ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้นหนังสือร้องไห้

    ลำดับตอนที่ #10 : นาง 5

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 49


    หลังจากนางนั่งมาได้สักพัก  เหตุการณ์ที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  มันเป็นเหมือนดั่งรูปภาพเก่าสีสดที่ติดตานาง   เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่เรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามามากมายอย่างเหลือคณา  นางยังจำเหตุการณ์นั้นได้ดี  แม้ลำดับของเรื่องราวมักจะกระโดดสลับกันไปมา  แต่ภาพของรถโดยสารประจำทางที่พุ่งตรงเข้ามา  ภาพคนนับสิบที่ลอยเคว้งราวกับถูกมือยักษ์เหวี่ยงไปในอากาศ  ภาพคนนอนเกลื่อนกลาดบนพื้นถนน ท่ามกลางเสียงร้องลั่นจากความตกใจ

                   มันเป็นข่าวที่ดังมากในช่วงนั้น  ภาพหัวข้อข่าวผุดเข้ามาอีก  " ซิ่งสยองแหกโค้ง ชนสองแถว ตายแปด เจ็บนับสิบ " รูปคนขับรถโดยสารประจำทางที่ถูกจับได้  หน้าตาบูดเบี้ยว  เลือดกลบปาก  ประโยคข้อความที่ตามต่อมา   "...โดนประชาฑัณฑ์จากไทยมุง หลังจากพยายามหลบหนี แต่ไปไม่ไหนไม่รอดเพราะเมายา... "

                    ภาพเหตุการณ์ต่างๆลอยวนเวียนสับไปสับมา  จนนางเริ่มรู้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมากขึ้นเรื่อยๆทั่วไปทุกจุดบนศีรษะ   นางค่อยๆคลายความทรงจำต่างๆออกจากความคิด และพยายามหายใจอย่างช้าๆ   เข้า ออกให้เป็นจังหวะ  อย่างที่แพทย์ได้สอนไว้  สักพัก นางจึงค่อยๆลืมตามองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่เวิ้งว้างอีกครั้ง  ตานางเริ่มมองเห็นดวงจันทร์หมองๆดวงนั้นๆลอยอยู่เหนือหัวได้อีกครั้ง     นางถอนหายใจโล่งอกหลังจากกลับจากการดำดิ่งไปกับห้วงความทรงจำที่เลวร้าย

    มันเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตนาง  คงรวมถึง... ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นด้วยกระมัง นางคิดสรุป   หลังจากอาการปวดศีรษะค่อยทุเลาลง 
                  
                    " ทำไมมันถึงต้องเกิดกับนางด้วย ? " นางตั้งคำถามนี้ในใจอีกครั้ง  การที่ต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง เพราะว่ากระดูแตกละเอียดจากการถูกตัวรถโดยสารประจำทางทับ ส่วนขาอีกข้างก็ไม่ดีเหมือนเดิมเสียแล้ว มันงองุ้มเข้าหาตัวเธอ   ร่างกายส่วนอื่นๆ ถึงแม้จะได้รับการยืนยันว่าปกติ    แต่นางกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น  เมื่อแขนทั้งสองข้างไม่ดีเหมือนดั่งเดิม ทั้งไร้เรี่ยวแรง และชาเกือบตลอดทั้งวัน  แล้วยังต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการหยิบจับสิ่งของในแต่ละครั้ง 
                  
    "นี้หรือ...คือโชคดีที่รอดมา?"  
     
                     น้ำตานางไหลทุกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกลับกลายเป็นคนพิการที่ไร้ประโยชน์  ไม่มีใคร
    ต้องการ  และเมื่อมาเจอแววตาสีหน้าลูกน้อยๆทั้งสามที่แสดงความไม่เข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของนางแล้วมันยิ่งทำให้นางอ่อนแอเสียเหลือเกิน  ความหดหู่ กังวล และสิ้นหวัง ได้เข้ามากัดกินชีวิตนาง

                    นางเริ่มทำใจให้ดีขึ้นได้ในราวสองสามปีหลังนี้เอง  หลังจากได้อ่านหนังสือธรรมะที่เพื่อนบ้านคนเดิมนำมาให้ยืมด้วยกลัวนางจะฟุ้งซ่าน  เมื่อนางได้อ่านมันเข้า   ประกายความคิดและความหวังของนางก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง   จากนั้น นางก็หันมาอ่านหนังสือธรรมะอย่างจริงจัง

     นางเคยนึกย้อนกลับไปในตอนแรกที่ต้องกลับมาสู่บ้าน ในฐานะคนง่อยเปลี้ยเสียขา   การที่ต้องกลายเป็นคนพิการ และตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆที่ต่างพากันรุมมองนางด้วยสายตาแปลกๆนับว่าเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจนางมาก ไม่ใช่คนพวกนี้หรอกที่ก่อทุกข์ ไม่ใช่เพราะสายตาแปลกๆของคนอื่นๆหรอกที่ทำให้นางทุกข์ใจหนักขึ้น แต่เพราะจิตใจนางเองต่างหากที่ไม่ยอมรับกับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป มันเป็นการยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข

    นาฬิกาโบราณส่งเสียงแกร็ก แกร็ก บอกเวลา  นางสะดุ้งขึ้นมาจากภวังค์ความคิด นางหันกลับมามองสิ่งรอบข้าง นางยังต้องอยู่ต่อไปอีกนาน  แต่นางกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว เมื่อนางได้ธรรมะเป็นสะพานที่เชื่อมนางกับโลกใบนี้อีกครั้ง  

    เงินสงเคราะห์ที่ได้ เมื่อรวมกับเงินชดเชยค่าเสียหายในครั้งนั้น  แม้ไม่มากนัก เมื่อต้องแลกมากับความพิกลพิการของนาง   แต่นางก็ตั้งใจเก็บเป็นทุนการศึกษาให้ลูกๆน้อยทั้งสาม ลำพังเงินรายได้จากสามีคนเดียวก็แทบไม่พอค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว  นางขอเพียงแต่ให้พวกลูกๆได้รับโอกาสเล่าเรียนมากกว่านางและสามี        

    นางมักร้อยพวงมาลัยไว้เพื่อเป็นการหารายได้ช่วยเหลือสามีอีกทาง และพยายามนำไปขายด้วยตนเองเท่าที่จะมีโอกาส   ด้วยนางหวังว่าพวงมาลัยที่ทำขึ้นจะได้ไปแขวนอยู่บนรถให้บรรดาคนขับรถทั้งหลายได้ฉุกคิด ได้ตรอง  เพียงขอให้พวกเขาได้สงสัยถึงความพิกลพิการของนางเถอะ   แล้วถามต่อถึงสาเหตุของมัน   พวกเขาจะได้ความจริงไว้คอยเตือนสติ จะได้ไม่ก่อเรื่องร้ายๆขึ้นเพราะตัวพวกเขาเอง  

    แม้ว่า สามีนางจะบ่นว่านาง  เพราะไม่ทราบถึงความตั้งใจที่แอบแฝงของนาง   การบ่นว่าของเขาไม่ได้ทำให้นางท้อแท้แต่อย่างใด  นางกลับคิดว่า อย่างน้อยมันก็เป็นการหาเงินรายได้ช่วยแบ่งเบาภาระเขาอีกทางหนึ่ง 

                    ตอนนี้ สามีนางคงอยู่ระหว่างเดินทางไปส่งลูกๆทั้งสามที่โรงเรียน   นางไม่ร้องไห้มาสอง สามปีแล้ว   ไม่ใช่ เพราะนางตายจากโลกด้วยหัวใจที่แห้งแล้ง หรืออยู่เพื่อรอวันตายอีกต่อไปหรอกน่ะ   แต่เป็นเพราะนางเลือกจะอยู่เพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆต่างหาก เพื่อเตือนสติ  และเป็นตัวอย่างที่ยังยืนอยู่ได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×