นรกานต์ - นิยาย นรกานต์ : Dek-D.com - Writer
×

    นรกานต์

    นรกานต์ ความหมาย คือนรก อย่าเผลอเอาไปตั้งเป็นชื่อ ก็แล้วกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    670

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    15

    ผู้เข้าชมรวม


    670

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน : 4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 56 / 04:28 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    นรกานต์

    ที่นี่เป็นที่ไหน?   โอ ร่างนั้นลอยละลิ่วไปไกลเหลือเกิน  แต่ไม่รู้ว่าจะหยุดอยู่ที่ไหน
        คนเรานั้น  เมื่อไม่มีชีวิตและลมหายใจอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว  ส่วนที่เหลือเราจะไปไหน  ล่องลอยไปไหน?
    ทรายถามตัวเอง
    เพราะในขณะนี้กายของทราย ไม่ใช่กายเนื้อ
    แต่กำลังล่องลอยไปข้างหน้า
    ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน?
    ในลักษณะที่เบาหวิว
    และรู้ตัวว่า ทะยานไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว  เหมือนถูกดูด
    และทรายยังไม่ร็ว่า ที่จะไปนั้นคือที่ใด
    อีกอย่างหล่อนยอมรับกับตัวเองว่า หล่อนยังไม่ตายต่างหาก
    ก็ทรายจะตายได้ยังไง
    หล่อนยังขับรถอยู่บนท้องถนนเลยเมื่อตะกี้นี้
    เพิ่งออกจากซอย  ออกไปทำธุระกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เพื่อติวหนังสือเรียนก่อน
    ส้มใสก็ยังคอยเธออยู่
    ซึ่งทรายบอกกับตัวเองว่า เธอมีอาการครบสามสิบสองประการ
    ทรายรู้แต่เพียงว่า  ตัวเอกำลังถูกนำตัวไปในที่แห่งหนึ่ง
    แต่ว่า มันไม่เหมือนโลกมนุษย์สักนิด
    ไปเร็ว แบบขับเคลื่อน เหมือนลำแสงไฟ
    เอ ทำไมเป็นอย่างนี้
    ช่างอัศจรรย์
    แต่กายที่ยังครองจิตของ ทรายก้บอกย้ำเตือนกับตัวเองว่า
    “ฉันยังไม่ตาย ฉันยังไม่ตายหรอก”
    เพราะทรายก็มองเห็นภาพชัดเจน
    ยังมองเห็นเพื่อนฝูงของทราย  มองเห็นพ่อแม่กำลังอยู่ในบ้าน ครบทุกคน
    ดังนั่นทราบยไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น
    เหมือนว่าตัวของทรายนั้นลอยดิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าปราสาทสีดำเบื้องหน้า
    พื้นที่ใหญ่โตกว้างขวางมาก
    ทรายมองไปที่แผ่นป้ายที่บอก
    “ศาลตัดสินความยุติธรรมระหว่างบาปกับบุญ และตึกลงทะเบียน”
    ทรายไม่รู้ว่ามีความหมายเป็นอะไร
    แต่เหตุการณ์ข้างหน้าก็ทำให้หล่อนเกิดความสะพรึงกลัวแล้ว

    ภาพของชายประหลาดปรากฏกาสยในลักษณะปีศาจ  หัวควาย หัวม้า
    ท่าทีแยกเขี้ยวยิงฟัน ไม่ต่างไปจากยักษ์มาร
    มีกระบองในมือ และสามง่าม
    กลุ่มคนที่เห้นอยู่ตรงหน้านั้น ล้วนตี่ใส่เสื้อผ้าชุดดำ สีหน้าเศร้าหมอง  ไม่พูดไม่จา และบางคนเอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้อย่างทุกข์ระทม
    ทรายก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น    
    เอก้ยังเดกินต้อยๆ  แต่ห่างจากกลุ่มคนเหล่านั้น
    เพราะของทรายยังสวมเสื้อผ้าชุดขาว
    ครั้นมาถึงประตูกำแพงแล้ว
    ทุกคนหยุดโดยอัตโนมัติ
    ได้ยินเสียงจากความมืดก้อง  ไม่เห้นตัวตน สะท้านขวัญ และน่ากลัว
    กับน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ
    “ขอต้อนรับเหล่าดวงวิญญาณทุกดวง ที่ต้องถูกลงทะเบียนในสำยักบัญชียมโลก  ซึ่งทุกวิญญาณได้ใช้ชีวิตใหม่ในภพนี้”
    “บัญชียมโลก”
    ทรายอุทาน
    เป็นไปได้หรือ เธอยังอยู่ในโลกมนุษย์
    และเธอคิดว่า นี่เป็นโลกมนุษย์
    แต่ทำไม ได้ยินเสียงจากผู้ทรงอำนาจลึกลับบอกว่า ยมโลก
    ครั้นจะเอ่ยถามคนรข้างเคียง   คนเหล่านั้นก็ส่ายหน้า
    ทรายไม่รู้จะถามใคร
    พอเห็นคนที่มีลักษณะแต่งกายเหมือนทหาร ไม่ได้ดูน่ากลัว จากภพที่เห็นก่อนนี้ คือคนครึ่งม้า  ครึ่งแพะ
    “เอ้อ น้าจ๋า ที่หนูอยู่นี่ เป็นโลกมนุษย์ ใช่ไหมจ้ะ”
    แต่ฝ่ายทหารนายนั้นตอบกลับมา
    “ยมโลก  นี่เขาเรียกว่ายมโลก วิญญาณนางสาวทราย”
    รู้จักชื่อหล่อนด้วย
    หล่อนก็ปฎิเสธ
    “ไม่จริง ไม่จริง หนูยังไม่ตายอย่างน่านอน”
    “พูดมาก เดี๋ยวก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
    แปลกที่คนเหล่านั้นสนทนาภาษาได้เดียวกับหล่อน
    เพราะหล่อนคิดว่า หล่อนยังไม่ตายอย่างแน่นอน  ทุกคนโกหก
    ทรายก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินไป
    เมื่อเสียงตรงหน้า คือคนที่แต่งกายดูดีคล้ายกับเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวัง
    “อ้าว วิญญาณทุกดวง พากันมาเข้าแถวเรียงหน้าได้แล้ว  นี่คือสำนักทะเบียนยอมโลก  ทุกวิญญาณต้องลงทะเบียน  แสดงสำมะโนครัวใหม่ ที่ต้องเป็นชาวยมโลก”
    มีเสียงทรายคนเดียวที่ร้องค้าน
    “ไม่ใช่หรอกจ้ะ น้า  หนูยังอยู่ในโลกมนุษย์  นี่ น้าเล่นตลกอะไรกัน  หนูยังไม่ตายสักหน่อย แล้วที่นี่ มันที่ไหนกัน  พาหนูกลับบ้านเถอะ  หนูอยากเจอหน้าพ่อกับแม่  คราวนี้ท่านต้องคิดถึงหนุอย่างนานแน่ ที่หายไปนานอย่างนี้”
    แทนคำตอบที่จะตอบให้ทรายได้ยิน
    กลับมีเสียงหัวเราะอย่างน่าขบขัน
    แต่ฟังดูแล้ว สะพรึงกลัว เยือกเย็นที่สุด
    “ฮึ  นี่เจ้ายังไม่รู้ตัวเองหรือไง ว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว”
    เมื่อเสียงตอบเช่นนี้
    ทำให้ทรายอุทาน
    “ไม่  ไม่ใช่หรอกน้า  หนูยังไม่ตาย   และหนูยังไม่ตายแน่นอน”
    ร้องค้านอย่างไม่เชื่อ
    เจ้าหน้าที่รายนั้นคงนึกรำคาญและเบื่อ
    จึงเอ่ยบอก  ทหารที่มีตำแหน่งรอง สั่งว่า
    “เฮ้ย  พวกเจ้า  ช่วยพาวิญญาณของนางสาวทรายไปดูที่หอส่องดูบ้านเดิม  ทีนี้เจ้าจะได้รู้ความจริง ว่าอะไรคืออะไร”
    ทรายยิ่งหน้าสั่นซีดเป็นที่สุด
    แต่ก็ยอมเดินตามเจ้าหน้าที่ผู้นั้น    
    แต่ไม่ใช่ทรายเพียงคนเดียวที่เดินไป แต่ยังมีอีกสองสามคน ที่ทรายก็ไม่รู้จัก
    คงอยากรู้  อยากเห็นเหมือนทราย จึงตามไปด้วย
    แล้วทรายก็มาหยุดอยู่ณ ทที่สูง คล้ายหอคอย  แต่ตั้งอยู่บนภูเขา
    เสียงสั่งจากเจ้าหน้าที่คนเดิม
    “พวกเจ้า ลองมองย้อนไปข้างล่างสิว่า นั่นเป็นเมืองมนุษย์  บ้านเดิมของพวกเจ้า  ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้า ก่อนที่จะมาอยู่ในที่นี้”
    ทรายพยักหน้า  และหล่อนเริ่มขวัญเสีย ทำท่าจะร้องไห้
    ถ้าหากสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง
    หล่อนจะทำอย่างไร?
    แต่ทรายก็ต้องการสิ่งพิสูจน์
    แปลกใจนักเมื่อหล่อนจ้องมองลงไปสู่ภาพเบื้องล่าง
    ต้องตกใจกับลภาพที่เห็น มีผู้คนร้องห่มร้องไห้มากมาย
    เมื่อกวาดตาดุแล้ว มีทั้งเพื่อน และญาติทั้งหล่อน
    คนเหล่านี้มาร้องห่มร้องไห้อะไรที่วัดแห่งนี้
    และต่อมาทราบก้เห็นว่า  พ่อ คำมิ่ง กับแม่นวลตาผู้เป็นมารดาท่านสวมใส่ในชุดดำทั้งชุด
    กำลังหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
    ที่มีโล่งเด่นสีทองตั้งอยู่ตรงกลางของศาลา
    เมื่อมองไปที่ขาตั้ง มีรูปภาพติดอยู่
    “เป็นรูปของทราย”
    งั้นคนที่นอนอยู่ในโลงก็คือเธอ
    ทรายกรีดร้องอกมา อย่างคนขวัญเสีย
    “นี่หล่อนตายแล้วจริงๆหรือนี่  ฮือฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋า  นี่เราไกลกันจริงๆหรหือ เราอยู่คนละภพภูมิจริงอย่างที่เจ้าหน้าที่เขาบอก”

    จากนั้นทรายจึงร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่  ที่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว
    พออยากรู้ว่าตัวเองตายเพราะสาเหตุใด
    คืนวันงานฉลองปริญญาบัตรของนิสิตมหาวิทยาลัย  ที่ทรายจบพร้อมเพื่อน
    เธอขับรถด้วยความเร็วงเกินไป เป็นรถกระป่องคันเล็กสีเขียวตองอ่อน
    ด้วยความที่ไม่ชำนาญทาง
    ฝนตกถนนลื่น
    ทำให้อุบัติเหตุเกิดขึ้น
    รถของทรายฟาดเอากับเสาไฟฟ้า หล่อนตายคาที่เลย ในชุดที่กลับจากงานเลี้ยงฉลองร่วมกับเพื่อน
    และหล่อนขับกลับบ้านคนเดียว หล่อนจึงตายคนเดียว
    “โอ๊ยตาย ฉันตายแล้วจริง ฮือฮือๆๆๆๆ”
    หล่อนรน้องไห้ครำครวญอีกอย่าง  อย่างน่าปริเวทนาอย่างมากที่สุด
    ที่เพิ่งรู้ว่า ตัวเอง ตายจากโลกมนุษย์นี้แล้ว
    และคนที่ตามมาด้วยกับหล่อนอีกสองคน ก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน
    คงจะเพิ่งรู้ตัวว่า ตายจากโลกมนุษย์แล้ว  เช่นเดียวกับหล่อน
    จากนั้นทรายจึงถูกเจ้าหน้าที่คนเดิม ดึงตัวกลับมาที่เดิม
    ที่เรียกว่า  สำนักลงทะเบียนยมโลก
    และต่อมาหล่อนรู้สึกเกิดความเจ็บปวดอีกครั้งที่ต้นคอ และข้อแขน  รวมทั้งไขสันหลัง
    “ทำไมเจ็บปวดอย่างนี้”
    เจ็บปวดอย่างที่สุด
    จนหล่อนต้องร้องโอ๊ยออกมาอย่างทุกข์ทรมาน
    ที่อาการที่เห็นนั้น มันยังไม่หายสักที
    แต่ก็ทวีความเจ็บปวด และหนักขึ้นกว่าเดิม
    นี่เป็นเพราะอะไร ไม่รู้ที่หล่อนยังเจ็บปวดเช่นนี้
    แต่คำถามบ่นของหล่อนก็ได้คำตอบ จากผู้ลึกลับที่มีน้ำเสียงสะพรึงกลัวตอบให้
    “ก็เพราะว่าเจ้าตายอยู่ในสภาพไหน ความเจ็บปวดก็ยังคงเป็นสภาพนั้น  แม้เจ้าจะละกายเนื้อ  มาเป็นกายทิพย์แล้วก็ตาม  ในเมื่อมันเป็นกายของเจ้า  มันก็ยังคงเจ็บปวดเช่นเดิม  ไม่มีทางหายหรอก”
    ก็ทำให้ทรายสะดุ้ง เมื่อรู้คำตอบ
    ถ้าเป็นอย่างนี้  หล่อนจะต้องเจ็บปวด ไปชั่วกัปชั่วกัลป์นะหรือ


    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น