ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในความรักมีเพียงเธอตลอดไป

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ ๘ จุดเริ่มต้น ๓

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 49


                   บทที่ ๘ จุดเริ่มต้น


              
            ผมเดินชนชายที่ดูทุกข์ร้อนคนนั้น... ผมเคยเห็นเขามาก่อน ราวๆยี่สิบนาที ในตู้โทรศัพท์
    สาธารณะ ตอนที่เขายืนทำหน้าสลดคุยโทรศัพท์กับใครอยู่  ตอนนั้น ผมยืนต่อคิวต่อจากเขา ห่างออกไปไม่มากนัก เขามีท่าทางแปลกๆ ได้แต่เดินห่อไหล่ ก้มหน้าก้มตา จ้ำเท้าจากไปเมื่อคุยเสร็จ ผมหันตามไปมองเขาตลอดทางด้วยความสงสัย  เขายังมองซ้ายทีขวาทีไปมาจวบจนกลืนหายไปกับกลุ่มคน ส่วนผมรีบเดินเบียดเข้าไปในตู้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่ามีบางคนจะพยายามแซงคิว

     

                    ผมจำเขาได้ แต่ดูท่าเขาคงจำผมไม่ได้ หรืออาจจะไม่เคยจำด้วยซ้ำไป สายตาเขายังคงระแวง มือข้างหนึ่งกำหมัดแน่น  อีกข้างยังคงจับกระเป๋าสะพายสีดำไว้  บางที ผมคิด เขาอาจเป็นพวกคนร้ายที่หลบหนีคดีมา  ผมเริ่มกลัว  ในที่สุดแล้วเท้าผมก็ค่อยๆก้าวเดินห่างออกจากที่ตรงนั้น  ก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้น

                  ผมหันไปมองอีกครั้ง หลังจากเดินหลบมา  ชายคนนั้นก็หายตัวไปแล้วเช่นกัน...

                   สถานีรถไฟแห่งนี้ยังคงคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มากมายเหมือนเช่นในวันเก่า มันแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากอดีตไปเลย  ผมสูดอากาศเข้าปอดอีกครั้ง บรรยากาศเก่าๆเริ่มผุดขึ้นอย่างช้าๆ มโนภาพของการเดินทางเข้ากรุงเทพครั้งแรกของเด็กชายตัวกระเปี๊ยกกับผู้หญิงคนหนึ่งก็เริ่มที่จะชัดขึ้นๆ

                            ตอนนั้น  ผมพึ่งจะเดินลงจากรถไฟเป็นครั้งแรก  และมือของแม่ก็จับข้อมือผมไว้แน่นทีเดียว  ผมเริ่มได้ยินเสียงคำพูดอย่างมีความหวังอีกครั้ง

                          " ที่นี้ เราจะสบายขึ้นจ้ะ ลูก...."  

                          " แม่รู้ได้ไงครับ " เด็กตัวกระเปี๊ยกคนนั้นถามอย่างงงๆ                      

                          " ที่นี้น่ะลูก ขอให้เราไม่เลือกงาน แล้วขยันอย่างเราสองแม่ลูก เราจะมีเงินเก็บเยอะๆจ้ะ "

                           เด็กคนนั้นมีหน้าตาแจ่มใสขึ้น แล้วพูดขึ้นว่า

                          " ที่นี้ เราไม่ต้องเอาเงินไปให้คนอื่นใช้แล้วใช่ไหมฮะ "

                            ผมลืมตาตื่นอย่างช้าๆ กับเสียงตะโกนโหวกเวกของนายสถานีรถไฟที่ร้องเตือนผ่านโทรโข่ง   ผมเคลิ้มหลับแล้วฝันไปนั้นเอง  แต่ก็ดีแหะ 

                      'บางครั้ง  อดีตดีๆก็มีคุณค่าน่าคิดถึงกว่าอนาคตที่ดูน่ากังวลเสียเหลือเกิน'

                           "ทุ่มสี่สิบแล้วสิน่ะ"

                           เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศออกวิทยุให้เตรียมตัวเป็นครั้งสุดท้าย  รถไฟกำลังจะออกจากหัวลำโพงในอีกไม่ช้า  ผมจับกระเป๋าเป้ขึ้นพาดไหล่แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้นั้น  แล้วเดินตรงดิ่งขึ้นรถไฟทันที  เมื่อมาถึงช่องที่นั่งของผม ปรากฏว่าผมมาถึงเป็นคนแรก  ผมจัดแจงเก็บสัมภาระอย่างใจเย็น  แล้วจึงเลือกที่นั่งก่อน  ผมนั่งรออยู่จนรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงก็ยังไม่เห็นใครเดินมาแสดงสิทธิกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเลย ผมจึงยกเท้ามาวางพาดกับเก้าอี้ที่ว่างเปล่านั้น 

                          ผมหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า  จะว่าไปแล้วมันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบหนึ่งอย่างที่เขาว่าไว้  ความรู้สึกไม่เหมือนกับการนั่งรถทัวร์จริงแหะ  มันสุนทรีย์กว่าเยอะ  'เจ้าคนอารมณ์ศิลปินเอ่ย'  ผมพึมพำกับตัวเอง แล้วยิ้มออกมาในที่สุด   โชคดีเหลือเกินที่ไม่มีใครเห็นผมยิ้มอยู่คนเดียว    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×