ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แว่วเสียงระฆังโบสถ์สุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #3 : ต่อจากเดิม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 119
      0
      15 ต.ค. 52

    นี่คือวัดสถานที่ปฏิบัติเพื่อการละเลิกกิเลส..ปลุกถึงเวลาก็ต้องตื่นกิจวัตรที่เวียนวนไปทุกวัน แม้จะผ่านวันผ่านเดือนแต่ละวันที่ผ่านไปนั้นแตกต่างยิ่งนัก เสียงสวดมนต์ในแต่ละวันก็เช่นกัน  เสียงสวดมนต์เช้าสวดมนต์เย็นความเพราะพริ้งเสนาะต่างกัน  ที่แน่ๆคงลอยไปไกลถึงโลกพรหมโลกเทวดาเช่นเคย      บุญหรือ เอบุญนี่คือการทำความดีใช่ไหม? ทำความดีเช่นใดถึงจะบรรลุคำว่าบุญ  เฮ้อ  บรรพชิตองค์น้อยๆที่เพิ่งฝากตัวเข้ามาเป็นศิษย์พระศาสดาเมื่อไม่นานมานี่

                    ครุ่นถึงตน แปลกใจอยู่แล้วกับโลกใบใหม่ที่ไม่ต้องสวมใส่เสื้อผ้าแต่นุ่งห่มจีวรอังสะสบงแทน เท้าเดินเปล่าเปลือย รองเท้าไม่ใส่  ไม่ได้ยกมือขอตังค์แม่อีกแล้ว  ไม่ถูกเพื่อนร้องเรียกตะโกนให้ไปเล่น   อายุของตนเองยังน้อยไปหรือเปล่า? ที่ผลักให้เข้าสู่วิถีเช่นนี้  ครุ่นอีกแล้ว  ครุ่นคิดยังไม่จางจากใจ  แต่ว่าไม่ทันแล้วใต้ร่มกระดังงาหน้ากุฏิใหญ่ของวัด   หลวงพี่ชวนไปอ่านหนังสือ  ท่านบอกว่า

                      ไม่มีเพื่อนน้องเณร  ไปเป็นเพื่อนหลวงพี่หน่อย ยังท่องบทสวดมนต์ฉันเช้ายังไม่คล่องเลย  

    ยินดีรับความปรารถนาครั้งนี้ครับ หลวงพี่  ไปด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอก หนังสือเผอิญติดอยู่ในมือพอดี  ไปด้วยกัน  ท่องในพระอุโบสถนั่นแหละดี   ไม่มีคนกวน เสียงก้องชัด  แต่ถ้าไปคนเดียวมันวังเวงน่าดู

                      ถ้าเกิดในอุโบสถล็อคปิดไว้ล่ะหลวงพี่   

    เณรน้อยใจซื่อเอ่ยถามชำเลืองตามอง เห็นทำท่าครุ่นคิดนิดหนึ่ง

                      งั้นไม่เป็นไร นั่งอยู่รอบอุโบสถก็ได้  แต่เข้าไปดูก่อนเถอะ   วันก่อนหลวงพี่เห็นบานประตูเปิดแง้ม   

    ท่านพูดอย่างนั้นเราก็พยักหน้าเชื่อท่าน

                    ผ่านความยินดีปรีดาของตนเองยิ่งนัก.. นี่หรือคือวิถีบวช  นี่หรือคือลูกศิษย์พระพุทธเจ้า.. โอความหมายมันซึ้งถึงคุณค่ายิ่ง.. กระนั้นเถอะรีบขวนขวายกอบโกยใฝ่ในทางบุญกุศลนี้ให้มากๆ.. เมื่อชีวิตต้องเดินมาในทางสายนี้แล้วเหมือนถูกลิขิต.. ให้เป็นบรรพชิตผู้รักษาศีล  อย่างนั้นแล้วควรเข้าใจว่ารักษาศีลคือการสำรวมการวาจาใจให้เรียบเรียบร้อย.. ให้แน่วนิ่งแผ่วอยู่ในเสียงการทำและการประพฤติตนเองบรรพชิต 

                    เป็นไปด้วยลีลาของความดีงามเป็นที่เลื่อมใส แก่ผู้พบเห็น..  คำว่าสมณะย่อมงดงามเสมอในความหมาย  ..ฝากคำของโยมแม่ท่านบอกว่าหมั่นเพียรสร้างบุญกุศลด้วยนะลูกเณรเพื่อที่จะช่วยเหลือบรรพบุรุษในภพภูมิต่างๆที่ทุกข์ทรมานอยู่  เราก็รับปากท่านแล้วต้องทำให้ได้  แว่วเสียงสวดมนต์เป็นภาษาบาลีก้องหวิวประชันกันบ้างเสียงสวดเสนาะเพราะบ้างไม่เพราะบ้าง.. ตะกุกตะกักจับสำเนียงทำนองสวดไม่ได้เพราะยังใหม่ต่อการบวช..จัดเป็นนวกะ ยังไม่ชิน

                    แต่ที่รู้ต้องพร่ำบ่นคาถาเหล่านี้  เพราะต้องใช้ในการสวดพิธีต่างๆ เป็นกิจของสงฆ์ด้วย มีหน้าที่ปัดเป่าไล่เสนียดจัญไรสร้างเสริมความยั่งยืนและเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองหมู่บ้าน  ..คาถาของพระพุทธเจ้าเป็นคาถาที่ประเสริฐ์ที่สุดแล้ว  ..บัญญัติไว้แต่ครั้งพุทธกาล ..ความปีติยังแล่นมาด้วยความแช่มชื่นในวัตรปฏิบัติของตนเอง.. ในทุกๆวันจะสำรวจก้มมองดูตัวเอง ในกระจกเงาดูไม่ได้   หวี  กำไล นาฬิกา สร้อยก็ไม่ได้  ผิดศีล  พระและสามเณรห้ามเสริมสวยหรือตกแต่งของประณีตทัดดอกไม้สวมเครื่องประดับ.. มาลาคันธวิเลปณะธารณะมัณฑณะวิภูสณัฐฐานาเวระมณี     ความหมายบ่งชัดไว้แล้วในข้อห้ามของสามเณร    แต่ถ้าดูกระจกแล้วไม่เป็นไปในทางยินดีต่อความรักสวยรักงาม เช่นเป็นไปเพื่อรักษาโรค ..อาทิจ้องดูบาดแผลบนใบหน้าก็ไม่เป็นไร..  สิ่งทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่เหตุและผล  ..น้ำหนักความปรารถนากับน้ำหนักความต้องการมีมากเท่าใด

                    จริงๆเลย.. บอกกับตัวเอง ทำไมถึงสุขอย่างนี้ วิถีที่ได้ถือบวชเป็นการวิเวกในธรรม..รับรู้ผ่านตัวเองทุกขณะจิต   ..สมัยนั้นระหว่างนั้นเป็นยุคแรกในการบวชของสามเณรปุ่น  ..มองอะไรก็ดูเจริญหูเจริญตาไปหมด..ไม่มีสิ่งเลวร้ายเบียดเบียน เหล่าภิกษุสามเณรมุ่งกระทำไปในทางเดียวกันเพื่อช่วยเหลือญาติโยม ทำนุบำรุงพระศาสนา

                    สามเณรก็หาได้เกียจคร้านในการอยู่วัด หยิบจับอะไรได้ก็จับ ..ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง  สติสตังปลุกเต็มที่  งานกุศลที่ก่อเกิดให้หมู่ญาติโยมใกล้ชิดพระศาสนามีขึ้นแทบทุกวัน  ..เมื่อเกือบยี่สิบห้าปีที่แล้ว  ผูกพันเหนียวแน่นด้วยญาติโยมและวัด..ใส่ใจต่องานบุญงานกุศลถึงวันธรรมสวนะหรือวันพระก็พร้อมเพรียงใจกันนำข้าวปลาอาหารดอกไม้ธูปเทียนยกมือกราบไหว้จุดธูปอธิษฐานที่องค์พระประธาน 

                    สมัยยังเด็กอยู่ รู้ความแล้วเด็กชายปุ่นมักถูกญาติพี่น้องพี่ป้าน้าอา ชักชวนกันไปทำบุตรนำภัตตาหารไปถวายพระแล้วเวลามาอธิษฐานต่อหน้าองค์พระประธาน  ..เรามักจะขออธิษฐานให้เกิดทันศาสนาพระศรีอาริย์..ตามที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นพูดให้ฟัง.. รวมทั้งอยู่รอฟังเทศน์จนจบแล้วรดน้ำมนต์จึงกลับบ้านได้

              ผ่านเวลาเหล่านั้นมาเนิ่นนานหลายปี..ก็ยังจดจำได้  แม้ว่าณ บัดนี้อยู่ในสถานะของบรรพชิตนุ่งห่มเหลืองแล้วก็ตาม..ก็ระลึกถึงอดีตของตนเองที่เคยปฏิบัติได้  มันอิ่มใจ แช่มชื่นทุกครั้ง ..ยามที่เอ่ยถึงสิ่งเหล่านี้    นี่เองกระมังที่เรียกว่าบุญผุดขึ้นในจิตใจ ถ้ามีตาทิพย์สามารถมองเห็นได้คงปรากฏเห็นควันสีขาวละเอียดลอยเป็นสายที่เป็นตัวบุญลอยตัวขึ้นไปสู่ภพภูมิสูงเพื่อรอผู้ที่ทำบุญซึ่งสะสมสั่งเอาไว้สำหรับบุคคลผู้นั้น

     

                   

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×