คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ ๗ จุดเริ่มต้น ๑
บทที่ ๗ จุดเริ่มต้น ๑
เชื่อหรือไม่ ? ทุกครั้งที่ผมรู้สึกว่ายังหายใจและมีชีวิตอยู่บนพื้นโลกนี้ ผมไม่เคยพอใจในตัวเองเลย ไม่มีใครเลยที่ชื่นชมยอมรับตัวผม และเป็นวีรบุรษได้ก็แค่ตอนนั่งดูละครทีวี ทำไมผมต้องมานั่งคิดว่าตัวเองนั้นไม่เก่งกล้าสามารถน่ะหรือ ? นั้นน่ะสิ คุณช่วยผมคิดแทนหน่อยสิ เพราะอะไร ? อืม... ผมตอบแทนตัวเองไม่ได้แหะ ผมน่ะ เป็นที่พึ่งของคนอื่นๆทั้งหลายได้เหรอครับ ? น่าจะใช่... แต่บ่อยครั้ง ทีเดียวผมเที่ยวฝันเที่ยวจินตนาการว่าตนเองเป็นพระเอกในละครช่องโทรทัศน์ต่างๆที่เขาเสกเขาปั้นขึ้นมา บ่อยครั้ง ที่ป้าแจ๋ว เจ้าของร้านขายอาหารริมทางจะบันดาลให้ แกเปิดโทรทัศน์ให้บรรดาลูกค้าทั้งหลายได้ชมกัน ลูกค้าแกก็มีหลายระดับทั้งที่มีอันจะกิน ตั้งแต่จักรยานยนต์รับจ้าง คนขับแท็กซี่ ตลอดเรื่อยไปถึงสิงห์รถบรรทุก ชนชั้นกุลีในโกดังระแวกใกล้ๆ ยังมีพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าด้านข้างที่แอบออกมารับรสชาติใหม่ๆกัน แต่เมื่อนับไปแล้ว ผมก็น่าจะเป็นขาประจำอันดับหนึ่งของร้านแกน่ะ ทีเดียว ทั้งรสมือ บริการที่แสนจะน่าประทับใจ แล้วก็ราคาที่ผมจ่ายได้
ช่องทีวีที่เปิดให้ชมกันนั้นก็มักจะเป็นสิทธิของป้าแจ๋วคนเดียวที่จะเลือกเปิดให้ดู ขนาดลุงอินคู่ชีวิตตุนาหงันกว่ายี่สิบปียังไม่มีสิทธิขอเปลี่ยนช่องไปดูรายการมวยเลย ยามละครโฆษณาเลย ทั้งที่แกทั้งรักทั้งชอบกีฬา หายใจเข้าเป็นต่อแดง ออกเป็นรองน้ำเงิน แล้วผลมันจบลงอย่างไรน่ะหรือ ? คำตอบก็คือลุงอินน่ะ แกไม่เคยจับเงินมาตั้งนานแล้ว แกมีหน้าที่แค่เก็บจาน ล้างจาน จัดของ ท่าทางแกจะเป็นแต่ใช้กำลัง อันนี้ผมคิดในใจเองน่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเห็นแกง่วนสาละวนกับงาน หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมแอบกระซิบถามแกว่า ทำไมไม่ไปหางานทำล่ะ มาอยู่ให้เมียโขกสับเพื่ออะไร แกได้ยินแล้วมัวแต่อมยิ้ม จนป้าแจ๋วตะโกนไล่หลังให้ไปเก็บจานโต๊ะอื่นต่อ เมื่อแกเดินจากไป ผมได้แต่ปลง เวลาของการเป็นวีรบุรุษของผมหมดลงแล้ว ผมรีบเดินก้มหน้าออกจากเพิงไป
ผมเดินตรงรี่มุ่งหน้าเข้าไปที่ที่ทำงาน ตึกแถวสองคูหาเก่าคร่ำคร่าเป็นที่ทำงาน ผมต้องรีบนำเงินไปให้เถ้าแก่เจ้านาย ผมเป็นพนักงานขายและเก็บเงินของร้านค้าเครื่องสังฆภัณฑ์ที่ต้องเดินสายเก็บเงินทั่วราชอาณาจักร ทั้ง ที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แต่เมื่อผมต้องเดินทางตามต่างจังหวัดต่างๆทั่วไป ทำให้ผมได้อยู่กรุงเทพจริงๆแค่เดือนละสองสามวันเท่านั้น ผมกลับมาอยู่กับชีวิตจริงๆของผมเสียที ชีวิตที่ต้องดิ้นรน ใครบ้างล่ะ ที่ไม่ต้องดิ้นรน ?
"หวัดดีครับ เฮีย " ผมยกมือไหว้ เจ้านาย
" กระทิง ลื้อมาก็ดีแล้ว อั้วจะได้เบาใจเสียที อั้วมีงานให้ลื้อทำ "
"งานอะไรเหรอครับ" ผมซัก
"อั้วจะให้ลื้อไปวางของเพิ่มแล้วก็ทวงเงินงวดที่แล้วให้หน่อย" เถ้าแก่เอย
"เจ้าไหนเหรอครับ" ผมถามต่อ
"ก้อ ไอ้กู๋ ที่เชียงใหม่น่ะ มั้งติดอั้วมาสามงวดแล้ว ของก็เร่งให้ส่ง พอส่งไป มั้งก็ไม่ยอมจ่ายพออั้วให้โอนเงินเข้าธนาคาร มันก็บ่ายเบี่ยง สงสัยมังจะเบี้ยว"
เจ้ากู๋ ที่เถ้าแก่บอกผมชมว่าโหงวเฮ้งมั้งดี มีราศีน่ะหรือ ผมเองแทบจะอดหัวเราะไม่ได้ แต่ต้องฝืน กัดริมฝีปากไว้
"แล้วจะให้ผมทำไง ? " ผมถามทั้งที่รู้คำตอบ
"ลื้อก็ไปขึ้นไปดูว่ามั้งยังอยู่เปิดร้านที่เดิมไหม หรือมั้งจะหนีไปแล้ว ลื้อต้องจัดการขั้นเด็ดขาให้อั้ว"
"เด็ดขาดครับ ได้ครับเฮีย" ผมช่วยแก้คำพูดแกแล้วจึงรับปาก
"พรุ่งนี้ไปได้เลยน่ะ เนี้ย เอาไปให้มันเพิ่มด้วย " ว่าแล้วเถ้าแก่ก็โยนอะไรไม่รู้สองถุงมาให้
ผมรีบรับตามสัญชาตญาณ เมื่อได้แล้วก็เงยหน้ามองแก พบว่าแกเดินลิ่วจากไปแล้ว ผมก้มหน้าเปิดดูของภายในถุงที่จะให้ กู๋ คนโหงวเฮ้งดี แล้วผมเผลออุทานออกมาเบาๆ
"ตุ๊กตาเสียกระบาล"
ตอนนี้ ผมชักเอะใจแล้วว่างานนี้ไม่ใช่งานง่ายๆสำหรับผมอีกต่อไปแล้วแหะ แต่คำสั่งก็คงต้องเป็นคำสั่ง พรุ่งนี้เช้าผมต้องนั่งรถทัวร์ขึ้นเหนือแล้วสิ
ความคิดเห็น