ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่าเรื่องของลูก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอน : แค่นี้

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 56


    ตอน  :  หนังปลา

    ………………….

                    ด้วยอารมณ์ของความเป็นแม่เชื่อว่าหลายท่านก็คงไม่แตกต่างกันแน่นอนในความเป็นแม่ดังเช่นแม่ลูกคู่นี้กับอารมณ์ที่หลากหลายของหญิงสองวัย คำถามบางคำถามที่เอ่ยออกจากปากน้อยๆ บางครั้งแม่ก็ต้องหยุดชะงักเหมือนกันคำถามบางคำถามทำให้เราได้ไอเดียใหม่ๆ หรือเข้าใจในตัวลูกมากขึ้นดังหลายๆ เหตุการณ์ของสองแม่ลูกคู่นี้

                    เช้าในวันที่ต้องเร่งรีบไปทำงานโดยพลขับมีจุดมุ่งหมายในการไปส่งสี่คนสี่แห่ง ทุกคนล้วนถูกจำกัดด้วยเวลาแต่คนที่คอยสร้างปัญหาในกลุ่มมากที่สุดคือคนที่อายุน้อยที่สุด “ขวัญข้าว” สาวน้อยวัยกระเตาะ(แตะ) ขวัญข้าวหรือ เด็กหญิงพาขวัญ (ซึ่งอาจจะเปลี่ยนชื่ออีกในอนาคตอันใกล้นี่) วัย 5 ขวบ เรียนอนุบาล 2  ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่มีนิสัยเหมือนเด็กทั่วไป สงสัย อยากรู้อยากเห็น  ช่างซักถาม และบางครั้งเป็นคำถามที่เราคาดไม่ถึง

                    ในขณะที่ทุกคนกำลังรีบ ปาป่ะ(พ่อ)ถอยรถออกไปรอที่หน้าบ้านพี่เคนเก็บกระเป๋าไปขึ้นรถ ขวัญตัวป่วนอยู่ในบ้านเกิดอยากกินหนังปลา (ไม่ต้องแปลกใจคะเพราะเด็กหลายคนอาจเป็นเหมือนกัน คือชอบกินหนัง เช่น หนังไก่ หนังหมู หนังปลา และตาปลา) ซึ่งขวัญข้าวชอบกินทั้งหมดถึงแม้สัตว์บางชนิดแทบหาหนังไม่เจอก็ต้องพยายามหาให้เจอ เธอยังวนเวียนอยู่ที่ประตูห้องครัวจนผู้เป็นแม่(มีมิ)ทนไม่ได้

                    “ทำไมขวัญข้าวไม่ไปขึ้นรถสักทีทุกคนเขารออยู่” แม่ถามอย่างอารมณ์เสีย ซึ่งแตกต่างจากลูกสาว

                    “ขวัญข้าวอยากกินหนังปลา”  เกิดอยากกินตอนนี้หนะ

                    “มันสายแล้ว ปะกับพี่เคนรออยู่”  แม่ตอบเสียงแข็งมากขึ้นพร้อมสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์

                    “น่านะมิกินนิดเดียว ขวัญกินนิดเดียวมีมิ” เธอยังคงอ้อนหารู้ไม่ว่าอารมณ์ของผู้เป็นแม่เริ่มจะระอุแต่ไม่กล้าแสดงออกกับลูกมาก

                    “น่านะมิขวัญกินแป๊บเดียวนะ” เธอยังอ้อนต่อ

                    ผู้เป็นแม่ต้องเดินเข้าบ้านอีกครั้ง ด้วยคิดว่าถ้าไม่ได้กินคงไม่จบทั้งที่ออกไปรอที่นอกบ้านต้องถอดรองเท้าอีกครั้ง (อารมณ์ขี้เกียจไม่อยากถอด) ไหนคนที่นั่งรอที่รถอีกจึงต้องเข้าไป

                    “มา” แม่พูดเสียงแข็ง โดยมีลูกสาวตัวน้อยเดินตามหลังมาติดๆ

                    ด้วยครัวที่เป็นลักษณะบิ้วอินโต๊ะสูงระดับเอว ทำให้ขวัญข้าวต้องมีเก้าอี้เฉพาะตัวที่คอยลากไปลากมาในกรณีที่เอื้อมไม่ถึงหรือมองไม่เห็นในช่วงที่แม่หรือยายทำกับข้าวเก้าอี้ตัวนั้นจะเป็นผู้ช่วยเธอได้ดี เช่นกันเธอเดินไปลากเก้าอี้มาขึ้นเหยียบเพื่อให้มองเห็นเนื้อปลาในหมอที่ผู้เป็นแม่กำลังจะตักขึ้นมาในขณะเดี๋ยวกันก็วิวายยังมีคำถาม

                    “มิโกธรขวัญเหรอ” เธอเอียงคอถามเอามือเท้าโต๊ะนัยน์ตาตาใสซื่อ

                    “ไม่” แม่ตอบน้ำเสียงห้วนๆ

                    “แล้วทำไมมิทำหน้าเหมือนตอนมิโกธรขวัญเลยล่ะ”

                    นั่นไงคำถามที่ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องลดระดับอารมณ์ลงอีกครั้ง ถึงแม้จะพยายามกดอารมณ์ไม่แสดงอารมณ์โกธรแต่ลูกสาวยังคงสังเกตสีหน้าเราได้ โอ้เราจะพูดหรือโกธรอะไรกับลูกสาววัย 5 ขวบแบบไม่มีเหตุผลไม่ได้ต่อไปแล้วนะทุกอย่างต้องแนบเนี่ยให้มากขึ้น ผู้เป็นแม่ฉุกคิด  และควรจะพูดด้วยเหตุผลมากกว่า  ในขณะที่กำลังคิดหาคำตอบให้ลูก มือก็ตักหาหนังปลา

                    “นั่นๆ ล่ะมิ ..พอพอขวัญกินแค่นี้”  เธอไม่ได้สนใจคำตอบแต่สนใจหนังปลาที่แม่กำลังพยายามหาให้อยู่

                    “แค่เนี่ย” แม่ถามเสียงสูง

                    “ใช่ ขวัญอยากกินเฉยๆ”

                    “อืม”  แม่พูดพร้อมกับตักหนังปลาเข้าปากให้

                    “อื่มๆ อร่อยมากพอล่ะมิ” พูดเสร็จเธอก็ลงจากเก้าอี้ผู้ช่วยแล้วลากไปไว้ที่เดิมเดินออกจากห้องครัว โดยผู้เป็นแม่เดินตามออกมาอย่างเสียไม่ได้ ปล่อยให้แม่ที่อารมณ์ขุ่นมั่วอยู่ปรับอารมณ์อยู่คนเดียว

                    ลูกก็คือลูกเสมอวีรกรรมของเธอยังไม่หมดรออีกตอนต่อไปนะค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×