ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark rain : สาปสายฝน (ภาค 1-4)

    ลำดับตอนที่ #32 : ไม่คาดฝัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 144
      8
      22 เม.ย. 63

    กว่าสิบนาทีแล้วที่ฉันต้องยืนเป็นเป้าล่อยุงให้พวกมันแทงปากเล็กแหลมดูดเล็มโลหิตอันหวานหอมออกจากตัวจนพรุนไปหมดทั้งอณูเนื้ออยู่ทางด้านกระโปรงหลังของรถเก๋งคันสีฟ้าขาวที่สุดแสนจะคลาสสิก (ตามที่เอกว่า) ด้วยอาการกระสับกระส่าย กระวนกระวาย และวิตกกังวล ท่ามกลางความมืดที่รายล้อมเราไว้

    หากคิดเป็นปริมาตรที่พวกมันพากันสูบเลือดฉันไปถึงตอนนี้ก็คงปาเข้าไปเกือบลิตรแล้วละมั้ง

    ขอเอาคืนบ้างเหอะ

    แปะ!” ฉันใช้มือขวาตบยุงที่เกาะบนหน้าไปทีหนึ่ง เจ้ายุงตัวโตร่างเละคามือ แม้จะผิดศีลห้าข้อแรก ก็คงต้องยอมล่ะงานนี้ หวังว่าลูกๆ ของมันคงไม่อยู่แถวนี้นะ

    แปะ!” แก้วซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ฟาดมือเปรี้ยงลงที่ปลีน่องเต็มแรง ดูจากใบหน้าที่หงิกงอจนหัวคิ้วเกือบจะชนกันอยู่แล้วนั่น  เธอคงจะรู้สึกเจ็บใจมากทีเดียวที่เปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดแขนกุดแทนชุดนอนผ้าบางเบาตัวนั้น พวกยุงถึงได้ย่ามใจพาเหรดกันมาเกาะมากัดตามแขนขาเรียวกันเป็นว่าเล่น

    แปะ!” ฉันเห็นเอกตีแขนตัวเองแล้วจึงเกาแกรก แกรก ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งจะเกาตรงแก้ม ไหล่ หลัง และขา ไปอยู่หยกๆ

    แปะ!” พ่อเองก็ตบยุงตรงต้นคอตายไปไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพแล้วสินะเฮ้อ

     เห็นแล้วก็ได้แต่เศร้าใจที่ทำให้ทุกคนต้องลำบากลำบนกันถึงขนาดนี้

    โอ้ยให้ตายเถอะคุณอาทำอะไรอยู่นะช้าชะมัดฉันคิดอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน นี่เขาคิดว่าเป็นเรื่องสนุกหรือไรที่ปล่อยให้พวกเราต้องเป็นฝ่ายรอคอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ริณโทรหาคุณอาเค้าใหม่สิแก้วที่ยืนสลับขาเดียวไปมาเป็นนกฟลามิงโก้อยู่บอกเสียงขุ่น เธอคงเหนื่อยหน่ายเต็มทีกับเรื่องบ้าๆ บอๆ พรรค์นี้

    แก้วมันไม่ติด สัญญาณมันไม่มีเลยแถวนี้ฉันสารภาพเสียงจ๋อยหน้าเจื่อน รู้สึกผิดจนแทบอยากจะร้องไห้ หลังจากที่พยายามโทรออกอยู่หลายรอบผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความว่างเปล่า เพิ่งเข้าใจว่าโทรศัพท์มือถือที่ไร้ประสิทธิภาพก็ไม่ต่างอะไรกับหินทับกระดาษก็คราวนี้เอง

    โอเคริณยัยแก้วพูดเงยหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจทิ้งราวกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้อยู่ ฉันจะภาวนาให้คุณอาของเธอมาเร็วๆ ละกันนะ 

    จากนั้นเธอจึงก้มหน้าลงเกาไม้เกามือแกรกๆ พร้อมกับ สลับขาเปลี่ยนเป็นอีกข้างหนึ่งแล้วบ่นพึมพำออกมาเสียยืดยาว

    โอ้ย คันคะเยอไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วนะ อุ๊ยผื่นขึ้น ฉันจะเป็นไข้เลือดออกมั๊ยเนี่ย ทำไมยุงมันเยอะแบบนี้นะ…”

    ฉันว่ามันน่าจะเป็นพวกยุงธรรมดา ไม่น่าจะเป็นพวกมาลาเรียหรอกมั้งฉันสันนิษฐานและปลอบขวัญไม่ให้เธอวิตกไปเกินกว่าเหตุ 

    ฉับพลันนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างตุ้ยนุ้ยของคุณอาเดินมาในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีกรมท่าสลับขาวคลุมทับด้วยเสื้อโค้ทหนังสีน้ำตาลตัวเก่ง สวมเข็มขัดสายสีดำหัวเงิน กางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าหนังสีน้ำตาลอ่อนพร้อมกับถือไฟฉายกระบอกโตมาด้วยในมือ

    อ้าวเด็กๆ มากันแล้วหรือ?”  เขาทักก่อนจะยิ้มเผล่ ส่องไฟฉายตรงมาทำเอาพื้นที่บริเวณนี้สว่างโล่ขึ้นมาทันตาเห็นจากนั้นจึงเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาคุยกับพวกเรา

    กรคุณเป็นยังไงบ้าง เด็กๆ บอกว่าคุณมีไข้

    พ่อหันมามองฉันแว้บหนึ่งด้วยสายตางุนงง ฉันเลยขยิบตาปริบๆ เป็นสัญญาณให้เขารู้ ท่านถึงยอมตกกระไดพลอยโจรตามไปด้วย

    อ่อ ครับ ครับ อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่

    ไหนขอผมดูหน่อยผู้ใหญ่บ้านยกมือป้อมๆ ขึ้นจะอังศีรษะของพ่อด้วยความเป็นห่วง จนฉันแอบลุ้นจนตัวเกร็งเกรงว่าแกจะจับได้ แต่โชคดีที่เอกกระแอมไอขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

    อ่ะแฮ่มผมว่าเรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะนะครับ

    อาสุบรรณจึงลดมือลง ก่อนจะพยักหน้าหงึก

    เฮ้อ…” ฉันลอบถอนใจออกมาเบาๆ พลางเอามือทาบอก นึกว่าจะแย่ซะแล้ว

    พวกหนูจะเอากระเป๋าไปใส่หลังรถกันรึเปล่า?” อาสุบรรณเอ่ยถาม

    ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูวางกระเป๋าไว้ตรงข้างๆ เท้าก็ได้ค่ะน่าจะพอแทรกได้อยู่แสงพลอยตอบ ปั้นหน้ายิ้ม

    อ่อ...นั่งกันได้นะเขาถามไถ่อย่างห่วงใย

    ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะว่าแล้วผู้ใหญ่บ้านก็เดินอ้อมไปไขกุญแจรถฝั่งซ้ายสอดกายเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ จากนั้นจึงเอียงตัวมาปลดล็อกประตูให้พวกเราทั้งสี่คน

    ฉันนึกกระหยิ่มขึ้นมาเมื่อในที่สุดก็จะได้บอกลาที่นี่เสียที รู้สึกว่าหัวใจที่อึดอัดบีบคั้นอยู่เป็นนานถูกปลดเปลื้องลงพร้อมกับการยื่นมือไปดึงที่เปิดประตู 

    ทว่า ทันใดนั้น เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้น

    นี่พวกเธอจะพาเขาไปไหน!”  

    พวกเราทั้งหมดหันไปในทันที และก็พบกับบุคคลที่เป็นเสมือนฝันร้ายที่สุดในชีวิตของฉันยืนจังก้าขวางหน้ารถอยู่ 

    ค่ะ ค่ะ คุณ น้า!”  ความรู้สึกที่เปรียบเสมือนตกนรกไปแล้วครึ่งหนึ่งทำให้ฉันถึงกับเข่าอ่อนยวบ

    นี่คุณน้ารู้ได้อย่างไรฉันเซถอยด้วยความตกใจอย่างรุนแรง ไม่อยากเชื่อว่าจะถูกเธอจับได้ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าพวกเราทั้งสี่คนก็จะหลุดรอดออกไปได้แล้ว เพียงแค่ก้าวเข้าไปนั่งบนเบาะ ปิดประตู และเคลื่อนรถออกไปแค่นั้นทำไม

    ทำไม

    ฉันบอกแล้วใช่มั๊ยว่าไม่ให้แกพาเขาไปไหนทั้งนั้น!” แม่เลี้ยงในชุดนอนสีดำยาวคลุมผ้าคลุมไหล่ไหมพรมนิตติ้งสีเทามีพู่ห้อยรอบผืน ซึ่งถือตะเกียงน้ำมันติดมือมาด้วยตวาดด้วยใบหน้าถมึงทึงเผยธาตุแท้ออกมาโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมที่ไหนอีกแล้ว

    แอ๊ดดปัง!” 

    ทิพย์นี่คุณมาได้ยังไงเนี่ย?” อาสุบรรณเปิดประตูรถลงมาสอบถามด้วยความสงสัย

    ฉันก็ตามยัยริณมาสิคะ

    เอ้านี่พวกเธอไม่ได้บอกสายทิพย์เค้าหรอกเหรอนี่คุณอาซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามหันมาถามฉันเสียงเข้มก่อนจะผินหน้าไปชี้แจงกับเธอ 

    พอดีกรเค้ามีอาการไข้สูง แล้วก็อาเจียนหนัก ผมเลยต้องพาเขาไปหาหมอน่ะครับ

    ทิพย์คุณปล่อยผมไปเถอะพ่อที่ยืนข้างๆ ฉันเว้าวอนน้ำเสียงอ่อนระโหย

    เอ่อคือฉันเองซึ่งกำลังตัวสั่นระริก พยายามอธิบายแต่ก็เกิดอาการน้ำท่วมปากพูดไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ

    ที่คุณเป็นแบบนี้เพราะว่าคุณไม่ยอมกินยาที่ฉันเตรียมไว้ให้น่ะสิ กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะคะคุณเธอสั่งเสียงเขียว ออกมาตากละอองน้ำแบบนี้เดี๋ยวอาการก็ทรุดหนักลงไปอีกหรอกไปเชื่อเด็กแบบนี้ได้ยังไงกัน

    เด็กแบบนี้อย่างนั้นเหรอพอได้ยินคำนั้นก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หลายครั้งแล้วนะที่ผู้หญิงคนนั้นใช้คำพูดดูถูกดูแคลนฉัน แล้วทีเธอวางแผนต่ำช้ากับพวกเราล่ะมันดีนักหรือฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายพูดว่า พ่อคะอย่าไปเชื่อนังงูพิษนั่นนะคะ เขาจะฆ่าพ่อค่ะเสียมากกว่า

    ในใจของฉันคุกรุ่นรุ่มร้อนราวกับกองฟืนไฟที่ถูกราดรดด้วยน้ำมัน อยากจะประจานความจริงออกไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้เพราะถ้าเธอรู้เข้า นั่นหมายถึงชีวิตของฉันและคนอื่นๆ ก็แขวนต่องแต่งอยู่บนเส้นด้ายโดยทันที

     อีกทั้งมันก็เป็นแค่เพียงการกล่าวหาลอยๆ ซึ่งแม้แต่ผู้ใหญ่บ้านก็คงจะไม่เชื่อในน้ำคำของเด็กเมื่อวานซืนอย่างฉันหรอก จึงได้แต่กัดริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์แล้วเฝ้าดูเหตุการณ์ตื่นเต้นตรงหน้าด้วยใจระทึกต่อไป


     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×