ลิขืตร้ายพ่ายลิขิตรัก

                ลิขิตร้ายพ่ายลิขิตรัก

                บทที่  1

                เอรวิทย์ ฉัตรภูสรวงนักศึกษาหนุ่มปีหนึ่งของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  ถึงเวลาที่เขาได้ไปเรียนเสียที  หลังจากที่ต้องหยุดพักเรียนนานถึงสองอาทิตย์ เพราะแขนต้องเข้าเผือก  เนื่องจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำขณะที่ขับรถไปโรงเรียน เกิดเหตุบนเนินสะพาน เพราะทางชัน   เขาขับขี่มารวดเร็ว  บวกกับถนนลื่น  ทำให้ล้อซึ่งเกาะไม่ติดพื้น  ไถลหมุนกลิ้งข้างทาง  เดชะบุญที่ไม่มีรถวิ่งมาทางด้านหลัง

แต่กระนั้นก็เป็นเหตุให้  นายเอรวิทย์  ต้องพักเรียนยาวนาน ทั้งๆที่เขาไม่เคยขาดเรียนนานเท่านี้ หากไม่มีความจำเป็นที่บ้านมีเพียงคุณสกุลศรี  ผู้เป็นมารดาม่าย     ต้องเฝ้าเขาที่โรงพยาบาลนานถึงสองวัน  หลังจากพ้นขีดอันตราย เพราะในเวลานั้น เอรวิทย์สลบเหมือด ยังดีที่สวมหมวกกันน๊อค   ไม่งั้นคุณสกุลศรีคงได้ลูกชายที่เหมือนเจ้าชายนิทรา

แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว  เอรวิทย์ต้องไปเรียน เขากลัวเรียนไม่ทันเพื่อน  เพราะใกล้จะสอบเข้าทุกขณะ     ในครอบครัวของเขายังมีพี่ชายช่วยเหลือ  อัครมินต์  หรือ พี่ มิ้นของเขา   เนื่องจากงานครอบครัวเป็นชาวไร่  งานหนักที่ต้องพึ่งพิงพี่ชายคนโต  ซึ่งเป็นเหมือนเรี่ยวแรงหลัก  หลังจากที่  คุณอานนท์  ผู้เป็นบิดาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสามเดือนที่แล้ว

มารดาดูเหมือจะตกพุ่มม่ายมาหมาดๆอายุของท่านเพียงแค่ห้าสิบต้นๆเท่านั้น  ยังสาวและสวยพริ้ง เวลาของมารดาก็หมดไปกับการบริหารงานในไร่  ซึ่งมีทั้งฝ้าย และข้าวโพด    ร่วมแรงกับพี่ชาย ที่ยังเป็นหนุ่มโสด  แต่ทว่าเขามีคนรักแล้ว  อยู่ในระหว่างการคบหากัน ยังไมได้หมั้นเป็นทางการ  ชื่อ ทิพย์สุภา

มารดาเองต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ และอุตสาห์เสียสละทั้งเวลาและหน้าที่การงาน  เพื่อมาเฝ้า  คอยช่วยเหลือ ในช่วงที่เอรวิทย์ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้   เบื่อเหมือนกันกับภาพนั้น  นึกหลับตาฝันเห็นภาพที่ต้องนอนซมอยู่กับเตียง  โดยขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวเองไปไหนไม่ได้  แบบนี้มันรู้สึกทรมานตัวเองเหลือเกิน

ดีเสียอีกที่ค่อยยังชั่ว  แม้อาการยังไม่หายขาด  มารดาอยากให้พักผ่อนต่อไปอีกสามสี่วันแล้วค่อยไปโรงเรียนด้วยซ้ำ   แต่เอรวิทย์ออกอาการดื้อ  เพราะเห็นว่าพอเดินเหินได้สะดวก  แม้ยังปวดที่ไหล่เจ็บที่ขาบ้าง

โธ่แม่  ขืนเอ นอนแบ่บอย่างนี้อีก  มีหวังได้เซ็งตายเขายื่นเหตุผลกับมารดา ว่าต้องการไปเรียน  แม้คุณสกุลศรีจะไม่เห็นด้วย  ท้ายที่สุดก็ต้องยอม เพราะบุตรชายยืนกรานท่าเดียว  ความที่เป็นลูกชายคนสุดท้องที่เคยถูกตามใจมาตลอด

ถ้างั้น  แม่จะให้นายเชิด ขับรถไปส่งที่โรงเรียน  ห้ามขับมอไซค์อีก จนกว่าแผลจะหายเมื่ออนุญาตบุตรชายแล้ว คุณสกุลศรีมีคำสั่งห้ามและกำชับในการขับรถอีก  เพราะนางไม่อยากสูญเสียลูกชายสุดที่รัก ไปก่อนเวลาอันสมควร  หลังจากที่สามเดือนที่ผ่านมา ครอบครัวฉัตรภูสรวงเพิ่งประสบเคราะห์ร้ายนำมายังข่าวโศกเศร้าบิดาของลูกและสามีผู้เป็นยอดดวงใจ  จากทุกคนไปเพราะอุบัติเหตุคร่าชีวิต

จึงต้องรับปากมารดา

ได้ครับอันที่จริงคุณสกุลศรีว่าจะให้ลูกชายคนโตที่เป็นพี่ชายของเอรวิทย์ ไปส่งที่โรงเรียนด้วยซ้ำ  แต่เนื่องจากมีงานไร่ช่วงเช้า ซึ่งต้องคุมคนงาน   ทำให้ไม่มีเวลาว่างไป  หน้าที่นี้คุณสกุลศรีจึงเรียกใช้นายเชิดซึ่งเป็นทั้งลูกน้องคนเก่าแก่  ที่อยู่มานานตั้งแต่สมัยที่สามียังไม่เสีย  และไว้ใจได้  รวมทั้งมีความสนิทสนมกับเอรวิทย์  พอช่วงเวลาว่างก็ขับรถให้คุณสกุลศรีไปทำธุระต่างๆ  เช่นไปในตัวจังหวัด  หรือที่ว่าการอำเภอ

ฝากตาเอ ด้วยนะนายเชิด  ตอนเย็นสงสัยต้องพึ่งพานายเชิดให้ไปรับลูกเอกลับบ้านเหมือนเดิมคุณสกุลศรีบอกกับลูกน้อง อีกตำแหน่งหนึ่งพนักงานขับรถ

ครับ  นายหญิงรับคำสั่งผู้เป็นนายแล้ว  ร่างของเอรวิทย์ยังกะเผลกเท้า และตรงไปนั่งยังเบาะหลังก่อนคนขับ อย่างรู้ตัวดี

ออกรถเลย น้าเชิดชายหนุ่มเป็นคนสั่ง  จากนั้นนายเชิดก็ออกรถทันที

บ้านล้อมดาว

อิงชนก แห่งบ้านล้อมดาว  บ้านแห่งนี้เป็นศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยประถม  อิงชนกเป็นลูกสาว  ของคุณ  วิวัฒน์  กับคุณ  ปรารถนา