ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lo smarrito Regia Marina - The lost Royal navy

    ลำดับตอนที่ #1 : ก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 67


    เสียงของนกในยามเช้าพร้อมกับเสียงของผู้คนที่ดังมาจากนอกหน้าต่างห้องพร้อมอากาศเย็นของฤดูหนาวในอิตาลี ค่อยๆ ปลุกชายร่างสูงหุ่นดีมีกล้ามเล็กน้อย ขึ้นมาจากเตียงในสภาพที่งัวเงีย ชายคนนั้นบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะลุกออกจากเตียงเดินผ่านโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมาย

    เมื่อมาถึงที่ห้องน้ำเขาก็ได้จัดการธุระส่วนตัวของตัวเอง พร้อมมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก ผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีฟ้า มีแผนเป็นที่อกซ้ายลากยาวไปถึงไหล่ ชื่อของเขาคือ อันจิโอโล เนสเตอร์ (Angiolo Nestor)

    "เมื่อวานฉันหลับไปกี่โมงเนี่ย?"

    เขาถามกับตนเองก่อนจะเดินออกมาพร้อมเช็ดหน้า หลังจากนั้นเขาก็มองดูกองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะของเขาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

    "ให้ตายสิ...ทำไมกองทัพถึงอยากให้เจ้าไจโรคอบเตอร์ใช้บนเรือได้เนี่ย..."

    เขาพูดขึ้นขณะหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นมาอ่านดู หลังจากนั้นก็หันมองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงนอน

    "0932..ให้ตายสิ.."

    หลังจากนั้นเองเขาก็เดินไปหยิบชุดยูนิฟอร์มที่แขวนอยู่ตรงประตูมาใส่ มันเป็นชุดสีน้ำเงินแขนยาวที่มีแถบแสดงยศสีเหลืองติดอยู่ที่ปลายแขนเสื้อ กางเกงยาวสีน้ำเงิน พร้อมกับหมวกหม้อตาล และสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาที่ต้องสวม เป็นสร้อยคอเหล็กรูปเสี้ยวพระจันทร์

    "หนาวชะมัด..."

    เขาบ่นก่อนจะปิดหน้าต่างและเก็บเอกสารทั้งหมดใส่ในกระเป๋าหนังสีดำของเขา หลังจากนั้นเองเขาก็ออกจากห้องไป

    หลังจากเดินออกมาจากโรงแรมที่เขาพักอยู่ ก็ได้พบกับสภาพอากาศที่เย็นในระดับหนึ่งและหมอกลงเล็กน้อย ผู้คนตามท้องถนนล้วนแต่ใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น พร้อมกลิ่นของอาหารจากร้านอาหารหอมฟุ้งไปตามถนน มีรถขับผ่านไปมาเล็กน้อยส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุกไปยังท่าเรือ

    "ก็ยังดีที่เนเปิลส์ไม่หิมะไม่ตกล่ะนะ"

    เขาพูดกับตนเองก่อนจะเดินไปยังทางท่าเรือ ที่เขาตื่นมาด้วยความงัวเงียเพราะตอนนี้นั้นอยู่ในช่วงการฝึกซ้อมรบของทางกองทัพเรืออิตาลี และไหนจะงานเอกสารอีกไม่แปลกเลยที่ตัวเขาจะโยมประมาณหนึ่ง แต่ถึงอย่างงั้นเองงานก็คืองาน

    เมื่อมาถึงที่ทางเข้าท่าเรือก็พบกับนายทหารชั้นสัญญาบัตรคนผมสั้นสีน้ำตาลเกาลัดคนหนึ่ง กำลังยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ ทางเข้า เมื่อนายทหารคนนั้นเห็นอันจิโล(ต่อจากนี้จะเรียกอันจิโอโล ย่อเป็นอันจิโล)ก็ยิ้มให้เล็กน้อยพร้อมมองด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาล 

    "คิดว่าจะตกเรือเสียแล้วน่ะครับเนี่ย..."

    "ถ้าเป็นถึงกัปตันแต่ตกเรือตัวเอง ฉันคงโดนเด้งไปนานแล้วหล่ะ"

    อีกฝ่ายพูดขึ้นก่อนพร้อมหัวเราะเบาๆ อันจิโลก็ตอบกลับพร้อมถอนหายใจ ชายตรงหน้าของเขามีชื่อว่า ซาโลโม่ โอราซิโอ(Salomo Orazio) เขาเป็นรองกัปตัน(ต้นเรือ)ของอันจิโล 

    "รายงานสถานะเรือหน่อย"

    "เชื้อเพลิงพร้อม ขวัญกำลังใจของลูกเรืออยู่ในระดับสูง กระสุนก็พึ่งเติมไป ดูเหมือนว่าวันนี้เบื้องบนให้ซ้อมด้วยกระสุนจริงด้วยครับ"

    "รับทราบ"

    ระหว่างทั้งสองเดินไปที่เรือ ซาโลโม่ก็ได้รายงานสถานะต่าง ๆ ให้อันจิโลทราบพร้อมพลิกกระดาษบนคลิปบอร์ดไปมา รอบๆ เขาก็เป็นเรือรบต่าง ๆ ที่จอดเทียบท่าอยู่ มีเหล่าทหารเรือและพวกนายทหารเต็มไปหมด กำหนดการออกเรือคือเที่ยงตรง เมื่อเดินมาได้สักพักก็มาถึงเรือที่อันจิโลประจำการ เธอจอดทอดสมออยู่กลางอ่าว

    เธอคือเรือลาดตระเวนหนัก ฟิวเม (Fiume) อยู่ในชั้นZara-class มีระวางขับน้ำถึง 13,944 ตัน ความเร็วอยู่ที่ 33 นอต พร้อมปืนหลัก203 มม 8 กระบอก และปืนรองอีกหลายกระบอก เป็นเรือหนึ่งในเรือที่มีความเร็วและความคล่องตัวที่ดีเมื่อเทียบกับเรือลาดตระเวนหนักลำอื่น ๆ 

    “อ่าวนั่นจูเซปเป้นิ”

    “Oi กัปตัน มาส่ะสายเชียว”

    ก่อนที่อันจิโลกำลังจะลงเรือเล็กเพื่อไปขึ้นเรือก็พบกับทหารสัญญาบัตรอีกคนกำลังยืนมองเรืออยู่ที่ท่า เจ้าชายผมสีน้ำตาลแดงนี่มีชื่อว่า จูเซปเป้ เนสสโตร์(Giuseppe Nestore)เป็นต้นกล มีหน้าที่ควบคุมฝ่ายช่างกลเรือ ปกติก็จะไม่ค่อยเห็นหน้ากันเท่าไหร่ มักจะคุยผ่านอินเตอร์คอมมากกว่า ทั้งสองวันทยหัตถ์ให้ก่อนที่อันจิโล่จะเอยถาม

    "แล้วรองต้นกลไปไหนแล้วล่ะ?"

    "ไปเอาของนิดๆ หน่อยๆ เดี๋ยวก็มาแล้ว ไม่ตกเรือหรอก"

     จูเซปเป้พูดก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบพร้อมโยนให้กัปตันหนึ่งมวล อันจิโลก็รับมาก่อนจะหยิบไฟแช็กของตนเองขึ้นมาจึดบุหรี่เพื่อสูบเหมือนกัน ซาโลโม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ กัปตันก็ถอนหายใจ

    "สูบบ่อยๆ เดี๋ยวก็ตายก่อนเกษียณหรอกครับ"

    "นี่พยายามให้บอกให้เลิกหรือแช่งเนี่ย?"

    หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้ลงเรือเล็กเพื่อมุ่ง ระหว่างทางอันจิโลก็โยนบุหรี่ทิ้งด้วย พร้อมกับลมเย็นๆ ตีหน้าของเขา เมื่อมาถึงหลังจากขึ้นมาบนเรือก็ได้พบกับต้นปืนผมดำยืนรออยู่แล้ว เขามีชื่อว่า รูฟิโน อาร์คันเจโล(Rufino Arcangelo)

    "กว่าจะมาน่ะครับกัปตัน"

    "เออๆ รู้แล้วน่า"

    ทั้งสองวันทยหัตถ์ให้กัน หลังจากนั้นอันจิโลก็เดินไปที่สะพานเรือเพื่อเตรียมตัวทำหน้าที่ของตนเอง ซาโลโม่ก็เดินตามมาติดๆ เมื่อมาถึงสะพานเรือก็พบต้นหน นายท้าย รวมถึงผู้ช่วยต่าง ๆ ด้วย

    "ว่าไงกอตโต้ หวังว่านายคงไม่ไปเมาค้างที่ไหนมาน่ะ แล้วพวกต้นหนคนอื่นๆ ล่ะ"

    "ไม่ครับกัปตัน คนอื่นๆ ประจำที่กันเรียบร้อยแล้วครับ"

    กอตโต้ก็เป็นหนึ่งในต้นหนที่ดีแต่ติดอย่างเดียวที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลมากเกินไปหน่อย ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยทำเรือออกนอกทางเลยแม้แต่น้อย

    "พวกนายทหารคนอื่นนอกจากนี้ น่าจะอยู่ประจำห้องตนเองแล้วมั้ง"

    อันจิโลหันไปมองซาโลโม่ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบ ส่งสัญญาณว่าทุกคนอยู่ประจำที่แล้วขณะเดียวกัน สายตาของอันจิโลก็เหลือบไปเห็นจูเซปเป้กับรองต้นกลเขากำลังขึ้นมาบนเรือ

     "เราออกไปกับใครบ้างครั้งนี้?"

    อันจิโลหันหาวเล็กน้อย ก่อนจะถามกับต้นเรือ ซาโลโม่พลิกดูเอกสารนิดหน่อยก่อนจะตอบกลับ

    "เรือพิฆาตชั้นSella-class Quintino SellaกับFrancesco Crispi เรือพิฆาตLeone-class Tigre เรือพิฆาตน้องใหม่Maestrale-class GrecaleกับMaestrale

    หลังจากฟังอันจิโลก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย

    "ไม่มีเรือลาดตระเวนเบา?"

    "ไม่มีครับ Alberico da Barbiano ที่รวมซ้อมกับเราครั้งที่แล้ว เธอเกิดไฟไหม้ขึ้นที่ห้องเครื่องยนต์เมื่อวานนี้ทำให้โดนสั่งจอดอยู่ในท่าครับ เราเลยได้Tigreมาแทนที่ครับ"

    "ไฟไหม้อะไรอีกละนั่น…ให้ตายสิ.. ไม่เป็นไร.. ยังไงมันก็แค่การซ้อมรบล่ะนะ "

    จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบโทรศัพท์อินเตอร์คอมพร้อมกับสับสวิทช์เพื่อเลือกห้องที่จะติดต่อ

    “สะพานเรือถึงห้องสื่อสาร ขอคุยกับนายทหารสื่อสาร”

    “รับทราบแล้ว…(เสียงกุกกัก)…กาวิโน่พูด มีอะไรครับกัปตัน”

    “กาวิโน่ช่วยเช็กให้หน่อยว่าเรือที่ต้องออกไปพร้อมกับเรา พวกเธอพร้อมกันหรอยัง เดี๋ยวผมจะส่งคนไปส่งรายชื่อเรือที่ต้องติดต่อไปให้”

    “รับทราบครับ”

    หลังจากวางสายอันจิโลก็มองที่ราซิโอต้นเรือของตนเอง ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจได้ทันที

    “รับทราบครับ”

    “เพิ่มAlberico da Barbianoไปด้วย บอกว่า ถึงกัปตันAlberico da Barbiano ทางเราขอแสดงความเสียใจที่ท่านไม่สามารถเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้ได้ หวังว่าครั้งหน้าเราจะเห็นเธอกลับมาร่วมกับเราได้อีกในอนาคตอันเร็วนี้ จากกัปตันอันจิโล เนสเตอร์ เรือลาดตระเวนหนักFiume”

    จากนั้นต้นเรือก็เริ่มเขียนรายชื่อเรือลงกระดาษและข้อความก่อนจะยื่นให้ลูกเรือไปส่งข้อความแทน

    .

    .

    .

    30นาทีถัดมา หลังจากตรวจสอยความพร้อมของเรือตนเองและเรือที่อยู่ขบวนเดินทางด้วยแล้ว ก็ได้มีการเปิดเสียงหวูดยาว 1ครั้ง ก่อนที่เรือลาดตระเวนหนักค่อยๆ ออกจากท่าไปสู่ท้อทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในสภาพอากาศนั้นยังไม่ค่อยดูเป็นใจเสียเท่าไหร่ ยังคงมีหมอกลง ทัศนวิสัยที่มองเห็นราวๆ 1กิโลเมตรพร้อมอุณหภูมิอากาศราวๆ 15 องศา

    “บอกที่ว่าพยากรณ์อากาศมันจะดีขึ้นเร็วๆ นี้”

    ถึงจะใส่ชุดสำหรับหน้าหนาวก็ตามทีแต่มันก็ยังคงหนาวอยู่ดีและเขาก็ไม่ชอบหมอกตอนเดินเรือเลยสักนิด

    “เห็นพวกต้นหนบอกว่าจะดีขึ้นในช่วงเย็นๆ น่ะครับ”

    “ขอพนั่นเลยว่าไม่ตรง”

    นีโน่หนึ่งในนายท้ายกล่าว รูฟิโนหลังจากได้ยินก็ถอนหายใจก่อนจะพูด ทำให้นีโน่หันไปจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

    “ซาโลโม่ฝากดูสะพานเรือให้สักครู่หน่อย จะไปเช็กพวกต้นหนนะ”

    “รับทราบครับ”

    หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากสะพานเรือไป ไปยังจุดที่พวกต้นหนทำงานกันอยู่ซึ่งอยู่ข้างบนสะพานเรืออีกที

    ลีโอน ถ้าข้างนอกหนาวมาก ลงไปหาอะไรอุ่นๆ ที่ห้องอาหารมาดื่มก็ได้น่ะ มาฝากพวกต้นหนคนอื่นด้วย”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับกัปคัน มันหน้าที่พวกเรานิครับ ฮา ฮา”

    อันจิโลเดินไปคุยต้นหนคนหนึ่งที่ยืนตรวจสอบสภาพอากาศอยู่ ส่วนคนข้างๆ ก็ดูเหมือนจะหาแบริ่งอยู่ ขณะเดียวกันที่สะพานเรือ นีโน่กับรูฟิโนกำลังจะกัดกันแล้วแต่ทำไม่ได้เพราะมีซาโลโม่ยืนคุมอยู่ เลยทำเสียงขู่ใส่กันแทน

    “แง้วววววว”

    “ฟ่อๆ ฟ่อๆ”

    “เหอออออ~ เจ้าพวกนี้”

    ซาโลโม่พูดเบาๆ พร้อมถอนหายใจ

    “จะว่าไปนี่ก็ 1445 แล้วเนี่ย สภาพอากาศจะดีขึ้นจริงไหมน่ะ”

    เขามองดูนาฬิกาข้อมือพร้อมหันไปดูหมอกข้างนอกเป็นระยะๆ 

    .

    .

    .

    .

    .

    “หวังว่าคงเป็นวันเดินเรือปกติอีกวันน่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×