ผู้เข้าชมรวม
569
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แผนลวง..ใต้บ่วงรัก
กุญแจซอลล์
ที่พักพิงใหม่......100เปอร์เซ็นต์
ณัฐสร กุลวิตรเพิ่งรู้ตัวว่านี่คือบ้านหลังใหม่ที่ได้รับการช่วยเหลือจากเครือญาติ ก่อนหน้านั้นห้าวันสาเหตุมันเนื่องจากเธอไม่มีบ้านจะอยู่ เนื่องจากว่าบ้านหลังใหญ่โตปานคฤหาสน์ถูกขายทอดตลาดแล้ว หนี้สินที่เกิดจากการที่บิดาลงทุนทำธุรกิจแล้วเกิดเจ๊งไม่เป็นท่าคนในครอบครัวพลอยตกที่นั่งลำบากด้วย เมื่อบิดาถูกประกาศให้บุคคลล้มละลาย สมาชิกในครอบครัวประกอบด้วยพ่อแม่ลูกทั้งสามชีวิต
แต่เธอก็ยังมีพี่สาวและพี่ชาย พี่สาวคนโตออกเรือนไปแล้ว..แต่ไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดเลย เพราะทางนั้นใช่ว่าจะฐานะดีสักหน่อย ทั้งๆที่เป็นสะใภ้เจ้าของร้านทองย่านเยาวราช ส่วนพี่ชายคนโตซึ่งเป็นวิศวกร ก็ใช้ชีวิตร่อนเร่อยู่ที่แคมป์ก่อสร้างตามต่างจังหวัด ที่บริษัทแม่ในกรุงเทพส่งให้พี่ชายไปประจำสาขาที่ต่างจังหวัด..ไม่ว่าเหนือตะวันออกหรือใต้ ปัจจุบันทราบข่าวว่าพี่ชายอยู่ที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ อีกประมาณสามเดือนโครงการเสร็จถึงจะได้เข้ามาในกรุงเทพ
ดีที่ณัฐสรหรือกิ่ง คนในครอบครัวเรียกชื่อเธอว่า น้องกิ่ง คุณอรุณอุไรเป็นมารดา สาธิตเป็นบิดา บ้านที่เคยอยู่หรูหราต้องมาซื้อทาวเฮ้าส์ซึ่งค่อนข้างแคบ ดีที่ยังมีสมบัติหลงเหลืออยู่ชิ้นหนึ่งเดียวที่มีซึ่งเป็นของคนอื่น เพราะทรัพย์สินรายการอื่นๆถูกธนาคารยึดไปเกือบหมดแล้ว..เพราะว่าทาวเฮ้าส์หลังนี้จะว่าไปก็ไม่ใช่มรดกของครอบครัวเธอ..ไม่งั้นหนีมิพ้นธนาคารตามมายึด..แต่เป็นของลุงเธอเอง สุธน ซึ่งอนุญาตให้ครอบครัวน้องชายซึ่งไม่มีบ้านจะอยู่ ได้อยู่อาศัยฟรี.. และเสียค่าน้ำค่าไฟเองต่างหาก ถือว่าเป็นการผ่อนเบาภาระทางบ้านให้ลงได้บ้าง บิดากำลังเสียขวัญและเสียใจอย่างหนัก ซึ่งท่านก็ได้รับการดูแลใกล้ชิดจากมารดา
ณัฐสรหรือกิ่งเองก็กลัวว่าบิดาจะเตลิดหนีเหมือนกัน มีข่าวคราวที่เธอเคยเจอคือนักธุรกิจประสบปัญหาขาดทุนหนี้สินรุมเร้า จึงหาทางออกด้วยการปลิดชีพของตัวเอง ขออย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของณัฐสรเลยเธอคงทำใจไม่ได้ โชคดีประการสำคัญของเธอที่มีญาติผู้ใหญ่ใจดีเช่นลุงแท้ๆ แต่ป้าสะใภ้นี่คงจะคิดในสิ่งที่ตรงกันข้าม เพราะป้าสะใภ้ค่อนข้างเป็นคนงกตระหนี่ในทรัพย์สมบัติ เรื่องที่จะให้คุณจิตราออกปากช่วยเหลือเห็นจะไม่มีทาง เรื่องนี้เธอเห็นจะขอบคุณสูงสุดที่คุณลุงซึ่งกรุณาเมตตาเอ็นดูครอบครัวของหลาน พี่ชายคนโตของเธอยังไม่ทราบเรื่องนี้เลย..
มันกะทันหันและเขาวาดฝันในบ้านหลังนี้มาก มันเป็นเพราะเธอติดต่อส่งข่าวคราวถึงพี่ชายไม่ได้.. ไม่ทราบว่าเกิดอะไรกันแน่ เพราะว่าธีธัชพี่ชายคนนี้วาดฝันนักหนาอยากให้บ้านหลังนี้คงอยู่ต่อไป เพราะเขารักมันมาก และไม่เคยที่จะยอมสูญเสีย
ตั้งแต่เด็กแล้วณัฐสรรู้ดี เธอเองสนิทสนมกับพี่ชายคนที่สองมากกว่า พี่สาวคนโตที่เป็นผู้หญิงมากกว่า อาจจะเพราะนิรดา พี่สาวคนโตมีวัยห่างจากเธอถึงเจ็ดปีอีกอย่างทางด้านอารมณ์และความรู้สึกพี่สาวคนโตค่อนข้างปิดกั้นตัว ขณะที่เธอกับพี่ชายคนรองยังเด็กพี่สาวคนโตก็เรียนจบชั้นประถมเสียแล้วกำลังเริ่มโตเป็นสาว ดังนั้นสิ่งที่ห่างกันคือช่องว่างระหว่างวัย
แต่ณัฐสร ก็จำได้ว่า พี่สาวคนนี้ของเธอเคยอุ้มและดูแลเธอมากพอสมควร คงจะเป็นในฐานะของพี่ที่มารดาฝากฝังเอาไว้ทุกครั้งในคราวครั้งที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดไกลๆหลายคืน..ไม่สามารถนำตัวเธอและพี่ชายไปด้วยได้
นั่นคือหน้าที่รับคำสั่งเลี้ยงน้องของผู้ปกครองต่างหาก..
ทีนี้ณัฐสรจะทำอย่างไรดี เด็กสาวแสนสวยเองจบชั้นพาณิชย์ในปีสุดท้ายพอดี จึงไม่ได้สร้างภาระอย่างใดให้ครอบครัวมาก เมื่อเธออยู่นิ่งเฉยไม่ได้ จึงสมัครงานให้กับตนเอง ..ขอภาวนาด้วยเถิดพ่อเจ้าประคู๊นให้ลูกช้างได้งานทำ
จะได้ผ่อนเบาภาระหนักของครอบครัว และพ่อแม่สบายใจ สิ่งที่ณัฐสรหรือกิ่งต้องการทำอย่างมากที่สุดคือ ให้บุพการีทั้งสองสบายใจ เพราะความกังวลทั้งหมดของบิดามารดาอยู่ที่เธอซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กที่สุดหวงซ้ำยังเอาตัวเองไม่รอด.. ประการหนึ่งคือณัฐสรจะไม่ทำให้พ่อแม่หนักใจ รายจ่ายในบ้านก็ลดจากที่เคยใช้..แต่ปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างกะทันหัน ที่เคยเป็นคุณหนู ก็ลดทั้งอารมณ์ความรู้สึกรวมทั้งรสนิยม..
รับกับสภาพที่แปรผันได้ โดยไม่สนใจมองหน้าใคร..แม้แต่คนที่คิดเยาะหยันนินทา จากเพื่อนสนิทบางคนสาวอย่างณัฐสรก็ไม่เคยคิดสนใจเอามาเป็นอารมณ์ให้รกสมองเล่น.. เธอมีภาระยิ่งใหญ่คราวนี้ต้องช่วยเหลือครอบครัวในการกอบกู้ฐานะ
ซึ่งบิดายังพักรักษาตัวเพื่อริเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ท่านมีปณิธานมีความมุ่งหวังอยู่ที่จะสานต่อสิ่งที่ล้มละลายให้ฟื้นขึ้นมา ถ้าหากณัฐสรไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยล่ะ คนในครอบครัวพี่ชายเธอแทบพึ่งไม่ได้เงินเดือนเขาเหยียบสามหมื่นด้วยซ้ำ ไม่รู้เอาไปไว้ที่ไหนหมด..ไม่เคยส่งข่าวคราวมาทางครอบครัวเลย..
ส่วนทางครอบครัวพี่สาวยิ่งแล้วใหญ่เลย ทราบเรื่องแบบนี้แทบจะไม่หันมาเหลียวแล เป็นเพราะคงกลัวสามีกระมัง.. พี่เขยของเธอก็บอกแล้วว่ายี่ห้องกพอๆกัน ทั้งๆที่ครอบครัวมีกิจการร้านทองเป็นเถ้าแก่เนี้ยอยู่สุขสบาย เรื่องหยิบยืมเงินทองของครอบครัวสามีมาช่วยเหลือพ่อแม่ของตนเองเป็นสิ่งที่น่าจะทำได้
แต่นิรดาไม่ทำ..อาจจะเป็นเพราะว่า จำนวนเงินมันมากมายทีเดียว ไม่ใช่ล้านสองล้าน แต่เป็นสามสิบล้าน.. แบบนี้ใครก็จนปัญญากันทั้งนั้น แต่เธอก็ไม่ว่าอะไรหรอก เพียงแต่พี่สาวจะแวะมาเยี่ยมเยียนดูอาการของบิดาและมารดาบ้าง..
ช่วยปลอบท่านก็ยังดี ในช่วงที่เธอออกไปหาสมัครงาน.. กลางวันที่บ้านไม่มีใคร เธอรู้ว่านิรดาพี่สาวมีภาพที่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูกทั้งสองคนน้องบาสกับน้องบอม ซึ่งเป็นหลานสาวและหลานชายของเธอ แต่ก็มีหน้าที่เป็นแม่บ้านอย่างเดียว
จะแวะมาเยี่ยนเยียนบุพการีให้กำนิดไม่ได้นักหรือไง หรือว่ามีสามีแล้วลืมกำพืดของตัวเอง เธอไม่อยากจะคิดอย่างนี้หรอก น่าจะเตือนให้พี่สาวรู้บ้าง เพราะโตๆกันแล้ว เธอห่างจากพี่สาวตั้งเจ็ดปี ขณะที่เธอก้าวขึ้นวัยสิบแปดปี พี่สาวคนโตคงก้าวขึ้นเลขหลักสาม จึงได้ตัดสินใจโทร.ไปหาพี่สาวกรอกเสียงอ่อนหวาน
พี่กบคะ กิ่งเอง ใจคอพี่กบจะไม่คิดมาเยี่ยมพ่อแม่บ้างเลยหรือคะ กิ่งรู้ว่าพี่ช่วยเหลือเรื่องเงินทองไม่ได้ แต่พ่อแม่ต้องการกำลังใจ แล้ววันนี้กิ่งไม่ได้อยู่บ้าน พอดีเขานัดสัมภาษณ์งาน ..เลยอยากให้พี่กบมาที่นี่ พาหลานมาด้วยนะคะ พ่อกับแม่บ่นคิดถึงใหญ่เลย เป็นสุ้มเสียงของน้องสาวซึ่งนิรดาพี่สาวคนโตเข้าใจดี..หลังจากรับสาย อึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบไป ที่น้องสาวเหมือนกล่าวหาว่าเธอไม่คิดดูดำดูดีพ่อแม่มากนัก.
เหตุผลที่น้องสาวพูดเอ่ยนั้น ดูเหมือนจะไม่ผิดนัก เพราะเธอรู้สึกขี้เกรงใจครอบครัวสามี รวมทั้งพ่อสามีแล้วก็แม่สามี ที่เป็นคนเข้มงวดถี่ถ้วนกับเงินทอง รวมทั้งนิรดาเมื่อเป็นสะใภ้บ้านหลังนี้ก็ยังอยู่ในสายตาของท่านทั้งสอง ดีที่ลูกสาวกับลูกชายของเธอเป็นหลานโปรดของอาม่าอากง..
เมื่อก่อนเธอมีหน้าที่ต้องช่วยเหลือสามีดูแลร้านทอง ครั้นเมื่อมีลูกแล้วล่ะสามีจึงให้อยู่บ้านเลี้ยงแแต่ลูกเพียงอย่างเดียว จะว่าไปเวลาเธอมีมาก แต่ที่ติดชินกับความสุขสบายเลยไม่นึกถึงครอบครัวเดิม เมื่อน้องสาวโทร.มาคราวนี้เหมือนกระตุ้นเตือนจิตใต้สำนึกของตนเองดู.. ซึ่งนิรดาว่าจะไปแล้วหลายครั้ง
กิ่งโทร.มาขอร้องเท่านั้นแหละค่ะ มันอยู่ที่ใจของพี่กบเองด้วย ถ้าพี่กบจะมาหรือไม่มามันก็แล้วแต่พี่กบ แล้วต่อไปนี้ กิ่งคงไม่กล้ารบกวนพี่กบแน่
น้องสาวพูดเหมือนตัดขาด นิรดาพี่สาวคนโตท้อเหมือนกันเอ่ยด้วยสุ้มเสียงที่รู้สึกผิดและแผ่ว
กิ่ง ..คราวนี้พี่รับปาก เสียงตอบของพี่สาวสร้างความดีใจให้แก่เธออย่างมาก ณัฐสรยิ้มอย่างดีใจแทบจะร้องตะโกนออกมา
หรือคะ..ดีใจจัง มาเร็วๆด้วยนะคะพี่กบ ก็แล้วกัน ล้วอย่าลืมพาหลานมาด้วยนะคะ พ่อกับแม่บ่นคิดถึงยายบาสกับตาบอมกันใหญ่..สงสารท่านเถอะค่ะ ไม่มีกำลังรอบข้างจากลูกหลานเลย
น้องสาวพูดยาวด้วยความดีใจ รู้สึกหายกังวลและโล่งใจด้วยที่พี่สาวรับปากเอาไว้หลังจากที่เธอคิดว่าอาจจะถูกปฏิเสธ เลยรีบไปบอกพ่อแม่เอาไว้ก่อนจะออกไปจากบ้านเพราะนัดสัมภาษณ์งานที่รับตัวเข้าทำงานแล้ว
ณัฐสรเริ่มออกจากบ้านเมื่อว่าพี่สาวคนโตเดินทางมาถึงตามกำหนด.. เธอไม่ได้พูดอะไรมากแค่ฝากพี่สาวให้ช่วยดูแลพ่อกับแม่.. เสร็จจากสัมภาษณ์งานเธอจะรีบกลับ
ช่วงบ่ายโน่นแหล่ะคะ
เธอรีบจ้ำอ้าวออกจากบ้านด้วยกลัวไปที่บริษัทไม่ทัน เพราะกลัวว่าจะสายเหมือนกัน
เจ้านายที่รัก
กลัวเหมือนกันว่าจะมาสายวันนี้เป็นวันที่บริษัทนัดสัมภาษณ์เพื่อตกลงรับเธอเข้าเป็นพนักงานของบริษัท..ณัฐสรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมในการใส่มาสัมภาษณ์งาน เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับวัยสีอ่อนกระโปรงสีเทาดำกำมะหยี่ตัดกับเสื้อสีเหลืองนวลดอกบานบุรีติดลูกไม้สีขาว
ออกจากบ้านแล้ว..มันเป็นอะไรที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนเลย พะวักพะวนกับอาการของบิดา..กลัวท่าน. ณัฐสรหรือกิ่งไม่อยากคิดออกมาเลย..มันเป็นความคิดไม่ดี... ปากเธอไม่เป็นมงคลแท้ หากเมื่อบิดาในวันนี้ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพี่สาวคนโตที่บิดาเองปรารถนาอย่างมาก..ในการที่จะให้พี่คนโตมาดูแลท่านบ้าง.. ณัฐสรเองก็พยายามสลัดความเครียดกังวลใจที่มีอยู่ออกไปสิ้น
เพราะต้องเตรียมตัวไปทำงาน..นั่งรถเมล์ไปที่ทำงาน..คงสาย..แต่ขอภาวนาว่าอย่าสายเลย..เห็นมั๊ยปากเธอไม่เป็นมงคลอีกแล้วชอบคิดอะไรที่ติดลบเหลือเกิน..ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่..
กลายเป็นคิดดีพูดดีทำดีสิริมงคลคงจะเกิดกับตัวเอง แต่ก็ภูมิใจลึกๆว่าบิดาคงหายดีวันดีคืนที่ได้พี่สาวมาช่วยเฝ้าดุแลอาการ ท่านป่วยเป็นไข้ใจ..สมองได้รับผลกระทบกระเทือนมากจากการทำธุรกิจล้มเหลว..ท่านถึงกับช๊อคไปครั้งหนึ่ง.. เพราะอาการของโรคประจำตัวกำเริบ
ที่สุดมาหยุดตรงที่หน้าบริษัทและนัดสัมภาษณ์งาน โชคดีสำหรับเธอที่มารายงานตัวทันก่อนแปดโมงครึ่ง.. รู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว เมื่อต้องนั่งรอร่วมปะปนกับผู้สมัครงานคนอื่น รอคิวในการเรียกสัมภาษณ์ ระหว่างนี้ในใจของณัฐสรเต้นตุ๊มๆต่อมๆมากเหลือเกิน..แต่ก็ขอภาวนาว่า..ให้ฝ่ายบุคคลของที่นี่รับทีเถ๊อะ..เอยากจะแบ่งเบาปัญหาของครอบครัว ที่กำลังประสบความลำบากอยู่
นางสาวณัฐสร ..เชิญได้ค่ะ ไม่นานทันใดนักชื่อของเธอก็ถูกเรียกไปพร้อมกับนามสกุล.. รวดเร็วทันใจดีนัก จนณัฐสรแทบไม่มีเวลาคิด.. แต่เธอต้องแก้ปัญหาเป็นตอบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยใช้ไหวพริบปฏิภาณส่วนตัว.. ที่เธอคิดว่าเธอมักเอาตัวรอดได้เสมอ
เชิญนั่งค่ะ.. ระหว่างที่ทำการสัมภาษณ์เธอพยายามวางบุคลิกให้ดีที่สุดสบตาตรงกับผู้สัมภาษณ์..เอ่ยตอบด้วยวาจาที่คล่องแคล่วไม่ตื่นและน้ำเสียงจะแจ้งเต็มคำในบุคลิกที่มั่นใจของตนเอง.. ทั้งๆที่แต่ก่อนหน้านี้เธอใจฝ่อ.. แต่เธอก็ดึงสติกลับมาเป็นของตัวเองได้สำเร็จ
ในที่สุดก็เป็นข่าวดีแจ้งแก่เธอในเวลาสิบห้านาทีผ่านไป ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ คุณได้ผ่านการสัมภาษณ์คัดเลือกให้เป็นพนักงานของบริษัท..พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้นะคะ กรุณามาให้เช้าๆหน่อย ทางฝ่ายบุคลจะสอนวิธีตอกบัตรให้ แล้วก็เรียนรู้งานนิดหน่อย เมื่อทางนี้แจ้งข่าวดีพร้อมกับยิ้มตอบ..เธอรู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก ปีติแล่นล้นทรวง.งอย่างคาดนึกไม่ถึง..ว่าจะโชคดีอย่างนี้..
แม้ไม่ได้คิดล่วงหน้า แต่ก็มีความหวังว่าจะได้.. กิ่งหรือณัฐสรเหมือนเนื้อตัวบางเบาดุจปุยนุ่นปานประหนึ่งว่าจะลอยเหาะในอากาศได้.. มันเป็นความอิ่มใจอย่างมากครามครันเหลือเกินกับข่าวดีเช่นนี้ จึงกลับไปที่บ้านพร้อมกับหอบข่าวดีกลับไปด้วยใบหน้าที่ที่ยิ้มแย้มระรื่นหัวใจที่พองโตสุขล้น..แค่คำว่าพรุ่งนี้คุณต้องเตรียมตัวมาแต่เช้า.. ใช่เธอต้องมาแต่เช้าแน่ และจะไม่มีอะไรเกิดเป็นอุปสรรคในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
จึงกลับไปที่บ้านพร้อมกับหอบข่าวดีกลับไปด้วยใบหน้าที่ที่ยิ้มแย้มระรื่นหัวใจที่พองโตสุขล้น..แค่คำว่าพรุ่งนี้คุณต้องเตรียมตัวมาแต่เช้า.. ใช่เธอต้องมาแต่เช้าแน่ และจะไม่มีอะไรเกิดเป็นอุปสรรคในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน จึงกลับบ้านอีกครั้ง
อันดับแรกกิ่งหรือณัฐสรแทบจะบอกข่าวดีให้แก่บิดามารดาทราบก่อนเป็นอันดับแรก คุณพ่อขาคุณแม่ขา ดีใจจังเลยค่ะ กิ่งได้งานทำแล้วไชโย้ ฝ่ายบุคคลนัดให้ไปทำงานวันพรุ่งนี้ สร้างความปลาบปลื้มดีใจไม่แพ้ปานกันของทั้งสองสามีภรรยาส่งรอยยิ้มมาให้ลูกสาวคนเก่ง
ตอนที่ณัฐสรกลับเข้ามาถึงบ้านนั้น ปรากฏว่าพี่สาวของเธอพร้อมด้วยหลานตัวน้อยที่อุ้มกระเตงมาด้วยเพื่อดุแลท่านทั้งสอง ได้กลับไปก่อนหน้านั้นสักประมาณสิบห้านาที สอบถามจากมารดาทำให้ทราบว่าพี่เขยเป็นคนมารับ.. งั้นก็แล้วไป.. ณัฐสรอยากจะเจอหน้าหลาน..อยากจะพูดคุย
แต่ไม่เป็นไรเอาไว้โอกาสหน้าดีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เย็นวันนั้นช่วงใกล้หนุ่มทุ่มเกิดฝนตกหนัก ฝนฟ้าคะนองทำให้น้ำท่วมถนนรถราติดขัด ณัฐสรมองลงมาจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน ..ยามฝนตกหนักอย่างนี้นึกถึงพี่ชาย.. ที่ไม่ได้อยู่ด้วยในเวลานี้ ทำไมเขาไม่ส่งข่าวคราวมาให้ทางบ้านรับรู้บ้างนะ ไม่รู้อยู่ทางนั้นลำบากหรือสุขสบายดี
หลังจากฝนหยุดตกก็ค่ำมืด ณัฐสรเดินออกมาจากห้องพบว่าคนในครอบครัวบิดากับมารดากำลังนั่งดูข่าว จนคุณสาธิตเอ่ยเปรยให้ได้ยินว่า คิดถึงเจ้ามอสมัน..ทำไมใจแข็งเหลือเกินหนอลูกคนนี้..ไม่รู้มีอะไรผิดใจกับทางบ้านหรือเปล่า..เงียบหายไม่ส่งข่าว มอสที่บิดาเอ่ยเรียกคือชื่อเล่นของธีธีช พี่ชายคนรองของเธอ..ซึ่งยังไม่ทราบข่าวคราวรู้แต่เพียงว่าอยู่ทางปักษ์ใต้..วุ่นอยู่กับโปรเจ็คโครงการห้างสรรพสินค้าหมื่นล้านกับโรงแรมแล้วก็บ้านจัดสรรนั่นล่ะ
อ้าว กิ่งยังไม่เข้านอนอีกหรือลูกนางอรุณอุไรเอ่ยทักบุตรสาวที่ยังไม่เข้านอน หลังจากที่ฝนหยุดตกแล้ว
ไหนล่ะบอกว่าพรุ่งนี้ต้องรีบไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่หรือลูก ทำไมไม่รีบเข้านอน มารดาเอ่ยด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง แม้ว่าทั้งวันนี้ท่านจะวนเวียนอยู่กับการปรับทุกข์กับสามี
ถึงเรื่องหนี้สินและธุรกิจ..ยังดีที่ลูกสาวคนโตมาเยี่ยมพอให้คลายหายเหงาและความคิดถึงลงได้บ้าง ซ้ำพาหลานตัวน้อยให้ชื่นฉ่ำใจคนเป็นตายาย ณัฐสรขยับกายทรุดนั่งที่โซฟาเคียงข้างมารดา..มีเรื่องหลายบอย่างอยากจะถามเหมือนกัน.. หลังจากที่เธอเอ่ยตอบไปแล้ว.. วันนี้พี่สาวมาดูแลบิดามารดา.. เป็นยังไงบ้างเธอก็อยากจะรู้.. แต่ที่เอ่ยออกมาก่อนคือพี่ชายก่อน
คิดถึงพี่มอสค่ะ แม่ ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน คนอะไรใจดำนักไม่ห่วงแม่ห่วงพ่อห่วงน้องเลย.. ทั้งๆที่ครอบครัวเราก็ตกอยู่ในฐานะอย่างนี้.. กลับมานี่พี่มอสจะรู้หรือเปล่าค่ะ ว่าบ้านเราถูกขายทอดตลาดแล้ว
เอ่ยพร้อมกับถอนใจออกมา เมื่อท่านรู้ว่าบุตรสาวคิดถึงเรื่องนี้ โดยที่ท่านเองก็เป็นห่วงและกังวลใจไม่น้อย.. เวลาว่างช่วงอยู่กลางวันประสาสามีภรรยาก็ครุ่นคิดเรื่องนี้เช่นกัน และท่านทั้งสองเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าบุตรชายคนนี้ไปอยู่เสียที่ไหน จนลืมกลับบ้านกลับช่อง.. แต่ก็ยังเฝ้ารอวันที่ให้เขามาถามไถ่ข่าวคราวพ่อแม่ให้พ่อแม่ได้เห็นหน้า
ปรากฏกาย
จุลวีร์ได้รับโทร.ทางไกลจากเพื่อน..ถึงกับแปลกใจชะงักที่จู่ๆเบอร์โทร.ขึ้นหมายเลขศูนย์สองซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์สาธารณะดังขึ้น
ฉันเอง เว่ย ไอ้มอส ตอนนี้อยู่ที่พังงาอยู่ เป็นไงมั่งนายแจ๊บ
เรื่อยๆว่ะ สายทางกรุงเทพตอบเพื่อน กำลังคิดถึงจุลวีร์เช่นกัน ที่จู่ๆปรากฏเสียงออกมาเหมือนขอมดำดินโดยไม่ทันคาดคิดมาก่อน
มอสหรือธีธัชซึ่งอยู่ในไซด์งานโครงการก่อสร้างห้าสงสรรพสินค้าขนาดยักษ์ที่จังหวัดพังงา ซึ่งโทร.ถามข่าวคราวเกี่ยวกับกรุงเทพ..ซึ่งเขาไม่กล้าโทร.ไปถามทางบ้านโดยตรง เพราะรู้สึกว่าทำเรื่องที่ไม่ดีเอาไว้ ..แต่เรื่องอะไรน่ะหรือ ขอเก็บเป็นความลับดีกว่า.. วันนี้ดีใจที่ได้โทร.เข้าไปหาเพื่อนสนิทซึ่งมีฐานะทางสังคมสูงตำแหน่งฐานะทายาทนักธุรกิจเจ้าของผลิตภัณฑ์ส่งออกเครื่องหนัง เรียกได้ว่าถ้าแจ๊บหรือธีธัชไม่คิดจะทำงานก็สุขสบายไปตลอดชีวิต
แต่ภาพความผิดชอบด้วยการเป็นบุตรชายคนเดียว แถมท้ายด้วยน้องสาวคนสุดท้องอีกคนที่ชื่อ ปวริสาข์ หรือน้องแป้ง ซึ่งเป็นสุดที่รักของพ่อแม่ เป็นที่สุดหวงของพี่ชายคนเดียว..ซึ่งไม่มีใครกล้าเผยตัวมาจีบ
แจ๊บเป็นหนุ่มหล่อสมาร์ทใบหน้าคมคายจมูกโด่ง ผิวขาวจัดเป็นที่ต้องตาต้องใจเพศตรงกันข้าม..แต่เขาก็บื่อหน่ายต่อสิ่งเหล่านี้นัก เบื่อการรุมห้อมล้อม เบื่อการป้อยอเอาใจ ที่สัมผัสลึกๆแล้วมันมีความไม่จริงใจผสมผเสแค่อยากหลอกลูกชายเศรษฐีอย่างเขาไปวันๆหนึ่งมากกว่า ถึงได้ออดอ้อนฉอเลาะ ..ให้ชายหนุ่มหน้าตาดีอย่างเขาเปย์ออกมา
แต่คนอย่างจุลวีร์หรือจะหลงกลคนได้ง่าย เขาอ่านออกด้วยสายตา วันนี้เพื่อนสนิทเก่าที่อยู่ทางไกลถึงพังงาส่งข่าวมาบอก..จำเป็นที่จุลวีร์ต้องเปิดหูเปิดใจรับทราบ.. ไม่ทราบว่าเพื่อนได้รับความลำบากหรือเปล่าจึงโทร.มา แต่เขาก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ ถ้าสามารถช่วยเหลือได้ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงนัก
ฝั่งเจ้าเพื่อนของเขามันก็มีทีท่าว่าอึกอัดแต่ยังอึกอัก คล้ายไม่กล้าเอ่ย มันเป็นอะไรของมันวะ มัวแต่อึกอัก มีปัญหาอะไรก็ว่ามา.. หรือว่าไปฉุดลูกสาวเขาเป็นเมีย.. จุลวีร์เผลอคิดสะระตะไปไกลโน่น แต่ยังหรอกต้องให้เจ้าตัวเอ่ยขึ้นก่อน เขาเผลอไปคาดเดาไม่ได้หรอก
อ้าว นายมีอะไรก็ว่ามา
เมื่อทางนั้นนิ่งนานเกินไป ทางฝ่ายจุลวีร์เลยเอ่ยขึ้นแทน คิดว่าเพื่อนคงไม่อยากเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน จากนั้นจึงเห็นทางฝ่ายนี้เปิดปากพูด
ฉันมีเรื่องอยากรบกวนนายหน่อยแจ๊บ พูดได้แค่นี้ก็เหมือนมีเรื่องที่ธีธัชต้องอุบปากเงียบไว้..เหมือนกับเรื่องที่เขาจะเอ่ยนี่ มันเป็นเหมือนเรื่องคอขาดบาดตายนัก
พูดออกมาได้ไม่ต้องเกรงใจ
ธีธัชหนุ่มวิศวกรค่อยๆโล่งอกเบาใจอยู่หน่อย ..แล้วก็ใจชื้นขึ้นมาด้วยที่เพื่อนเปิดโอกาสให้พูดและกำลังรับฟังความคิดเห็น สหายสองหนุ่มกำลังตอบโต้กันไปมาหลังจากที่ไม่ได้พบกันเนิ่นนาน ฝ่ายเพื่อนผู้อยู่ไกลกว่าอยากจะฝากฝังให้..
เพราะตนเองมีปัญหากับทางบ้าน.. ไม่กล้าเผชิญหน้าเขาไป. เท่าที่คาดเดา..จุลวีร์เพื่อนคนนี้คิดว่า เพื่อนรักต้องมีเรื่องที่ร้ายแรงทำอะไรผิดแล้วไม่กลับไปสู้หน้าของพ่อแม่ได้ ทางธีธัชก็บอกให้เขารับปากก่อน
เอ้า รับปากนายก็ได้ จุลวีร์ตอบเพื่อน เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ จุลวีร์คงทำได้แค่นั้นตราบใดที่เพื่อนรักของเขาไม่ยอมเอ่ยมากกว่าความจริงที่เขาซ่อนปิดอยู่ แล้วนายจะขึ้นมากรุงเทพเมื่อไหร่
อีกฝ่ายครุ่นคิดก่อนเอ่ยตอบ
คงจะเป็นต้นเดือนหน้าที่โพรเจ็คหมดแล้ว.. เห็นเพื่อนตอบเช่นนี้จุลวีร์ก็สบายใจ รวมทั้งให้กำลังใจ
ก็ดีนายจะได้ขึ้นมาหาครอบครัวเสียที..พ่อแม่ แล้วก็น้องสาวของนาย คงคิดถึงนายอย่างมาก
ขอบใจนะไอ้จุล ที่นายก้ห่วงเราเหมือนกัน
ธีธัชซาบซึ้งในความรู้สึกของเพื่อนที่มีต่อเขา แต่จุลวีร์ปราม เฮ่ย อย่าคิดมากเราเพื่อนกัน.. นายลำบากฉันช่วยได้ก็ช่วย
งั้นฝากนายสักอย่างหนึ่ง
เรื่องอะไรว่ามา
ธีธัชเงียบไปครู่ก่อนที่เขาจะเอ่ยอย่างที่ใจปรารถนาไม่แน่ว่าเพื่อนจะทำได้หรือเปล่า.. แต่ว่าเรื่องแค่นี้คงไม่เป็นปัญหาหรอกน่า.. เขาอยากให้จุลวีร์ติดต่อน้องสาวของเขาเพื่อถามปัญหาบางอย่าง.. และขอเบอร์มือถือของน้องสาวของเขามาด้วยจะได้สะดวก..เพราะว่าเขานั้นคราวก่อนทำเบอร์ของณัฐสรน้องสาวหาย
บอกแล้วไม่ต้องเกรงใจ พูดออกมาได้เลยมอส.. เสียงของธีธัชเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ผลงานอื่นๆ ของ ดอกหางนกยูงสีส้ม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ดอกหางนกยูงสีส้ม
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น