คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : วิถีใหม่
แว่วเสียงระฆังโบสถ์สุดท้าย
บวชครั้งแรก
สาเหตุจากการบวชสามเณรของเด็กชายปุ่น ครั้งแรก บวชตามเพื่อน ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า บวชตามเทศกาล และถือว่าจิตใจในครั้งนั้นถือว่าไม่ค่อยมีให้มากนัก เป็นเพราะอะไรไม่ทราบ แต่พอตอนหลังบวชไปแล้ว เกิดความเปลี่ยนแปลง ยินดีกับวัตรปฏิบัติการเป็นสามเณรของตนเอง ก่อนบวชมีปัญหาหลายอย่างรุมเร้า คบกับใครไม่ได้ ไม่มีเพื่อน อยากจะเรียนหนังสือเหลือเกิน ตอนนั้นจบชั้นประถม
แต่โยมพ่อโยมแม่ไม่มีเงินส่ง อีกอย่างอิจฉาเพื่อนร่วมรุ่น ที่หลายคนได้เรียนต่อ เพราะคิดว่าตัวเองสมองดี เรียนเอาตัวรอดได้ ยิ่งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย แต่วิทย์คณิตหย่อน แทบจะไม่เอา เลยรู้ว่าหัวไม่ชอบสาขานี้
วันบวชนั้นตรึกตรองอยู่หลายรอบ คุณแม่ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นโยม ท่านก็บอกเลยล่ะ เหมือนเป็นคำสั่งแกมบังคับ บังคับหรือเปล่าเราไม่รู้ แต่เราก็กลัว ท่านบอกว่า
“ บวช ยังไงก็ต้องบวช ”
ปีนั้นตกฝนแล้งข้าวยากหมากแพงอีกต่างหาก ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ซ้ำยังประสบแปดสองหน ชาวนาที่หวังจะได้เก็บเกี่ยวข่าวกลับต้องเป็นหนี้สินเพิ่มพูน เพราะไปหยิบยืมเงินจากเถ้าแก่มาล่วงหน้า พอกพูนสะสมไว้ รายกรณีอย่างนี้บิดามารดาของเราท่านก็เป็นด้วย แต่ไม่พยายามเอามามาก สามสี่พัน อีกอย่างมันเป็นความจำเป็นในเรื่องการจัดงานบวช แม้จะบวชสามเณรต้องมีค่าใช้จ่าย
ดูเหมือนมันกะทันหันและท่านไม่มีค่าใช้จ่ายตรงนี้ เลยไปหยิบยืม บวกกับเงินที่ตัวเองมีเก็บอยู่เหมือนกัน วันที่เราบวชเดือนที่เราบวชจำได้ชัดถนัดตาติดตา หลวงพี่เรียกไว้ก่อน ท่านยังเป็นเพียงนาค อายุทุกคนกำลังผ่านการเกณฑ์ทหารส่วนมากจับสลากทหารกองเกินไปแล้ว
มันผ่านไปแล้ววันนี้จำได้ดี บรรดาชายไทยรุ่นพี่รุ่นน้าอายุสี่สิบเอ็ดปี นึกถึงภาพการคัดเลือกเกณฑ์ที่มีทั้งความวุ่นวายดกลาหลหนุ่มแปลกหน้าต่างถิ่นวัยฉกรรจ์ต่างหมู่บ้านมาเจอกันเขม่นใส่กันลงท้ายด้วยการโรมรันไล่เตะตีต่อยกัน เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาห้ามปราม จนเรื่องสงบ ตบท้ายเรื่องในวันนั้นผ่านด้วยฉากภาพความเศร้าเสียใจของหนุ่มคัดเลือกทหารกองเกิน ที่เสียใจเพราะจับได้ใบแดง มีเมียแล้ว เมียกำลังตั้งท้อง ทั้งเมียและพ่อแม่ร้องไห้โฮ บางคนอยากจะเป็น แต่กลับไม่ได้เป็น บางคนลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นที่พ้นภาพเหล่านี้ไปได้
กลัวนักกลัวหนากับการถูกจับไปเกณฑ์ทหาร ภาพเหล่านั้นตัดผ่านไป ในวันนี้เราได้มาร่วมพร้อมหน้ากับพี่นาคทั้งหกคน หมู่บ้านเดียวกันกับเรา จุดประสงค์ที่เราคิดคุณแม่อยากให้เราบวช ถึงกับเอ่ยปากขอร้องเราหลายครั้งไม่ถึงกับว่าเคี่ยวเข็ญหรอกทั้งกล่อม จนเราเห็นดีด้วย กำลังสู่หนุ่มวัยรุ่นยังรักเพื่อนหลงเที่ยวสนุกสนานอยู่
ถึงแม้ว่าจะมีเพื่อนน้อย เพราะคนชอบมีเยอะเท่าคนเกลียดชัง ก็เพราะไม่รู้เหมือนกัน ทำอะไรมักไม่เป็นที่สบอารมณ์ของคน แต่ไม่เคยคิดเก็บเอามาเป็นอารมณ์ น้อยใจมีอยู่บ้าง แต่ถืออย่างเดียวว่าเป็นกรรมเวร เพราะเราไม่เคยไปชิงชังอาฆาตพยาบาทใครแต่สิ่งเหล่านี้กลับตามติดเกิดขึ้นกับเราเอง จะให้เราคิดอย่างไร
เริ่มจะบวชแล้ว ล่ำลาเพื่อนที่สนิทเอ่ยปากบอกเพียงคนสองคน เพราะคนบางคนที่เป็นเพื่อน ในเวลานั้นเขาไม่อยากคบกับเราไม่อยากพูด เสมือนว่าเกลียดชังไปเลย เราก็ไม่เอ่ยบอก ที่บอกเพียงแค่น้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ลูกของลุง แต่ดันมาเกิดหลังเราปีหนึ่ง สนิทกันมาก มีอะไรแบ่งปันกัน ไม่ห่างเหิน กลมเกลียวกัน แม้ว่าในตอนเด็กจะมีภาพไม่ชื่นมื่นสักหน่อย เคยทะเลาะต่อยตีกันเพราะแย่งความรักจากย่า แต่ไม่นานก็กลับมาดีกัน ทะเลาะกันไม่นานหายโกรธกลับมาดีกันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง น้องชายคนนี้เกิดปี ขาล เราเกิดปีฉลู มันก็ต่างกัน ทะเลาะกันไปมาในอดีตปัจจุบันรักกันเหนียวแน่นห่วงใยเขา
บวชเช้าตรู่ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันพ่อนั่งซ้อนท้ายจักรยาน เพื่อให้หลวงพี่ที่วัดปลงผมโกนคิ้วโกนศีรษะให้ เพราะในเมื่อจะต้องเป็นสามเณรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย คืน สองคืน สามคืน ก็คิดอยู่จะเอาไงดีเหมือนกัน ใจหนึ่งอยากบวช ใจหนึ่งไม่อยากจะบวช แต่ไม่ทัน
ตกลงปลงใจแล้ว สัจจะของมนุษย์มี แน่นอน เราเป็นคนถือสัจจะอย่างยิ่ง แม้จะยังครุ่นคิดฝัน ความรู้ยังเกี่ยวอาวรณ์ต่อชีวิตของฆารวาส แต่หักใจ ร่วมกับนาคในหมู่บ้านที่พลาดพ้นจากการเกณฑ์ทหารบางคนได้เป็นทหารแต่ต้องรอห้าหกเดือนถึงมีหมายกำหนดเรียกตัว
พี่นาคบางคนไม่สะทกสะท้านแต่ดีใจที่ได้เป็นรั้วของชาติมีใจฮึกเหิมอยากอาสารับใช้ชาติ เห็นพี่ท่านคิดอย่างนี้แล้ว เป็นบุญของท่าน บุญของประเทศชาติ สามวันผ่านไป แต่ละคืนเต็มไปด้วยเสียงเครื่องไฟขยายเสียงจากลำโพง พี่นาคทั้งหก บางบ้านฐานะยากจนก็จัดแค่ธรรมดานิมนต์พระท่านมาฉันสวดมนต์ เสียงที่ได้ยินจากเครื่องไฟขยายดังมาจากพี่นาคที่ครอบครัวมีฐานะ สองสามคน แข่งขันประชันกัน เพลงลุกทุ่งล้วนๆ สลับกับมหาสังข์ ดนตรีที่ประกอบเกี่ยวกับพิธีมงคล
วันที่เตรียมบวชในอุโบสถ เราเป็นว่าที่เณรในวันนั้นรับรู้ถึงความตื่นตาตื่นใจ ทั้งอาการตื่นๆ มีมาพร้อมกับประหม่าเพราะมีผู้มาร่วมขบวนพิธีกันทั้งหมู่บ้าน ยิ่งรู้ว่าเป็นงานบุญงานมงคลชาวบ้านจะแห่แหนมากันพร้อมหน้าอย่างนี้ ลุงพันธ์ ปัจจุบันแกเสียชีวิตแล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เราระลึกนึกถึงแกในปัจจุบันนี้ ยามนึกถึงจะทำบุญไปให้ตลอด เสนออาสาตัวเองให้เราขี่คอ ถือว่าท่านทำบุญอย่างสูงสุด แม้จะไปสู่ภพใหม่แล้ว ถือว่าบุญกุศลครั้งนี้น่าจะนำพาตัวท่านไปสู่สุคติได้ หากไม่มีกรรมหนักอันใดเบียดบังตามมา
บวชเรารู้อยู่ในใจ เช้าอย่างวันนี้คุณแม่ท่านไม่พูดอะไรมาก หน้าตาท่านยิ้มแย้มแจ่มใสผุดผ่องราวกับความรู้สึกนั้นปีติตื้นตันใจนัก เพราะท่านเคยบอกกับเราว่า บวชครั้งนี้อุทิศให้แก่ปู่ย่าตายาย เราก็น้อมจิตให้รู้ว่าคุณแม่ท่านปรารถนาอย่างนี้ ตนเองก็ยกให้ทันทีสละแล้ว ถ้าเพื่อปู่ย่าตายายยอม
วันที่เราตื่นเช้ามาพบกับความแปลกใหม่ทั้งใจและความรู้สึกของตนเอง หมายถึงจะต้องร่วมรู้กับวิถีปฏิบัติใหม่ที่ไม่เคยมาก่อน ยอมรับว่าศรัทธา เพราะเคยตักบาตรให้พระสงฆ์บ่อย เคยแต่ยกมือไหว้ คราวนี้ต้องเป็นฝ่ายถูกยกมือไหว้ วันแรกยังไม่กล้าบิณฑบาตยังอายเขิน อาศัยฉันกับเพื่อนสามเณรรุ่นพี่ที่แบ่งปันมาให้
แต่ก็ยังอายต่อญาติโยมที่รู้จักคุ้นหน้าดี ล้วนเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน รู้จักเราดี บางคนสนิทสนมมาก เพราะเราเป็นคนชอบเข้าหาผู้อาวุโสมาแต่ไหนแต่ไร เคยมาวัดทำบุญตลอด แต่ไม่เคยโกนหัวบวชทำอย่างนี้ นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าพวกท่าน ที่มองมายังเราด้วยสายตายิ้มอย่างเอ็นดูชื่นชม
เอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบนอนเป็นไง เราก็แย้มยิ้มตอบไปที่ท่านถาม เช้าตรู่ของวันนี้โยมแม่คงไหว้วานโยมพ่อนำข้าวมาให้ฉันเพล เราเห็นโยมพ่อ ท่านก็เข้าไปหา ก็ทักท่าน บอกตามสภาพ ว่านอนหลับดี ใช่หลับดีจริง ไม่คิดอะไรเลยแฮะ ตื่นมาได้เพราะเสียงวิทยุพูดข่าวในยามเช้าของหลวงพ่อมีอายุรูปหนึ่งอยู่ตรงหน้าพวกเรา
อีกอย่างนั้นที่บวชนั้น เพิ่งมาพบว่ามีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมาบวชสองคน ก็อุ่นใจ สบายใจอยู่ ที่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ไม่ค่อยจะทักทายกัน ไม่รู้เป็นยังไง แต่ก็สบายใจ เหตุที่ไม่ทักทายก็เลยไม่ได้คิดอะไร ถามไถ่จากหลวงพี่ที่อยู่ก่อน บอกว่า เณร อ่ำ เพื่อนคนนี้ บวช สิบห้าวัน อีกอาทิตย์เดียวก็จะสึกแล้ว เพราะมาบวชช่วงปิดเรียนฤดูร้อน ดูเหมือนเขาเรียนชั้นมัธยม
ที่ยังสบายใจอยู่อีกอย่างคือ หลวงพี่หมู่บ้านเดียวกัน ตั้งหกรูปไม่รวมบ้านอื่น อยู่ว่างๆช่วงกลางวัน เหงาไม่มีอะไรทำ อาจเพราะบวชใหม่ ท่านยังไม่ให้ทำอะไร ขอให้ปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ หลวงพี่ก็มาเล่นด้วย เริ่มคิดแล้ว เริ่มหาหนังสือบทสวดมนต์ หลวงพี่พยายามสวดมนต์หลังฉันข้าว คือ บทสวดสัพพี ให้พรแก่ญาติโยม ตามด้วยบทสวดสรรเสริญพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ คือบทสวดภะวะตุสัพพะมังคลังรักขันตุสัพพเทวะตาสัพพะพุทธานุภาเวนะสะทาโสตถี ปีนั้นตกพ.ศ 2528
วันต่อมาเราถูกปลุกอีกครั้งประมาณตีสามครึ่ง เณรคนข้างเราตื่นเราต้องตื่นพร้อมกันด้วยปลุกกันตื่น จากแรกที่งัวเงียยังไม่ตื่น เพราะบางคนยังอิ่มไม่หลับ เรานั้นแค่ถูกสะกิดก็ตื่นแล้ว พร้อมในการตื่น แต่ไม่รู้ว่าเขาให้ทำอะไร เณรรุ่นพี่ที่อายุโสกว่าบอก
“ เร็ว ลุก ลุก เตรียมทำวัตรเช้า ”
ลุกโดยไม่รู้ว่าวัตรเช้าคืออะไร จากนั้นเสียงระฆังแก้วกังวานทุ้มเป็นจังหวะย่ำสองสามครั้งตามด้วยเสียงไม้ตีดังครั้งแรกแล้วทิ้งช่วง จนครบดังกล่าวจึงหยุดตีเสียงเงียบหาย ไม่นานนักไฟในวัดสว่างพรึ่บเสียงฝีเท้าเริ่มเดินการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น บางห้องปิดไฟดับเงียบ บางห้องหลวงพี่แต่งกายเสร็จแล้ว บางห้องเพิ่งจะถือขันลงไปอาบน้ำ
เมื่อเป็นอย่างนี้ต้องเร่งอาบ เรากับเพื่อนสามเณรคนอื่น ไม่ทำอะไรแค่ชวนกันเดินไปล้างหน้าพร้อมกันที่หลังห้องครัว แล้วกลับมาที่เดิม ซึ่งจะต้องครองจีวร เราครองไม่เป็นอยู่แล้ว เพิ่งบวชแค่คืนแรกสองคืนเท่านั้นเอง
หลวงพี่กับพี่เณรคนก่อนๆเป็นธุระให้ จากการไหว้วานของหลวงพี่ห้องข้างด้วยเอ่ยเสียงว่า
“ เข้าไปดูเณรบวชใหม่ทั้งสามคนหน่อย มันแต่งตัวครองจีวรเสร็จแล้วยัง คนไหนไม่เป็นก็ทำให้หน่อย วันหลังจะได้ฝึกสอน ไม่รู้นุ่งสบง รัดประคตเอวเป็นหรือเปล่า ”
แว่วเสียงหลวงพ่อห้องข้างเคียงมาแต่เราไม่รู้ว่าท่านชื่ออะไร น้ำเสียงท่านทุ้มเพราะกังวานเหมือนคนมีอำนาจ แต่ท่านไม่ใช่เจ้าอาวาสแน่เพราะหลวงพ่อเจ้าอาวาสอยู่ทางทิศตะวันออก ห้องเดียวห้องใหญ่ อีกทั้งหลวงพ่อเจ้าอาวาสผอม เสียงก็ไม่ใช่ด้วย เพราะเสียงท่านเล็ก เหมือนไม่มีแรง
เสียงสวดมนต์เป็นจังหวะดังเพราะพริ้งราวประหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะขยับลอยขึ้นไปสู่อากาศ พร้อมเพรียงเสนาะเป็นกังวาน แม้ว่าเราจะฟังไม่เข้าใจนัก เห็นทีจะต้องไปเปิดความหมายอ่านคำแปลดู เสร็จจากช่วงนั้นพระผู้อาวุโสเป็นประทานท่านดับเทียนดวงใหญ่ ไฟเริ่มปิด
ภายในกุฏิทุกกุฏิเร่งรีบเคลื่อนไหว เพื่อจะไปบิณฑบาต การบิณฑบาตเราชอบใจคำของหลวงพ่อรูปหนึ่งที่เป็นอาวุโสกุฏิห้องท่านอยู่หน้าห้องของเราที่เปิดวิทยุฟังข่าวตอนรุ่งเช้าก่อนจะออกบิณฑบาต ท่านเอ่ยแล้วจับทั้งใจและความหมาย ท่านบอกว่าบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์ ความหมายนี้มันกว้าง ทั้งลึกและซึ้งไปถึงคำตรัสของพระพุทธเจ้า ที่มีแก่บรรพชิตทุกรูปซึ่งเป็นพุทธทาสและสาวกของพระพุทธองค์ หน้าที่ใหม่ของเราเริ่มขึ้นแล้ว สลัดศีรษะพ้นจากเรื่องของฆารวาส
ที่คงใส่กางเกงและเสื้อผ้าหลับนอนอยู่ ไม่ได้ถูกปลุกอยู่ในเวลาตีสวามอย่างนี้หรอก เรามีภารกิจทำต่อไป รุ่นพี่ที่สามเณรบอกว่า ก่อนที่เราจะออกไปบิณฑบาตนั้นยังมีเวลาอีกมาก งั้นให้พวกเราคว้าขวดน้ำดื่มไปกรอกไว้เวลากลับมาจากบิณแล้ว จะได้เตรียมทำอย่างอื่น มันอาจจะฉุกละหุกถ้าญาติโยมมาเยอะ และอีกอย่างเราเราบิณ กลับมาสาย
สิ่งที่เณรรุ่นพี่เอ่ยนั้นคือปัดกวาดเช็ดถูพื้นกุฏิซึ่งทำด้วยไม้ เนื่องจากเป็นกุฏิวัดเก่าแก่ ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านมีศักดิ์เป็นปู่เป็นตาของเราด้วยอย่างที่บอก เราไม่สามารถจำท่านได้ถึงแม้ในสมัยเด็กนั้นจะเดินตามคุณยายต้อยๆไปวัด ภาพเหล่านั้นรางและเลือนเต็มที ที่พอจะเข้าใจเดาภาพออกมาได้ก็จากรูปภาพของท่านที่ทิ้งเหลือไว้หลังจากมรณภาพ พวกเราสามเณรทุกคนร่วมแรงสามัคคีกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยขมีขมันช่วยกันแข่งว่าใครทำเสร็จก่อนคนนั้นชนะ สนุกได้ทั้งบุญทั้งกุศลและออกกำลังกาย ชีวิตใหม่ทำให้เราคลายความหวาดกลัวที่จะรับความสุขเหล่านี้เต็มที่
รู้สึกว่าวิถีใหม่เช่นนี้เรามีความสุขจากที่บิณกลับมา วันสองวันยังไม่กล้า รอเป็นอาทิตย์ เณรที่บวชใหม่หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านบอกให้อยู่ในวัด ช่วยจัดกับข้าวในครัว หรือมีกิจไหว้วานจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสก็รับใช้ท่าน สรุปแล้วช่วงเจ็ดวันนั้นเรายังไม่ได้ไปบิณฑบาตโปรดสัตว์ตามคำที่หลวงพ่ออาวุโสท่านพูด
การที่อยู่แทนพวกท่านในวัดทำหน้าที่หลายอย่าง ตั้งแต่รับภัตตาหารเช้าที่ญาติโยมนำมาถวายช่วยแกะแบ่งใส่จานชามเพื่อเตรียมฉัน แบ่งจากปิ่นโต
หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านไม่ได้ไปบิณด้วย เพราะท่านต้องรับหน้าต้อนรับญาติโยมที่มุ่งประสงค์นำภัตตาหารเพื่อต้องการพบท่านเจรจาพูดคุยบางครั้งมีกิจนิมนต์ ทั้งงานบุญและงานอวมงคล สำหรับญาติโยมที่มาหาท่านทุกครั้งทุกคนแทบจะขอรดน้ำมนต์จากท่านเป็นสิริมงคลในการกลับบ้าน
เณรต๊อกคือชื่อของเพื่อนที่เคยเรียนชั้นประถมจบด้วยกัน เขามาเที่ยวเล่นที่วัดพอเห็นเราและเพื่อนอีกคนบวช ก็เลยร้องขอกับพ่อแม่ว่าอยากบวชด้วย พ่อของเขามีความสำคัญทางพุทธศาสนาเช่นกัน เป็นมัคทายกของวัด น่าเสียดายนักที่เพิ่งเสียชีวิตไปสามปีที่แล้ว
เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะพ่อเขาเจ้าชู้ ได้เมียเป็นแม่ม่ายอีกคน แม่เขาทราบเรื่องเกิดทะเลาะกันอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆทำให้เอามีดอีโต้จามฟันคอสามีจนขาด นับว่าเป็นเรื่องที่อนาถ เรื่องนี้เป็นอดีตจึงไม่อยากเล่าให้กระทบหรอก
หน้าที่ของสามเณรเมื่อบวชแล้ว มีหน้าที่ปฏิบัติอุปัฏฐากสงเคราะห์หลวงพี่หรือภิกษุ ท่านครองศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด ส่วนสามเณรศีลสิบ เราน้อยกว่า แต่ได้ยินหลวงพ่ออาวุโสรูปหนึ่งบอกว่า เราต้องทำศีลให้บริบูรณ์
ความคิดเห็น