ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark rain : สาปสายฝน (ภาค 1-4)

    ลำดับตอนที่ #16 : แม่เลี้ยง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 200
      9
      6 มี.ค. 63

    คุณหมอครับทำไมคุณหมอพูดกับริณเขาแบบนี้ล่ะครับเอกต่อว่าต่อขานพร้อมกับแสดงท่าทีฮึดฮัดขึ้นมาจนฉันนึกหวั่น ปกติเขาไม่ใช่เป็นคนใจร้อนหรือบุ่มบ่ามอะไรนัก แต่นี่คงกลัวว่าฉันจะเสียใจถึงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเช่นนี้

    เอกไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรฉันตอบด้วยความรู้สึกกล้ำกลืนพลางรั้งแขนเขาไว้ ก่อนจะหันไปมองใบหน้าขึงขังภายใต้กรอบแว่นแล้วส่ายศีรษะเบาๆ เป็นเชิงห้ามปราม

    พอดีกับที่น้าสายทิพย์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ  ประตูห้องน้ำเปิดผางออกดังปึงพร้อมกับร่างเพรียวระหงที่ย่างกรายออกมาในชุดผ้าฝ้ายคอกลมสีเขียวขี้ม้าซีดๆ พลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเผ้าที่เปียกหมาดๆ อย่างสบายอารมณ์

    คุณทิพย์คุณหมอผินหน้าไปทักทายเธอทันที

    เอ้าคุณหมอ!” เธอกล่าวตอบ มาตรวจเหรอคะ เด็กๆ หาน้ำหาท่าให้ทานรึยังคะเนี่ย?”

    คุณหมอวิเชียรผุดลุกขึ้น ดวงตาเป็นประกายวาวและคลี่ยิ้มราวกับเจ้าบ่าวที่เห็นเจ้าสาวแสนสวยเดินตรงเข้ามาหา

    ไม่เป็นไรครับไม่ต้องหรอกเดี๋ยวผมก็กลับแล้วล่ะ มีคนไข้รอผมอยู่เยอะครับ

    แหมริณเนี่ยไม่ได้เรื่องจริงๆ อยู่ที่นู่นไม่มีใครบอกมั่งหรือไงว่าถ้ามีแขกมาที่บ้านควรทำยังไง ดูสิมัวแต่ชวนคุณหมอคุยเรื่องอะไรอยู่ก็ไม่รู้เด็กหนอเด็กเธอค่อนว่าแล้วจึงหัวเราะคิก เดินกรีดกรายเข้ามาโดยวางผ้าเช็ดตัวคล้องอยู่ที่แขน ฟังแล้วมันน่าเคืองชะมัด แต่ฉันก็ไม่อยากต่อปากต่อคำกับแกเลยทำเป็นนิ่งปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนเขาคุยกัน

    โทษทีนะคะคุณหมอพอดีทิพย์อาบน้ำอยู่

    ครับคุณอาวิเชียรกล่าวรับคำ

    ทิพย์ว่าเราไปคุยกันในห้อง…”

    พอได้ยินคุณน้าพูดแบบนี้เข้าพวกเราก็พากันหูผึ่ง ตาโตด้วยอารามตกใจ ซึ่งเธอคงทันสังเกตเห็นจึงรีบพูดเสริม

    เอ่อห้องสามีดิฉันดีกว่าคะ

    ดีครับคุณอาวิเชียรกล่าวสั้นๆ ก่อนจะก้มหยิบหมวกหยิบกระเป๋า แล้วเดินตามแม่เลี้ยงฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของคุณพ่อ

    เชอะ…” ยัยแก้วสะบัดหน้าพรืดใส่ ก่อนที่ประตูห้องจะปิดลงดังปึง

    เธอนี่เก่งจริงๆ นะที่ทนยัยแม่เลี้ยงพูดจาเหน็บแนมประชดประชันแบบนี้ได้ เป็นฉันนะไม่ยอมหรอก ตอนแรกฉันก็นึกว่าเธอน่ะคิดมากไปแต่สุดท้ายแม่เลี้ยงก็คงเป็นแม่เลี้ยงวันยังค่ำ   แสงพลอยพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย

    แต่เราว่าอย่าเพิ่งไปว่าอะไรคุณน้าเขาเลยดีกว่า แกก็ดูใจดีออกนะเอกเห็นแย้งจริงๆ แล้วแกอาจจะไม่มีพิษมีภัยอะไรก็ได้

    เชอะ งั้นก็รอดูต่อไปละกันย่ะเพื่อนสาวของฉันพูดพลางค้อนขวับให้ทีหนึ่ง

    ฉันว่าพรุ่งนี้พวกเธอกลับบ้านเถอะนะฉันกล่าวเป็นห่วงทั้งสองคนขึ้นมา  รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก 

    ริณทำไมพูดแบบนั้นล่ะชานนท์ท้วงติง

    ฉันรู้สึกว่าที่นี่มันอันตรายยังไงไม่รู้ เธอก็น่าจะได้ยินที่คุณอาวิเชียรบอกคนในหมู่บ้านนี้ป่วยด้วยโรคบ้าๆ นี่ไปหลายคนแล้ว เรื่องของพ่อฉันคิดว่าน่าจะจัดการเองได้พวกเธอกลับไปบ้านน่าจะสบายและปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่นะฉันพูดออกไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงพวกเขาจากใจจริง

    โถ่ยัยริณไม่เป็นไรหรอกคิดมากน่าแสงพลอยเขยิบตัวเข้ามาโอบไหล่ แล้วเอียงหัวมาซบที่หัวไหล่ฉันเบาๆ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ แค่ลำบากนิดๆ หน่อยๆ ฉันทนได้น่า ถึงอาจจะขี้บ่นไปมั่งก็เถอะนะ

    เราอยากจะอยู่เป็นเพื่อนริณนะชานนท์บีบมือฉันไว้ พวกเราก็เพิ่งจะมาถึงเอง เราสองคนก็อยากจะมารู้จักบ้านของริณเหมือนกัน  จริงมั๊ยแก้ว

    อ้อช่ายจ้ะแก้วรับลูกทันควันก่อนจะลงท้ายด้วยเสียงออดอ้อนเหมือนเช่นเคย ช่วงนี้ปิดเทอม ฉันมีเวลาว่างให้เธออยู่แล้ว นี่บอกที่บ้านไว้แล้วนะว่าจะมาค้างบ้านเธอสักสองสามวัน  นะ นะ นะ

    ขอบใจมากนะแก้วแต่เธอไม่ต้องฝืนใจเพื่อฉันก็ได้นะฉันพูดดักเพราะรู้ดีว่ายัยแก้วรู้สึกอย่างไร ใจจริงเธอคงอยากกลับไปตั้งแต่เหยียบย่างมาถึงที่นี่ด้วยซ้ำละมั้ง ฉันแอบนึกน้อยใจ แต่ก็เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างดี

    เอ่อ…” แสงพลอยมีท่าทีอึกอักไปเล็กน้อย ด้วยความที่เธอเก็บอารมณ์ทางสีหน้าไม่ค่อยเก่ง ฉันจึงค่อนข้างแน่ใจว่าความรู้สึกเบื้องลึกของเพื่อนแท้จริงคงไม่ผิดไปจากที่ฉันพูดเลยแม้แต่น้อย

    โถ่ริณ ฉันก็แค่ล้อเล่นน่า อย่าคิดมากดิเธอกล่าวก่อนจะผินหน้าไปมองโทรทัศน์แล้วแกล้งทำเป็นเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง อุ๊ยๆ ดูรายการนี้สิขำอ่ะ

    พวกเรานั่งจุ้มปุ๊ก อยู่หน้าโทรทัศน์เพียงไม่นาน คุณหมอวิเชียร ก็เปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับคุณน้าสายทิพย์ 

    ฉันลุกพรวดขึ้น ยืนมองทั้งสองที่อยู่ห่างออกไป สังเกตเห็นแม่เลี้ยงพูดอะไรงึมงำอยู่ข้างๆ อาวิเชียร ก่อนที่เขาจะผงกศีรษะนิดหนึ่ง แล้วทั้งสองก็เดินตรงเข้ามาพร้อมกับอาการกระซิบกระซาบกันตลอดทางจนฉันอดสงสัยไม่ได้

    คุณอาคะ พ่อริณเป็นยังไงบ้างคะ?” ฉันรีบถามไถ่อาการของพ่อทันใด เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้

    ชายในชุดเสื้อสูทลำลองลายสก็อตพยักหน้าอีกคำรบหนึ่ง ก่อนจะหยุดการสนทนากับอีกฝ่ายแล้วจึงผินหน้ามาพูดคุยกับฉัน

    ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอกหนูเขากล่าวสีหน้าเรียบจนฉันนึกแปลกใจ

     เรื่องยาคุณก็จัดให้แกทานเหมือนเดิมละกันนะคุณหมอหันไปบอกน้าสายทิพย์ที่ยืนทำตาหวาน แย้มยิ้มอยู่ข้างๆ ไว้คราวหน้าผมจะมาเยี่ยมใหม่

    ค่ะ เดี๋ยวฉันไปส่ง เธอกล่าวแล้วจึงพาอาวิเชียรเดินเอื่อยเฉื่อยผ่านพวกเราไปโดยไม่หันมาแลมองแม้แต่ปลายหางตาราวกับเห็นพวกเราเป็นเพียงอากาศธาตุ

    เมื่อประตูปิดลงพร้อมกับร่างของทั้งสองที่ออกไปยังทางเดินตรงเฉลียงหน้าบ้าน ยัยแก้วก็ปากกล้าขึ้นมาทันที

    นี่มันแม่เลี้ยงหรือแม่เล้าวะเนี่ยเธอท้าวสะเอวบอก

    โหยยแรงว่ะแก้ว!” เอกอุทาน

    อย่าบอกนะว่านายไม่เห็นอาการเล่นหูเล่นตา ออเซาะฉอเลาะนั่นน่ะ

    ดูแม่เลี้ยงของเธอคนนี้จะไม่เบานะเพื่อนสาวของฉันเปรย

    เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ ช่างเขาเถอะฉันกล่าวเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แม้จะเห็นว่าน้าสายทิพย์จะมีท่าทีแบบนั้นจริงๆ ก็เถอะฉันเข้าไปหาพ่อก่อนนะ

    พูดเสร็จก็รีบก้าวอาดๆ เข้าไปหาท่านพร้อมกับแสงพลอยและชานนท์ที่ขอตามไปด้วยอย่างไม่รีรอ ภายในห้องดูสว่างจากแสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ผาดผ่านเข้ามาจนฉันสามารถมองเห็นสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เตียงสี่เสา ตู้เสื้อผ้าไม้ประดู่สีน้ำตาลเข้ม และผ้าม่านที่ถูกรูดเปิดออกให้เห็นกำแพงรั้วก้อนหิน หรือมุ้งที่ถูกเลิกขึ้นไปเก็บอย่างเป็นระเบียบ

     กลิ่นอับชื้นแปลกๆ ที่ลอยมาแตะจมูกส่งผลให้แสงพลอยถึงกับต้องรีบยกนิ้วโป้งและนิ้วชี้ขึ้นบีบจมูก คิ้วขมวด ส่วนชานนท์ก็เบ้หน้าโดยอัตโนมัติ

    กลิ่นอะไรเหม็นจังเธอบ่น

    เงียบน่าแก้วเอกส่งเสียงเอ็ดเบาๆ  ทำให้คนถูกว่าหน้างุ้มงอขึ้นมาทันที แต่แล้วสีหน้านั้นก็เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาใกล้เตียงที่พ่อของฉันนอนอยู่

    ฉันจับสีหน้าอันตะลึงงันของเพื่อนออกเมื่อแก้วได้เห็นหน้าพ่อที่ซีดเซียวและใบหน้าก็ซูบตอบอย่างถนัดชัดเจน ขณะที่เราสามคนยืนทอดสายตามองดูท่านอยู่ริมขอบเตียง เอกและแก้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะกล่าวสวัสดีด้วยเสียงแผ่วๆ ราวกับคำพูดได้ถูกกลืนหายไปในลำคอ

    พ่อยกมือขวาอันผอมแห้งขึ้นแล้วจึงกล่าวทักทายทั้งสองเพียงเล็กน้อย 

                หวัดดีจ้ะ

    โทษทีนะที่อาจทำให้พวกหนูลำบากกันนิดหน่อย ที่นี่มันไม่ค่อยมีอะไรเจริญหูเจริญตานักหรอกนะฮะฮะฮะท่านหัวเราะร่วนก่อนจะยกมืออันอ่อนเปลี้ยขึ้นปิดปาก และตามด้วยการไอแห้งๆ ออกมาเป็นชุด ฉันเห็นสภาพของพ่อในตอนนี้แล้วก็อดสะเทือนใจจนน้ำตาคลอไม่ได้

                พ่อคะ หมอวิเชียรเขาว่ายังไงบ้างคะ พ่อกำลังดีขึ้นใช่มั๊ยคะ?”

    หนูจะพาหมอเก่งๆ มารักษาพ่อนะคะฉันพูดออกมาจากความตั้งใจ หากเพียงมีแพทย์มาวินิจฉัยโรคของพ่อ และดูแลรักษากันอย่างจริงจัง ฉันเชื่อว่าพ่อจะหายได้ในที่สุด

    นั่นน่ะสิคะ มัวแต่อุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้อาการก็คงจะไม่ดีขึ้นหรอกค่ะ แก้วเสนอความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา แล้วจึงผินหน้ามาคุยกับฉัน ริณฉันว่าเราควรจะพาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลางในตัวจังหวัดจะดีกว่านะ ที่นั่นคงมีหมอเก่งๆ ที่จะช่วยคุณพ่อของเธอได้ เดี๋ยวรอให้พ่อกับแม่ฉันกลับมาจากต่างประเทศก่อนเถอะ ฉันว่าพวกเขาต้องช่วยเธอได้แน่

    ไม่เป็นไรหรอกหนูอย่าลำบากเลยพ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและแผ่วเบาๆ  ก่อนจะไอโขลกๆ ขึ้นมาอีกหน จนยัยแก้วถึงกับเผลอทำสีหน้าแขยง เห็นแล้วก็ยิ่งทำให้ฉันน้ำตาไหลเรื่อยลงมาเป็นสายด้วยความสงสารท่านจับใจ


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×