ตอนที่ 10 : ตะวันกิน
"ภาม" เฟิร์นส่งเสียงเรียกเขาในช่วงบ่ายที่พอทราบที่อยู่ก็นั่งรถแท็กซี่มาหา ภามไม่เคยบอกให้เฟิร์นมาหาในช่วงที่เขาจะเรียนหนังสือ แต่เพราะความคิดถึงคนรักและเวลานี้เฟิร์นไม่ได้ทำงานเพราะเป็นวันหยุดหนึ่งวัน จึงดีใจมากที่จะได้พบกับคนรักหนุ่ม จึงได้ตัดสินใจมาหาเขาโดยที่ไม่ได้บอกเขา
"เฟิร์น" คำถามแรกที่ถามเอ่ยถึงคนรักด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก เขาเพิ่งตื่นมาอีกรอบที่จริง ยังนอนไม่เต็มอิ่ม เขาก็เคยบอกเธอไปหลายครั้งแล้วว่า เวลาที่เขาไปเรียนหนังสือไม่มีเวลาพบกับใคร เขาจะเอาความใส่ใจไปอยู่ที่ตำรา
เฟิร์นเองก็ทำหน้าอย่างรู้สึกผิด
"เค้าขอโทษนะ ที่ไม่เชื่อตามที่ตัวเองบอก แต่เขาหยุดนี่ เขาคิดถึงตัวเอง เลยมาหา"
แค่นั้นคำพูดของเฟิร์น เขาเข้าใจแล้ว จึงถอนคลายโมโห และรู้สึกดีขึ้น
"แป้บเดียว ภามอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงมา"
"ได้ เค้าจะรออยู่นี้นะ" เฟิร์นตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม มองคนรักหนุ่มที่เดินลงมาจากชั้นบนแบบสะโหลสะเหลตัวทั้งเดินขึ้นและเดินลงก็สงสารเขา เขาคงทำงานหนักและต้องมาเรียนหนังสืออีก
ที่ทำงานของภูวนัย ในมาดเนี้ยบของนักธุรกิจเก็บซ่อนอาการทุกสิ่ง เขาเป็นคนที่ใครๆมองดูสายตานั้น หล่อเหลาเก่งกาจทั้งเรื่องการงานและการบริหารงานในบริษัทเป็นซีอีโอที่หัวก้าวไกลมีวิสัยทัศน์กว้าง
ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องราวในครอบครัวของเขามากนัก เพราะเขาไม่เคยกล่าวให้ใครฟังพนักงานทีบริษัทคงจะรู้ได้เพียงว่าเจ้านายหนุ่มของพวกเขามีครอบครัว มีภรรยาและลูกแล้ว ก็ยังเคยเห็นภรรยาของท่านกับบุตรชายแวะมาที่บริษัทอยู่สองสามครั้ง
มีพนักงานสาวในออฟฟิศมองเขาด้วยสายตาที่ชื่นชมมาแล้วหลายคน เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ เพราะทั้งหล่อทั้งเฟอร์เฟกต์ไปหมด เพียงแต่ลับแลลึกบานด้านในเขาไม่เคยเปิดออกให้ใครเห็นหรือกะเทาะให้เห็นว่าข้างในเปลือกมีอะไร แต่ว่า สรญากะเทาะออกไปแล้ว และเขาก็เปิดปากบอกหล่อนสารภาพในความจริง เขาไม่อยากให้หล่อนทุกข์ทรมานต่อไป ที่เขาทุกข์อยู่นี้ก็เพียงพอแล้วสายตานั้นยิ่งดวงตาคมกริบ แต่ดูอ่อนโยนแบบมีเสน่ห์ แต่บางทีก็คุ้มดีคุ้มร้ายมาเหมือนกัน
มีโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นมือถือส่วนตัวของเขา ใครอุตริโทร.มาหาเขาในเวลาทำงานี่อีก พอ ภูวนัยเหลือบสายตามองแล้วก็รู้ว่าเป็นธนิต ผู้ชายที่เขาอยากตัดขาดไปแล้วเขาไม่แยแสมันอีกต่อไป จึงกดตัดสายทิ้ง
ธนิตโมโหมากเขาคิดจะง้องอนคุณภูวนัยในเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เขาจะมาสารภาพผิดคิดว่าให้คุณภูวนัยอภัยให้เขา และกลับมาดีเหมือนเดิม เขาเชื่อว่าภูวนัยกับเขาเหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ แม้ว่าเขาจะทราบดีว่าภูวนัยมีความสัมพันธ์กับใครหลายคน โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่หน้าตาดีสะอาดสะอ้านนั่นคือสเปกต์ของหนุ่มใหญ่ที่มีอารมณ์เซ็กส์วิปริต ภายใต้ท่วงท่าสง่างามขรึมระดับผู้บริหาร
ไม่เป็นไรหรอก เขามีทีเด็ดมากกว่านั้น คลิบไงล่ะเขาไม่โง่หรอกที่จะแอบติดตั้งกล้องไว้เพื่อจะแบล็คเมล์คู่ขาในภายหลัง นี่คือไพ่ใบแรกที่เขาจะใช้กับคุณภูวนัย ซีอีโอหนุ่มนักธุรกิจหมื่นล้าน ที่มีธุรกิจของครอบครัวมากมายและแตกย่อยเป็นสาขาเล็กสาขาน้อย
ธนิตมองด้วยความคาดหมายเมื่อถูกปฏิเสธ ไม่เป็นไร คราวนี้จะส่งภาพทั้งหมดลงไปที่แมสเสจเพื่อจะทำให้อีกฝ่ายตกตะลึงและยอมเสียค่าปิดปากให้แก่เขา ที่จะไม่นำภาพลับส่วนตัวนี้ไปเปิดเผยลงในโซเซียลสาธารณะชนหรือยูทูบ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับไอ้ธนิต เมื่อคิดจะไม่แยแสเขาแล้วก็ตาม เขาไม่สนแต่ขอเงินจำนวนมากที่เขาต้องได้จากภูวนัยไม่งั้นได้ดังเป็นข่าวฉาวในโชเชียลแบบไม่มีการปิดบังตัวตนเพราะภาพมันเด่นชัดลีลาท่าทางของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ ดังระเบิดระเบ้อแน่นอนทั่วโลก
เมื่อภามลงมาอีกครั้งในชุดแต่งกายที่เรียบร้อยเขาเตรียมพร้อมที่จะเข้าเรียนในช่วงภาคบ่ายด้วยและก็ให้เวลาแก่คนรักสาวประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง นี่เขาเผื่อเวลาแล้ว อาจจะน้อย เพราะเขามีเรียนในช่วงสี่โมงเย็น
เฟิร์นดีใจที่คนรักพาเธอไปเลี้ยงอาหารมื้อหนึ่งใกล้ที่พักของเขาคือซอยถัดไป
“โกรธเฟิร์นใช่มั้ยที่มาหา" เธอถามเพื่อดูและสังเกตความรู้สึกของเขา
"ไม่หรอก ภามเ้ข้าใจเฟิิร์นต่างหาก เราไม่มีเวลาให้กันเลย และนี่เป็นวันหยุดของเฟิร์น ภามเข้าใจ"
เธอดีใจที่เขาเข้าใจในตัวเธอ
"ช่วงนี้เรียนหนักมั้ย" เธอถามเรื่องการเรียนของเขา
"ก็หนักนะ ยิ่งเวลาให้กับการเรียนน้อยด้วย เทอมนี้จะผ่านสักกี่ตัว"
เขาพูดเหมือนบ่นและรู้สึกหนักใจเหมือนกันกับการเรียนเพราะข้อสอบนั้นออกมายากพอสมควร เทอมก่อนมีวิชาทีเขาต้องซ่อมอยู่ถึงสองตัว
"สู้ๆนะ เฟิร์นจะเป็นกำลังใจให้"
"แล้วเรื่องงานของภามล่ะ" เธอพูดถึงเรื่องนี้ทำให้ภามหยุดชะงัก จะตอบแฟนสาวอย่างไรดีหนอ งานที่เขาเลือกทำในเวลากลางคืน มันไม่ได้ดีมากมายหรอกแค่ช่วยต่อลมหายใจในเมืองกรุงโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินของพ่อแม่ แต่มันถูกหรือผิดเขารู้ว่ามันผิด แต่บางทีชีวิตคนเรามันไม่มีทางเลือก
เขาจึงเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้กับเฟิร์นที่เธออยากจะถามทุกครั้ง
"มันเหนื่อยนะเฟิร์น ไม่อยากให้ถามหรอก"
"ทำไมล่ะ" ทำให้เธอยิ่งสงสัยมากขึ้น
"ก็ไม่มีอะไร ไม่อยากให้ถาม" เขาเิริ่มเอ่ยน้ำเสียงตึงๆจนเธอรู้สึกได้
“ก็เห็นภามบอกว่า ได้ตังค์เยอะนี่นา"
"เยอะก็พอสมควร ภามต้องจ่ายค่าหอ จ่ายค่าเทออม หน่วยกิต เสื้อผ้ากินใช้อีก มันก็ดีแบบนี้ ที่ไม่พึ่งเงินพ่อแม่"
"ก็ดีสิ ถ้า่ไม่ต้องไปพึ่งเงินทางบ้าน ภามเก่งนะ"
สุดท้ายเธอชมแฟนหนุ่ม
เวลายังมีพอ ดีใจที่แฟนหนุ่มพาไปเดินที่ห้างสรรพสินค้าหน้า่มหาวิทยาลัย เฟิร์นหน้าบานทีเดียวยิ้มไม่ยอมหุบ เดินตามเขาต้อยๆเพราะเธอไม่คุ้นเคยแถวนี้ ภามเองก็ดูแลคนรักอย่างดี ถามเฟิร์นด้วยว่า
"อยากได้อะไรมั้็ยเค้าจะซื้อให้ เสื้อหรือว่ากางเกง"
เฟิร์นยิ้มให้ก่อนแล้วตอบ
"ไม่ล่ะของเค้ามีหลายตัวอยู่ เอามาจากบ้านแล้วก็ซื้อแถวตลาดนัดใกล้บ้านเช่ากับเพื่อนๆที่ทำงาน ก็สวยดีนะ น่าใส่ด้วย ขอบใจภาม ตัวเองเอาเงินไว้เก็บไว้เรียนใช้จ่ายเถอะ เค้าเริ่มรู้แล้วว่า ข้าวของที่กรุงเทพแพงมากจริงๆ ถ้าไม่มีเงินคงอยู่ไม่ได้ มันไม่เหมือนบ้านเรา ที่พออยู่พอกินได้ ไม่มีกินยังสามารถขอตามบ้านเพื่อนญาติได้ แต่ที่นี่ ไม่มีเลย"
ใช่ ที่นี่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว เมืองใหญ่กว้างขวาง เท่าที่ภามสัมผัสมากับตัวเอง เขาเห็นตามด้วยสิ่งที่เฟิร์นเอ่ย แต่ชีวิตก็ต้องเดินไปข้างหน้า แม้จะมีความเหงาเป็นเพื่อน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อัพต่อ ตะวันกินดวง