ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพยุทธพลังแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #17 : สินค้าก่อนงานประมูล

    • อัปเดตล่าสุด 19 ส.ค. 61


        "คุณชายเชิญ" อี้หนานถูกพาเข้าไปในห้องรับรอง พนักงานนำชาเข้ามาเสิร์ฟ

        "โปรดรอซักครู่"

        "สวัสดีขอรับคุณชาย ข้ากู่เล่อ ไม่ทราบท่านมีนาบว่าอะไร"

        "ข้าอี้หนาน ข้าเรียกท่านมาพบเพราะสงใจแหวนมิติมาก ข้าสอบถามจากลูกน้องท่านได้ว่า ท่านนำแหวนมิติที่มีความจุสูง เข้าร่วมงานประมูล พูดตรงๆเลยข้าต้องการซื้อมัน"

        "ได้ซิ"

        "ห่ะ ง่ายๆอย่างนี้เชียว"

        "สินค้ามีใว้ขาย และแหวนมิติที่หอการค้าของข้านำเข้าร่วมก็มีจำนวนไม่น้อย เอาออกจากงานประมูลไม่กี่วงไม่ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับเรา"

        "เยี่ยมไปเลย ท่านมีขนาดเท่าใดบ้าง"

        "แต่ว่า ข้าจะเตือนท่านใว้ก่อน ท่านต้องจ่ายเพิ่มห้าส่วนจากราคาตลาด ข้าถึงจะยอมขายให้ท่าน"

        "ไม่มีปัญหา ท่านมีขนาดเท่าไรบ้าง"

        "อ่อแล้วยังมีอีกข้อ ข้าไม่ใช่เจ้าเดียวที่นำแหวนเข้าประมูล หากท่านเข้าร่วมโดยตรงอาจจะได้ของดีราคาถูกก็ได้"

        "คำพูดที่ท่านพูดมาเมื่อกี้เหมือนสายลม บอกขนาดและราคามา ข้าพอใจข้าก็ซื้อ แค่นั้นไม่มีอย่างอื่น"

        "ข้าจะบอกราคาที่เพิ่มขึ้นเลยก็แล้วกัน" กู่เล่อมองไปทางพนักงาน "ไปหยิบใบรายการของแหวนมิติมา"

        "นี่ครับนายท่าน"

        "อื่ม ขอบใจ" พ่อค้าหันกลับมาคุยกับอี้หนาน "แหวนมิติที่ข้ามี 1เซียะที่มีขายภายในร้าน สามเซียะขายให้ท่านพันห้าร้อยตำลึงทอง" พ่อค้ายิ้ม "ห้าเซียะขายสามพันเจ็ดร้อยห้าสิบตำลึงทอง สิบเซียะขายเก้าพันตำลึงทอง บอกเท่านี้ก็แล้วกัน นี่คือราคาที่เพิ่มมาแล้ว หากท่านเข้าร่วมประมูลราคาเริ่มต้นจะแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น"

        กู่เล่อ แสดงสีหน้าดูถูกเล็กน้อย

        แต่อี้หนานกับยิ้มดีใจ "ยอดเยี่ยม! แต่ท่านบอกว่าพอแค่นี้แสดงว่าท่านยังมีขนาดที่ใหญ่กว่านี้อีก ใหญ่ที่สุดที่ท่านมีคือเท่าใด"

        กู่เล่อมองอย่างมึนงง และสงสัยว่าอี้หนานอาจเป็นคู่แข่งที่มาสืบข่าว "ข้าไม่ขาย เพราะที่เหลือข้าจะนำเข้างานประมูล คุณชายอี้หนาน ถ้าท่านอยากได้ด็เข้าร่วมงานประมูลเถอะ"

        "ได้ข้าจะรองานประมูล แต่ตอนนี้ เอาแหวนที่มีความจุสิบเซียะออกมาให้ข้า ข้าต้องการมัน" อี้หนานหยิบตั๋วแลกเงินเก้าพันตำลึงออกมาอย่างง่ายดาย

        กู่เล่อนับและตรวจสอบ "เจ้าไปหยิบแหวนสิบเซียะออกมา"

        "อ่อข้ายังมีของที่ซื้อด้านนอกอีกเล็กน้อย ท่านช่วยลดราคาให้ข้าหน่อยก็แล้วกัน"

        "เอาใบรายการซื้อของคุณชายอี้หนานมาให้ข้า" กู่เล่อมองใบรายการในมือ "ตู้แช่เย็นสองตู้ กับเตาอักขระไฟ ราคารวมกันสามพันสี่ร้อยสิบตำลึง กับแหวนอีกเก้าพันตำลึง ข้าลดให้ท่านซักกน่อยก็แล้วกัน เอาเป็นหมื่นสองพันตำลึงทอง"

        "นี่อีกสามพันตำลึง" อี้หนานไม่สะทกสะท้านซักนิด ได้แหวนขนาดใหญ่ถึงสิบเซียะ วันนี้เหมือนได้เจอโชคลาภมากกว่า

        หู่เล่อ ประเมินอี้หนานใหม่อีกครั้ง เป็นคุนชายที่มีเงินแต่ไม่มีสมอง หมูอ้วนพี

        "หากคุณชายต้องการอะไรก็ติดต่อหาข้าได้โดยตรง ข้าจะบอกลูกน้องเอาใว้"

        "แน่นอนๆ"

        อี้หนานก็เดินออกจากห้องอย่างสบายใจ

        สิบเซียะ สามร้อยสามสิบสามลูกบาตรเซนติเมตร ใหญ่เท่าห้องขนาดเล็ก อี้หนานลูบแหวนในมืออย่างรักใคร่ พ่อค้าเมื่อกี้บอกว่ายังมีขนาดที่ใหญ่กว่านี้ในงานประมูล ต้องเตรียมเงินใว้มากๆหน่อยซะแล้ว ต่อให้ไม่ได้ก็เอาขนาดเท่านี้อีกสองสามวง แล้วยังของอื่นๆในงานอีกล่ะ สงสัยต้องหาเวลาจำศีลซะหน่อยแล้ว

        ซื้อของมากมายมีรถม้าขนของตามมาถึงสองคันรถ คันนึงเป็นตู้แช่เย็นราคาแพงสองตู้ อีกคันคือม้วนผ้าที่เอาลงจากหลังคารถเพราะผ้าที่ซื้อมีมากกว่าที่คิด อี้หนานซื้อหุ่นฝึกรูปร่างมนุษย์มาตัดแขนออกทำเป็นหุ่นลองเสื้อผ้า จึงต้องจ้างรถขนของมาอีกคัน

        กลับถึงคฤหาสน์ ช่วยกันจัดของตู้แข่ทั้งสองไปที่ห้องครัว ม้วนผ้ายกเข้าห้องอี้หนาน เสื้อผ้าต่างๆและหุ่นลองเสื้อขนไปที่ห้องของเปี้ยหลาน และของส่วนตัวของคนอื่นๆก็ขนย้ายเข้าห้องของตน

        อี้หนานจึงเริ่มแผนการเพิ่มม้วนผ้า จากสองม้วนเป็นห้าม้วน ในขณะที่ทำได้เพียงสองชุด ก็ได้ยินว่าเอี้ยปี้เฉินกลับมาแล้ว ถึงออกมาจากห้องตัวเอง และเอาผ้าสองม้วนมาให้เอี้ยหลานลองตัดเย็บดู

        "เป็นยังไงบ้างท่านน้ามีข่าวดีบ้างหรือไม่"

        "มีซิตอนนี้ยังพอมีเวลาเราออกไปดูสถานที่กันไหม?"

        อี้หนานพยักหน้า ก่อนที่จะหันไปบอกคนให้เอี้ยโหยวติดตาม คนอื่นๆอยู่กับลูกๆของเอี้ยปี้เฉิน

        อี้หนานเดินทางมากลางตลาด เอี้ยปี้เฉินแวะร้านนึงก่อนที่จะรับคนๆนึงขึ้นรถม้า

        "นี่คือคนที่ถือกุญแจและคอยทำความสะอาด ร้านอยู่อีกไม่ไกล"

        อี้หนานลงจากรถม้า ร้านอยู่ในย่านหรูหรา สินค้ารอบๆมีราคาแพง และอยู่ไม่ไกลจากกับร้านอุปกรณ์เวทที่อี้หนานศื้อแหวนเมื่อซักครู่ ตัวร้านมีสองคูหาสามชั้น ก็ถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังดี

        คนเฝ้าเปิดประตูให้อี้หนานเดินสำรวจ

        "เปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด" อี้หนานสั่ง

        "ที่นี่เคยเป็นร้านอาหาร แต่คิดราคาแพง อาหารก็ธรรมดา อาศัยแค่ทำเลดีจึงพออยู่ได้ สุดท้ายลูกชายเจ้าของร้านสอบติดจองหงวน จึงย้ายเข้าไปเสพสุขในเมืองที่ลูกชายอยู่ แต่ร้านก็ขายในราคาแพงกว่าปกติจึงยังไม่มีคนมาซื้อ"

        อี้หนานหยักหน้า ตัวร้านไม่เลวเลยทีเดียว ห้องครัวมีขนาดใหญ่ทีเดียว ทุบออกเปลี่ยนเป็นห้องลองเสื้อ ชั้นแรกมีความสูงโปร่งทำให้โล่งสบาย ชั้นสองเป็นชั้นลอยมองเห็นด้านล่าง ชั้นสามถูกตีเป็นหลายห้องเพื่อรับประทานอาหารส่วนตัว

        อี้หนานเรียกให้เอี้ยโหยวให้มาจดคำพูดของตน

        "ชั้นแรกวางหุ่นโชว์ ต้องเพิ่มแสงสว่างแต่ไม่ใช้ไฟ กระจกเหมือนจะยังไม่มี แผ่นสะท้อนแทงละมั้งติดใว้เยอะๆ ยังดีตัวร้านเองก็โปรงอยู่แล้ว ชั้นสองตีห้องทำเป็นห้องสำหรับสั่งตัด ชั้นสามก็เก็บของ ทำห้องรับรองคนรวยๆซักหน่อย แล้วก็ทำหุ่นลองชุดเยอะๆ คล้ายๆแฟชั่นโชว์ส่วนตัว ห้องต้องตบแต่งหรูหน่อย ซักสองห้องพอ"

        "อ่อที่นี่ราคาเท่าไหร่" อี้หนานหันไปถามเอี้ยปี้เฉิน

        "เสี่ยวหนาน ดูเหมือนเจ้าจะถูกใจที่นี่นะ เดินดูไม่ทันไรก็สั่งทำนั่นนี่"

        "ใช่ข้าถูกใจที่นี่ ท่านน้าขอราคา"

        "เจ้าของร้านเดิมขี้งกราคาจึงแพงมาก แต่เสี่ยวหนานของน้าจ่ายไหวอยู่แล้ว สองพันตำลึง"

        อี้หนานควักตั๋วแลกเงินมาให้ทันที

        เอี้ยปี้เฉินก็ยิ้มและเก็บเงิน "เจ้าจะไปดูที่อื่นอีกไหม สำหรับร้านในเมือง"

        "ไม่ล่ะ แล้วที่รอบนอกเมืองกว้างมากไหม"

        "เจ้าไปดูเองดีกว่า"

        ใช้เวลาเดินทางซักพัก

        "ที่นี่เป็นโกดังเก็บของเก่า สภาพของอาคารค่อนข้างแย่เพราะปล่อยร้างมานาน ต้องปรับปรุงอีกเยอะ ใหญ่พอไหม?"

        "อืม... ยังเล็กไปหน่อย แต่ก็พอใช้ได้ เอาที่นี่เลยก็ได้เท่าไหร่เหรอ"

        "ที่นี่ถูกปล่อยร้าง แถมยังห่างไกล ตอนนี้เป็นสมบัติของเจ้าเมือง ราคาจึงตรงกันข้ามกับร้านที่เจ้าพึ่งจะซื้อเมื่อกี้ สองร้อยตำลึง"

        "เหอะๆ" อี้หนานส่ายหัวและหยิบตั๋วแลกเงินออกมาจ่าย วันนี้ซื้อตู้เย็น แค่ตู้เย็นในโลกเก่าราคากลับเป็นพันตำลึง แต่นี่โกดังทั้งหลัง ที่พร้อมอาคารกลับถูกกว่าตู้เย็นห้าเท่า

        "พี่สาวโหยวจดคำพูดข้า เริ่มจากทำความสะอาดและซ่อมแซมให้เหมือนของใหม่ก่อน ย้ายอุปกรณ์ต่างๆในห้องครัวของร้านเมื่อกี้มาติดตั้งที่นี่ ต่อเติมให้เป็นห้องครัวขนาดใหญ่เท่าร้านเมื่อกี้ ดำเนินการจ้างช่างตัดเย็บซักสอบคนก่อน ซื้อเครื่องมือตัดเย็บยี่สิบชุด สำรองและเผื่อเพิ่มคน หลังจากนี้ให้พี่สาวหลานมาดูแลที่นี่ จัดหาคนมาคุ้มครองอี้หลานสำหรับเดินทางไปกลับ... ค่อยจ้างคนคุ้มกันหลังวันประมูลรู้วันประมูลใช่ไหม"

        "อีกสี่วันเจ้าค่ะ"

        อี้หนานพยักหน้า "ช่างตัดเย็บเริ่มจ้างได้เลย เมื่อจ้างได้แล้วให้ไปเป็นลูกมือฟังคำสั่งจากพี่สาวหลานโดยตรง ช่วงแรกตัดเย็บภายในบ้านก่อนไปเช้าเย็นกลับมีอาหารกลางวันให้ ตรงนี้พี่สาวโหยวต้องออกไปซื้ออาหารให้คนพวกนี้ด้วย เอากลางๆไม่ต้องดีมาก เครื่องครัวไม่พอก็ไปซื้อเพิ่ม แต่ไม่ยกเลิกการฝึกเด็ดขาดพวกท่านทุกคนต้องฝึกยุทธ เรื่องพวกนี้หาเวลาหลังฝึกค่อยไปจัดการ รายละเอียดเดี๋ยวจะกลับไปบอกพี่สาวหลานอีกที"

        "ท่านน้า ช่วงนี้เปลี่ยนเวลาฝึกหนึ่งชั่วยามหลังอาหารเช้า พอฝึกเสร็จข้าต้องขอแยกตัววางแผนงานการขาย ส่วนฝึกปรานขอเป็นช่วงเย็นๆแบบตอนนี้อีกสองชั่วยามไม่รวมเวลาอาหาร แล้วหลังวันประมูลเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกที"

        "ได้ เสี่ยวหนาน เจ้าให้ข้าซื้อยาเพื่อปรับสภาพร่ายกายเจ้า อย่าลืมกินล่ะ เห็นเจ้ายุ่งๆ น้ากลัวว่าเจ้าจะลืม"

        "แหะๆ ข้าลืมไปจริงๆนั่นแหละ กลับไปช่วยทำให้ข้าทันที"

        ทุกคนก็เดินทางกลับบ้าน

        "พี่สาวหลาน ตอนนี้ข้าหาร้านสำหรับขายได้แล้ว แล้วยังได้ซื้อโกดังเก่านอกเมืองต้องให้ช่างไม้ปรับปรุงก่อน อีกเรื่อง ข้าจ้างลูกมือให้ท่านสิบคน ให้เริ่มงานทันที แต่ว่า ข้าไม่ให้ท่านขาดฝึกเด็ดขาดข้าจะให้เวลาสามชั่วยามในช่วงกลางวันรวมเวลากินข้าว สำหรับการตัดเสื้อผ้า และให้ท่านใช้เวลาว่างๆตอนกลางคืนสำหรับออกแบบเสื้อผ้า ท่านเป็นคนที่มีพรสวรรค์ฝึกยุทธห้ามทิ้งเด็ดขาด"

        "ข้านี่นะมีพรสวรรค์ นายท่านให้ข้าเอาเวลาตัดเสื้อผ่าเถอะ"

        "ไม่ได้นี่เป็นคำสั่ง"

        "ค่ะนายท่าน" เอี้ยหลานคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำๆนี้ออกมาจากปากของเขา ปกติอี้หนานจะตามใจพวกนางมาก แต่การดุนี้ เธอเองก็รู้สึกอบอุ่นเช่นกัน

        "เสี่ยวหนาน มากินยา อีกสองเค่อก็มาฝังเข็มต่อ" เอี้ยปี้เฉิน

        "ตกลง"

        หลังจากกินยา อี้หนานก็เดินไปห้องของตัวเองและเสกม้วนผ้าต่อ

        'พลังงานไม่เพียงพอ'

        "เฮ้ย! พลังงานหมดงั้นเหรอ โควต้าเสกทองเหลือหกร้อยนิดๆไม่ใช่หรือไง นี่เสกผ้าแค่..."

        อี้หนานรีบหยิบสมุดจดออกมาดู ตำลึงคือหน่วยของน้ำหนัก ร้อยตำลึงหนักประมาณ 6 กิโล(6.24) ผ้านี่ก็หนักประมาณนั้น ตอนแรกเราเสกไป 6 ม้วน อย่าบอกนะว่าเสกได้ตามน้ำหนัก!? แม่งเอ้ย! เสกทองไปซื้อผ้าดีกว่า พอทีแผนสำรองผ้าไม่เวิร์ค ของที่มีน้ำหนักเบาแต่ราคาแพง ก็ผ้านี่แหละแต่เป็นผ้าที่ตัดแล้ว พวกเครื่องประดับบางชนิดก็ใช่ แต่เวลาปล่อยของก็เสียเวลาหลายขั้นตอนอีก ช่างมันก่อนก็แล้วกัน

        อี้หนานเดินไปหาเอี้นปี้เฉิน

        "ท่านน้าวันนี้ข้ารู้สึกเพลีย ถ้าข้าหลับไปก่อนท่านฝันเข็มได้ใช่ไหม"

        "ได้ซิ"

        "งั้นข้าขอกินอะไรก่อนเสร็จแล้วจะไปหาท่าน"

        อี้หนานรีบหาอะไรรองท้องก่อนที่จะหลับไป

        "พี่สาวจื่อ ช่วยเตรียมอาหารเผื่อใว้ด้วย ตอนกลางดึงข้าจะตื่นมากิน ส่วนมือนี้ท่านกินไปก่อนเลยวันนี้ข้าเพลียๆขอไปนอนก่อน"

        "ค่ะนายท่าน"

        อี้หนานก็ไปหาเอี้ยปี้เฉิน นอนคว่ำให้นางฝังเข็มและหลับไป


        อี้หนานตื่นมาคนเดียวกลางดึกวันนี้พวกสาวๆไม่ได้มานอนกับเขาทำอี้หนานเหงามือเล็กน้อย เสกทองตามหน้าที่ ลุกขึ้นมากินอาหารที่เตรียมใว้ นั่งเดินลมรานเล็กน้อย รู้สึกว่าการฝึกแยกนิ้วทำได้ง่ายขึ้นและก็นอนหลับไปอีกรอบ
        
        อี้หนานลุกขึ้นมากินข้าวคนเดียวเพราะตื่นสาย คนอื่นๆออกไปฝึกกันก่อนแล้ว

        "ความใจดีของพวกเธอนี่ทำเอาชั้นน้ำตาจะไหล ให้เจ้านายมานั่งกินข้าวคนเดียว" อี้หนานบ่นแบบยิ้มๆ เมื่อเอี้ยโยวและเอี้ยจื่อมาเก็บจาน

        "เราทำตามที่นายท่านสั่งใว้ ไม่ขาดฝึกยังไงล่ะเจ้าค่ะ" เอี้ยโหยวก็ยิ้มตอบเพราะเห็นสีหน้าที่พูดเล่นของอี้หนาน

        อี้หนานเข้าไปกอดเอี้ยโหยวจากด้านหลัง "พี่สาวช่วงนี้ข้ารู้สึกเหงาจังเลย" อี้หนานเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อและนวดคลึงตามใจ สูดกลิ่นกายของนาง

        "อี้หนานเจ้าตื่นแล้วเหรอ กินเสร็จแล้วก็ตามมาฝึกด้วย" มีเสียงมีจากด้านหลัง เป็นเอี้ยปี้เฉิน

        "ข้ากินเสร็จแล้ว จะออกไปฝึกเดี๋ยวนี้" อี้หนานมองเอี้ยโหยวที่จัดเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในครัว

        อี้หนานมองไปทางเอี้ยปี้เฉิน "ท่านน้าท่านจงใจใช่ไหม"

        "ใช่ ข้าจงใจ มาๆไปที่ลานฝึกได้"

        อี้หนานกัดฟันทน และเดินเข้าลานฝึก

        การสอนวาดดาบจบไปแล้ว ตอนนี้เป็นการฝึกดวลกระบี่ เอี้ยปี้โหยวจับคู่เหมือนเดิม

        "ท่านน้าไม่ให้ข้าลองทวน หอก ธนูอะไรพวกนี้บ้างเหรอ"

        "ย่อมได้ แต่ตอนนี้ฝึกกระบี่ก่อน วันนี้ข้าสอนท่าแทงให้พวกนาง ข้าจะแสดงให้ดู ท่าแทงที่ดีคือ หาจุดอ่อนของอีกฝ่ายและแทงลงไปที่นั่น โดยเวลาแทงต้องคิดด้วยว่า อีกฝ่ายจะสวนกลับมาไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดเพื่อรับมือท่าแทงคือหลบ อีกวิธีคือใช้กระบี่ในมือปัดกระบี่อีกฝ่ายให้เสียจังหวะหรือเปลี่ยนทิศทาง"

        เอี้ยปี้เฉินแทงกระบี่ไปที่อกของอี้หนาน อี้หนานถอยหลังจนล้มเพราะตอบสนองไม่ทัน เมื่อเงยหน้ามามองกระบี่ก็มาอยู่ที่คอแล้ว

        "การถอยหลบไปด้านหลัง ฝึกฝ่ายก็จะไล่ตาม เหมือนกับการที่หลบไปด้านข้างฝึกฝ่ายก็จะเปลี่ยนเป็นท่าฟาดกระบี่ แต่ท่าฟาดจะไม่ค่อยมีแรงเข้าสามารถกันได้ง่ายๆ ค่อยๆหาวิธีของตัวเองไป"

        เอี้ยปี้เฉินถอนกระบี่ "ข้าจะสอนวิธีหลบง่ายๆวิธีนึงให้ ก็คือหลบไปด้านข้างซ้ายหรือขวา โดยเอากระบี่ของตัวเองปัดอีกฝ่ายไม่ต้องออกแรงเยอะ แต่กระบี่ในมือต้องมั่นคง เจ้าลองแทงกระบี่มาข้าจะทำให้ดู"

        อี้หนานแทงกระบี่ เอี้ยปี้เฉินหมุนตัวไปทางซ้ายมือของเอี้ยหนาน อี้หนานเปลี่ยนเป็นฟาดกระบี่ โดยการหมุนทั้งตัว แต่เอี้ยปี้เฉินก็ปัดกระบี่ไปด้านบน

        "ดี! เจ้าตอบสนองได้ดีมาก ตอนแทงแล้วฟาดกระบี่ น้าจงใจหลบไปด้านที่มือเจ้าไม่ถือกระบี่ หากขยับแต่แขนจะไม่มีแรง แต่เจ้าก็หมุนตัวฟาดทันทีเพื่อเพิ่มแรง การประลองยุทธก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าทั้งสองฝายใช้ท่าปล่อยพลังใส่กัน ใครพลังมากกว่าก็ชนะอย่างเดียว ต้องรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์ เพลงกระบี่ก็เช่นกัน เพลงกระบี่ออกแบบเป็นท่าชุดต่อเนื่องที่หลบหลีกได้ยาก หรือเป็นท่าที่เดินลมปรานเพื่อฟาดกระบี่อย่างรุนแรง แต่ถูกจู่โจมเจ้าต้องหาช่องว่าง หรือเมื่ออีกฝ่ายโจมตีช่องว่างนั้นเจ้าต้องรีบแก้ไข วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดย่อมเป็นใช้พลังที่มากกว่าข่มอีกฝ่าย แต่หากเข้าพลักน้อยกว่า การหลบแบบไม่มีแบบแผนก็จะเป็นแบบเจ้าเมื่อสักครู่ หนีจนล้มแบบลุกไม่ได้"

        อี้หนานปรบมือ "หลักแหลมยิ่งนัก ขอเวลาข้าจดซักครู่" อี้หนานหยิบดินสอขึ้นมาจดคำพูดเมื่อครู่

        "ทุกคนเริ่มฝึกได้ วันนี้ข้าจะพูดว่า 'ฟาด'สองครั้งเพื่อให้คู่ดวลแต่ละคนได้ออกท่า และ 'แทง' สองครั้งสลับกัน ทุกคนทั้งท่า!... 'ฟาด!' "
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×