คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ ๓ เวลาบนรถไฟ ๑
บทที่ ๓ เวลาบนรถไฟ ๑
บนรถไฟในยามนี้ เสียงล้อรถไฟกระทบรางเหล็กดังกึกกักเป็นจังหวะ แต่ก็ไม่ได้ปลุกผู้คนให้ตื่นขึ้นจาการหลับไหลเลย ผมอาจจะรู้สึกเช่นเดียวกับผู้อื่นที่ยังคงหลับไหลอยู่ ผมมักจะตกอยู่ในพะวังคนเดียว การคิดอะไรต่างๆนานาไปคนเดียว และหลุดจากภายนอกนั้นทำให้ผมรู้สึกงุนงงกับตัวเองจริงๆ การเป็นนักเขียนที่ไม่มีชื่อเสียงหรือคนรู้จักทำให้ผมรับรู้ได้ถึงการมีชีวิตอยู่อย่างยากไร้ และอับจน อันทำให้การเขียนนิยายเต็มไปด้วยความอัตคัด ขัดสน หากแต่ผมก็ไม่เคยคิดท้อถอย อาจเพราะรักมันมากเหลือเกิน หรือคงเพราะมีอุดมการณ์สำหรับตัวเอง การเป็นนักเขียนที่ดีก็เป็นอย่างนี้แหละ หากเราพอใจกับมัน เราก็มักจะกินความสุขแทนอาหารได้ หากแต่ท้ายที่สุดแล้วการเลือกจะมีชีวิตต่ออย่างสบายกายก็อาจทำให้บางคนเปลี่ยนความคิดไปก็เป็นได้ แต่สำหรับผมคงไม่...
ผมยังนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา นับเป็นครั้งแรกที่ผมต้องเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ ชายหนุ่มอายุราวสี่สิบเศษได้ รูปร่างผอมสูง ใบหน้าคมเข้ม แต่สีดอกเลานั้นเริ่มผุดออกมาตามไรผมบ้างแล้ว นัยน์ตาเขาชวนคิด และดูคล้ายคนซึ่งผ่านการใช้ชีวิตมาเกินกว่าที่ผมจะคาดเดาได้ หากผมยังต้องนั่งรถไฟไปอีกอย่างน้อยสิบสี่ชั่วโมง บางทีผมคิดว่า ผมควรเลือกจะเริ่มหาเพื่อนคุยได้แล้วล่ะ
“เออ ขอโทษทีครับ คุณพี่ ตอนนี้ กี่โมงแล้วเหรอครับ” ผมถามขึ้น
หนุ่มใหญ่ผู้นั้นขยับตัวอย่างช้าๆ เขาหยิบนาฬิกากลมๆเล็กๆออกจากกระเปำเสื้อ นัยน์ตามีประกายของความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้น ที่ผมจับต้องไม่ได้
“สี่ทุ่มสิบครับ” เขาตอบอย่างสุภาพ
“คุณนั่งรถไฟคนเดียวเสมอหรือครับ” ผมชวนคุยต่อ ผมไม่ได้จริงจังกับคำตอบหรอก ความจริงแล้ว ผมก็มีนาฬิกาอยู่ในกระเป๋าเสื้อเช่นกัน เขาอาจดูเงียบมากในความรู้สึกของคนเฮฮาอย่างผม แต่กับความรู้สึกที่เป็นมิตรของเขานี้สิ เป็นสิ่งประหลาดที่แล่นผ่านมาทางความรู้สึกได้ดีเลยทีเดียว
“สวัสดีครับ ผม ชัยครับ มาจากกรุงเทพ” ผมเอามือชี้อกแนะนำตัวเองก่อน
เขาหยุดนิ่ง ดูเหมือนจะลังเล แต่สักพัก เขาก็พูดออกมา
“ผมกระทิงครับ ผมเห็นคุณตั้งแต่ก่อนขึ้นรถไฟแล้วล่ะ”
แววตาที่มุ่งมั่น ส่อแววไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆนั้น ช่างสมกับชื่อเล่นเขาจริงๆ ผมคิดในใจ
“อ้าว! คุณเห็นผมด้วยหรือครับ ?” ผมอุทานพลางสงสัย
“ผมชอบมองผู้คน และพยายามจดจำมันไว้น่ะครับ” เขาอธิบาย แล้วก็เงียบไป
เขายังคงนั่งนิ่งๆ และเงียบลงไป แล้วก็เลือกหันหน้าออกไปมองภาพนอกหน้าต่าง
“ดูท่าทางคุณมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับรถไฟขบวนนี้น่ะครับ ”
ผมพยายามชวนคุยต่อ
เขาไม่ตอบออกมา แต่ผมสังเกตได้ เขาเลือกที่จะอมยิ้มแทนการพูด แม้ว่าเขาจะดูเป็นสุขจากการได้ระลึกหรือรื้อฟื้นความทรงจำบางอย่าง การที่ผมได้ถามบางสิ่งที่ตรงใจเขานั้น เหมือนทำให้เขาได้เปิดประตูบานใหญ่ออกไป โดยมีคำพูดผมเป็นกุญแจไข หากแต่เขาก็เลือกที่จะอมยิ้ม และหันกลับไปมองที่หน้าต่างบานนั้นอีกครั้ง แล้วยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ดูอุ่นนั้นยังคงไม่จางหายไปจากความรู้สึกผมเลย
เขาหันหน้ามาอีกคราว และการสนทนาของเราก็เริ่มขึ้นจากตอนนั้นเป็นต้นไป
และรถไฟขบวนนี้ก็แล่นอย่างหวานเย็นไปเรื่อยๆ แต่ว่าเราทั้งสองกลับคุยถูกคออย่างไม่น่าเชื่อ มันเหมือนกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานมนาน นี้หล่ะกระมังที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ถูกชะตา’
การสนทนาของเราเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นไปด้วยดีทีเดียวตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านไป ผมมีความสุขเสียจริง การเป็นนักเขียนที่อับจนการเงิน ความสุขนั้นก็คงมาจากการได้ผ่อนคลายตัวเองโดยการนั่งฟังเรื่องราวคนอื่นที่เล่าอย่างตั้งใจกระมัง
เรื่องหนึ่ง ที่ผมประทับใจ ก็คงเป็นเรื่องที่เขาเล่าเรื่องราวตอนเป็นเด็กให้ผมฟัง ดูราวกับเขาอยากให้ผมฟังแล้วคิดเห็นต่างไปหรือไหม
“ครั้งหนึ่งตอนผมยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ผมมักจะถามแม่เสมอว่า ทำไมถึงเลือกพ่อ ทุกคราว ที่ผมถาม แม่มักจะบอกว่า รอให้ลูกโตกว่านี้ก่อน หากแต่ผมเพียรถามแม่อย่างสงสัยอยู่เสมอในทุกครั้งที่นึกออก และแม่ก็จะมองหน้าผมด้วยสายตาที่เหมือนส่งยิ้มละไมให้ แต่ไม่เคยตอบกลับมาเลย ดูเหมือนแม่ได้รับความสุขจากตัวผมไว้เต็มล้น หากมีอยู่ครั้งหนึ่ง แม่เลือกที่จะเม้มปากอยู่นาน นั้นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่แม่เลือกจะพูดออกมาแทนการตอบด้วยสายตา คงเพราะต้องนึกหาคำพูดที่เหมาะสมกับผมในสมัยนั้นกระมั้ง เพื่อจะได้สื่อสารให้ผมเข้าใจได้ง่ายที่สุด
ในที่สุด แม่ก็เลือกคำพูดออกมา
“การที่แม่เลือกพ่อนั้น ไม่ได้แปลว่าแม่โง่หรือพ่อของลูกไม่ดีหรอกน่ะจ้ะ การที่ลูกจะใช้ชีวิตร่วมกับคนๆหนึ่งที่ลูกรัก ที่ลูกคิดว่าทั้งชีวิตก็ยอมเสียสละให้ได้ มันต้องมาจากหัวใจ มันไม่ได้มาจากตรงนั้นหรอก” แม่ชี้ไปที่ศีรษะผม แล้วกล่าวต่อ
“สักวันเมื่อลูกมีความรักที่แท้จริง ลูกย่อมรู้จักการให้ ”
แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา
“แม่พูดอธิบายออกมา ผมมักเลือกจดจำคำพูดของแม่มานั่งคิดอยู่เสมอ อาจเพราะผมไม่เคยคิดจะเข้าใจมัน ใครจะไปเข้าใจความหมายที่แท้จริงที่แฝงไว้ในคำพูดของผู้ใหญ่ได้เล่า”
ความคิดเห็น