั้ง

    ภายในซองมีกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งถูกพับครึ่งสอดไว้อยู่ข้างใน ฉันไม่รีรอที่จะหยิบและเปิดอ่านข้อความในหน้าจดหมายอย่างรวดเร็ว

              เพลงพิรุณลูกรัก

              ตอนนี้ลูกเป็นอย่างไรบ้าง พ่อคิดถึงลูกเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มีชิวิตอยู่ทันเห็นหน้าลูกอีกสักครั้งมั๊ย  พ่อกำลังป่วยหนัก และมีบางอย่างอยากจะบอกลูกก่อนที่จะลาจากโลกนี้ไป  เพลงพิรุณถ้าลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ พ่ออยากให้ลูกกลับบ้าน มาหาพ่อ ได้โปรดกลับมาหมู่บ้านของเรา สักครั้ง พ่อคิดถึงลูก กลับมาหาพ่อนะ พ่อจะคอย

                                                                                                               รักลูกเสมอ

                                                                                                                  ธินกร

     

            พ่อคะพอฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกที น้ำใสๆ ก็เอ่อท้นออกจากขอบตาด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงท่านจับใจ ฉันรีบโทรกลับไปที่บ้านทันที แต่คนที่รับสายกลับเป็นน้าสายทิพย์แม่เลี้ยงของฉัน

    ฮัลโหล คุณพ่ออยู่มั๊ยคะ? คือหนูเพิ่งได้รับจดหมาย…”

    ตอนนี้พ่อแกกินยาหลับไปแล้ว”  เนื้อเสียงที่ตอบกลับมานั้นแหบห้าวและฟังดูเย็นชาราวกับผู้ใหญ่ที่ไว้เนื้อถือตัว

    เอ่อ...แล้วคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ ท่านเป็นอะไร?” ฉันถามรู้สึกใจคอไม่ดี

    ถ้าอยากรู้แกก็มาดูเอาเองสิเธอตอบด้วยน้ำเสียงแบบมะนาวไม่มีน้ำ

    ฉันพยายามข่มความโกรธเคืองไว้ในใจ น้าสายทิพย์มักจะพูดจาไม่เข้ารูหูฉันอยู่บ่อยๆ และนี่คือหนึ่งในการแสดงออกของเธอ ที่ทำให้ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบฉัน 

    งั้นพรุ่งนี้หนูจะกลับหมู่บ้านนะคะ กว่าจะถึงก็คงเย็น พอจะมีใครมารับหนูได้ที่ปากทางเข้ามั๊ยคะ?”

     ถึงแม้ว่าจะปรับน้ำเสียงให้นอบน้อมเพียงไร แต่ก็ไม่เคยช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ฉันรู้จักน้าสายทิพย์มาตั้งแต่ยังเด็ก เธอเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านคนก่อน หน้าตาสะสวย รูปร่างสูงระหง ดูฉลาดเฉลียว แต่ก็เป็นบุคคลที่ไม่น่าเข้าใกล้อย่างที่สุด

    เพราะเธอทั้งเย่อหยิ่ง และอารมณ์ร้าย โดยเฉพาะเมื่อเธอได้เข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของฉันด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งจองหองพองขน และทำเสมือนว่าพ่อเป็นสมบัติของตนแต่เพียงผู้เดียวโดยชอบธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจยอมรับได้ ทว่าฉันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่า ผู้ที่เปิดประตูเชื้อเชิญให้เธอเข้ามาอยู่ในครอบครัวของเรานั้นก็คือ พ่อของฉันนั่นเอง

    และ ณ ตอนนั้นฉันก็มาอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล เกินกว่าจะทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว   

    ฉันจะลองถามอาสุบรรณให้ดู...แค่นี้นะฉันต้องไปทำงานต่อพ่อแกน่ะทำความลำบากให้ฉันมากเลยรู้มั๊ย” เธอพูดค่อนแคะจนฉันรู้สึกสะอึก

    เอ่อเดี๋ยวก่อนค่ะ...คุณน้าพอจะมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณอาสุบรรณมั๊ยคะ?” ฉันยิงคำถามเพราะเกรงว่าเธอจะตัดบทวางสายไปเสียดื้อๆ

    น้าสายทิพย์บอกเบอร์โทรศัพท์ของอาสุบรรณมาตามสายอย่างรวดเร็ว ฉันรีบจดเลขเหล่านั้นลงกระดาษบันทึก

    ไม่ทราบว่าพอจะมีเบอร์มือถือมั๊ยคะ?” ฉันถามต่อ

    หึหึเธอคงจะไปอยู่ในเมืองเสียนานจนจำไม่ได้ว่าคนที่นี่เขาไม่ใช้ของพวกนี้กันหรอกนะ” น้าสายทิพย์เหน็บแนมก่อนจะกระแทกหูโทรศัพท์ใส่ฉัน 

    ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด ตู๊ดด!”

    ในตอนนั้นฉันอยากจะเขวี้ยงหูโทรศัพท์ทิ้งเพื่อระบายความโกรธ แต่ก็ได้แค่คิดแล้วจึงต่อสายถึงเบอร์ที่เพิ่งได้รับมาเป็นรายต่อไป  หลังจากโทรนัดแนะกับคุณอาสุบรรณเรียบร้อยแล้วฉันจึงโทรไปหาแสงพลอยเป็นคนสุดท้าย

    แก้วกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” 

    กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง แล้วก็แชทกะหนุ่มๆ อิอิ” เธอบอกอย่างอารมณ์ดี ขณะที่ฉันกลับรู้สึกเหมือนมีก้อนเมฆขมุกขมัวก่อตัวขึ้นในใจ 

    อืม...แก้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องลับบ้าน พ่อกำลังป่วยหนักน่ะฉันซึ่งกำลังยืนน้ำตารื้นอยู่ จำต้องบอกเธอไปตามตรง

    อ๊ะตายจริงพ่อเธอเป็นอะไรเหรอริณ?” แก้วมีท่าทีตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น 

    ขอโทษทีนะที่ฉันคงไปเที่ยวกับเธอไม่ได้”  ฉันพูดเสียงอ่อน รู้สึกผิดที่ต้องผิดนัดกับเพื่อนทั้งๆ ที่ได้รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไปเดินเที่ยวห้างซื้ออุปกรณ์การเรียนด้วยกัน

    บ้า..ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เธอจะกลับมาวันไหนเหรอ?” แสงพลอยถาม

    ก็คงอยู่ที่นั่นสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ คงต้องอยู่ดูอาการพ่อด้วย ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยแก้ว” แก้วคงได้ยินเสียงอันสั่นเครือของฉัน เธอจึงปลอบประโลม

    พ่อเธอคงไม่เป็นไรหรอกริณ อย่าเพิ่งคิดมากเลย

    แต่ในจดหมายที่พ่อเขียนมา...มันทำให้ฉันกลัวและแล้วหยดน้ำใสๆ ก็ไหลอาบแก้ม จิตใจของฉันในตอนนี้อ่อนแอเกินกว่าจะทำเป็นเข้มแข็งอยู่ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะออกจากหมู่บ้านเพื่อเข้ามาเรียนต่อในเมืองตั้งแต่ยังเด็กๆ แต่เราสองพ่อลูกก็ไม่เคยห่างกัน

    พ่อมักจะส่งผ่านความห่วงใยมาทางปลายสายโทรศัพท์อยู่เสมอ จวบจนกระทั่งสองเดือนก่อนหน้านี้ ที่น้ำเสียงของพ่อแปรเปลี่ยนไป จนในวันนี้ พ่อเขียนจดหมายมาบอกฉันว่าท่านกำลังจะจากฉันไป นี่ฉันจะทำอย่างไรดี

    งั้น....ฉันมีแผนใหม่” 

    เอ๋......แผนใหม่?” ฉันนึกสงสัยแต่ไม่ทันจะเอ่ยถาม แก้วก็ชิงพูดขึ้นมา

    งั้นให้ฉันไปเยี่ยมพ่อเธอด้วยสิ

    แต่ว่า 

    ฉันเบื่อนั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้านแล้วล่ะ ถ้าไม่ได้เจอเธอหลายวันฉันคงเหงาแย่ อีกอย่างฉันก็อยากอยู่เป็นกำลังใจให้เธอนะยัยริณ

    แล้วที่บ้านเธอเค้าไม่....ฉันรู้สึกอึดอัดใจที่จะเปิดประตูต้อนรับแสงพลอยให้เข้ามาในหมู่บ้านที่แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังรู้สึกอยากจะหลีกเร้นไปให้ไกล

    หายห่วงจ้ะที่นี่เค้าไม่มีใครสนใจชั้นหรอกน่า...แล้วตอนนี้ป๊ากับม๊าของฉันก็บินไปเที่ยวฮ่องกงอยู่ กว่าจะกลับก็โน่นอีกสองสามวัน ปล่อยให้เจ้หยก กับอาเฮงมันอยู่เฝ้าบ้านสองคนก็พอแล้วย่ะ

    แต่ว่าหมู่บ้านของฉันมันกันดารนะ เธอคงอยู่ไม่ได้หรอก” คำพูดกันท่าของฉันดูเหมือนจะไม่มีผลต่อความตั้งใจของแก้ว เธอยังคงยืนยันที่จะไป

    ให้ฉันไปเถอะนะ นะ นะ” เสียงรบเร้าของเพื่อนสาวทำให้ฉันเกิดความรู้สึกลังเล และต้องเป็นฝ่ายจำยอมในที่สุด

    เรื่องตั๋วกับค่าเดินทางอ่ะเดี๋ยวฉันจัดการให้เองนะ ส่วนเธอก็เตรียมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าได้แล้วนะคะคุณริณ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปรับแล้วเราก็ไปท่ารถด้วยกันนะ โอเคตกลงตามนี้ ไหนบอกมาสิเพื่อนว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน.........เธอกล่าวเสียงเจื้อยแจ้วมาตามสาย

    เราคุยกันต่ออีกสักพัก แก้วถามเอาข้อมูลกับฉันเพื่อจะจองตั๋วรถทัวร์ให้ แม้จะพูดปฏิเสธไปหลายครั้งเรื่องค่ารถ แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันจะจัดการเอง และก่อนวางสายเธอก็พูดทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนาให้ฉันฉงนใจเล่นว่า

          ฉันขอชวนเพื่อนไปอีกคนนะ...อืมแค่นี้แหละบายแล้วคุยกันย่ะ       
                                     

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×