คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : คำตอบเหนือคำตอบ (ลางสังหรณ์)
คำตอบเหนือคำตอบ(ลางสังหรณ์)
เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจกอีกครั้งอย่างช้าๆ หน้าของผู้ชายคนนั้นคงลอยอยู่
'ช่างดู น่ากลัวสิ้นดี!' เขาคิด เผลอลูบหน้าตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ เขาสังเกตเห็นถึงหยดเหงื่อจำนวนมากที่ผุดขึ้นตามใบหน้าของชายคนนั้นในกระจก นัยน์ตายังคงฉายแววกังวลออกมา มันทำให้เขายังต้องบ่นพึมพำคนเดียวเองเบาๆว่า
" พอใจสิน่ะ เอ็ง
. "
เด็กชายตัวเล็กๆที่กำลังถูกทุบตีและด่าว่าอย่างรุนแรงลอยผุดขึ้นมาอีกครั้ง มันมักเกิดขึ้นเวลาที่เขานึกสงสัยอะไรบางอย่าง ความโหดร้ายที่แสดงออกมาจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นติดอยู่ในความทรงจำเขาเสมอๆ แต่แล้ว ทำไมเขากลับนึกอะไรมากกว่านี้ไม่ออกเสียที มีอะไรบางอย่างติดแน่นเกินกว่าจะถูกลบเลือนออกไปได้ แต่ภาพดังกล่าวกลับไม่สมบูรณ์เสียที มันไม่ปะติปะต่อเป็นเรื่องราว ในบางครั้ง เขานึกสงสัยอยู่ว่าภาพที่ลอยไปมาในความทรงจำเข้านั้น มาเพื่อบอกอะไรกับเขา หรือเพื่อต้องการสิ่งใด จะว่าไปแล้ว ตัวเด็กผอมกระหร่องในภาพนั้น เขาเองกลับมีความรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าเขาอยากลบภาพความทรงจำนั้นให้อันตรธานหายไปจากสมองทั้งหมด หากแต่ว่าเวลามันปรากฎออกมา มันกลับชัดเจนทุกทีทุกครั้งไป เขาคงไม่ต้องไปภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้รู้ถึงคำตอบที่เขาอยากทราบหรอก เด็กนั้นอยากบอกอะไร ก็พูดออกมาสิ....
แต่จนแล้วจนรอด ตราบถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงเล็ดลอดออกจากปากเด็กชายคนนั้นเลย
วันนี้ ภาพเก่าๆยังคงวิ่งกลับมาในสมองหมือนทุกครั้งที่เขาไม่แน่ใจ
" เฮ้ย! พระเจ้าช่วย ข้าหักหลบไม่ทัน ข้า
ข้าชนคนเข้าวะ ไม่สิ ข้าเพียงแค่เฉี่ยวเท่านั้นน่ะ" เขาจำคำพูดในตอนนั้นได้ดี
"เฮ้ย! ใจเย็นๆลง มึงแค่ชนไอ้แก่หน้าโง่ที่ทะลึ่งดันเสือกเดินตัดหน้ารถมึงเท่านั้นเอง" เสียงพูดนั้นดังก้องอยู่ในหูเขาราวกับว่ามันเดินทางมาจากความมืดมิด ทั้งไร้ความผิดชอบและสามัญสำนึก
"แต่ข้าชนคนนะโว้ย " เขาตะโกนลั่นอยู่ในใจ อาจเพราะท่าทีกระสับกระส่ายของเขานั้นเอง ทำให้เพื่อนเขาที่นั่งอยู่ข้างๆตัว เกิดอาการตกใจกลัว แววตาที่หวาดผวานั้นยังจ้องมองเขาอยู่อย่างไม่วางตา เขาเองยังรู้สึกประหลาดใจ เจ้าเสียงนั้นยังต่อความว่าอีก
" ดีแล้วน่า ! มันสมควรตายแล้วหล่ะ ไอ้เวร ! เสือกเดินตัดหน้ารถกลางค่ำกลางคืน ไม่ดูตาม้าตาเรือ ท่าทางมันคงอยากหาที่ตาย " เสียงในมุมมืดกล่าวต่อด้วยอารมณ์โกรธแค้น และฉุนเฉียว
" เดี๋ยวข้าจอดรถลงไปดูคนที่โดนเฉี่ยวดีกว่า ว่าแกเป็นอย่างไรบ้าง
เผื่อไม่เป็นอะไรมากจะได้พาไปส่งโรงพยาบาลรักษาได้ทัน " เขาเริ่มคืนสติ คิดได้มากขึ้น หันมามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ
" เฮ้ย! มึงอย่าบ้าน่า! ถ้ามึงอยากบ้า กูก็จะบอกมึงให้หายบ้าว่า
คนแก่ๆน่ะ แค่มึงเฉี่ยวโดน มันก็ตายแล้ว และถ้ามันเสือกตาย มึงก็มีหวังได้ติดคุกข้อหาขับรถชนคนตายโดยประมาท มึงต้องเสียเงินให้โคตรมันเอาไปใช้อีก เพื่อหาเหตุบรรเทาโทษ มาลบล้างกับสิ่งที่มึงทำ หรือถ้ามันไม่ตาย มึงก็ต้องออกค่ารักษาพยาบาลให้แม่งอีกบานตะไท ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าทำขวัญ ค่าอื่นๆ อีก จิบปาถะ ร้อยแปด ต้องขึ้นโรงพักโดนสอบสวน เจอศาลพิจารณา ยุ่งยากตายห่า ทั้งๆที่แม่งเสือกประสาท จงใจเดินตัดหน้ารถมึงเอง แม่งน่ะสมควรตาย ถ้ามึงฉลาด ก็ลืมเรื่องนี้ แล้วขับรถไปส่งกูที่บ้านได้แล้ว กูจะนอน ส่วนมึงก็กลับไปอาบน้ำนอนที่บ้านเหมือนกัน ไอ้ห่า ! นี้ตีสามแล้วน่ะโวยยังไม่ถึงกรุงเทพเลย " ตอนนี้เองที่ตัวเขาเองกลับมองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือโดยไม่สนใจกับเหตุการณ์เบื้องหลังแม้แต่น้อยเลย
เขาอาจจะลังเลแต่กลับไม่กังวลใจเท่าใด เมื่อเสียงนั้นยังร้องตะโกนเอาใจช่วยเขาไปตลอดทางกลับบ้าน.....แน่นอน เขาตัดสินใจขับรถไปโดยไม่ได้ลงไปดูชายแก่ผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นเลย แม้ขณะขับรถจากไป เสียงนั้นยังคงสำทับอีกว่า
"มึงอย่าอ่อนแอไปหน่อยเลยวะ ตัวโตยังกับควาย เสือกใจมด อ๋อ ! หรือ
มึงจะทำตัวเป็นพระเอกอย่างในละคร กูบอกมึงไว้ก่อนน่ะว่า พวกนั้นมันทำแล้วได้เงินวะ"
เพื่อนเขาก้าวลงจากรถไปแล้วโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับเขาเลย เขาหันไปมองเพื่อนแล้วแสยะยิ้มออก แล้วรถก็แล่นทะยานออกไปแน่นอน...เขากล้าสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธ์ เขาเห็นเด็กชายร่างผอมกระหร่องยืนข้างๆ เพื่อนเขาที่กำลังเปิดประตูอีกแล้ว
ก่อนหน้าวันนี้ ไม่นาน เพื่อนร่วมคณะกฎหมายเขาพึ่งโดนรถชนตายกลางถนน ขณะเดินข้ามถนนตอนกลางคืนทั้งที่เมาไม่รู้สติ พอหัวทิ่มพื้น พอมันลุกขึ้น รถซิ่งที่แหกไฟแดงก็ชนมันเข้าอย่างจัง
เขาเดินกลับมานั่งที่เตียงในห้องนอนอีกครั้งแล้วมองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ ห้องดูสกปรก ทั้งรกรุงรัง ระเกะระกะ เต็มไปด้วยเศษขยะซึ่งถูกทิ้งให้เรี่ยราดทั่วห้อง มันกระจายไปตามพื้นห้อง ตามโต๊ะ ตู้ เตียง
'ช่างโสโครกจริงๆ !'
เขาตั้งใจจะเปลี่ยนเสื้อใหม่ แล้วคำถามว่าเขาอาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อไร ? ก็ลอยเข้ามาในหัว อย่างไม่ตั้งใจ เขาสลัดคำถามอย่างไม่สนใจ แล้วเดินออกจากบ้าน วันนี้เขาตั้งใจจะไปแต่เช้าเพื่อช่วยงานศพเพื่อน แต่ฉับพลัน เขากลับนึกถึง ภาพชายแก่คนหนึ่งสนทนากับชายหนุ่มอายุอ่อนกว่าคราวหลาน ความหนาวเย็นมาเยือนร่างกายอย่างช้าๆ คราวนี้ เขารู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง ความจริงบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา...
หรือความลับกำลังจะคลายออก....
ในตอนเด็ก เขาจำได้เสมอว่า เขาชอบไปเที่ยวที่ป่าศักดิ์สิทธิ์คนเดียวเสมอจนแม่เป็นห่วงเขาเสมอ และมักซักเขาเสมอว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ ยามเห็นเขาเล่าเรื่องราวที่ป่านั้นให้ฟังอย่างออกรสออกชาติ
" ว่างๆ พาแม่ไปด้วยคนสิจ้ะ " บางที แม่ก็อมยิ้ม พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
แล้วเจ้าเด็กคนนั้น เด็กชายผอมกระหร่องก็พยักหน้าตอบรับแทนทันที
เขาอยากพาแม่ไปเหลือเกิน แต่จนแล้วจนรอด แม่ก็ไม่เคยได้ไปกับเขาเสียที
ทุ่งกว้างแห่งนั้น เขาเห็นเด็กชายสองคนวิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน เขารู้สึกแปลกใจที่ทำไมเด็กทั้งคู่รูปร่างหน้าตาถึงได้เหมือนกันขนาดนี้ แล้วเขาก็ตกใจสุดขีด เมื่อเห็นเด็กชายคนแรกล้มลงแล้วเสียงร้องไห้เริ่มดังขึ้น เด็กหน้าเหมือนอีกคนกำลังยกกิ่งไม้ขึ้นเหนือหัว แล้วฟาดลงมาสุดแรง
หน้าเด็กคนยืนแดงกล้ำ เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ผงะตัวออกจากร่างเด็กอีกคน แล้วรีบวิ่งหนีจากไป หญิงวัยสามสิบโผเข้ามาดูอาการเด็กที่ล้มก่อนตัวเขาเสียอีก สีหน้าที่สลดหดหู่ หล่อนหันหน้ามาทางเขา แววตาขึ้งโกรธ แล้วตะโกนด่า
"ไป ! ไอ้เด็กปิศาจ ไอ้เด็กไม่รักดี"
เขาตื่นขึ้น เหงื่อผุดเต็มตัว ฝันร้ายอีกครั้งแล้วสิ เวลาที่เขาอึดอัดและทรมาน ฝันซ้ำๆ อีกครั้ง แต่เขาเองยังสงสัยกับความฝันที่มักเกี่ยวข้องกับเด็กผอมกระหร่องคนนั้น ระยะหลังมานี้ เจ้าเด็กผู้ชายผอมกระหร่องมักกลับมาปรากฎกายให้เขาเห็นเป็นประจำในฝัน มันทำให้เขาหลับไม่สนิทเลยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และคงรบกวนเขาไม่หยุดหย่อน ผ่านทางความฝันและความคิด ศีรษะเขาแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกย่ำแย่เสียเหลือเกิน น้ำดีถูกขับขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ความผะอืดผะอมก็เริ่มก่อตัว ปากเขาเริ่มขย้อน คอที่เริ่มหดงอค่อยยืดออก ตัวเริ่มโก่งขึ้น เขาล้มลงทันที ที่พื้น แล้วร่างเขาก็กระตุกไปมา เขาค่อยๆลอยออกไป...
สมองเขารู้สึกสับสนไปมา เขาปวดหัวอย่างมาก เขายังคงจับพวงมาลัยแน่น พอโงหัวขึ้นมา ไฟจราจรยังคงแดงอยู่ เพื่อนเขายังยืนอ้วกอยู่บนถนนห่างจากรถเขาไปไม่กี่เมตร
" ทุเรศสิ้นดี " เขาสบถในใจ
เพื่อนเขาค่อยๆดึงตัวเองขึ้นมาจากพื้นถนน แล้วพยายามเดินให้ตรง แต่กลับดูเหมือนเป็นการเดินเอียงโซเซไปละทิศคนละทางเลยทีเดียว
รถเขาเแล่นผ่านสี่แยกไปนานแล้ว พรุ่งนี้จะต้องมีข่าวคนถูกรถชนตายเกิดขึ้นแน่นอน เขานึกขึ้นมาแล้ว แล้วบ่นเบาๆออกมา
"เป็นลางสังหรณ์นี่เอง ! "
ความคิดเห็น