ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในความรักมีเพียงเธอตลอดไป

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ ๗ จุดเริ่มต้น ๑

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 49


                                       บทที่ ๗ จุดเริ่มต้น ๑

                            เชื่อหรือไม่ ?  ทุกครั้งที่ผมรู้สึกว่ายังหายใจและมีชีวิตอยู่บนพื้นโลกนี้  ผมไม่เคยพอใจในตัวเองเลย  ไม่มีใครเลยที่ชื่นชมยอมรับตัวผม  และเป็นวีรบุรษได้ก็แค่ตอนนั่งดูละครทีวี  ทำไมผมต้องมานั่งคิดว่าตัวเองนั้นไม่เก่งกล้าสามารถน่ะหรือ ? นั้นน่ะสิ คุณช่วยผมคิดแทนหน่อยสิ  เพราะอะไร ? อืม... ผมตอบแทนตัวเองไม่ได้แหะ ผมน่ะ เป็นที่พึ่งของคนอื่นๆทั้งหลายได้เหรอครับ ?  น่าจะใช่... แต่บ่อยครั้ง ทีเดียวผมเที่ยวฝันเที่ยวจินตนาการว่าตนเองเป็นพระเอกในละครช่องโทรทัศน์ต่างๆที่เขาเสกเขาปั้นขึ้นมา  บ่อยครั้ง ที่ป้าแจ๋ว เจ้าของร้านขายอาหารริมทางจะบันดาลให้  แกเปิดโทรทัศน์ให้บรรดาลูกค้าทั้งหลายได้ชมกัน ลูกค้าแกก็มีหลายระดับทั้งที่มีอันจะกิน ตั้งแต่จักรยานยนต์รับจ้าง คนขับแท็กซี่ ตลอดเรื่อยไปถึงสิงห์รถบรรทุก  ชนชั้นกุลีในโกดังระแวกใกล้ๆ ยังมีพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าด้านข้างที่แอบออกมารับรสชาติใหม่ๆกัน  แต่เมื่อนับไปแล้ว ผมก็น่าจะเป็นขาประจำอันดับหนึ่งของร้านแกน่ะ ทีเดียว ทั้งรสมือ บริการที่แสนจะน่าประทับใจ แล้วก็ราคาที่ผมจ่ายได้   
     

                         ช่องทีวีที่เปิดให้ชมกันนั้นก็มักจะเป็นสิทธิของป้าแจ๋วคนเดียวที่จะเลือกเปิดให้ดู ขนาดลุงอินคู่ชีวิตตุนาหงันกว่ายี่สิบปียังไม่มีสิทธิขอเปลี่ยนช่องไปดูรายการมวยเลย ยามละครโฆษณาเลย  ทั้งที่แกทั้งรักทั้งชอบกีฬา หายใจเข้าเป็นต่อแดง ออกเป็นรองน้ำเงิน แล้วผลมันจบลงอย่างไรน่ะหรือ ?  คำตอบก็คือลุงอินน่ะ แกไม่เคยจับเงินมาตั้งนานแล้ว แกมีหน้าที่แค่เก็บจาน ล้างจาน จัดของ ท่าทางแกจะเป็นแต่ใช้กำลัง อันนี้ผมคิดในใจเองน่ะ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเห็นแกง่วนสาละวนกับงาน  หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมแอบกระซิบถามแกว่า ทำไมไม่ไปหางานทำล่ะ มาอยู่ให้เมียโขกสับเพื่ออะไร  แกได้ยินแล้วมัวแต่อมยิ้ม จนป้าแจ๋วตะโกนไล่หลังให้ไปเก็บจานโต๊ะอื่นต่อ  เมื่อแกเดินจากไป ผมได้แต่ปลง   เวลาของการเป็นวีรบุรุษของผมหมดลงแล้ว ผมรีบเดินก้มหน้าออกจากเพิงไป


                  
    ผมเดินตรงรี่มุ่งหน้าเข้าไปที่ที่ทำงาน ตึกแถวสองคูหาเก่าคร่ำคร่าเป็นที่ทำงาน ผมต้องรีบนำเงินไปให้เถ้าแก่เจ้านาย  ผมเป็นพนักงานขายและเก็บเงินของร้านค้าเครื่องสังฆภัณฑ์ที่ต้องเดินสายเก็บเงินทั่วราชอาณาจักร ทั้ง ที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แต่เมื่อผมต้องเดินทางตามต่างจังหวัดต่างๆทั่วไป ทำให้ผมได้อยู่กรุงเทพจริงๆแค่เดือนละสองสามวันเท่านั้น  ผมกลับมาอยู่กับชีวิตจริงๆของผมเสียที
      ชีวิตที่ต้องดิ้นรน  ใครบ้างล่ะ ที่ไม่ต้องดิ้นรน ?


                
      
    "หวัดดีครับ เฮีย " ผมยกมือไหว้ เจ้านาย

                 " กระทิง ลื้อมาก็ดีแล้ว อั้วจะได้เบาใจเสียที  อั้วมีงานให้ลื้อทำ "

                "งานอะไรเหรอครับ" ผมซัก

                 "อั้วจะให้ลื้อไปวางของเพิ่มแล้วก็ทวงเงินงวดที่แล้วให้หน่อย" เถ้าแก่เอย

                "เจ้าไหนเหรอครับ" ผมถามต่อ

                "ก้อ ไอ้กู๋ ที่เชียงใหม่น่ะ มั้งติดอั้วมาสามงวดแล้ว ของก็เร่งให้ส่ง พอส่งไป  มั้งก็ไม่ยอมจ่ายพออั้วให้โอนเงินเข้าธนาคาร มันก็บ่ายเบี่ยง สงสัยมังจะเบี้ยว"

                เจ้ากู๋ ที่เถ้าแก่บอกผมชมว่าโหงวเฮ้งมั้งดี มีราศีน่ะหรือ ผมเองแทบจะอดหัวเราะไม่ได้ แต่ต้องฝืน กัดริมฝีปากไว้

                 "แล้วจะให้ผมทำไง ? " ผมถามทั้งที่รู้คำตอบ

                  "ลื้อก็ไปขึ้นไปดูว่ามั้งยังอยู่เปิดร้านที่เดิมไหม หรือมั้งจะหนีไปแล้ว ลื้อต้องจัดการขั้นเด็ดขาให้อั้ว"

                "เด็ดขาดครับ  ได้ครับเฮีย" ผมช่วยแก้คำพูดแกแล้วจึงรับปาก

                 "พรุ่งนี้ไปได้เลยน่ะ เนี้ย เอาไปให้มันเพิ่มด้วย " ว่าแล้วเถ้าแก่ก็โยนอะไรไม่รู้สองถุงมาให้

                 ผมรีบรับตามสัญชาตญาณ  เมื่อได้แล้วก็เงยหน้ามองแก พบว่าแกเดินลิ่วจากไปแล้ว ผมก้มหน้าเปิดดูของภายในถุงที่จะให้ กู๋ คนโหงวเฮ้งดี แล้วผมเผลออุทานออกมาเบาๆ

                 "ตุ๊กตาเสียกระบาล"

                 ตอนนี้  ผมชักเอะใจแล้วว่างานนี้ไม่ใช่งานง่ายๆสำหรับผมอีกต่อไปแล้วแหะ แต่คำสั่งก็คงต้องเป็นคำสั่ง พรุ่งนี้เช้าผมต้องนั่งรถทัวร์ขึ้นเหนือแล้วสิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×