ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้นหนังสือร้องไห้

    ลำดับตอนที่ #11 : คำตอบเหนือคำตอบ (ลางสังหรณ์)

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 50


                                   คำตอบเหนือคำตอบ(ลางสังหรณ์)

           เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจกอีกครั้งอย่างช้าๆ  หน้าของผู้ชายคนนั้นคงลอยอยู่…

    'ช่างดู น่ากลัวสิ้นดี!'  เขาคิด เผลอลูบหน้าตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ  เขาสังเกตเห็นถึงหยดเหงื่อจำนวนมากที่ผุดขึ้นตามใบหน้าของชายคนนั้นในกระจก  นัยน์ตายังคงฉายแววกังวลออกมา มันทำให้เขายังต้องบ่นพึมพำคนเดียวเองเบาๆว่า

             " พอใจสิน่ะ  เอ็ง…. "
     

             เด็กชายตัวเล็กๆที่กำลังถูกทุบตีและด่าว่าอย่างรุนแรงลอยผุดขึ้นมาอีกครั้ง มันมักเกิดขึ้นเวลาที่เขานึกสงสัยอะไรบางอย่าง  ความโหดร้ายที่แสดงออกมาจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นติดอยู่ในความทรงจำเขาเสมอๆ  แต่แล้ว ทำไมเขากลับนึกอะไรมากกว่านี้ไม่ออกเสียที  มีอะไรบางอย่างติดแน่นเกินกว่าจะถูกลบเลือนออกไปได้  แต่ภาพดังกล่าวกลับไม่สมบูรณ์เสียที มันไม่ปะติปะต่อเป็นเรื่องราว  ในบางครั้ง  เขานึกสงสัยอยู่ว่าภาพที่ลอยไปมาในความทรงจำเข้านั้น มาเพื่อบอกอะไรกับเขา หรือเพื่อต้องการสิ่งใด  จะว่าไปแล้ว ตัวเด็กผอมกระหร่องในภาพนั้น  เขาเองกลับมีความรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันอย่างบอกไม่ถูก   แม้ว่าเขาอยากลบภาพความทรงจำนั้นให้อันตรธานหายไปจากสมองทั้งหมด  หากแต่ว่าเวลามันปรากฎออกมา มันกลับชัดเจนทุกทีทุกครั้งไป  เขาคงไม่ต้องไปภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้รู้ถึงคำตอบที่เขาอยากทราบหรอก  เด็กนั้นอยากบอกอะไร  ก็พูดออกมาสิ....
      
                    แต่จนแล้วจนรอด ตราบถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงเล็ดลอดออกจากปากเด็กชายคนนั้นเลย…
                  
                    วันนี้  ภาพเก่าๆยังคงวิ่งกลับมาในสมองหมือนทุกครั้งที่เขาไม่แน่ใจ

    " เฮ้ย! พระเจ้าช่วย ข้าหักหลบไม่ทัน ข้า…ข้าชนคนเข้าวะ ไม่สิ ข้าเพียงแค่เฉี่ยวเท่านั้นน่ะ"  เขาจำคำพูดในตอนนั้นได้ดี 

                 "เฮ้ย! ใจเย็นๆลง มึงแค่ชนไอ้แก่หน้าโง่ที่ทะลึ่งดันเสือกเดินตัดหน้ารถมึงเท่านั้นเอง" เสียงพูดนั้นดังก้องอยู่ในหูเขาราวกับว่ามันเดินทางมาจากความมืดมิด ทั้งไร้ความผิดชอบและสามัญสำนึก 

                     "แต่ข้าชนคนนะโว้ย " เขาตะโกนลั่นอยู่ในใจ อาจเพราะท่าทีกระสับกระส่ายของเขานั้นเอง ทำให้เพื่อนเขาที่นั่งอยู่ข้างๆตัว เกิดอาการตกใจกลัว  แววตาที่หวาดผวานั้นยังจ้องมองเขาอยู่อย่างไม่วางตา  เขาเองยังรู้สึกประหลาดใจ  เจ้าเสียงนั้นยังต่อความว่าอีก
            
                      " ดีแล้วน่า !     มันสมควรตายแล้วหล่ะ   ไอ้เวร !  เสือกเดินตัดหน้ารถกลางค่ำกลางคืน ไม่ดูตาม้าตาเรือ   ท่าทางมันคงอยากหาที่ตาย "    เสียงในมุมมืดกล่าวต่อด้วยอารมณ์โกรธแค้น และฉุนเฉียว

                      " เดี๋ยวข้าจอดรถลงไปดูคนที่โดนเฉี่ยวดีกว่า  ว่าแกเป็นอย่างไรบ้าง…  เผื่อไม่เป็นอะไรมากจะได้พาไปส่งโรงพยาบาลรักษาได้ทัน "   เขาเริ่มคืนสติ คิดได้มากขึ้น หันมามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ 

                       " เฮ้ย! มึงอย่าบ้าน่า! ถ้ามึงอยากบ้า กูก็จะบอกมึงให้หายบ้าว่า… คนแก่ๆน่ะ แค่มึงเฉี่ยวโดน มันก็ตายแล้ว  และถ้ามันเสือกตาย มึงก็มีหวังได้ติดคุกข้อหาขับรถชนคนตายโดยประมาท    มึงต้องเสียเงินให้โคตรมันเอาไปใช้อีก เพื่อหาเหตุบรรเทาโทษ มาลบล้างกับสิ่งที่มึงทำ    หรือถ้ามันไม่ตาย มึงก็ต้องออกค่ารักษาพยาบาลให้แม่งอีกบานตะไท ทั้งค่ารักษาพยาบาล    ค่าทำขวัญ       ค่าอื่นๆ อีก จิบปาถะ ร้อยแปด    ต้องขึ้นโรงพักโดนสอบสวน เจอศาลพิจารณา ยุ่งยากตายห่า    ทั้งๆที่แม่งเสือกประสาท จงใจเดินตัดหน้ารถมึงเอง แม่งน่ะสมควรตาย ถ้ามึงฉลาด ก็ลืมเรื่องนี้    แล้วขับรถไปส่งกูที่บ้านได้แล้ว   กูจะนอน  ส่วนมึงก็กลับไปอาบน้ำนอนที่บ้านเหมือนกัน   ไอ้ห่า !   นี้ตีสามแล้วน่ะโวยยังไม่ถึงกรุงเทพเลย "   ตอนนี้เองที่ตัวเขาเองกลับมองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือโดยไม่สนใจกับเหตุการณ์เบื้องหลังแม้แต่น้อยเลย

                        เขาอาจจะลังเลแต่กลับไม่กังวลใจเท่าใด เมื่อเสียงนั้นยังร้องตะโกนเอาใจช่วยเขาไปตลอดทางกลับบ้าน.....แน่นอน  เขาตัดสินใจขับรถไปโดยไม่ได้ลงไปดูชายแก่ผู้เคราะห์ร้ายคนนั้นเลย  แม้ขณะขับรถจากไป เสียงนั้นยังคงสำทับอีกว่า
                        "มึงอย่าอ่อนแอไปหน่อยเลยวะ ตัวโตยังกับควาย เสือกใจมด อ๋อ ! หรือ…มึงจะทำตัวเป็นพระเอกอย่างในละคร  กูบอกมึงไว้ก่อนน่ะว่า     พวกนั้นมันทำแล้วได้เงินวะ"

                       เพื่อนเขาก้าวลงจากรถไปแล้วโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับเขาเลย  เขาหันไปมองเพื่อนแล้วแสยะยิ้มออก   แล้วรถก็แล่นทะยานออกไปแน่นอน...เขากล้าสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธ์  เขาเห็นเด็กชายร่างผอมกระหร่องยืนข้างๆ เพื่อนเขาที่กำลังเปิดประตูอีกแล้ว

     

                      ก่อนหน้าวันนี้ ไม่นาน    เพื่อนร่วมคณะกฎหมายเขาพึ่งโดนรถชนตายกลางถนน  ขณะเดินข้ามถนนตอนกลางคืนทั้งที่เมาไม่รู้สติ  พอหัวทิ่มพื้น   พอมันลุกขึ้น  รถซิ่งที่แหกไฟแดงก็ชนมันเข้าอย่างจัง…

                     เขาเดินกลับมานั่งที่เตียงในห้องนอนอีกครั้งแล้วมองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ   ห้องดูสกปรก ทั้งรกรุงรัง ระเกะระกะ เต็มไปด้วยเศษขยะซึ่งถูกทิ้งให้เรี่ยราดทั่วห้อง   มันกระจายไปตามพื้นห้อง ตามโต๊ะ ตู้ เตียง
                     'ช่างโสโครกจริงๆ !'  

                     เขาตั้งใจจะเปลี่ยนเสื้อใหม่  แล้วคำถามว่าเขาอาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อไร ?  ก็ลอยเข้ามาในหัว  อย่างไม่ตั้งใจ  เขาสลัดคำถามอย่างไม่สนใจ แล้วเดินออกจากบ้าน  วันนี้เขาตั้งใจจะไปแต่เช้าเพื่อช่วยงานศพเพื่อน  แต่ฉับพลัน เขากลับนึกถึง ภาพชายแก่คนหนึ่งสนทนากับชายหนุ่มอายุอ่อนกว่าคราวหลาน ความหนาวเย็นมาเยือนร่างกายอย่างช้าๆ  คราวนี้ เขารู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง  ความจริงบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา...

                     หรือความลับกำลังจะคลายออก.... 


                     ในตอนเด็ก เขาจำได้เสมอว่า เขาชอบไปเที่ยวที่ป่าศักดิ์สิทธิ์คนเดียวเสมอจนแม่เป็นห่วงเขาเสมอ และมักซักเขาเสมอว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่  ยามเห็นเขาเล่าเรื่องราวที่ป่านั้นให้ฟังอย่างออกรสออกชาติ
                    
                      " ว่างๆ พาแม่ไปด้วยคนสิจ้ะ "   บางที แม่ก็อมยิ้ม พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
                    แล้วเจ้าเด็กคนนั้น  เด็กชายผอมกระหร่องก็พยักหน้าตอบรับแทนทันที

                    เขาอยากพาแม่ไปเหลือเกิน  แต่จนแล้วจนรอด แม่ก็ไม่เคยได้ไปกับเขาเสียที

                   ทุ่งกว้างแห่งนั้น เขาเห็นเด็กชายสองคนวิ่งไปมาอย่างสนุกสนาน  เขารู้สึกแปลกใจที่ทำไมเด็กทั้งคู่รูปร่างหน้าตาถึงได้เหมือนกันขนาดนี้  แล้วเขาก็ตกใจสุดขีด  เมื่อเห็นเด็กชายคนแรกล้มลงแล้วเสียงร้องไห้เริ่มดังขึ้น  เด็กหน้าเหมือนอีกคนกำลังยกกิ่งไม้ขึ้นเหนือหัว แล้วฟาดลงมาสุดแรง 
     
                   หน้าเด็กคนยืนแดงกล้ำ เบิกตากว้าง  อ้าปากค้าง  ผงะตัวออกจากร่างเด็กอีกคน แล้วรีบวิ่งหนีจากไป    หญิงวัยสามสิบโผเข้ามาดูอาการเด็กที่ล้มก่อนตัวเขาเสียอีก สีหน้าที่สลดหดหู่  หล่อนหันหน้ามาทางเขา แววตาขึ้งโกรธ แล้วตะโกนด่า
                  
                     "ไป ! ไอ้เด็กปิศาจ ไอ้เด็กไม่รักดี"


                   เขาตื่นขึ้น เหงื่อผุดเต็มตัว ฝันร้ายอีกครั้งแล้วสิ  เวลาที่เขาอึดอัดและทรมาน ฝันซ้ำๆ อีกครั้ง  แต่เขาเองยังสงสัยกับความฝันที่มักเกี่ยวข้องกับเด็กผอมกระหร่องคนนั้น    ระยะหลังมานี้ เจ้าเด็กผู้ชายผอมกระหร่องมักกลับมาปรากฎกายให้เขาเห็นเป็นประจำในฝัน  มันทำให้เขาหลับไม่สนิทเลยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา  และคงรบกวนเขาไม่หยุดหย่อน ผ่านทางความฝันและความคิด ศีรษะเขาแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ  ความรู้สึกย่ำแย่เสียเหลือเกิน  น้ำดีถูกขับขึ้นมาโดยอัตโนมัติ  ความผะอืดผะอมก็เริ่มก่อตัว ปากเขาเริ่มขย้อน คอที่เริ่มหดงอค่อยยืดออก  ตัวเริ่มโก่งขึ้น  เขาล้มลงทันที  ที่พื้น แล้วร่างเขาก็กระตุกไปมา  เขาค่อยๆลอยออกไป...


                    สมองเขารู้สึกสับสนไปมา เขาปวดหัวอย่างมาก เขายังคงจับพวงมาลัยแน่น พอโงหัวขึ้นมา  ไฟจราจรยังคงแดงอยู่  เพื่อนเขายังยืนอ้วกอยู่บนถนนห่างจากรถเขาไปไม่กี่เมตร   

                    " ทุเรศสิ้นดี " เขาสบถในใจ

                     เพื่อนเขาค่อยๆดึงตัวเองขึ้นมาจากพื้นถนน แล้วพยายามเดินให้ตรง แต่กลับดูเหมือนเป็นการเดินเอียงโซเซไปละทิศคนละทางเลยทีเดียว

                      รถเขาเแล่นผ่านสี่แยกไปนานแล้ว  พรุ่งนี้จะต้องมีข่าวคนถูกรถชนตายเกิดขึ้นแน่นอน เขานึกขึ้นมาแล้ว  แล้วบ่นเบาๆออกมา

                       "เป็นลางสังหรณ์นี่เอง ! "

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×