คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : อาหารมื้อแรก
“ว้าย!”
ฉันอุทานออกมาสั้นๆ เมื่อตัดสินใจหันหลังไปมองและเห็นใบหน้าของอาสุบรรณโผล่เข้ามาในระยะประชิด
. “ค่ะ…ค่ะ…คุณอา” อารามตกใจทำให้พูดติดๆ ขัดๆ ขึ้นมาจนเสียอาการ ถ้าไฟสว่างพอเขาคงเห็นสีหน้าอันซีดเผือดของฉันแน่ๆ
“หนูมาทำอะไรอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” ชายร่างท้วมถามพลางจ้องมาที่ฉันนิ่ง รูปหน้ากลมๆ ที่มีตาตี่ๆ ดูใจดีนั้นด้านหนึ่งต้องแสงเทียนวับแวม แต่อีกด้านกลับเห็นเป็นเงาเค้าหน้าดูมืดทะมึนจนแอบนึกกลัว
“คือ…คือว่าหนู…เอ่อหนู” พอถูกถามจี้อย่างนี้ฉันก็ถึงกับอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“ยัยริณได้รึยังอ่ะน้ำ คอฉันแห้งจนจะเป็นผงแล้วนะคะ” เสียงของแก้วดังขึ้น ก่อนที่เธอจะเยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องครัวช่วยชีวิตฉันได้หวุดหวิด
“อุ๊ยขอโทษค่ะ!” แก้วอุทานออกมาเมื่อเห็นฉันกับคุณอายืนคุยกันอยู่ภายใต้แสงสลัว
“อ๋อหนูมาเอาน้ำให้เพื่อนน่ะค่ะ”ฉันนึกขึ้นได้จึงรีบแจงแล้วเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนรักที่ทำหน้าเหรออยู่ข้างหลัง
“อะแฮ่ม…” ฉันกระแอมเป็นสัญญาณเรียกให้อีกฝ่ายรีบก้าวเข้ามา “แก้วมาช่วยฉันหน่อยสิ”
“อ่อเหรอ…” อาสุบรรณพยักหน้าหงึกเป็นเชิงเข้าใจ
“คุณอาทานน้ำอะไรมั๊ยคะเดี๋ยวริณชงให้ แต่เอ…พวกชากาแฟมันอยู่ตรงไหนน้า…มืดๆ แบบนี้หายากเสียด้วยสิ” ฉันแสร้งทำเป็นก้มๆ เงยๆ หาข้าวของเพื่อกลบเกลื่อนอาการ
เสียงของแสงพลอยคงจะดังพอให้น้าสายทิพย์รีบวางหูและเดินถือโทรศัพท์เครื่องโบราณเข้ามาในห้องครัว
“พวกเธอมายุ่มย่ามอะไรกันในครัวเนี่ย” แม่เลี้ยงส่งเสียงเอ็ดตะโรทันทีเมื่อเห็นเรา ราวกับว่าฉันทำเรื่องทำราวอะไรใหญ่โต เธอคงคิดไม่ถึงว่าฉันจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้ อ้อมอกของคุณน้ายังกอดกุมโทรศัพท์สีดำเอาไว้อยู่ในมือ
‘ทำไมต้องลากสายโทรศัพท์ออกไปคุยกันนอกบ้านด้วยนะ แล้วมีเรื่องอะไรเกี่ยวพันถึงฉันกันแน่’ อดไม่ได้ที่จะแอบคิดตั้งคำถามในใจ
“หนูมาหาน้ำดื่มให้เพื่อนน่ะค่ะ…ก็คุณน้าบอก” แม้ว่าจะพยายามอธิบายแต่เสียงของฉันมันคงอ่อนแรงเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะรับฟัง
“ถ้าเสร็จแล้วก็เชิญออกไปได้แล้ว” เธอไล่เสียงเขียว
“สายทิพย์อย่าไปดุเด็กเค้าเลย” อาสุบรรณเอ่ยติง
ฉันรีบเปิดตู้เย็นแล้วดึงขวดแก้วใส่น้ำที่มีหยดน้ำเกาะพราวจากช่องด้านข้างตรงประตูตู้เย็นออกมา จากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิบแก้วใบใสปากกว้างขนาดสั้นๆ เล็กๆ คล้ายแก้วเหล้าสามใบ ออกมาจากกระจาดวางแก้วที่ตั้งอยู่ด้านบนแล้วเดินหลบเลี่ยงไป แต่ไม่ทันพ้นกรอบประตูเสียงของแม่เลี้ยงก็ดังขึ้น
“เดี๋ยวก่อน!”
ฉันซึ่งหันหลังให้เธออยู่ หยุดกึกในทันที
‘รึ..รึว่าเธอจะรู้’ คิดแล้วหัวใจก็พลันหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม
“อะไรเหรอคะ?” ฉันถามเสียงสูงก่อนจะกลืนน้ำลาย ใจเต้นระทึก
“ครืดดดด…ปึง” เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอหันไปก็เห็นคุณน้ายื่นจานอาหารและตะกร้าหวายเล็กๆ ใส่ขนมปังแบบเป็นก้อนกลมๆ ให้
“เอานี่ ไก่ย่างกับขนมปังอบเนย เธอกับเพื่อนๆ เอาไปแบ่งกัน”
กลิ่นหอมหวนของมัน ชวนให้ฉันน้ำลายสอ แต่คงไม่ทันยัยแก้วที่รีบพุ่งเข้ามาตะครุบไว้ในทันที
“ว้าวไก่ย่าง” เธอร้องตาโต แสดงสีหน้าหิวโหยและดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“มา..เดี๋ยวอาช่วยถือนะ” คุณอาสุบรรณกล่าวพลางเดินมารับจานและตะกร้าขนมปังมาถือไว้
“ให้เด็กๆ เขาถือไปไม่ดีกว่าเหรอคะ” แม่เลี้ยงทักท้วง
“ไม่เป็นไรทิพย์ เรื่องแค่นี้เอง” เขากล่าว “เอ้าเด็กๆ หลบทางให้คุณอาหน่อยเร้ว เดี๋ยวชนพุงอาเข้าให้แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะ ฮ่า ฮ่า” ผู้ใหญ่บ้านว่าพลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ช่วยทำให้บรรยากาศอันอึมครึม สดใสขึ้นมาบ้าง
“น้าของเธอนี่ดุชะมัด เมื่อตะกี๊ยังพูดจาจ๊ะจ๋าอยู่เลย” ยัยแก้วแอบกระซิบกระซาบข้างหูฉันระหว่างที่เราสามคนกำลังเดินออกจากโซนห้องครัวโดยแต่ละคนต่างถือจานอาหารและแก้วน้ำไปคนละไม้ละมือ เสียงประตูห้องครัวปิดลงตามหลังพวกเราดังปึง พร้อมกับเสียงของฉันที่หลุดปากโพล่งออกมาในทันที แต่ก็เป็นแค่การกระซิบกันระหว่างฉันกับเพื่อนด้วยเสียงที่แผ่วเบา และระวังอย่างที่สุด
“ฉันได้ยินคุณน้าคุยกับใครก็ไม่รู้” ฉันบอก “เธอพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับฉันด้วยแถมยังดึงสายโทรศัพท์ออกไปคุยข้างนอกอีกต่างหาก ดูแปลกๆ”
แก้วพยักหน้า รับฟัง “ฉันว่าเธออย่าเพิ่งไปคิดมากเลยริณ ถึงแม้แม่เลี้ยงของเธอจะน่ากลัวก็เถอะ แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง บางทีแกอาจจะโทรบอกญาติหรือใครบางคนว่าเธอกลับมาบ้านแล้วก็ได้นะ”
“อืม…”ฉันส่งเสียงเป็นเชิงเห็นด้วย “บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง”
“ถูกต้องแล้วจ้ะริณ ดีนะเนี่ยที่ที่นี่ยังพอมีอะไรให้เรากินได้บ้าง ฉันว่าเราไปนั่งกินไก่ย่างให้หายหิวก่อนเถอะเรื่องอื่นอย่าเพิ่งคิดให้รกสมองเลย”
“ไม่ล่ะเดี๋ยวฉันเข้าไปหาพ่อก่อนดีกว่า ไม่รู้เป็นไงบ้าง” ฉันตอบปฏิเสธพร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้เพื่อนหลังจากที่ดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ๆ แล้ว
“ฝากหน่อยนะ”
“ให้ฉันกับเอกเข้าไปมั๊ย?” เธอเอ่ยถาม
“เดี๋ยวยังไงฉันจะพาเข้ามาไหว้นะ แต่ตอนนี้เธอกับเอกกินมื้อเย็นกันก่อนเถอะ”
แสงพลอยพยักหน้าแล้วจึงใช้สองมือประคองแก้วทั้งสามใบไว้แนบอกก่อนจะเดินไปทางบริเวณห้องนั่งเล่น โดยมีคุณอาตามหลังมาไม่ห่าง ส่วนชานนท์นั้นกำลังเหยียดตัวนอนเขลงอยู่บนโซฟา
“พ่อหนูอยู่ในห้องนั่นแหละ” คุณอาสุบรรณบอกพลางบุ้ยใบ้ไปที่ประตูไม้เล็กๆ บานหนึ่ง
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วจึงเดินผ่านแสงสลัวตรงไปที่หน้าห้องนอนของพ่อ ความรู้สึกคิดถึงและห่วงหาประดังประเดเข้ามาในห้วงคิดคำนึงจนแทบจะทนรอแม้เพียงวินาทีต่อไปไม่ไหว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
“พ่อคะริณมาแล้วค่ะ” ฉันร้องบอกจู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ทว่าไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
ความคิดเห็น