คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๑ เวลาบนรถไฟ ๒
บทที่ ๑ บนรถไฟ ๒
เสียงรถไฟยังดังกุกกัก เป็นจังหวะ ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตรงกันข้ามกับเขา ในความทรงจำ
ร่ำร้องหวนให้เขาระลึกถึงอีกครั้ง ใบหน้าเขามีประกายแวววับขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขายิ้มมุม
ปากก่อนหันหน้ามามองผมอย่างคนอารมณ์ดี แล้วพูดว่า
" คุณเตรียมตัวฟังให้ดีน่ะ เพราะว่าผมไม่ค่อยได้คุยกับใครสักเท่าไร บางทีเวลาผม
เล่าอาจจะทำให้คุณงุนงง "
ผมพยักหน้าแล้วหยิบปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กับเศษกระดาษ
แผ่นเล็กๆที่เตรียมมาเสมอ เผื่อเอาไว้จดแนวเรื่องเวลานึกอะไรดีๆออกมา ผมมองหน้าเขาอีกครั้ง
หนึ่ง เพื่อบ่งเจตนาว่าผมพร้อมแล้ว
เขายิ้มเปื้อนความสุขออกมาจนได้ มันทำให้ผมนึกอิจฉาในตัวเขาทีเดียว ที่ดูราวกับเขา
ช่างโชคดีมหาศาลเหลือเกิน อาจเพราะทั้งชีวิตเขาคงพบแต่เรื่องที่ดีตลอดผิดกับผมกระมัง แล้วเขา
ก็เล่าเรื่องนั้นออกมา
"วันนี้ เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเธอ แม้เป็นช่วงเวลาเพียงน้อยนิด ไม่
มากมายอะไรนักหนา แต่ความสุขนั้นช่างมากมายเหลือคณานัก เกินกว่าที่ผมจะนึกบอกคุณให้
บันทึกลงหนังสือได้ ความสุขนั้นยังอยู่ มันยังคงลอยเรื่อยๆในตัวผม ในหัวใจ และสมองนี้ "
เขาหยุดพูดพลางชี้นิ้วไปที่ท้อง หน้าอก และศีรษะ แล้วเขาก็พูดต่อเมื่อเห็นผมงงๆ " ตราบจน
ปัจจุบันนี้ วันที่ผมไม่มีเธออยู่ข้างๆอีกต่อไป "
ผมหยุดฟังเขาอย่างตั้งใจ อารมณ์ที่พาไปของเขานั้น ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้น่า
ติดตามมากเพียงใด
เขาหยุดเล่าสักพัก ราวกับพยายามรวบรวมความคิดขึ้นใหม่ ก่อนกล่าวต่อ
" ผมเคยคิดว่าเป็นเพราะพรหมลิขิตหรอกหรือ?
จะเชื่อเรื่องราวนี้ดีหรือเปล่าหนอ ?
หากเป็นแต่ก่อนพบเธอ ผมไม่เคยคิดเชื่อเรื่องราวนั้นเลย ทำไมน่ะหรือ ?
ก็เพราะผมรู้แต่เพียงว่า การได้มามีชีวิตนั้นมันยากแล้ว
หากแต่การได้ปักใจเชื่อในบางสิ่งนั้นทำได้ยากกว่านั้นนัก"
เขาหยุดเล่าอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงหยิบน้ำชาขึ้นมาจิบ พร้อมทั้งยื่นขวดชาอีกขวดให้ผมด้วย หากแต่ผมปฏิเสธ เขาจึงมองไปข้างนอกด้วยท่าทางชี้ชวน ก่อนที่นิ้วแหงนขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนต้องการให้ผมดูอะไรบ้างสิ่ง ออกไปนอกหน้าต่างรถไฟ
"คุณเคยเห็นดวงจันทร์บ้างไหม ?" เขาถามพบ
ผมพยักหน้า
"เคยเห็นมันตอนเป็นสุขบ้างไหม ?" เขาถามอีก
ผมส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
"แล้วตอนที่เป็นทุกข์ร้อนล่ะ?" เขาถามราวกับอยากให้ผมตอบ
คราวนี้ผมส่ายหน้าอย่างงงๆ
" แล้วเคยเห็นมันร้องไห้บ้างไหม ? " เขาถามรุกไล่
คราวนี้แหละ ผมส่ายหน้าเป็นการใหญ่
เขาหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วเอนหลังติดมุมผนังพิง ตาก็มองไปที่ท้องฟ้าเบื้องบน
" คุณอยากรู้ไหม ว่าจะดูมันออกได้อย่างไร ?"
ผมรีบพยักหน้าด้วยความอยากรู้
"นี้ไหง พระจันทร์เป็นสุข " เขาวาดมือเป็นทรงโค้งหงาย (ครึ่งดวงจันทร์ล่าง)
"นี้ไหง พระจันทร์เป็นทุกข์ " เขาวาดมือเป็นทรงโค้งคว่ำ (ครึ่งดวงจันทร์บน)
"แล้วนี้ไหง พระจันทร์ร้องไห้ น้ำตาอาบแก้ม" เขาวาดมือทั้งสองเป็นทรงโค้งคู่ลงมาแล้วประสานกันเป็นวงกลมตรงปลายทาง แล้วปลายนิ้วทั้งสองชี้ขึ้น (ครึ่งดวงจันทร์ซ้าย-ขวา)
"คุณเข้าใจใช่ไหม?" เขาถามผมอย่างต้องการคำตอบ
ผมอมยิ้ม พยักหน้า แล้วคิดในใจ
ใช่สิ ผมเข้าใจแน่ๆ
ภาษากายที่ง่ายๆไม่ซับซ้อนแบบนี้
ทำให้ผมกลายไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง
ผมกำลังจะมีความสุขตามเขาไปแล้ว......
รถไฟยังคงวิ่งอย่างเป็นจังหวะต่อเนื่อง ผมมองเขาอยู่เหมือนเดิม พลางคิดไปเองต่อว่า
ดูเขาเป็นชายที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเหลือเกินในคืนนี้
ความคิดเห็น