ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ท้าดวล
"ท่านน้าฝึกวิชาถึงขั้นใด"
"ตามข้ามาซิ"
เอี้ยเล่งชู่เดินออกมาด้านนอกที่เป็นบริเวณลานฝึก และส่งพลังปราณเป็นรูปฝ่ามือกระแทกลงไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ห่างออกไปหลายเมตร ก้อนหินก้อนนั้นก็ระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เห้ย! ไม่ถามอะไรข้าซักคำ มาทำลายก้อนหินที่ประดับสวนซะอย่างนั้น แล้วยังยิ้มภูมิใจนั่นอีก พวกชาวยุทธแม่งไม่รู้จักความเกรงใจกันจริง ๆ
"น้าฝึกถึงขั้นปราณกำเนิดปฐพี แต่ขั้นนี้ก็ไม่ได้มีดีอะไร พวกที่มีพรสวรรค์อายุแค่ยี่สิบห้าปี แต่มีฝีมือทัดเทียมกับน้านั้นมีอยู่มากมายในสำนักต่าง ๆ หากเจ้าเข้าสำนักเหล่านั้นได้ ข้ารับรองว่าอนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด"
"ท่านน้าเคยเป็นศิษย์สำนักใดหรือไม่"
"ข้าเคยอยู่สำนักชิงซาน ที่นั่นกฎระเบียบมากมาย หลังจากที่น้ามีลูกน้าก็ออกจากสำนักมาเลี้ยงดูลูก ๆ อ๋อ ข้ายังมีลูกชายอีกสองคน คนโตอยู่สำนักกระบี่ดาวดึงส์ คนรองอยู่สำนักชิงซาน"
"แล้วเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ ท่านคิดจะส่งพวกเขาไปที่ไหน"
"พ่อของพวกเขาอยากให้ไปที่สำนักครามมังกร เพื่อเชื่อมไมตรีต่อทุกสำนัก แต่ข้าไม่อยากให้พวกเขาไปเท่าไหร่นัก"
"เพราะอะไร?"
"สำนักครามมังกร เน้นฝึกการฆ่า การฝึกของสำนักนี้ถือว่าอันตรายและโหดเหี้ยมที่สุด ข้ากลัว กลัวว่าลูก ๆ ของข้าจะเปลี่ยนไป"
เอี้ยปี้เฉินมีแววตาเศร้า
"ท่านอย่าคิดมาก ต่อให้เปลี่ยนไปยังไงท่านที่มอบความรักให้กับพวกเขา พวกเขาย่อมต้องรักท่านอย่างแน่นอน ข้ายืนยันว่าสิ่งนี้ยังไงก็ไม่เปลี่ยน"
เอี้ปี้เฉินยิ้มบาง "เจ้านี่เข้าใจปลอบใจข้านะ นั่นซิอย่างอื่นอาจเปลี่ยน แต่ความรักของข้าที่มอบให้พวกเขาย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง..ตลอดกาล"
อี้หนานให้เวลากับนางพักนึก
"มาเถอะไปดูพวกเด็ก ๆ กัน"
อี้เฉินยังมีคำถามที่เก็บไว้ในใจ แต่ตอนนี้ขอปล่อยให้ท่านน้าไปเจอพวกลูก ๆ นางจะดีกว่า
"ท่านแม่ พี่สาวรังแกข้า" เมื่อเห็นเอี้ยปี้เฉิน เอี้ยไป่อิ๋งก็วิ่งเข้ามาฟ้อง
เอี้ยปี้เฉินก็เข้าไปลูบหัว "ไหน คนไหนกล้ามารังแกเจ้า" เสียงที่พูดเจือความอบอุ่น ไม่มีความโกรธอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย
"คน ๆ นี้ ดุข้าตอนที่ข้าจะเอากระบี่ไม้ของนางมาฝึก ไล่ให้ข้าไปหยิบเอากระบี่ไม้ห่วย ๆ "
อี้หนานได้ยินก็หัวเราะ แค่กระบี่ไม้ถูก ๆ ก็งอแงได้ขนาดนี้ ท่านน้าคงรักและตามใจนางมากจริง ๆ
"พี่ยาวเล้งชู่ ท่านก็มอบกระบี่ให้นางเถอะ ถือว่าเป็นของแทนมิตรภาพของผู้ฝึกยุทธ"
เอี้ยเล้งชู่ ที่ทำท่าจะพูดแย้งในตอนแรก พอได้ยินประโยคหลังก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
"อ่ะนี่พี่สาวให้กระบี่กับเจ้า เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ"
เอี้ยไป่อิ๋งก็วิ่งคว้ากระบี่ไม้ ก่อนจะวิ่งกลับไปหาแม่ของนางและแลบลิ้นใส่เอี้ยเล้งชู่ "แบร่"
"นายท่าน" เอี้ยเล่งชู่ทำตาน่าสงสาร
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าซื้อให้เจ้าใหม่" อี้หนานหัวเราะ
"หลงเอ๋อร์เจ้าล่ะ สนิดกับพวกพี่สาวหรือยัง" ปี้เฉินถาม
"ท่านพี่..พี่สาวใจดีมาก ข้าสนิดกับพี่สาว" เอี้ยไป่หลงตอบด้วยใบหน้าเขินอาย
คนอื่น ๆ ก็ยิ้มแย้ม เอี้ยปี้เฉินก็ปล่อยให้เด็ก ๆ ไปเล่นกันต่อ
"เหมือนพวกเด็ก ๆ จะอยู่กันได้ ไม่มีปัญหาอะไรนะ"
"เดือนหน้าก็จะเริ่มการสอบเข้าสำนักต่าง ๆ แล้ว ข้าหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร"
"เดือนหน้าจะมีการสอบงั้นเหรอ? ที่ใดเปิดเป็นที่แรก แล้วถ้าสอบไม่ผ่านจะสอบอีกที่ได้หรือไม่" อี้หนานนึงถึงการสอบเข้ามหาลัย
"การสอบจะจัดขึ้นเวลาเดียวกันทุกสำนัก แต่สำหรับเจ้าข้าไม่แน่ใจ การสอบบุคคลภายนอกข้าจำไม่ได้จริง ๆ แต่น่าจะช่วงเวลาเดียวกัน เสี่ยวหนานเจ้าสนใจสำนักใดเป็นพิเศษ"
"ตอนนี้ข้าตัดสินใจอยู่ ข้าอยากพาพวกพี่สาวไปกับข้าด้วย แต่อีกใจก็ไม่อยาก"
เอี้ยโหยวที่ดูแลทุกอย่าง และอายุนางก็ถือว่ามากกว่าคนอื่น เอี้ยหลานกะจะให้นางดูแลร้านเสื้อผ้า เอี้ยจื่อก็ไม่เหมาะกับวรยุทธ มีเพียงเอี้ยเล้งชู่คนเดียวเท่านั้นที่พอจะเป็นไปได้ "ตอนนี้ข้าจะให้พวกนางฝึกกันไปก่อน เมื่อถึงเวลาข้าค่อยตัดสินใจอีกที"
เอี้ยปี้เฉินพยักหน้า
"อ่อท่านน้าช่วยดูที่ข้าฝึกหน่อย" อี้หนานก็เดินพลังปราณผ่านนิ้วและฝึกแยกนิ้ว นิ้วที่แยกออกจากกันแยกได้เพียงเล็กน้อย และทำได้เพียงนิ้วชี้เท่านั้น
"มีคนบอกว่าร่างกายข้ากำลังปรับสภาพ ตอนนี้กินยาปราณไม่ได้ ท่านว่าอีกนานไหมถึงข้าจะสามารถกินยาได้" อี้หนานก็เดินไปหยิบยาต่าง ๆ ออกมา รวมถึงยาแก่นปราณระดับหนึ่งที่ซื้อมาอีกหนึ่งเม็ด "ข้าซื้อยาแก่นปราณมา ข้าชอบผลลัพของมัน ท่านน้าสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ว่าข้ากินได้อีกทีเมื่อไหร่ และพวกพี่สาวจะสามารถกินได้หรือไม่"
"เป็นยาที่มีราคาแพงและเงื่อนไขยุ่งยาก แต่ยาตัวนี้ออกแบบมาให้ค่อย ๆ ย่อยสลาย ข้าได้ทราบปริมาณกินยาที่ทานได้ ของทุกคนจากฮัวจิ่วมาแล้วเมื่อวาน ข้าอดประหลาดใจกับยาที่เจ้ารับไหวจริง ๆ ตัวเจ้าในตอนนี้ให้ฝึกเดินพลังไปก่อน เสี่ยวหนานหากเจ้าอยากได้วิธีที่รวดเร็วข้าย่อมมีวิธี แต่มันก็ย่อมมีค่าใช่จ่ายด้วยเช่นกัน"
"เรื่องเงินสำหรับการฝึกของข้า ข้าทุ่มเต็มที่ไม่มีกั๊ก ท่านน้าบอกมาเลยว่าต้องการเท่าไหร่"
"เรื่องนี้ข้าต้องไปดูราคาสมุนไพรที่ร้านขายยา ข้าจะออกให้เจ้าก่อนค่อยให้เจ้าจ่ายทีหลัง"
"ขอบคุณท่านน้า แล้วพวกพี่สาวล่ะ สามารถกิน ยาแก่นปราณได้หรือไม่"
"เมื่อมีข้าอยู่ พวกนางทุกคนสามารถกินได้ แต่ว่าแต่ละคนจะใช้เวลาย่อยสลายตัวยานานเท่าใดนั้น ข้าไม่อาจตอบได้"
"เช่นนั้นท่านน้า ข้าฝากท่านซื้อยาแก่นปราณระดับหนึ่งมาอีกห้าเม็ด...ท่านสนใจให้ลูก ๆ ท่านกินไหม ข้าช่วยออกให้ท่านได้"
"เจ้านี่ยังไงกัน ตอนข้าบอกให้เจ้าจ่ายพันตำลึงเป็นค่าสอนเจ้าก็ทำท่าทางกระบิดกระบวน พอมาตอนนี้กลับจ่ายเงินง่าย ๆ หลายพันตำลึง โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน"
"แหม ท่านน้าก็ ท่านเรียกเงินพันตำลึงทุกวัน ข้าย่อมไม่สามารถจ่ายไหว แต่ยาแก่นปราณพวกนี้ นาน ๆ จึงจะจ่ายซักครั้งข้าย่อมสามารถ"
เอี้ยปี้เฉินยิ้ม "ได้ข้าจะซื้อให้เจ้า แต่เจ้าต้องออกเงินเองนะ น้าของเจ้าคนนี้ไม่ได้พกเงินมามากนัก"
"ไม่มีปัญหา ว่าแต่ยาที่ท่านจะซื้อราคาประมาณเท่าไหร่เหรอ"
"ไม่น่าเกินสองร้อยตำลึง...แต่เรื่องที่เจ้าจะซื้อยาให้ลูก ๆ ของน้าน้าคิดจริงจังนะ"
"แน่นอน ๆ รอข้าซักครู่ข้าขอตัวไปหยิบเงินมาให้ท่าน"
อี้หนานเดินเข้าไปในห้องเก็บสมบัติและทำการเสกทองออกมาอีกเจ็ดหีบ ทำให้หีบที่ว่างเปล่าตอนนี้เหลือเพียงสองหีบเท่านั้น อี้หนานมีทองสอบเจ็ดหีบ และทองหนึ่งพันสองร้อยตำลึงอีกหีบนึง
"หึหึ ฮ่า ๆ ๆ ว๊า ฮะ ฮ่า ๆ ข้านี่รวยเสียนี่กระไร พลังยุทธหรือจะสู้พลังเงินตรา"
ยาเจ็ดเม็ด เจ็ดพันกับสมุนไพรปรับสภาพอีกสองร้อย อี้หนานยกหีบออกมาห้าหีบ หีบที่ห้าเป็นหีบที่ไม่เต็มมีทองพันสองร้อยตำลึงพอดี
"แต่ละหีบมีทองหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง หีบสุดท้ายมีพันสองร้อยตำลึง รวมเป็นเจ็ดพันสองร้อย พอดีกับยาแก่นปราณระดับหนึ่งเจ็ดเม็ดกับสมุนไพรที่ท่านจะซื้อ"
"ตอนที่ข้าได้ฟังครั้งแรกข้าก็คิดว่าเจ้าพูดเล่น แต่พอมาเห็นหีบพวกนี้ นี่เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากขนาดไหนกัน"
"ข้าย่อมมีเยอะมาก พอที่ข้าคิดไปว่าจะช่วยเหลือตระกูลท่านได้ แต่ข้าก็คิดง่ายเกินไป ข้ามีประมาณหนึ่งในสิบของหนี้ตระกูลท่านเท่านั้น"
"มากถึงหนึ่งในสิบส่วน" เอี้ยปี้เฉินตกตะลึงกับคำโกหกของอี้หนาน
"แต่ข้าต้องค่อย ๆ แปลงเป็นตำลึงทอง จึงไม่สามารถใช้จ่ายได้ครั้งละมาก ๆ "
เอี้ยปี้เฉินเหงื่อตก เด็กคนนี้มีเงินมากมายถึงเพียงนี้ทำไมถึงอยากช่วยตระกูลข้ากัน
อี้หนานยิ้มให้กับท่าทางของเปี้ยปี้เฉิน "แต่ท่านน้าไม่ต้องกังวล ข้ากำลังหาทางเพิ่มช่องทางทำเงิน ภายในห้าปี มันก็ไม่แน่ว่าข้าอาจสามารถทำได้จริง ๆ ก็เป็นได้"
เอี้ยปี้เฉินกลืนน้ำลาย "หากเจ้าทำได้จริง ตระกูลข้าจะตอบแทนให้เจ้าอย่างเท่าเทียม"
อี้หนานคำนับ เอี้ยปี้เฉินก็เอาหีบสมบัติดูดเข้าไปในแหวนมิติของนางทั้งหมด
"แหวนของท่าน มีปริมาตรเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่?" อี้หนานถามอย่างตื่นเต้น
"ปริมาตรอันใด? แหวนวงนี้สืบทอดกันมาในตระกูลข้า จุได้สิบห้าเซียะ ราคาจ้าไม่แน่ใจ แต่มีไม่กี่วงเท่านั้นในตระกูลเอี้ย"
"สิบห้าเซียะก็.." อี้หนานเปิดสมุดจดขึ้นมาดู "ห้าเมตรใหญ่เท่ากับห้อง ๆ นึง ยอมเยี่ยม ท่านพอรู้จัดพ่อค้าที่ขายแหวนหรือไม่"
"ข้าย่อมรู้จัก แต่ว่าแหวนที่มีความจุเยอะ ๆ เหมือนแหวนวงนี้ จะมีราคาสูงและหาซื้อได้ยาก คนมีไม่ขาย คนที่ไม่มีกลับต้องการ เจ้าต้องเข้าใจนะ เด๊๋ยวน้าจะออกไปซื้อยาและแวะถามให้"
"ขอบคุณท่านน้า"
เอี้ยปี้เฉินแวะกลับตระกูลเพื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เอี้ยหยางพ่อของตนได้ฟัง
"เจ้าบอกเขาเรื่องหนี้สินของเราโดยไม่ปรึกษา เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่เจ้าเด็กอี้หนาน กลับบอกว่ามีสมบัติมากถึงหนึ่งในสิบ เจ้าแน่ใจแล้วเหรอ"
"ข้าย่อมไม่แน่ใจ แต่การที่เขาสามารถจ่ายเงินง่าย ๆ หลายพันตำลึงก็เป็นเรื่องจริง"
"เอี้นยี่ สืบข่าวมาว่าเขารับซื้อผลึกจำนวนมากทุก ๆ สองวัน แต่กลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวอื่น ๆ เขาเอาทองเหล่านี้มาจากไหนกัน อาจมียอดฝีมือแฝงตัวในที่ลับ คอยส่งของเหล่านี้มาให้ เจ้าอย่าพึ่งรีบตัดสินใจ...แต่การที่เจ้ายอมส่งอิ๋งเอ่อร์หลงเอ่อร์ไปอยู่ที่นั่นเจ้าทำได้ดีมาก เมื่อมีพวกเด็ก ๆอยู่เขาอาจจะเปิดเผยจุดประสงค์ออกมา"
เอี้ยหยางลูบเคราวพลางคิดอะไรในใจ
"แต่คำพูดเหล่านั้นที่อี้หนานพูดก็ดูจริงใจดี เพียงแต่เราไม่สามารถสืบที่มาของทองเหล่านั้นได้ ข้าไม่วางใจ ในบ้านหลังนั้นไม่มีใครมีพลังพอที่จะใช้งานแหวนมิติได้ใช่ไหม"
"ค่ะท่านพ่อ คนที่น่าสงสัยที่สุดคือ จูเมิ่งพ่อค้าผลึก"
"ได้ ข้าจะให้เอี้ยยี่ไปสืบเรื่องของพ่อค้าผลึกคนนี้ นี่อาจเป็นฝีมือของมือที่สาม เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าต่อ"
"ค่ะท่านพ่อ" เอี้ยปี้เฉินเดินออกจากห้องไป
"ท่านบรรพบุรุษท่าน คิดยังไงกับเรื่องนี้" เอี้ยหยางเอ่ยถามในห้องที่ว่างเปล่า
"ติดตามต่อไป" มีเสียงชราตอบกลับมาแต่ไม่ปรากฏร่าง
"ครับ!"
"เจ้าเก่งที่สุดในบ้านนี้ใช่ไหม เจ้าต้องมาประลองกับข้า"
อี้หนานที่หลับตาทำสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นมามองหน้าเอี้ยไป่อิ๋ง
"ย่อมไม่ใช่ แม่เจ้าต่างหากที่เก่งที่สุด"
"ไม่นับแม่ข้าซิ"
"งั้นเจ้าก็เก่งที่สุด"
"ไม่ใช่ข้า"
"งั้นก็น้องชายของเจ้า"
"ไม่นับคนตระกูลเอี้ย"
"ไม่นับคนที่มีแซ่เอี้ยล่ะก็ หม่าเทียนเก่งที่สุด" อี้หนานเล่นคำ
"ใครคือหม่าเทียน"
"นั่นไง" อี้หนานชี้หม่าเทียนที่กำลังเก็บกวาดเศษหอนที่กระจายเพราะจอมยุทธท่านนึง
"นั่นมันคนเลี้ยงม้า"
"ใช่แล้วหม่าเทียนเป็นคนเลี้ยงม้า"
"เขาไม่เป็นวรยุทธ"
"นั่นก็ถูกอีกเขาไม่เป็นวรยุทธ เจ้านี่เก่งจริง ๆ รู้ไปหมดทุกเรื่องเลย"
"อึ่ม!" เอี้นไป่อิ๋งกระทีบเท้า "ข้าจะดวลกับเจ้า"
อี้หนานหันหลัง "ดวลกับใครไม่เห็นมีใครอยู่เลย"
"เจ้านั่นแล่ะ!!" เอี้ยไป่อิ๋งทนไม่ไหว หมวดกระบี่ไปที่อี้หนาน
อี้หนานกลิ้งตัวหลบ "เจ้าจู่โจมคนไม่มีอาวุธได้ยังไง แม่เจ้ากลับมาข้าจะฟ้องแม่เจ้า"
"เจ้า!" เอี้ยไป่อิ๋งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ และวิ่งเอาดาบไม้ไล่ฟันอี้หนาน
"ข้าจะฟ้องแม่เจ้า!"
"อยากฟ้องก็ฟ้องไป วันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้ได้!"
"นายท่าน" เอี้ยเล้งชูาตระโกนเรียก
"ไม่เป็นไร ข้าเล่นไล่จับกันเท่านั้น เจ้าฝึกไปก่อน"
"ข้าจะตีเจ้า!!!"
เอี้ยไป่อิ๋งวิ่งไล่อี้หนานพลางทุบตีข้าวของในลานฝึก อี้หนานก็วิ่งหนีไปเรื่อย ๆ ไม่ตอบโต้ ด้วยความที่ทั้งสองเป็นผู้ฝึกยุทธระดับเดียวกัน เอี้ยไป่อิ๋งที่อารมย์ร้อนวิ่งไล่ตรง ๆ ทำให้อี้หนานหลอกล่อจนหนีไปได้ทุกครั้ง
วิ่งมาครึ่งชั่วโมงอี้หนานที่ใกล้หมดแรงจึงชวนคุย
"แม่นางน้อย เจ้าลองดูรอบ ๆ สิ ข้าวของเสียหายไปหมดแล้ว ฝีมือของเจ้าทั้งนั้น แม่เจ้ากลับมาต้องโกรธมากแน่ ๆ "
"ใครใช้ให้เจ้าวิ่งหนีข้ากัน เป็นลูกผู้ชายซะเปล่า เอาแต่วิ่งหนีไม่ยอมสู้"
"พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก ถึงแม้ว่าข้าจะโตกว่าเจ้า แต่ข้าก็พึ่งจะเริ่มฝึกยุทธได้ไม่กี่วันเท่านั้น วิชาต่อสู้อะไรข้าไม่มีซักอย่าง ของที่เจ้าถืออยู่ก็เป็นของใหม่ไม่เคยใช้งาน ข้าจะให้แม่เจ้ามาสอนข้าเนี่ยล่ะ"
"ต่อให้เจ้าไม่มีวิชาต่อสู้ แต่เจ้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธ เจ้าต้องดวลกับข้า"
"ข้าก็บอกเจ้าแล้ว ข้าสู้เจ้าไม่ได้ ขอยอมแพ้"
"ข้าไม่ให้เจ้ายอมแพ้"
"งั้นเอามาดวลอย่างอื่นกัน"
"ได้! เจ้าจะดวลอะไรก็ได้ข้าไม่มีแทางแพ้เจ้าทั้งนั้น"
"แข่งนั่งสมาธิ ให้น้องชายเจ้าสัดสินใครลืมตาก่อนแพ้"
"เชอะเรื่องง่าย ๆ ข้าไม่แพ้เจ้าหรอก เสี่ยวหลงเจ้าเป็นคนตัดสิน"
"ครับทานพี่"
"แข่งกันเฉย ๆ ไม่สนุกเท่าไหร่นัก เรามาพนันกันซักหน่อยไหม"
"พนัน? ยอมได้ เจ้าจะพนันอะไร"
"ถ้าข้าชนะ เจ้าต้องเรียกข้าว่า หนานเกอ ส่วนเจ้าชนะก็แล้วแต่เจ้า"
"งั้นถ้าข้าชนะข้าจะเรียกเจ้าว่าลูกเต่า"
"ได้ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเริ่มได้เลย"
เมื่อหาที่นั่งเหมาะ ๆ เอี้ยไป่อิ๋งก็ให้สัญญาณ "การดวลทำสมาธิเริ่มได้"
"ตามข้ามาซิ"
เอี้ยเล่งชู่เดินออกมาด้านนอกที่เป็นบริเวณลานฝึก และส่งพลังปราณเป็นรูปฝ่ามือกระแทกลงไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ห่างออกไปหลายเมตร ก้อนหินก้อนนั้นก็ระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เห้ย! ไม่ถามอะไรข้าซักคำ มาทำลายก้อนหินที่ประดับสวนซะอย่างนั้น แล้วยังยิ้มภูมิใจนั่นอีก พวกชาวยุทธแม่งไม่รู้จักความเกรงใจกันจริง ๆ
"น้าฝึกถึงขั้นปราณกำเนิดปฐพี แต่ขั้นนี้ก็ไม่ได้มีดีอะไร พวกที่มีพรสวรรค์อายุแค่ยี่สิบห้าปี แต่มีฝีมือทัดเทียมกับน้านั้นมีอยู่มากมายในสำนักต่าง ๆ หากเจ้าเข้าสำนักเหล่านั้นได้ ข้ารับรองว่าอนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด"
"ท่านน้าเคยเป็นศิษย์สำนักใดหรือไม่"
"ข้าเคยอยู่สำนักชิงซาน ที่นั่นกฎระเบียบมากมาย หลังจากที่น้ามีลูกน้าก็ออกจากสำนักมาเลี้ยงดูลูก ๆ อ๋อ ข้ายังมีลูกชายอีกสองคน คนโตอยู่สำนักกระบี่ดาวดึงส์ คนรองอยู่สำนักชิงซาน"
"แล้วเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ ท่านคิดจะส่งพวกเขาไปที่ไหน"
"พ่อของพวกเขาอยากให้ไปที่สำนักครามมังกร เพื่อเชื่อมไมตรีต่อทุกสำนัก แต่ข้าไม่อยากให้พวกเขาไปเท่าไหร่นัก"
"เพราะอะไร?"
"สำนักครามมังกร เน้นฝึกการฆ่า การฝึกของสำนักนี้ถือว่าอันตรายและโหดเหี้ยมที่สุด ข้ากลัว กลัวว่าลูก ๆ ของข้าจะเปลี่ยนไป"
เอี้ยปี้เฉินมีแววตาเศร้า
"ท่านอย่าคิดมาก ต่อให้เปลี่ยนไปยังไงท่านที่มอบความรักให้กับพวกเขา พวกเขาย่อมต้องรักท่านอย่างแน่นอน ข้ายืนยันว่าสิ่งนี้ยังไงก็ไม่เปลี่ยน"
เอี้ปี้เฉินยิ้มบาง "เจ้านี่เข้าใจปลอบใจข้านะ นั่นซิอย่างอื่นอาจเปลี่ยน แต่ความรักของข้าที่มอบให้พวกเขาย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง..ตลอดกาล"
อี้หนานให้เวลากับนางพักนึก
"มาเถอะไปดูพวกเด็ก ๆ กัน"
อี้เฉินยังมีคำถามที่เก็บไว้ในใจ แต่ตอนนี้ขอปล่อยให้ท่านน้าไปเจอพวกลูก ๆ นางจะดีกว่า
"ท่านแม่ พี่สาวรังแกข้า" เมื่อเห็นเอี้ยปี้เฉิน เอี้ยไป่อิ๋งก็วิ่งเข้ามาฟ้อง
เอี้ยปี้เฉินก็เข้าไปลูบหัว "ไหน คนไหนกล้ามารังแกเจ้า" เสียงที่พูดเจือความอบอุ่น ไม่มีความโกรธอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย
"คน ๆ นี้ ดุข้าตอนที่ข้าจะเอากระบี่ไม้ของนางมาฝึก ไล่ให้ข้าไปหยิบเอากระบี่ไม้ห่วย ๆ "
อี้หนานได้ยินก็หัวเราะ แค่กระบี่ไม้ถูก ๆ ก็งอแงได้ขนาดนี้ ท่านน้าคงรักและตามใจนางมากจริง ๆ
"พี่ยาวเล้งชู่ ท่านก็มอบกระบี่ให้นางเถอะ ถือว่าเป็นของแทนมิตรภาพของผู้ฝึกยุทธ"
เอี้ยเล้งชู่ ที่ทำท่าจะพูดแย้งในตอนแรก พอได้ยินประโยคหลังก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
"อ่ะนี่พี่สาวให้กระบี่กับเจ้า เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ"
เอี้ยไป่อิ๋งก็วิ่งคว้ากระบี่ไม้ ก่อนจะวิ่งกลับไปหาแม่ของนางและแลบลิ้นใส่เอี้ยเล้งชู่ "แบร่"
"นายท่าน" เอี้ยเล่งชู่ทำตาน่าสงสาร
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าซื้อให้เจ้าใหม่" อี้หนานหัวเราะ
"หลงเอ๋อร์เจ้าล่ะ สนิดกับพวกพี่สาวหรือยัง" ปี้เฉินถาม
"ท่านพี่..พี่สาวใจดีมาก ข้าสนิดกับพี่สาว" เอี้ยไป่หลงตอบด้วยใบหน้าเขินอาย
คนอื่น ๆ ก็ยิ้มแย้ม เอี้ยปี้เฉินก็ปล่อยให้เด็ก ๆ ไปเล่นกันต่อ
"เหมือนพวกเด็ก ๆ จะอยู่กันได้ ไม่มีปัญหาอะไรนะ"
"เดือนหน้าก็จะเริ่มการสอบเข้าสำนักต่าง ๆ แล้ว ข้าหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร"
"เดือนหน้าจะมีการสอบงั้นเหรอ? ที่ใดเปิดเป็นที่แรก แล้วถ้าสอบไม่ผ่านจะสอบอีกที่ได้หรือไม่" อี้หนานนึงถึงการสอบเข้ามหาลัย
"การสอบจะจัดขึ้นเวลาเดียวกันทุกสำนัก แต่สำหรับเจ้าข้าไม่แน่ใจ การสอบบุคคลภายนอกข้าจำไม่ได้จริง ๆ แต่น่าจะช่วงเวลาเดียวกัน เสี่ยวหนานเจ้าสนใจสำนักใดเป็นพิเศษ"
"ตอนนี้ข้าตัดสินใจอยู่ ข้าอยากพาพวกพี่สาวไปกับข้าด้วย แต่อีกใจก็ไม่อยาก"
เอี้ยโหยวที่ดูแลทุกอย่าง และอายุนางก็ถือว่ามากกว่าคนอื่น เอี้ยหลานกะจะให้นางดูแลร้านเสื้อผ้า เอี้ยจื่อก็ไม่เหมาะกับวรยุทธ มีเพียงเอี้ยเล้งชู่คนเดียวเท่านั้นที่พอจะเป็นไปได้ "ตอนนี้ข้าจะให้พวกนางฝึกกันไปก่อน เมื่อถึงเวลาข้าค่อยตัดสินใจอีกที"
เอี้ยปี้เฉินพยักหน้า
"อ่อท่านน้าช่วยดูที่ข้าฝึกหน่อย" อี้หนานก็เดินพลังปราณผ่านนิ้วและฝึกแยกนิ้ว นิ้วที่แยกออกจากกันแยกได้เพียงเล็กน้อย และทำได้เพียงนิ้วชี้เท่านั้น
"มีคนบอกว่าร่างกายข้ากำลังปรับสภาพ ตอนนี้กินยาปราณไม่ได้ ท่านว่าอีกนานไหมถึงข้าจะสามารถกินยาได้" อี้หนานก็เดินไปหยิบยาต่าง ๆ ออกมา รวมถึงยาแก่นปราณระดับหนึ่งที่ซื้อมาอีกหนึ่งเม็ด "ข้าซื้อยาแก่นปราณมา ข้าชอบผลลัพของมัน ท่านน้าสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ว่าข้ากินได้อีกทีเมื่อไหร่ และพวกพี่สาวจะสามารถกินได้หรือไม่"
"เป็นยาที่มีราคาแพงและเงื่อนไขยุ่งยาก แต่ยาตัวนี้ออกแบบมาให้ค่อย ๆ ย่อยสลาย ข้าได้ทราบปริมาณกินยาที่ทานได้ ของทุกคนจากฮัวจิ่วมาแล้วเมื่อวาน ข้าอดประหลาดใจกับยาที่เจ้ารับไหวจริง ๆ ตัวเจ้าในตอนนี้ให้ฝึกเดินพลังไปก่อน เสี่ยวหนานหากเจ้าอยากได้วิธีที่รวดเร็วข้าย่อมมีวิธี แต่มันก็ย่อมมีค่าใช่จ่ายด้วยเช่นกัน"
"เรื่องเงินสำหรับการฝึกของข้า ข้าทุ่มเต็มที่ไม่มีกั๊ก ท่านน้าบอกมาเลยว่าต้องการเท่าไหร่"
"เรื่องนี้ข้าต้องไปดูราคาสมุนไพรที่ร้านขายยา ข้าจะออกให้เจ้าก่อนค่อยให้เจ้าจ่ายทีหลัง"
"ขอบคุณท่านน้า แล้วพวกพี่สาวล่ะ สามารถกิน ยาแก่นปราณได้หรือไม่"
"เมื่อมีข้าอยู่ พวกนางทุกคนสามารถกินได้ แต่ว่าแต่ละคนจะใช้เวลาย่อยสลายตัวยานานเท่าใดนั้น ข้าไม่อาจตอบได้"
"เช่นนั้นท่านน้า ข้าฝากท่านซื้อยาแก่นปราณระดับหนึ่งมาอีกห้าเม็ด...ท่านสนใจให้ลูก ๆ ท่านกินไหม ข้าช่วยออกให้ท่านได้"
"เจ้านี่ยังไงกัน ตอนข้าบอกให้เจ้าจ่ายพันตำลึงเป็นค่าสอนเจ้าก็ทำท่าทางกระบิดกระบวน พอมาตอนนี้กลับจ่ายเงินง่าย ๆ หลายพันตำลึง โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน"
"แหม ท่านน้าก็ ท่านเรียกเงินพันตำลึงทุกวัน ข้าย่อมไม่สามารถจ่ายไหว แต่ยาแก่นปราณพวกนี้ นาน ๆ จึงจะจ่ายซักครั้งข้าย่อมสามารถ"
เอี้ยปี้เฉินยิ้ม "ได้ข้าจะซื้อให้เจ้า แต่เจ้าต้องออกเงินเองนะ น้าของเจ้าคนนี้ไม่ได้พกเงินมามากนัก"
"ไม่มีปัญหา ว่าแต่ยาที่ท่านจะซื้อราคาประมาณเท่าไหร่เหรอ"
"ไม่น่าเกินสองร้อยตำลึง...แต่เรื่องที่เจ้าจะซื้อยาให้ลูก ๆ ของน้าน้าคิดจริงจังนะ"
"แน่นอน ๆ รอข้าซักครู่ข้าขอตัวไปหยิบเงินมาให้ท่าน"
อี้หนานเดินเข้าไปในห้องเก็บสมบัติและทำการเสกทองออกมาอีกเจ็ดหีบ ทำให้หีบที่ว่างเปล่าตอนนี้เหลือเพียงสองหีบเท่านั้น อี้หนานมีทองสอบเจ็ดหีบ และทองหนึ่งพันสองร้อยตำลึงอีกหีบนึง
"หึหึ ฮ่า ๆ ๆ ว๊า ฮะ ฮ่า ๆ ข้านี่รวยเสียนี่กระไร พลังยุทธหรือจะสู้พลังเงินตรา"
ยาเจ็ดเม็ด เจ็ดพันกับสมุนไพรปรับสภาพอีกสองร้อย อี้หนานยกหีบออกมาห้าหีบ หีบที่ห้าเป็นหีบที่ไม่เต็มมีทองพันสองร้อยตำลึงพอดี
"แต่ละหีบมีทองหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง หีบสุดท้ายมีพันสองร้อยตำลึง รวมเป็นเจ็ดพันสองร้อย พอดีกับยาแก่นปราณระดับหนึ่งเจ็ดเม็ดกับสมุนไพรที่ท่านจะซื้อ"
"ตอนที่ข้าได้ฟังครั้งแรกข้าก็คิดว่าเจ้าพูดเล่น แต่พอมาเห็นหีบพวกนี้ นี่เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากขนาดไหนกัน"
"ข้าย่อมมีเยอะมาก พอที่ข้าคิดไปว่าจะช่วยเหลือตระกูลท่านได้ แต่ข้าก็คิดง่ายเกินไป ข้ามีประมาณหนึ่งในสิบของหนี้ตระกูลท่านเท่านั้น"
"มากถึงหนึ่งในสิบส่วน" เอี้ยปี้เฉินตกตะลึงกับคำโกหกของอี้หนาน
"แต่ข้าต้องค่อย ๆ แปลงเป็นตำลึงทอง จึงไม่สามารถใช้จ่ายได้ครั้งละมาก ๆ "
เอี้ยปี้เฉินเหงื่อตก เด็กคนนี้มีเงินมากมายถึงเพียงนี้ทำไมถึงอยากช่วยตระกูลข้ากัน
อี้หนานยิ้มให้กับท่าทางของเปี้ยปี้เฉิน "แต่ท่านน้าไม่ต้องกังวล ข้ากำลังหาทางเพิ่มช่องทางทำเงิน ภายในห้าปี มันก็ไม่แน่ว่าข้าอาจสามารถทำได้จริง ๆ ก็เป็นได้"
เอี้ยปี้เฉินกลืนน้ำลาย "หากเจ้าทำได้จริง ตระกูลข้าจะตอบแทนให้เจ้าอย่างเท่าเทียม"
อี้หนานคำนับ เอี้ยปี้เฉินก็เอาหีบสมบัติดูดเข้าไปในแหวนมิติของนางทั้งหมด
"แหวนของท่าน มีปริมาตรเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่?" อี้หนานถามอย่างตื่นเต้น
"ปริมาตรอันใด? แหวนวงนี้สืบทอดกันมาในตระกูลข้า จุได้สิบห้าเซียะ ราคาจ้าไม่แน่ใจ แต่มีไม่กี่วงเท่านั้นในตระกูลเอี้ย"
"สิบห้าเซียะก็.." อี้หนานเปิดสมุดจดขึ้นมาดู "ห้าเมตรใหญ่เท่ากับห้อง ๆ นึง ยอมเยี่ยม ท่านพอรู้จัดพ่อค้าที่ขายแหวนหรือไม่"
"ข้าย่อมรู้จัก แต่ว่าแหวนที่มีความจุเยอะ ๆ เหมือนแหวนวงนี้ จะมีราคาสูงและหาซื้อได้ยาก คนมีไม่ขาย คนที่ไม่มีกลับต้องการ เจ้าต้องเข้าใจนะ เด๊๋ยวน้าจะออกไปซื้อยาและแวะถามให้"
"ขอบคุณท่านน้า"
เอี้ยปี้เฉินแวะกลับตระกูลเพื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เอี้ยหยางพ่อของตนได้ฟัง
"เจ้าบอกเขาเรื่องหนี้สินของเราโดยไม่ปรึกษา เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่เจ้าเด็กอี้หนาน กลับบอกว่ามีสมบัติมากถึงหนึ่งในสิบ เจ้าแน่ใจแล้วเหรอ"
"ข้าย่อมไม่แน่ใจ แต่การที่เขาสามารถจ่ายเงินง่าย ๆ หลายพันตำลึงก็เป็นเรื่องจริง"
"เอี้นยี่ สืบข่าวมาว่าเขารับซื้อผลึกจำนวนมากทุก ๆ สองวัน แต่กลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวอื่น ๆ เขาเอาทองเหล่านี้มาจากไหนกัน อาจมียอดฝีมือแฝงตัวในที่ลับ คอยส่งของเหล่านี้มาให้ เจ้าอย่าพึ่งรีบตัดสินใจ...แต่การที่เจ้ายอมส่งอิ๋งเอ่อร์หลงเอ่อร์ไปอยู่ที่นั่นเจ้าทำได้ดีมาก เมื่อมีพวกเด็ก ๆอยู่เขาอาจจะเปิดเผยจุดประสงค์ออกมา"
เอี้ยหยางลูบเคราวพลางคิดอะไรในใจ
"แต่คำพูดเหล่านั้นที่อี้หนานพูดก็ดูจริงใจดี เพียงแต่เราไม่สามารถสืบที่มาของทองเหล่านั้นได้ ข้าไม่วางใจ ในบ้านหลังนั้นไม่มีใครมีพลังพอที่จะใช้งานแหวนมิติได้ใช่ไหม"
"ค่ะท่านพ่อ คนที่น่าสงสัยที่สุดคือ จูเมิ่งพ่อค้าผลึก"
"ได้ ข้าจะให้เอี้ยยี่ไปสืบเรื่องของพ่อค้าผลึกคนนี้ นี่อาจเป็นฝีมือของมือที่สาม เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าต่อ"
"ค่ะท่านพ่อ" เอี้ยปี้เฉินเดินออกจากห้องไป
"ท่านบรรพบุรุษท่าน คิดยังไงกับเรื่องนี้" เอี้ยหยางเอ่ยถามในห้องที่ว่างเปล่า
"ติดตามต่อไป" มีเสียงชราตอบกลับมาแต่ไม่ปรากฏร่าง
"ครับ!"
"เจ้าเก่งที่สุดในบ้านนี้ใช่ไหม เจ้าต้องมาประลองกับข้า"
อี้หนานที่หลับตาทำสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นมามองหน้าเอี้ยไป่อิ๋ง
"ย่อมไม่ใช่ แม่เจ้าต่างหากที่เก่งที่สุด"
"ไม่นับแม่ข้าซิ"
"งั้นเจ้าก็เก่งที่สุด"
"ไม่ใช่ข้า"
"งั้นก็น้องชายของเจ้า"
"ไม่นับคนตระกูลเอี้ย"
"ไม่นับคนที่มีแซ่เอี้ยล่ะก็ หม่าเทียนเก่งที่สุด" อี้หนานเล่นคำ
"ใครคือหม่าเทียน"
"นั่นไง" อี้หนานชี้หม่าเทียนที่กำลังเก็บกวาดเศษหอนที่กระจายเพราะจอมยุทธท่านนึง
"นั่นมันคนเลี้ยงม้า"
"ใช่แล้วหม่าเทียนเป็นคนเลี้ยงม้า"
"เขาไม่เป็นวรยุทธ"
"นั่นก็ถูกอีกเขาไม่เป็นวรยุทธ เจ้านี่เก่งจริง ๆ รู้ไปหมดทุกเรื่องเลย"
"อึ่ม!" เอี้นไป่อิ๋งกระทีบเท้า "ข้าจะดวลกับเจ้า"
อี้หนานหันหลัง "ดวลกับใครไม่เห็นมีใครอยู่เลย"
"เจ้านั่นแล่ะ!!" เอี้ยไป่อิ๋งทนไม่ไหว หมวดกระบี่ไปที่อี้หนาน
อี้หนานกลิ้งตัวหลบ "เจ้าจู่โจมคนไม่มีอาวุธได้ยังไง แม่เจ้ากลับมาข้าจะฟ้องแม่เจ้า"
"เจ้า!" เอี้ยไป่อิ๋งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ และวิ่งเอาดาบไม้ไล่ฟันอี้หนาน
"ข้าจะฟ้องแม่เจ้า!"
"อยากฟ้องก็ฟ้องไป วันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้ได้!"
"นายท่าน" เอี้ยเล้งชูาตระโกนเรียก
"ไม่เป็นไร ข้าเล่นไล่จับกันเท่านั้น เจ้าฝึกไปก่อน"
"ข้าจะตีเจ้า!!!"
เอี้ยไป่อิ๋งวิ่งไล่อี้หนานพลางทุบตีข้าวของในลานฝึก อี้หนานก็วิ่งหนีไปเรื่อย ๆ ไม่ตอบโต้ ด้วยความที่ทั้งสองเป็นผู้ฝึกยุทธระดับเดียวกัน เอี้ยไป่อิ๋งที่อารมย์ร้อนวิ่งไล่ตรง ๆ ทำให้อี้หนานหลอกล่อจนหนีไปได้ทุกครั้ง
วิ่งมาครึ่งชั่วโมงอี้หนานที่ใกล้หมดแรงจึงชวนคุย
"แม่นางน้อย เจ้าลองดูรอบ ๆ สิ ข้าวของเสียหายไปหมดแล้ว ฝีมือของเจ้าทั้งนั้น แม่เจ้ากลับมาต้องโกรธมากแน่ ๆ "
"ใครใช้ให้เจ้าวิ่งหนีข้ากัน เป็นลูกผู้ชายซะเปล่า เอาแต่วิ่งหนีไม่ยอมสู้"
"พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก ถึงแม้ว่าข้าจะโตกว่าเจ้า แต่ข้าก็พึ่งจะเริ่มฝึกยุทธได้ไม่กี่วันเท่านั้น วิชาต่อสู้อะไรข้าไม่มีซักอย่าง ของที่เจ้าถืออยู่ก็เป็นของใหม่ไม่เคยใช้งาน ข้าจะให้แม่เจ้ามาสอนข้าเนี่ยล่ะ"
"ต่อให้เจ้าไม่มีวิชาต่อสู้ แต่เจ้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธ เจ้าต้องดวลกับข้า"
"ข้าก็บอกเจ้าแล้ว ข้าสู้เจ้าไม่ได้ ขอยอมแพ้"
"ข้าไม่ให้เจ้ายอมแพ้"
"งั้นเอามาดวลอย่างอื่นกัน"
"ได้! เจ้าจะดวลอะไรก็ได้ข้าไม่มีแทางแพ้เจ้าทั้งนั้น"
"แข่งนั่งสมาธิ ให้น้องชายเจ้าสัดสินใครลืมตาก่อนแพ้"
"เชอะเรื่องง่าย ๆ ข้าไม่แพ้เจ้าหรอก เสี่ยวหลงเจ้าเป็นคนตัดสิน"
"ครับทานพี่"
"แข่งกันเฉย ๆ ไม่สนุกเท่าไหร่นัก เรามาพนันกันซักหน่อยไหม"
"พนัน? ยอมได้ เจ้าจะพนันอะไร"
"ถ้าข้าชนะ เจ้าต้องเรียกข้าว่า หนานเกอ ส่วนเจ้าชนะก็แล้วแต่เจ้า"
"งั้นถ้าข้าชนะข้าจะเรียกเจ้าว่าลูกเต่า"
"ได้ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเริ่มได้เลย"
เมื่อหาที่นั่งเหมาะ ๆ เอี้ยไป่อิ๋งก็ให้สัญญาณ "การดวลทำสมาธิเริ่มได้"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น