ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark rain : สาปสายฝน (ภาค 1-4)

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท ศพสีดำ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 63


                   

    ฉันยืนเดียวดายท่ามกลางสายฝน โปรยพรม

    อาบร่างไร้หัวใจ มีแต่ความเกลียดชัง

    โอ้ หยาดพิรุณ จงชะล้างความมืดมน

    โอ้หยาดพิรุณ จงชะล้างความเจ็บปวด ทรมาน

     

    เสียงนั่นแผ่วเบา ราวกระซิบ ชี้ทางแห่งชีวิต

    มาจากเบื้องบนบันดาล

    ฟังสิ ฟัง ฟังสิฟัง  เสียงกระซิบจากสายฝน

    ฟังสิฟัง  หัวใจเจ้าผู้ร่ำร้องเรียกหา

     

    เริ่งรื่นท่ามกลางสายฝน ดังสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์

    ไร้เจ็บ ไร้ปวด หมดสิ้นความเกลียดชัง

    ฟังสิ ฟัง ฟังสิฟัง  เสียงกระซิบจากสายฝน

    ฟังสิฟัง    หัวใจเจ้าผู้ร่ำร้องเรียกหา

    โอ้ หยาดพิรุณ จงชะล้างความมืดมน

    โอ้หยาดพิรุณ จงชะล้างความเจ็บปวด ทรมาน

    ฟังสิ ฟัง ฟังสิฟัง  เสียงกระซิบจากสายฝน

    ฟังสิ ฟัง เสียงกระซิบจากสายฝน……

     

     

    ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดที่สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งโหมแรง เสียงร้องประสานของเหล่าชายหญิงผู้ศรัทธา และท่วงทำนองเปียโนที่ชายชราพรมนิ้วไปตามคีย์โน้ตอย่างพลิ้วไหว ดังก้องกังวานไปทั่วโบสถ์เล็กๆ อันศักดิ์สิทธ์ที่ตั้งอยู่เหนือเนินดินชื้นแฉะ ณ หมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งรายล้อมไปด้วยแนวเขาเตี้ยๆ และทิวป่าไม้สูงใหญ่ 

    ทันใดนั้นประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดผางออก ปรากฏร่างของหนุ่มชาวบ้านสองคน ทั้งคู่สวมรองเท้าบูทและเสื้อกันฝนสีหม่น ยืนซ้อนกันอยู่  เด็กหนุ่มร่างผอมแห้งผิวขาวซีดที่อยู่ใกล้ๆ กับบานประตูไม้เนื้อหนารีบเข้าไปใช้สองมือดันให้มันปิดลงกันสายฝนที่กำลังซัดสาดจนพื้นหินกาบเปียกแฉะ  ผู้คนที่กำลังสดับรับฟังเพลงเสียงกระซิบจากสายฝนอย่างตั้งอกตั้งใจต่างหันไปมองชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำทั้งสองที่ฝ่าสายฝนและแรงลมพัดกรูเกรียวหามร่างๆ หนึ่งที่นอนสงบนิ่งบนเปลสนามผ้ากระสอบเข้ามา

    พระคุณเจ้าอยู่ไหน?”  ชายร่างสูงซึ่งไว้หนวดเคราดกดำผู้เป็นคนเดินนำหน้าตะโกนถาม เสียงของเขาทำให้พิธีกรรมหยุดชะงัก นักร้องประสานเสียงลดสมุดเพลงลงพลางมองหน้ากันเลิกลั่กก่อนจะพากันจ้องมาทางเขาด้วยสายตางุนงง ประหลาดใจ

    เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก ท่านพระคุณเจ้าศักดิ์ชัยในชุดนักบวชสีดำจึงเดินออกมาจากทางด้านหลังเวทีไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีฉากหลังเป็นม่านสีแดงเลือดนก พร้อมกับนางชีสูงวัยในชุดเสื้อทูนิคสีขาวยาวกรอมส้นแบบมีผ้าคลุมศีรษะ ทั้งสองทอดสายตาเศร้าสลดมองมายังร่างไร้ชีวิตบนเปลที่บัดนี้ถูกวางลงบนพื้นหินกาบเบื้องล่างด้วยความสะเทือนใจขวัญ

    ยังทันไหมท่าน?” ชายฉกรรจ์เอ่ยถาม

    พระคุณเจ้าศักดิ์ชัยค่อยๆ ก้าวเท้าลงมาจากบันไดขนาดใหญ่ตรงด้านหน้าเวที ทีละขั้นๆ โดยมีนางชีคอยประคอง ชายชราเดินช้าเชื่องไปยังร่างที่นอนแน่นิ่ง ก่อนจะย่อตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วใช้มือซ้ายเลิกผ้าป่านที่คลุมร่างนั้นอยู่  ผู้คนในโบสถ์พากันกระซิบกระซาบจนเสียงอื้ออึง พวกเขาต่างอยากรู้ อยากเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า 

    คราวนี้ใครกัน!?” 

    ใครน่ะ?” 

    โอ้ช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน

                เหล่าชายหญิงซุบซิบ วิพากษ์วิจารณ์จากปากต่อปาก ไหลเวียนอึงอล แทรกเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้จากสตรีผู้อ่อนไหว พวกเขาต่างสังเวชสลดใจ และ หวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน

    ท่านพระคุณเจ้าลดผ้าลงพลางส่ายหัวก่อนจะปรารภออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

     “สายไปเสียแล้ว”  ขณะที่ยันกายลุกขึ้น ร่างของชายชราเซทรุดไปเล็กน้อย รู้สึกรวดร้าวกับสิ่งที่เห็น

    นางชีซึ่งมีสีหน้าไม่ต่างกันนักจะเข้ามาประคองแต่เขายกมือห้าม 

    ชายชรายกมืออันสั่นเทาขึ้นปิดหน้า หลั่งน้ำตาด้วยความโศกเศร้า ดวงตาที่เบิกกว้าง และปากที่อ้าออกของสภาพศพนักสอนศาสนาหนุ่มซึ่งกลายสภาพเป็นหินศิลาสีดำปานประหนึ่งโดนไฟเผาร่างทั้งเป็น แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดก่อนตาย ยังคงติดตรึงอยู่ในแววตาของชายชรา

    โอ้สวรรค์ทำไมต้องเป็นเขา.....” ท่านพระคุณเจ้าศักดิ์ชัยยกมือขึ้นและผายมือไปยังเบื้องบนโดยมีน้ำตาไหลอาบแก้ม 

    เขาเป็นคนดี...เหตุใดถึงต้องทำกับเขาด้วย” ชายชราคร่ำครวญตัดพ้อในความโหดร้าย

    เมฆดำทะมึนแผ่คลุมไปทั่วหมู่บ้าน มันส่งเสียงครืนคลั่งราวกับโกรธเกรี้ยว และยังคงเทกระหน่ำสายฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

    พวกเขาต่างเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพราะสวรรค์ลงทัณฑ์ ทว่าความจริงแล้ว ความผิดบาปไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหมู่บ้านต้องร่วมกันรับผิดชอบ

     

    โค้ดแต่งพื้นหลัง Drknessrain
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×