คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : คำตอบเหนือคำตอบ 4
เขาไม่ตั้งใจจะขับรถวนอยู่ในป่าแถบนั้นอยู่เป็นเวลานานสองนานหรอก เพียงแต่เขาไม่อยากรับรู้กับเหตุการณ์อื่นใดอีก แต่เมื่อความมืดย่างกรายเข้ามาบ่งเจตนาว่าเวลาได้เลยผ่านมานานหลายเพลา ความมืดอันแสนเงียบเหงาได้คืบคลานมาแทน เขาควรจะขับรถกลับบ้านได้แล้ว แต่แล้วภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่นานนักก็ผุดขึ้นมาอีก
"ลุงเคยได้ยินข่าวคนแก่โดนรถชนที่ถนนปากทางเข้าหมู่บ้านไหมครับ?"
เขาถามย้ำอย่างผิดสังเกตอีกคราว อาจเพราะเห็นลุงแกนิ่งเงียบไปเฉยๆ เหมือนกับไม่รับรู้กับคำถามของเขาอีก ไม่กี่วินาทีต่อมา สีหน้าแกเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีน้ำข้าวที่ดูเลือนลาง กลับเกิดประกายความรู้สึกบางอย่างขึ้นในฉับพลัน แล้วก็ค่อยๆจางหายไปในชั่วเวลาอึดใจเดียว เขาคาดเดาอารมณ์แกไม่ถูกเลยทีเดียว เมื่อลุงแกเริ่มขมวดคิ้ว ความยับย่นในวัยชราก็ปรากฎให้เห็นเด่นชัดขึ้น ริ้วรอยที่บ่งบอกถึงการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน มันดูยาวนานกว่าตัวเขาผู้ตั้งคำถามมากนัก แทนที่แกจะตอบคำถาม แกกลับเอ่ยถามย้อนกลับมาว่า
"เอ็งถามไปทำไมวะ?"
เขานิ่งงัน เขาเงียบลงไปในทันที เขานึกเพียงว่า โดยปกติแล้ว เขามักคิดเสมอว่า เขาเองไม่ใช่พวกขี้ขลาด ไม่ใช่พวกขี้กลัว พวกที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่พอมาถึงเวลานี้ที่จำเป็น ใต้แรงกดดัน เขาก็นึกโทษตัวเองในบางสิ่งบางอย่าง และบางที มันอาจชี้ขาดอนาคตที่เขาไม่คาดฝันไว้ก็ได้เพราะถ้อยคำเพียงประโยคสั้นๆที่หลุดออกมาจากปากเล็กๆของเขาเองนั้น ด้วยอาการของผู้พ่ายต่ออารมณ์ของตนเอง ? หรือ เขาจะได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ชนะใจตนเองเสียที ?
" ตอนผมมาแวะมาที่นี้ครั้งก่อน ผมมักได้ยินคนแถวนี้พูดถึงแต่คนแก่ที่ถูกรถชนตลอดเลย ครับ "
ประโยคแก้ตัวที่ตัวเขาเองไม่ได้เตรียมมาถูกพูดออกมาในอีกอึดใจต่อมา เพื่อให้ลุงแกหายความคลางแคลงใจจากอาการสงสัยในตัวเขา เขาพยายามแล้วน่ะ เขาบ่นกับตัวเองในใจ
" อ๋อ งั้นเหรอ ข้ารู้เรื่องราวที่เอ็งอยากรู้ดีแหละ เอ็งมาถามได้ถูกคนแล้ว แต่ข้ามีข้อต่อรองน่ะ.. ถ้าเอ็งอยากฟังเรื่องนี้ เอ็งต้องเลี้ยงโอยั้วข้าแก้วหนึ่งก่อน " สีหน้าเคร่งเครียดของลุงคนนั้นคลายลงมากทีเดียว และเขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นอย่างมาก เขาเองพยักหน้ายอมรับเงื่อนไขนั้นแทบจะในทันที และพลอยนึกขอบใจตนเองกับเหตุผลแก้ตัวที่เกิดขึ้นในฉับพลัน ในท้ายที่สุด เขาก็คงเป็นได้เพียงคนที่คิดจะกลับใจและแก้ไขตัวเอง แต่ก็ทำไปไม่ตลอดรอดฝั่ง เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เพราะไม่อยากให้ลุงแกสังเกตเห็น หลังจากที่ลุงแกตะโกนเสียงดังโหวกเหวกสั่งเครื่องดื่มจากโอวแป๊ะเรียบร้อยแล้ว แกก็หันมามองหน้าเขา แล้วเรื่องราวต่างๆก็พรั่งพรูออกมา
"มันชื่อมั่น มันถูกรถชนตายมาตั้งนานแล้ว คงสักปีแล้วสิน่ะ เย็นวันที่มันตาย ข้ายังจำได้ดี เรื่องของมันยังกับพึ่งเกิดเมื่อวันเลยแหละวะ วันนั้น ข้านั่งโขกหมากรุกกับมันอยู่ที่ร้านนี้ ตรงที่เอ็งกับข้านั่งกินกาแฟอยู่ตอนนี้หละวะ ข้าจำได้ดี ข้ากับมันนั่งโขกกันอยู่ตั้งแต่เที่ยงวัน เล่นกันนานหลายทีเดียว จนพรรคพวกคนอื่นๆที่มานั่งเอาใจช่วย ต่างพากันแยกย้ายกันกลับบ้านนอนหมด สักสี่ทุ่มเห็นจะได้ มั่นก็ขอตัวแยกไป มันบอกว่าเดียวอีแก่ที่บ้านจะด่าเอา ที่มัวมาโขกหมากรุก ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเสียที ใครจะคิดหล่ะ ว่านั้นคือการพบมันเป็นครั้งสุดท้าย "
ฝนเริ่มซาเม็ดลง และคงจะหยุดตกลงในไม่ช้า จากที่เคยตกอย่างหนักเม็ด กลายเป็นตกปรอยๆ เป็นเม็ดเล็กๆและเริ่มห่างเม็ดลงเรื่อยๆ ผู้คนต่างทยอยพากันเริ่มออกจากเพิงเพื่อไปทำธุระที่ค้างอยู่ต่อ
ลุงแกหยุดเล่า เว้นช่วงทิ้งไว้ เหมือนรู้ว่าเขาสนใจกับเรื่องที่แกเล่ามาก แกหยิบแก้วโอยั้วขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่ราวกับกระหายน้ำ เมื่อวางแก้วลง แกก็เล่าต่อ
"คนเรานี้ก็แปลก ตอนที่ไอ้มั่น มันยังไม่ตาย ข้าไม่เห็นใครจะกลัวตัวมันเลย เมียมันเสียอีก ที่น่ากลัวกว่า แต่พอมันตายไปเท่านั้นแหละ คนที่เงียบเชียบ ไม่กล้ามีเรื่องกับใคร แม้กระทั่งเมียตัวเองกลับกลายเป็นมีแต่คนกลัว เพียงแค่มันต้องการเห็นหน้าคนที่ขับรถชนมัน "
ลุงแกมองเขาด้วยสายตาที่แปลกออกไป อาจเพราะการที่เขาเผลอเอามือไปปัดแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะอย่างแรงกระมัง แกเบือนหน้าออกมองไปที่หน้าเพิง แกชี้มือออกไปแล้วพูดต่อ
"มันตะเกียกตะกายร้องขอความช่วยเหลือ เนื้อตัวถลอกปอกเปลือกไปทั่ว เสื้อผ้าก็ขาดหลุดหลุ่ย กว่าจะคลานจากที่เกิดเหตุมาถึงที่ร้านนี้ ก็คงกินเวลาไปมาก หมอบอกว่า มันน่าจะขาดใจตายแถวๆนี้ "
ความคิดเห็น