ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark rain : สาปสายฝน (ภาค 1-4)

    ลำดับตอนที่ #11 : ร่างระหง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 229
      10
      20 ก.พ. 63

    ออกไปนะ ออกไปฉันหวีดร้องปัดไม้ปัดมือเป็นพัลวัน แล้วจึงซุกหน้าหลับตาลงกับแขนเสื้อ กันไม่ให้มันบินผลุบเข้าตาเข้าจมูก

    แอ๊ดดดด

    เสียงประตูเปิดออก

    สายทิพย์!”  คุณอาสุบรรณอุทาน

    ฉันเหลือบไปมองคุณน้าที่เปิดประตูผลัวะออกมา ร่างผอมที่ยืนค้ำร่างของฉันอยู่นั้นสวมใส่ชุดนอนผ้าซาติน

    พลิ้วบางสีขาวคอกระดุมเล็กๆ สามเม็ดปักลูกไม้ลายดอกและมีกระโปรงยาวลงมาจนถึงตาตุ่ม มือข้างหนึ่งของเธอกำลังถือเชิงเทียนแบบมีครอบแก้วเล่มเล็กๆ ซึ่งสว่างพอให้เห็นแก้มตอบๆ และใบหน้าลึกลับนั่นวับแวมอยู่ในแสงไฟ

    คุณน้า…!’  ฉันเผลออุทานออกมาเบาๆ  อย่างตื่นตะลึง เปลวเทียนดวงน้อยๆ ส่องให้เห็นผิวเนียนเกลี้ยงเกลาสีขาวซีด ริมฝีปากบาง จมูกเล็กโด่ง และโหนกแก้มสูง ส่วนคิ้วนั้นบางและคมดั่งวาดด้วยปลายพู่กันข้างหนึ่งกำลังเลิกขึ้นราวกับเจอเรื่องให้ประหลาดใจ 

    ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะริณ  คุณน้าสายทิพย์เปล่งเสียงต้อนรับอย่างเยือกเย็น ดวงตาที่หลุบมองฉันซึ่งทรุดกองอยู่กับพื้นแทบเท้าอันเปลือยเปล่าของเธอ  ดูเย้ยหยัน และแฝงความนัยอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน

    เอ้ารีบๆ เข้ามาสิเด็กๆเธอเชื้อเชิญ หรือพวกเธอจะอยากสานสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ปีกใสพวกนั้นต่อก็ตามใจนะ

    เอกประคองฉันให้เข้าไปในบ้าน ส่วนแก้วที่ตั้งสติได้ก็รีบจ้ำเท้าตามมาติดๆ

    ประตูบ้านปิดลง พร้อมกับเสียงบ่นของอาสุบรรณที่ดังขึ้นมา

    คุณนี่...ทำไมมาช้าจังพวกเด็กๆ เขากลัวกันหมดแล้ว 

    ถอดรองเท้าไว้ตรงหน้าประตูนี่ก่อนนะฉันกระซิบบอกเพื่อนๆ ขณะที่คุณอาเองก็ปลดสายเชือกรองเท้าหนังสีน้ำตาลหุ้มข้อออก

    โทษทีค่ะ พอดีฉันกำลังจัดการอบอาหารไว้ต้อนรับลูกสาวอยู่ในครัวจู่ๆ ไฟก็เกิดดับขึ้นมา  เธอชี้แจงน้ำเสียงเรียบเฉยดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย ไอ้ไฟบ้าบอนี่ก็ดับอยู่บ่อยๆ น่าเบื่อมากเลยนะคะดูสิเนี่ยทำให้พวกเด็กๆ ตกอกตกใจไปกันใหญ่

    แก้วดูจะขยะแขยงเจ้าปลวกบินได้พวกนั้นมากถึงขนาดต้องถอดรองเท้าบูทหนังยับๆ สีน้ำตาลสุดหวงของเธอวางแอบไว้ชิดผนังข้างในบ้าน

    พวกเราเดินตามคุณน้าเข้ามาสู่ห้องนั่งเล่น  แสงสว่างรำไรจากเทียนไขสีขาวขนาดป้อมๆ บนจานรองกระเบื้องที่ตั้งอยู่บนโต๊ะรับแขกไม้สักทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าเตี้ยๆ โลมไล้ลวดลายผ้าปักรูปเถาและพวงองุ่นอันอ่อนช้อยของชุดโซฟาซึ่งประกอบไปด้วยโซฟายาวและเก้าอี้นั่งอีกสองตัวที่เข้าชุดกัน

    ส่วนด้านหลังของโซฟายาวนั้นเป็นตู้ไม้ติดกระจกทรงสูงที่มีไว้ใส่ของสวยๆ งามๆ น่ารัก กระจุกกระจิกที่แม่ชอบ จำพวกเครื่องเบญจรงค์ลายไทยวิจิตร และงานหัตถกรรมย่อขนาดชุดเล็กๆ เช่น ชุดขนมไทย การละเล่นเด็กไทย รวมไปถึงงานถักไหมพรม โครเชต์  ฝีมือของท่าน เช่นตุ๊กตากระต่ายตัวน้อยๆ สีขาว ตุ๊กตาหมีแพนด้า หมวกไหมพรม กล่องกระดาษทิชชูสีสันสดใส ฯลฯ

    และถัดจากตู้โชว์มาหน่อยก็คือชั้นไม้วางหนังสืออ่านเล่นซึ่งมีหนังสือจำพวกนิยายประโลมโลก และ พวกหนังสืองานหัตถกรรม รวมไปถึงสารคดีท่องเที่ยว หนังสือวิพากษ์วิจารณ์การเมือง สังคม ที่พ่อชอบอ่านวางเสียบสันเรียงกันเป็นตับจนแน่นเต็มทั้งสามชั้น

    พวกเธอนั่งกันอยู่ที่นี่ก่อน

    ให้ผมไปช่วยมั๊ยครับคุณอาสุบรรณขันอาสา เดี๋ยวผมไปดูคัทเอาท์ให้

    อุ๊ยไม่ต้องหรอกค่ะเดียวฉันไปจัดการเองจะดีกว่า คุณผู้ใหญ่บ้านก็นั่งคุยกับพวกเด็กๆ ไปเถอะ  น้าสายทิพย์พูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก 

    ไม่เป็นไรครับไม่ต้องเกรงใจผมยินดีรับใช้ทุกที่ทุกสถานการณ์คุณอาขันอาสาอย่างเป็นกันเอง ดูท่าทั้งสองจะสนิทสนมกันดีทีเดียว

    แหม….งั้นเชิญทางนี้ค่ะเธอกล่าวก่อนจะหันมาพูดกับพวกเราด้วยโทนเสียงแหบห้าว โทษทีนะจ้ะ...พอดีน้าไม่รู้ว่าริณจะพาเพื่อนมาด้วยเลยไม่ทันเตรียมอะไรไว้ให้ แต่เดี๋ยวน้าจะไปลองค้นดูว่ายังมีอะไรที่พวกเธอพอจะทานกันได้บ้าง ขอตัวไปจัดการเรื่องฟืนเรื่องไฟประเดี๋ยวนึงนะ แม่เลี้ยงยืนประสานมืออยู่ทางด้านหลังชุดรับแขกด้วยท่าทีงามสง่า ชุดนอนสีขาวเนื้อบางเบาตัดกับเส้นผมตรงสลวยสีดำขลับ ดูลึกลับและมีเสน่ห์อย่างประหลาด

    ทนร้อนหน่อยนะ แต่พวกเธอคงไม่คิดจะเปิดหน้าต่างกันหรอกใช่ไหม เธอหันมาพูดกับพวกเราที่มานั่งรวมกันอยู่บนโซฟายาว ก่อนจะเลยมาถึงฉัน

    ริณถ้าเธอยังคงจำได้ว่าอะไรมันอยู่ตรงไหน ก็หาน้ำหาท่าให้เพื่อนๆ ทานสักหน่อยก็จะดีนะ คงจะเหนื่อยกันมามากสิเดินทางมาไกลน่าดู

    ค่ะคุณน้า  ฉันตอบ พลางมองภาพอันบิดเบี้ยวของตัวเองที่สะท้อนกลับมาจากจอแก้วโทรทัศน์รุ่นโบราณขนาด 21 นิ้ว แบบมีเสาอากาศ และปุ่มหมุนปรับตรงแผงข้างจอ ซึ่งตั้งอยู่บนตู้วางด้านตรงข้ามกับโซฟายาวที่ฉันนั่งอยู่

    คุณน้าพูดจากรีดฉันเสร็จก็เดินนำอาสุบรรณตรงเข้าไปทางห้องครัวด้านหลัง ผมตรงยาวที่ระจนถึงกลางหลังของเธอ คลี่ไหวน้อยๆ

    แม่เลี้ยงของเธอนี่ร้ายนะยะแก้วโพล่งขึ้นมาทันทีเหมือนกับเก็บงำคำพูดมานาน หลังจากผู้ใหญ่สองคนนั้นเดินออกไป

    แล้วริณเป็นอะไรมากรึเปล่า?” ชานนท์เอ่ยถามฉันอย่างห่วงใย

    ก็... 

    ก็ถ้าเป็นฉันคงอ้วกแตกไปแล้วล่ะยะ  แสงพลอยสอดขึ้นมาพลางแสดงอาการขยะแขยงริณพาฉันไปเข้าห้องน้ำหน่อยสิฉันปวดฉี่จะราดแล้ว

    อืม...ฉันเองก็อยากไปล้างหน้าล้างตาเหมือนกันฉันเออออ รู้สึกเหนอะหนะไม่สบายเนื้อสบายตัวเอาเสียเลย  

    เฮ้ยๆ เราไปด้วยดิจะปล่อยเราไว้คนเดียวหรือไงมันมืดนาชานนท์สะดุ้งโหยงรีบเอ่ยปากขอตามมาด้วยแต่ยัยแก้วกลับห้ามไว้ก่อน  

    ไม่ต้องเลยยะนายเอก นั่งอยู่ที่นี่แหละ

    ฉันลุกขึ้นแล้วจูงมือเพื่อนสาวให้เดินตามไป คุณน้าจุดเทียนไขวางไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้านจนทั่ว เหตุที่มองจากข้างนอกแล้วดูมืดก็เพราะผ้าม่านหนาทึบที่ถูกรูดปิดจนมิดชิดนั่นเอง ความสว่างจากปลายแสงของเปลวเทียนที่ส่งถึงกันนำพาให้เราสองเดินไปถึงหน้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

    แก้วเธอเข้าไปก่อน  ฉันบอก

    ในนั้นจะมีแมลงเม่ารึเปล่าอ่ะเธอ ฉันกลัวนะเธอครวญ

    ฉันเปิดประตูไม้แผ่นหนาออกแล้วชะโงกหน้าเข้าไปกวาดสายตาจนทั่วห้องน้ำเล็กๆ ที่มีอ่างอาบน้ำ  อ่างล้างหน้า รวมไปถึงโถส้วมแบบกดชักโครกสีขาวอยู่ภายในตัวเสร็จสรรพ ในห้องนี้ก็มีเทียนไขวางอยู่บนแผ่นเซรามิกที่เอาไว้ปิดตรงฝาครอบโถส้วมอีกจุดหนึ่ง 

    หลังจากแน่ใจแล้วฉันจึงตอบไปว่า

    ไม่มีหรอกอย่าคิดมากเลย รีบเข้าเถอะ 

    แก้วชะโงกหน้าเข้ามาดูบ้าง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    ดีนะที่เป็นโถส้วม...ค่อยยังชั่วหน่อย...ขอบคุณมากริณแสงพลอยกล่าวทำหน้าโล่งอก จากสภาพหมู่บ้านและบ้านของฉันแล้ว การมีห้องน้ำแบบมีชักโครกคงเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายสำหรับเธอมากเลยทีเดียว  

    ระหว่างที่ยืนคอยแก้วอยู่นั้นฉันก็นึกขึ้นได้ว่าควรตระเตรียมน้ำให้เพื่อนๆ  ดื่มเสียหน่อยจึงเดินเข้าไปในห้องครัว ก่อนอื่นฉันตรงรี่ไปที่ซิงก์น้ำ รีบล้างหน้าบ้วนปากไปเสียหลายรอบจากนั้นจึงล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าลายหวานในกระเป๋าขึ้นมาซับหน้าเบาๆ

    ฉันนึกขอบคุณที่น้ำประปาและไฟฟ้ายังเข้ามาถึงที่นี่  ไม่อย่างนั้นแก้วคงจะบ่นมากกว่านี้แน่ และฉันเองก็คงจะเสียใจไปเหมือนกันที่เป็นสาเหตุทำให้เพื่อนต้องมาตกระกำลำบาก และพบเจอกับเรื่องวุ่นวายที่นี่

    ขณะที่กำลังจะเดินไปที่ตู้เย็นเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งภายในห้องครัว ฉันก็ได้กลิ่นหอมเหมือนพวกไก่ย่างลอยมา ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นเงาอะไรบางอย่างวูบไหวอยู่ตรงหางตา

    เมื่อเพ่งมองออกไปตรงช่องหน้าต่าง ก็แลเห็นร่างผอมเพรียวของแม่เลี้ยงที่มีอายุอานามอ่อนกว่าพ่อไปไม่กี่ปีกำลังยืนยกหูโทรศัพท์คุยกับใครสักคนอยู่ สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียดวิตกกังวลเหมือนกำลังปรึกษาหารือ หรือถกปัญหาอะไรสำคัญๆ กระนั้นแหละ ท่าทีลับๆ ล่อๆ ไม่น่าไว้ใจสะกิดให้ฉันสงสัย 

    ฉันพยายามกระเถิบตัวไปให้ใกล้มากที่สุดในระยะที่ฉันคิดว่าเธอจะไม่อาจมองเห็นฉันได้ แม้จะรู้สึกละอายใจอยู่นิดๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับมีมากกว่า

    เราจะทำยังไงกันดีคะท่าน...ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านังเด็กนั่นจะชวนเพื่อนมาในที่แบบนี้แถมยังไม่บอกดิฉันก่อนสักคำ

    เสียงของน้าสายทิพย์ที่ดังแว่วมาทำให้ฉันรู้สึกตกใจ แน่นอนว่านั่งเด็กนั่นที่เธอพูดถึงอยู่ก็คือฉันนั่นเอง           

    อีกไม่กี่วันแล้วสินะ...ดิฉันกลัวจะมีปัญหา เธอกล่าวต่ออย่างคนร้อนอกร้อนใจ

    นี่มันอะไรกันชักไม่ชอบมาพากลแล้วสิ จู่ๆ สังหรณ์ร้ายก็แวบเข้ามาในความรู้สึก

    ขณะที่เฝ้ามองพฤติกรรมคุณน้าอยู่นั้น จิตใต้สำนึกก็บอกแก่ตัวเองว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจับจ้องฉันอยู่เช่นกัน

    ความกลัวแผ่ซ่านขึ้นมาอีกครั้งพานให้ขนแขนลุกชัน และหัวใจก็เต้นระส่ำ เพียงแต่ในคราวนี้สิ่งที่ฉันกลัวไม่ได้ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า แต่มันกำลังหลอมรวมก่อร่างสร้างตัวอยู่เบื้องหลังฉันนี่เอง...


     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×