คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : เยื่อใยแห่งรัก
พ่อบอกกับฉันว่าแม่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ งานศพของแม่จัดขึ้นอย่างฉุกละหุกและมีพิธีสวดอภิธรรมเพียงไม่กี่วันก่อนจะทำการฌาปนกิจ พวกญาติๆ นำอัฐิของท่านมาไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีบ้านเกิดของแม่ส่วนเถ้ากระดูกที่เหลือก็นำไปลอยอังคาร
ณ ตอนนั้นพ่อได้แต่ยืนกุมมือฉันไว้ เราสองมองไปที่รูปถ่ายขาวดำครึ่งตัวขนาดเล็กซึ่งติดอยู่หน้าสถูปที่ก่อเป็นทรงเจดีย์สีขาวครอบไว้ด้วยความอาลัยรัก แม้จะเป็นเพียงใบหน้าที่นิ่งสงบ แลดูเป็นรูปถ่ายหน้าตรงธรรมดาๆ แต่สำหรับฉันแล้วดวงหน้าของแม่ที่เห็นก็ยังคงดูสาวและสะสวยเสมอ
“ริณ…” พ่อกล่าวขึ้นพลางกระชับนิ้วแน่น ฝ่ามือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนมือเล็กๆ ของฉันเหนียวเหนอะหนะไปหมด
“ไม่ว่าจะยังไงพ่อก็ขอให้ลูกเข้าใจ สิ่งที่พ่อและแม่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องลูก” เขาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงแสลกสีดำผูกเนกไทสีเดียวกันค่อยๆ กล่าวคำเหล่านั้นช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำราวกับต้องการให้ฉันได้จดจำมันไว้
“ขอให้ลูกอดทนและจงอย่าลืมความรักและความเสียสละของแม่ที่มีให้แก่ลูกเป็นอันขาด” พ่อ เมื่อประมาณห้าปีก่อนนั้นยังมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง รูปร่างสมส่วน และเหมือนกับชายวัยสี่สิบต้นๆ หลายคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ มีพุงหน่อยๆ และผิวสีแทนเข้ม กล่าวก่อนจะรำพึงรำพันออกมาด้วยความโศกเศร้าที่ท่วมท้น
“รันอย่าเป็นกังวลเลยนะ ต่อจากนี้เรื่องราวทุกอย่างคงจะจบสิ้นลงเสียที เหลืออีกปีเดียวริณก็จะจบมัธยมต้นแล้วล่ะ ลูกของเราเรียนเก่งมากเลยนะคุณรู้มั๊ย” พ่อกล่าวเสียงสั่นเครือ หน้าเบะเหมือนกำลังสกัดกลั้นอารมณ์อย่างเต็มที่ “ผมขอโทษนะรันที่ผ่านมาผมช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย”
แต่ทว่าเมื่อได้กล่าวต่อไป
“ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าผมระ…โอ้ย!” ทันใดนั้นพ่อก็ร้องลั่นขึ้นมาราวกับถูกอะไรทิ่มแทงหรือมีค้อนอันโตๆ หล่นใส่นิ้วเท้ากระนั้นแหละ ฉันซึ่งสวมชุดดำเสื้อแขนผอง และกระโปรงยาวดูเรียบๆ หันขวับไปในทันทีและเห็นร่างสูงของเขาโงนเงน มือข้างขวาของพ่อยกขึ้นกุมขมับเหมือนกับมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเฉียบพลัน
“พ่อเป็นอะไรคะ!” แน่นอนว่าฉันตกใจอย่างสุดขีด กับเหตุการณ์ตรงหน้า
“โอ้ยปวดหัว…ปวด…ปวด” เขาครวญครางใบหน้าซีดเผือด แล้วก็มีเหงื่อออกพลั่กๆ เต็มไปหมด มือของพ่อหลุดออกจากมือฉันพร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบลงไป
มันเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันทำอะไรไม่ถูก พึ่งเข้าใจว่าอาการสติแตกนั้นเป็นอย่างไรก็คราวนี้เอง
ฉันก้มหน้าลงมองพ่อแล้วหันไปมองข้างหลัง สอดส่ายสายตามองไปรอบกายไม่เห็นใครอื่นนอกจากสถูปเก็บอัฐิของคนตายที่เรียงรายเต็มไปหมด บรรยากาศภายในวัดดูวิเวกวังเวง น่ากลัวแปลกๆ อย่างไรไม่รู้
เคราะห์ดีที่พ่อเอามือยันพื้นไว้ก่อนจะล้มตัวลงนอนไม่ล้มหัวฟาดตึงลงไป เขานอนแผ่หลาหน้าที่ฝังเถ้ากระดูกของแม่ เปลือกตาหรี่ลงเหมือนจะปิดแต่ก็ไม่หลับแล้วก็หายใจเข้าออกถี่และแรงจนอกกระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคนเหนื่อยหนัก โดยที่ฉันทำได้แค่เพียงนั่งคุกเข่าร้องไห้โฮพลางเขย่าตัวเขาไปมา ตกใจจนตัวสั่นงันงก
ณ ตอนนั้นฉันกลัวจริงๆ ว่าพ่อจะตายตามแม่ไปด้วยอีกคน แต่เพียงไม่ถึงห้านาทีอาการทุกข์ทรมานที่ว่าก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เขาผ่อนลมหายใจช้าลง ช้าลง จนเป็นปรกติก่อนที่จะค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบหัวฉันป้อยๆ และปลอบขวัญไม่ให้ฉันตื่นกลัว
“พ่อโอเคแล้วลูก” เขากล่าวเสียงขาดห้วง “สงสัยคงจะเครียดมากเกินไป”
จากนั้นจึงค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาต่อหน้ารูปถ่ายสีขาวดำนั่น ซึ่งเมื่อฉันได้ทอดสายตาลงต่ำและมองเลยร่างของพ่อไปก็รู้สึกเหมือนกับว่าแม่ในภาพถ่ายเล็กๆ นั้นกำลังเฝ้าดูเราอยู่อย่างนั้นแหละ
____________________
“ริณ ริณ ยัยริณ!” เสียงแว๊ดกรอกรูหูของแก้วทำเอาฉันตื่นจากภวังค์ในทันที
“โอ๊ย ตาย ตายแล้วเพื่อนชั้นเป็นอะไรไปกันหมดเนี่ย…” แสงพลอยบ่นพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมขมับ
“โทษทีจ้ะ โทษที พอดีฉันกำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะ” ฉันตอบหน้าเจื่อนนึกตำหนิตนเอง ‘ท่าทางจะเป็นเอามากแล้วเรา…แย่จัง’
ทันใดนั้นเธอก็พลิกตัวตะแคงข้างหันมาทางฉันแล้วยิ้มเผล่พลางสอดไม้สอดมือมาคล้องแขนฉันไว้ ชุดนอนผ้าซาตินมันเลื่อมแบบมีคอปกสีชมพูหวานแขนยาวลายผลไม้นานาชนิดขยับไหว
“พรุ่งนี้พาไปโบสถ์สวยๆ นั่นหน่อยสิ ชั้นอยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย” เพื่อนสาวตัวดีของฉันบอกดวงตาเป็นประกาย ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอหมายตาโบสถ์สีขาวหลังนั้นเอาไว้อยู่แล้ว เพราะดูเหมือนที่นั่นจะเป็นสถาปัตยกรรมอันสูงส่งที่โดดเด่นที่สุดในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งฉันเองก็ไม่ขัดข้องอะไรที่จะพาเพื่อนไปเยี่ยมชมความงดงามเหล่านั้น
“อืมได้สิเดี๋ยวพรุ่งนี้ให้เอกเอากล้องไปด้วย..ฮ้าวว” ฉันตอบพลางหาวหวอดก่อนจะหันตะแคงไปอีกด้านหนึ่ง หลับตาลง ด้วยหวังว่าพรุ่งนี้อะไรๆ มันจะดีขึ้นกว่าที่เป็น
ความคิดเห็น