คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : เลือด&น้ำตา
“แค๊ก แค๊ก แค๊ก!” ฉันค้อมตัวไอโขลกๆ น้ำตาเล็ด พลางเอามือทั้งสองข้างยันเข่าก่อนจะรีบสูดเอาอากาศตักตวงเข้าปอด ยกมือขวาขึ้นปาดเหงื่อบริเวณหน้าผากหายใจหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ยื้อชีวิตจนแทบจะล้มทั้งยืน
“ปล่อยนะ ปล่อยนะคุณ ปล่อย” น้าสายทิพย์ที่นอนกองอยู่บนพื้นตะคอกเสียงแหบห้าวและพยายามผลักไสร่างผอมซูบเซียวจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของพ่อที่โถมทับบนกายเธออยู่ให้ออกไปพ้นตัวด้วยความขยะแขยง
“ไม่…!” เขาตวาดกลับพร้อมกับใช้ขาตนเองเกี่ยวขาเธอเอาไว้แล้วยื่นสองมือไปจับยึดต้นแขนอันบอบบางนั้นไม่ให้ลุกหนี “ไหนคุณบอกว่ารักผมไงที่รัก แค่ผมป่วยแค่นี้ก็รังเกียจเดียดฉันท์กันเลยรึ” พ่อตัดพ้อพลางแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ริณหนีไปไม่ต้องห่วงพ่อ เร็วเข้า” ท่านผินหน้ามาบอกพวกเราที่กำลังยืนตะลึงงันแว้บหนึ่ง ก่อนจะไอระรัวออกมาอย่างระงับไว้ไม่อยู่ทำให้น้ำลายกระเซ็นกระซ่านใส่เจ้าของใบหน้าสวยแต่จิตใจกลับมืดดำอำมหิตนั้นเต็มๆ จนเธอกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งดวงตากลิ้งกลอกเหลือกลานด้วยความหวาดผวา
“กรี๊ดดด ป้อม ช่วยฉันด้วย!”
“ป้อม ช่วยทิพย์ด้วย เอาเค้าออกไป ออกไป!”
เอกกับแก้วมองหน้ากันไปมาเลิกลั่กราวกับกำลังแลหาเจ้าของชื่อแปลกๆ คนนั้นอยู่ จนเห็นผู้ใหญ่บ้านปรี่เข้าไปดึงตัวคุณพ่อออกมาถึงได้รู้ความกัน
“กร พอได้แล้วอย่าทำแบบนี้”
ร่างผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงของเขาแทบจะปลิวติดมือคุณอาขึ้นมาในทันทีที่อีกฝ่ายออกแรงกระชาก ทว่าพ่อกลับขืนตัวไว้ไม่ยอมลุกตาม
“หะหะหะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ท่านซึ่งกำลังยงโย่ยงหยกโดยที่แขนข้างหนึ่งคล้องเกี่ยวกับแขนของอาสุบรรณไว้อยู่หัวเราะร่วนออกมาอย่างซะใจที่แกล้งให้อีกผ่ายหนึ่งอกสั่นขวัญแขวนได้สำเร็จ
“ทิพย์ คนต่อไปก็คือคุณ ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณจะต้องตกนรกหมกไหม้”
แค่เพียงถ้อยคำสั้นๆ ของท่านที่ตะคอกใส่หน้าแม่เลี้ยง ก็รุนแรงพอที่จะกระตุกกระตุ้นให้คุณน้าสติแตกขึ้นมาอีกหน
“กรี๊ดดด ไม่นะ ไม่ใช่ฉัน ไม่ กรี๊ดดด!” เธอร้องแล้วดิ้นพราดๆ กับพื้นราวกับว่าวาจานั้นเป็นดังคำสาปร้ายที่เธอเกลียดกลัวที่สุดในชีวิต
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พ่อหัวเราะออกมาหลายต่อหลายครั้งและยิ่งดังขึ้นเมื่อได้เห็นภาพหวาดผวาจนแทบคุ้มคลั่งของผู้ที่เป็นแม่เลี้ยงของฉันอย่างปีติยินดีราวกับได้รอคอยโอกาสนี้มานานแสนนานแล้ว
นับเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นว่าพ่อที่แสนสุขุมและใจดีเองก็มีมุมร้ายกาจเลือดเย็นอยู่บ้างเช่นกัน
แต่ทว่าในขณะที่พ่อกำลังลุกยืนขึ้นนั้นเอง ท่านก็เลื่อนมือขวาอันเหี่ยวย่นไปประทับหน้าอกด้านซ้ายของตน สีหน้าระรื่นเย้ยหยันก็พลันเปลี่ยนไปกลายเป็นสะดุดกึกในทันที ราวกับกำลังนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ ก่อนที่เขาจะเปรยออกมาลอยๆ ว่า
“รันช่วยปกป้องลูกแทนผมด้วยนะ”
เสียงอันแหบแห้งของพ่อแม้จะแผ่วเบาแต่น่าแปลกที่ฉันกลับได้ยินมันอย่างถนัดชัดเจน
และทันใดนั้นภาพอันน่าสะเทือนขวัญและสยดสยองก็ได้บังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเราทั้งหมด เมื่อจู่ๆ ก็มีเลือดสดๆ สีแดงคล้ำไหลทะลักออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ดวงตา จมูก ปาก และรูหู ของท่านจนทุกคนพากันอึ้งตะลึง
“พ่อคะ!” ฉันร้อง หัวใจแทบหยุดเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้าสายทิพย์ที่นอนแผ่อยู่ใต้ร่างอันผอมแห้งซีดเซียวซึ่งบัดนี้ชโลมไปด้วยเลือดที่ไหลหลั่งลงมาก็กรีดร้องลั่นออกมาระคนสะอึกสะอื้นฟูมฟายด้วยความตกใจ
“กร…คุณ…กร กรี๊ดดด!”
“อ็อก…อ๊อก” เลือดที่ขับออกมาจากอวัยวะภายในทำให้พ่อมีอาการสำลักโลหิต และหน้าอกเต้นกระเพื่อมขึ้นลงถี่กระชั้น ดวงตาดำเหลือกขึ้นไปด้านบนก่อนจะสำรอกเลือดที่กบไปทั้งปากออกมาเป็นสายอย่างหนักหน่วงราวกับน้ำตก
“พรวดด!”
น้ำสีแดงข้นคลั่กที่พ่ออาเจียนพุ่งลงมาราดรดไปบนตัวผู้หญิงร่างผอมบางในชุดนอนสีดำนั่นจนเปรอะเปียก บางส่วนก็กระเซ็นไปโดนดวงหน้าขาวๆ ที่กำลังแหกปากร้องโวยวายอยู่จนเปื้อนละอองแห่งความตายเห็นเป็นเส้นเป็นจุด สีแดงชาด
กลิ่นคาวของมันคละคลุ้งและน่าสะอิดสะเอียนยิ่ง
ภาพร่างกายของท่านที่กระตุก หงึก หงึก เส้นเลือดปูดโปนขึ้นใบหน้า และฝ่ามือ พร้อมกับเสียง อ็อก อ็อกที่ดังเครือออกมาจากลำคออย่างทุกข์ทรมานสะท้อนอยู่ในแววตาฉัน
“หว๋า!” อาสุบรรณรีบกระชากแขนที่คล้องอยู่ออกโดยอัตโนมัติ และปล่อยให้พ่อทรุดกายโถมทับร่างบางที่กำลังตื่นตระหนกนั้นอย่างไม่ใยดี ก่อนจะกระโดดแผล็วหลบฉากออกมายืนตัวสั่นงันงกอยู่ข้างๆ
“หือๆ” ผู้ใหญ่บ้านถึงกับครวญครางเสียงกระเส่า “กลัวแล้ว ผมกลัวแล้ว”
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ท่านถึงเป็นแบบนี้’
“ไม่นะ พ่อ ม่ายย!” ฉันกรีดร้องน้ำตาไหลทะลักทลายลงมา รู้สึกรวดร้าวราวหัวใจได้ถูกบดขยี้ให้แหลกเละอย่างไม่มีชิ้นดี เมื่อเห็นบุพการีอันเป็นที่รักกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวดย่างแสนสาหัส
“พ่อขา~” ฉันเรียกพร้อมกับจะถลาเข้าไปหาท่าน แต่ก็ถูกเอกคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน
“ริณ…อย่า!” เขาร้องเตือน แต่ฉันพยายามสะบัดมันให้หลุดออก
“ปล่อยนะฉันจะไปหาพ่อ…” ฉันผินหน้ามาสั่งเสียงกร้าวขอบตาร้อนผ่าวและเต็มไปด้วยม่านน้ำใสๆ
“ริณหยุดเถอะ!” เขาบอกพยายามดึงตัวฉันไว้
“ไม่!” ฉันแผดเสียงพร้อมกับสะอื้นไห้ “ฮือ ฮือ ฮือ”
“เอกปล่อยริณนะ ริณจะไปหาพ่อ”
“ริณพอเถอะ” ชานนท์กล่าวเสียงสั่นพร้อมกับร้องไห้ออกมา “พ่อของริณตายแล้วนะ”
คำพูดของเขาทำให้ฉันหยุดชะงัก
“อะไรนะ?!”
เหตุการณ์นั้นมันช่างรวดเร็วและรุนแรงเกินไปเกินกว่าหัวใจดวงนี้จะตั้งรับได้ทัน
ฉันหันมามองวงหน้าที่อาบไปด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาของเอกก่อนจะผินหน้ากลับไปมองร่างของพ่อซึ่งตอนนี้นอนฟุบนิ่งอยู่บนตัวของน้าสายทิพย์ที่บัดนี้ได้เงียบเสียงลงไปแล้ว
‘ฉันไม่เชื่อหรอก มันไม่จริง ไม่นะ ไม่’
“ริณ” แสงพลอยเดินโผเผเข้ามาหา เธอกำลังร้องห่มร้องไห้และตัวสั่นระริกอย่างน่าสงสารอยู่เช่นกัน
“ริณ” เธอเรียกฉันอีกหน หยดน้ำใสๆ ไหลลงมาเอื่อยๆ ใบหน้าสวยช่างดูเศร้าตรมด้วยความเสียใจ
ฉันผินหน้าไปมองพ่ออีกครั้ง ชานนท์ค่อยๆ คลายนิ้วมือออก ฉันจึงรีบรุดไปดูท่านในทันที
นั่งลงข้างๆ เขา ทอดมองร่างไร้ลมหายใจที่กำลังนอนตะแคงข้างทับอยู่บนตัวผู้หญิงคนนั้นที่สลบเหมือดไปตั้งแต่เมื่อครู่ด้วยน้ำตานองหน้า ดวงตาของท่านยังคงพองโตเบิกค้างอย่างน่ากลัว ริมฝีปากอ้าออกเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลหยดย้อยลงมาเป็นแอ่งโลหิตข้นๆ บนพื้นดิน
ความตายสำหรับฉันแล้วหาได้น่ากลัวไม่ แต่สิ่งที่ฉันกลัวก็คือการที่ต้องมาทนเห็นคนที่ฉันรักต้องตายจากไปนี่สิ มันเจ็บปวดทรมานกว่าเป็นไหนๆ
“พ่อขา พ่อ ตื่นสิ เราจะไปโรงพยาบาลกัน” ฉันเรียกเขาเสียงสั่นไปหมดก่อนจะเอื้อมมือไปเขย่าเพื่อปลุกให้ท่านตื่นอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้มันดีไปกว่านี้ได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ฉันเคยนึกขันกับการกระทำของตัวแสดงในละครอยู่บ่อยๆ
‘คนตายไปแล้วเขย่าแบบนั้นจะฟื้นขึ้นมารึไง’ ฉันมักจะนึกเถียงขึ้นมาทุกที เมื่อเห็นนางเอกร้องไห้ฟูมฟายและทำอะไรที่ไร้ความคิดความอ่านเช่นนั้น
แต่ทว่าในตอนนี้ เมื่อตนเองได้เจอกับตัวถึงได้เข้าใจว่าความรู้สึกโหยหาอาลัยอาวรณ์มันเป็นเช่นไร
“พ่อขาอย่าทิ้งหนูไปได้โปรด…” ฉันคร่ำครวญปานจะขาดใจก่อนจะสะอึกสะอื้นออกมา “ฮึก ฮึก พ่อต้องไม่ตาย พ่อต้องไม่ตายแบบนี้”
“พ่อขา~” ฉันยังคงพร่ำเรียกท่านที่ยังคงเบิกตาโพลงอยู่อย่างนั้น ซ้ำๆ
‘ช่างโง่เขลา โง่เขลาสิ้นดี’
จนในที่สุดฉันก็ได้ตระหนักว่าพ่อคงไม่มีวันกลับคืนมาอีกแล้ว ท่านจากไปแล้วจริงๆ
ฉันคิดด้วยความรู้สึกที่เบาโหวงและกลวงเปล่า เหมือนกับคนที่เจ็บและจุกเกินกว่าจะพรรณนาอะไรออกมาได้ ก่อนจะเลื่อนมือขวาอันสั่นเทาไปปิดตาเขาลงอย่างช้าๆ เป็นการบอกลา
‘ขอให้พ่อไปสู่สุขคติ…ริณรักพ่อค่ะ’
นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ลูกสาวของท่านคนนี้จะทำได้
นานนับนาทีทีเดียวกว่าที่ชานนท์จะนั่งยองๆ
ลงข้างๆ แล้วจึงค่อยๆ ประคองตัวฉันให้ลุกขึ้น
แก้วเดินเข้ามาหาก่อนที่ฉันจะสวมกอดทั้งสองแน่น
พวกเราสามคนยืนกอดกันกลมภายใต้ราตรีที่ดูเสมือนจะยาวนานกว่าค่ำคืนไหนไหน
เราต่างสุมศีรษะรวมกันก้มหน้าลงมองพื้น จากนั้นฉันจึงปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายด้วยความรู้สึกหมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลเผาะลงสู้ผืนธรณี โดยไม่รู้เลยว่ามันจะหยุดลงได้เมื่อไร
จวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้หวนคิดถึงเรื่องราวในครั้งนั้น ฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าสะเทือนใจขึ้นมาทุกที เหมือนกับว่ามันยังคงรินไหลอยู่ข้างในลึกๆ แม้หยาดน้ำตาที่มีในค่ำคืนนั้นจะเหือดแห้งไปนานหลายปีแล้วก็ตาม
ความคิดเห็น