ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพยุทธพลังแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #12 : เอี้ยปี้เฉิน

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 61


        "อรุณสวัสดิ์คุณชาย"

        "อรุณสวัสดิ์แม่นางอัวจิ่ว ท่านช่วยสอนใช้งานแหวนมิติและพวกแผ่นอักขระอาคมให้ข้าหน่อย"

        "ขอแสดงความยินดี กับการเลื่อนระดับของคุณชาย ตอนนี้คุณชายก็เป็นสหายชาวยุทธ เช่นเดียวกับข้าแล้ว"

        ฮัวจิ่วส่งยิ้มให้ อี้หนานหัวเราะชอบใจ

        "เพราะได้ท่านช่วยเหลือ ข้ายินดีมอบโบนัสให้ท่าน เท่าตัว!"

        "โบนัส?"

        "หมายถึงรางวัลน่ะ ค่าจะจ่ายค่าจ้างให้ท่านอีกเท่าตัว"

        ฮัวจิ่วตาโต นี่ถือเป็นรายได้สี่เท่าจากปกติเลยทีเดียว

        "ขอบคุณคุณชาย นี่ล้วนเป็นโชควาสนาของนายท่าน" ที่กินยาเกินขนาดแต่ไม่บ้าไปเสียก่อน ฮัวจิ่วเก็บประโยคหลังเอาไว้ในใจ

        "ขอบคุณ ๆ "

        "เรื่องแหวนมิตินั้นไม่ยากนัก เมื่อท่านถึงระดับปราณก่อราก แล้วท่านจะสามารถปล่อยปราให้ไหลออกมาจากร่างกายได้"

        "เยี่ยม! ทีนี้ข้าจะได้ใช้งานแหวนมิติที่ซื้อมาทิ้งไว้ได้ซักที"

        ฮัวจิ่วยิ้มเล็กน้อย

        "แต่ตัวท่าน ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้ได้"

        "อะไรนะ!?"

        "ท่านที่พึ่งจะเลื่อนระดับต้องปรับสภาพร่างกายเสียก่อน ช่วงนี้ก็ให้ท่านเดินลมปราภายในร่าง รำเพลงมวย และกินยาชำระกายทุกวัน ไม่เกินเจ็ดวัน ร่างกายของท่านจะปรับสภาพ และก็จะสามารถเดินลมปราให้ออกมาจากร่างได้ เริ่มจากปลายนิ้ว ให้ท่านใช้นิ้วโป้งสัมผัสกับนิ้วชี้ และส่งปราจากนิ้วโป้งไหลวนไปที่นิ้วชี้ให้ไหลเวียนเป็นวง เมื่อชำนานก็ให้ท่านส่งปราจากนิ้วชี้ไปยังนิ้วโป้ง"

        ฮัวจิ่วแสดงให้ดู

        "จากต่อไปก็สลับไล่ไปทีทีนิ้ว โดยใช้นิ้วโป้งแตะนิ้วต่าง ๆ ขั้นตอนเปล่านี้ไม่ยากมากนัก คล้ายกับการไหลเวียนภายในร่างกาย ขั้นต่อไป ระหว่างที่ท่านกำลังส่งปราไหลวนระหว่างนิ้ว ให้ท่านค่อย ๆ คลายนิ้วออกจากกันช้า ๆ ห่างประมาณหนึ่งข้อนิ้ว ท่านต้องรับรู้ถึงปราที่ยังไหลวนจากนิ้วทั้งสอง ในขณะที่นิ้วแยกออกจากกัน"

        นิ้วของฮัวจิ่วมีออร่าจาง ๆ ไหลเวียนจากนิ้วโป้งไปนิ้วชี้

        "ท่านที่อยากใช้แหวนมิติ เมื่อฝึกถึงขั้นนี้ก็จะสามารถใช้งานได้ไม่ยาก ให้นึกเสียว่าแหวนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ส่งพลังผ่านระหว่างนิ้วไหลผ่านแหวนท่านก็จะสามารถเปิดใช้งานแหวนมิติได้"

        "ยอดเยี่ยม! ดูไม่ยากเท่าไหร่"

        “มันยากว่าที่ท่านคิดเอาไว้ ...แต่ท่านที่เลื่อนระดับ หลังจากฝึกเคลื่อนพลังปราณเพียงวันเดียว อาจจจะสามารถทำได้โดยง่ายก็ได้”

        “เป็นเพราะว่าข้ามีเงินซื้อยามากินจำนวนมาก”

        “ก็คงเป็นเช่นนั้น มาให้ข้าอธิบายต่อ ขั้นต่อไปคล้าย ๆ กับวิธีแรกแต่เปลี่ยนจาก ปลายนิ้วเป็นฝ่ามือ ให้ท่านประกบฝ่ามือเข้าหากัน จากนั้นส่งพลังปราไหลวนเป็นวนวง และค่อย ๆ แยกออกจากกัน”

        ฮัวจิ่วประกบฝ่ามือ โดยมือทั้งสองอยู่ระหว่างอกระหว่างอก มือซ้ายหงายขึ้นมือขวาค่ำลงประกบ แยกแยกฝ่ามืออกจากกัน มีออร่าส่งผ่านมือทั้งสอง ฮัวจิ่วเปลี่ยนท่ามือให้หมุนวนเหมือนรำมวย อี้หนานถึงกับอ้าปากค้าง

        ต้องแบบนี้ซิ!นี่แหละพลังยุทธ เท่จริง ๆ มีพลังออกจากฝ่ามือเหมือนในหนังไม่มีผิด

        “ขั้นตอนนี้จะใช้พลังปราไปในปริมาณมาก และเป็นพื้นฐานของวิชายุทธ  เพลงดาบเพลงมวยที่ทรงพลังล้วนเริ่มจากสิ่งนี้ ยิ่งท่านควบคุมมันละเอียดเท่าไร ก็ยิ่งง่ายต่อการฝึกวิชายุทธต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ต่อให้ฝึกถึงขั้นที่สูง ๆ ก็ยังต้องทำสมาธิทบทวนสิ่งนี้อยู่เสมอ อาจเพิ่มขั้นตอน ส่งพลังไปที่กระบี่ ก้อนหินรอบตัว อุปกรณ์เวท ทำการควบคุมระยะไกล และอื่น ๆ อีกหลากหวายวิธี”

        ถึงตรงนี้อี้หนาน ก็นึกถึงยอดฝีมือที่นั่งสมาธิฝึกวิชาบนยอดเขาบ้างในถ้ำบ้าง หิมะที่ทับถมตัว นั่งฝึกใต้น้ำตก ฝึกเคลื่อนพลังปรานอกร่างกาย เคลื่อนย้ายกระบี่นับพัน อา มันช่างเท่เหลือเกิน

        "วิธีนี้สามารถใช้พลังปรากระตุ้นการรักษาได้อีกด้วย แต่ท่านต้องฝึกฝนเดินลมปราอย่างละเอียดให้ได้เสียก่อน วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ท่านจ้างข้ามาแล้ว อยากรู้อะไรเป็นพิเศษหรือไม่?"

        "ข้ามีข้อสงสัย ถ้าข้าไปสมัครเข้าสำนักต่าง ๆ จะสามารถเข้าได้ไหม เงื่อนไขทดสอบคืออะไร และข้าสามารถนำพวกพี่สาวไปกับข้าได้หรือไม่"

        ฮัวจิ่วยิ้ม "การเข้าสำนักต่าง ๆ โดยมากแล้วจะเริ่มเข้ามาตั้งแต่เด็ก แปดถึงสิบสองปี มีการสอบเข้าสำนักทุกปี แต่ก็จะมีการรับศิษย์ที่เป็นบุคคลภายนอกเช่นกัน พวกคนเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นพวกที่หมดสิทธิ์สอบแบบปกติ ถึงจะเข้าได้ในภายหลังแต่ก็เป็นเพียงเด็กรับใช้เสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีผู้มีฝีมือโดดเด่นสามารถกลายเป็นศิษย์ภายในได้เช่นกัน การรับศิษย์ประเภทบุคคลภายนอกจะมีขั้นตอนไม่มาก หนึ่งตรวจวัดระดับพลัง สองประลองกับศิษย์ในสำนัก สามตรวจสอบประวัติเพื่อกันไม่ให้ไส้ศึกเข้าสำนักได้"

        ฮัวจิ่วหยุดจิบชาแล้วพูดต่อ "การวัดระดับพลังกับสอบประวัตินี่ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่การประลองคือการตัดสินว่าผู้ที่เขามาใหม่จะกลายเป็นศิษย์ประเภทใด "

        "มีการแบ่งวรรณะหลายชั้นหลายขั้นตอนจริง ๆ เอาเงินให้ แล้วขอเข้าเรียนได้ไหม"

        "ฮะ ๆ ท่านนี่แค่ฟังการทดสอบก็ไม่กล้าเสียแล้ว"

        "ไม่ใช่ข้าไม่กล้าประลอง แต่ข้ากลัว ถึงข้าสอบผ่านแต่พวกพี่สาวก็ไม่สามารถเข้าสำนักได้"

        "มันย่อมมีหนทางแน่นอน ไม่งั้นสำนักข้าคงไม่มีเหล่าคุณชายมากมายที่เดินไปทั่วสำนัก"

        "ดี ๆ แล้วท่านคิดว่าข้าควรไปเข้าสำนักเมื่อใด"

        "คุณชายอายุสิบสี่ปีใช่ไหม อย่างน้อยข้าแนะนำให้ฝึกถึงขั้นกำเนิดปราเสียก่อน ท่านจะได้มีโอกาสกลายเป็นศิษย์ภายนอกได้"

        "แล้วศิษย์ถายใน เงื่อนไขเป็นเช่นใด"

        "ศิษย์ภายในเงื่อนไขจะเยอะพอควร โดยหลักกฎเกณฑ์ในการเลือก จะยึดความความแข็งแร่งและอายุ ยิ่งความแข็งแร่งมากกว่าอายุที่สำนักกำหนดไว้มากเท่าไหร่ ก็จะสามารถเข้าได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่หากไม่มีการพัฒนาก็จะมีเกณฑ์ในการตัดสิทธิ์และกลายเป็นศิษย์ภายนอก ส่วนศิษย์ภายนอกเอง หากอายุเยอะมาก ๆ ก็จะถูกไล่ออกจากสำนัก แต่ก็มีคนที่เป็นประโยชน์ต่อสำนักบางส่วนที่ไม่ถูกไล่ออกเช่นเดียวกัน"

        "เป็นประโยชน์ต่อสำนัก คำ ๆ นี้ฟังดูเหมือนแทนที่ด้วยเงินทองได้" อี้หนานยิ้มเจ้าเลห์

        "แน่นอนว่ามีแน่ มีหลายคนยอมจ่ายเงินเพื่อคงสถาณะเอาไว้ แต่ท่านนี่อะไร ๆ ก็เงิน ๆ ทอง ๆ ไปหมดเลยนะ"

        "ก็ข้ามีดีแค่นี้นี่นา" ฮัวจิ่วเห็นสีหน้าที่อี้หนานแสดงออกมาก็หัวเราะ

        "ท่านก็ขยันฝึกวิชาให้มาก ๆ หน่อย ยังไม่สายเกินไป"

        อี้หนานก็ยิ้มตอบ

        "นายท่าน มีคนที่ชื่อเอี้ยปี้เฉินมาขอเข้าพบ" เอี้ยหลานเข้ามารายงาน

        "หืม? อ๋อใช่ ๆ เชิญเข้ามาได้เลย แม่นางฮ้วจิ่วข้าขอตัวไปคุยธุระก่อนล่ะ"

        "ท่านจะใช้ห้องนี้ใช่ไหม งั้นข้าขอตัว"

        อี้หนานพยักหน้า และเดินออกไปหน้าคฤหาสน์เพื่อต้อนรับแขก

        "สวัสดีท่านน้าเอี้ยปี้เฉิน"

        อี้หนานมองสำรวจท่านน้าคนนี้อีกครั้ง ก็ถือว่ายังรุ่น ๆ อยู่ หุ่นดีเพราะการฝึกยุทธ ก็นึกถึงพวกคุณนายที่เข้าฟิตเนสตเนส อายุสี่สิบ-ห้าสิบแต่หุ่นกลับเหมือนสาวยี่สิบ

        "สวัสดีคุณชายอี้หนาน หลังจากคิดมาสามวัน ข้าก็ตัดสินใจจะมาสอนวรยุทธให้กับท่าน"

        "เชิญเข้ามาคุยด้านใน"

        เอี้ยหลานเช็ดทำความสะอาดและยกชาเข้ามาเสิร์ฟ

        "เมื่อท่านมาแล้ว ข้าก็ขอพูดอีกครั้ง ข้าและสาวใช้อีกสี่คนต้องการหาอาจารย์หญิงมาสอนวรยุทธให้ ท่านเรียกค่าจ้างมาได้เลย"

        "หืม? ข้าสัมผัสได้ว่าเสี่ยวหนานบรรลุปราก่อรากแล้ว"

        "ใช้แล้วท่านน้าข้าพึ่งก้าวผ่านคืนนี้เอง ข้าได้ว่าจ้างคนมาสอนอยู่สามวัน ผลที่ได้ค่อนข้างน่าประทับใจ"

        "เจ้าจ้างคนมาสอนรึ ค่าจ้างเท่าไหร่ อาจารย์ท่านนั้นพลังยุทธอยู่ระดับใด"

        "ท่านน้าไม่ต้องกังวล คนที่ข้าจ้างเป็นเด็กสาวอายุสิบหกเท่านั้น จ้างนางมาสอนก็จริง แต่ข้าอยากให้นางอยู่เป็นเพื่อน ๆ สาวใช้ยองข้ามากกว่า เห็นนางเป็นศิษย์ภายนอกสำนักอะไรซักอย่าง นางน่าจะสอนได้ชั่วคราวเท่านั้น"

        "ข้าขอพบพวกนางได้ไหม?"

        "ได้แน่นอน พี่สาวหลานไปเรียกคนอื่น ๆ มา"

        "เจ้าค่ะ"

        "ค่าจ้างของนางคิดราคาวันละสิบตำลึง แล้วท่านจะเรียกราคาเท่าไหร่?"

        เอี้ยปี้เฉินยิ้ม "ข้าขอลองสอนซักพักก่อนก็แล้วกัน"

        "ตามที่ท่านน้าต้องการ อ่า พวกนางมาพอดี ข้าขอแนะนำ พี่สาวพวกนี้เป็นบ่าวที่ข้าซื้อมาไม่นานแต่ข้าก็สนิดกับพวกนางมาก ข้าให้นางใช้แซ่เอี้ยหวังว่าท่านน้าคงไม่ว่าอ่ะไร"

        "ไม่เป็นไร ทางตระกูลเราก็ทำเช่นนี้"

        "คนที่โตสุดชื่อ เอี้ยโหลว นางเป็นคนดูแลทุกอย่าง ถือเป็นหัวหน้าของบ่าวของที่นี่" เอี้ยโหยวคำนับ "ถัดมาคือ เอี้ยหลาน เอี้ยเล้งชู่ และเอี้ยจื่อ" ทุกคนคำนับ

        เอี้ยปี้เฉินพยักหน้า "แล้วสามวันมานี่ ฝึกอะไรมากันบ้าง"

        "ก็มีการเคลื่อนปรา ท่าบริหารลมปรา แล้วก็ฝึกเดินลมปราต่าง ๆ ... " เอี้ยหนานที่ฝึกได้วันเดียวแล้วสลบข้ามวันหันไปหาเอี้ยโหลว "บังเอิญว่าข้ากินยามากไปจังหวะเดียวกันกับที่ข้าจะเลื่อนระดับ จึงหลับข้ามวัน พี่สาวโหยวได้ฝึกอะไรบ้าง"

        "จากวันที่นายท่านหลับ พวกเราก็ได้สลับกันแช่ตัวในน้ำยา รำมวย เดินปรา เพียงแค่นั้นเจ้าค่ะ อ๋อยังมีการฝึกทำอาหารเสริมปราอีกด้วย" เอี้ยโยวตอบ

        "การเริ่มฝึกก็เป็นเช่นนี้แหละ แต่เสี่ยวหนานเจ้ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว เจ้าจะต้องเริ่มฝึกวิชาการต่อสู้ ตัวยาอาหารต่าง ๆ ก็ต้องเริ่มเลือกให้เข้ากับตัวบุคคล และปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ "

         เอี้ยปี้เฉินทำตาจริงจัง "จริง ๆ ขั้นตอนพวกนี้เธอก็จ้างคนมาสอนก็ได้นี่ ทำไมถึงให้คนสกุลเอี้ยส่งคนมาสอน ถึงปากเธอจะบอกว่าไม่อยากเป็นคนสกุลเอี้ย แต่ที่เธอว่าจ้างคนสกุลเอี้ย และอยู่อาศัยในคฤหาสน์เก่าตระกูลเอี้น มันก็ทำให้คนอื่นคิดว่าเธอคือคนในตระกูลเอี้ย"

        อี้หนานยิ้มและสั่งให้คนอื่น ๆ ออกจากห้องไป "ก็ไม่ยังไงหรอกข้าอยากได้คนสอนจริง ๆ วันก่อนข้าแค่แวะไปตามคำเชิญจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา... ก็อยากพูดอย่างนั้นอยู่หรอก แต่จริง ๆ ก็คือข้าอยากได้อิทธิพลของจระกูลเอี้ยมาหนุนหลังการค้าของข้า"

        เอี้ยปี้เฉินตาโต ไม่คิดว่าอี้หนานจะตอบมาตรง ๆ "โอ้เป็นเช่นนี้เอง"

        "แต่ข้าแซ่เอี้ยจริง ๆ ข้าไม่มีอะไรมาพิสูจน์ เอาเป็นว่าค่าจะจ่ายเงินค่า'ยืมชื่อ' ท่านคิดว่ายังไง"

        "หมายถึงเจ้าจะยืมชื่อตระกูลเอี้ยของข้า เพื่อให้เจ้าทำการค้าที่เมืองนี้ได้สะดวก ข้อตกลงนี้ ทำไมเจ้าถึงคิดว่าตระกูลเอี้ยของข้าจะตกลง"

        เอี้ยปี้เฉินก็ยิ้มบาง ๆ อี้เฉินก็ยิ้มตอบ

        "เป็นเพราะ ข้าได้ข่าวมาว่าท่านมีหนี้ที่ต้องชดใช้ให้กับตระกูลจาง ข้าว่าหากท่านทำการค้ากับข้า ข้าขอรับรองว่าต่อให้ท่านจ่ายหนี้ไม่หมด แต่ตระกูลของท่านจะไม่มีทางจบสิ้นแน่นอน"

        เอี้ยปี้เฉินถลึงตาใส่อี้หนาน "เจ้าเด็กน้อย เจ้าเป็นแค่เด็กอายุสิบสี่ เจ้าคิดว่าเด็กอย่างเจ้าจะช่วยอะไรจระกูลเอี้ยได้งั้นเหรอ!!" เสียงที่ออกมามีความกดดันและพลังปราแฝนมาในคำพูด

        อี้หนานเหงื่อตก และกัดฟันยิ้ม

        "ข้า ย่อม ทำได้! เป้าหมายจริง ๆ ของข้าคือเชิญท่านมาจับตาดูข้า เมื่อท่านมั่นใจเราก็ค่อยทำข้อตกลงกัน ระยะนี้ให้ท่านอยู่ที่นี่สอนวรยุทธพวกข้าไปพลาง ๆ ก่อน ข้าจะเปิดการค้า ท่านก็เชิญตรวจสอบตามสบาย"

        "เจ้าต้องการอะไรจากตระกูลเอี้ยกันแน่"

        "เอางี้เป็นไง ให้ท่านบอกกับคนอื่นว่า ข้าเป็นญาติห่าง ๆ ที่มาขออาศัย และไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในตระกูล แต่ตระกูลเอี้ยก็หนุนหลังการค้าของข้า และปกป้องข้าเป็นบางครั้ง หากท่านคิดว่าข้าไม่มีประโยชน์กับท่านเมื่อใด ก็บอกกับคนอื่นได้เลยว่า ข้าสร้างปัญหากับคนในตระกูลและตัดสัมพันธ์"

        "แล้วตระกูลเอี้ยจะได้อะไร"

        "แน่นอนข้ายินดีจ่ายภาษีให้กับท่านเมื่อข้าขายสินค้าได้"

        "เจ้าคิดหรือว่ามีสกุลเอี้ยหนุนหลังแล้วการค้าจะไปรอด ตระกูลของข้าพยายามทำการค้ามาหลายรุ่นแต่ก็ไม่สามารถเติบโตได้...อาจเป็นตระกูลจางที่ยื่นมือเข้ามา เจ้าอย่าได้คิดเรื่องสกุลเอี้ยหนุนหลังการค้าเลย"

        "หากไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร"

        "เพราะลองมามากแล้วน่ะซิถึงกล่าวเตือน"

        อี้หนานหลับตานึกคำพูด

        "ข้ายอมรับความจริงใจของเจ้า แต่เรื่องที่เราร่วมมือกัน ไม่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย" เอี้ยปี้เฉินกล่าว

        "ตระกูลจางวางแผนสิบปีเพื่อยึดตระกูลเอี้ย ข้าก็ได้ขึ้นชื่อว่าแซ่เอี้ยเช่นกันกับพวกท่าน ข่าย่อมไม่อยากให้พวกท่านต้องเผชิญกับการล่มสลาย ข้าได้ชื่อว่ามีพรสวรรค์ในการหาเงิน และท่านแม่ของข้าก็ทิ้งสมบัติเอาไว้มากมาย ข้าว่าข้ามีกำลังพอจะช่วยท่านได้ หากผ่านเรื่องนี้ไปได้ ท่านก็ค่อยตอบแทนข้าซักหน่อยก็พอ"

        อี้หนานแสดงความจริงใจอย่างมาก เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เอี้ยปี้เฉินใจอ่อน จริงใจมากถึง 70 เปอร์เซ็น

        "เพราะใช้แซ่เอี้ย จึงทำเพื่อตระกูลเอี้ย" แววตาของเอี้ยปี้เฉินอ่อนลง จ้องมองอี้หนานอย่างเอ็นดู "ได้เสี่ยวหนาน ข้าขอจับตาดูเจ้าซักระยะนึง เมื่อข้าตัดสินใจจะร่วมมือ ข้าจะบอกกับเจ้า"

        "ขอบคุณท่านน้า แต่ท่านน้าข้ามีข้อสงสัยที่สำคัญมาก จริง ๆ แล้วตระกูลเอี้ยติดหนี้อยู่เท่าไหร่"

        เอี้ยปี้เฉินหลบตาต่ำ "ข้าขอบอกคร่าว ๆ ก็แล้วกัน..." และใช้พลังปราส่งคำพูดที่มีแต่อี้หนานเท่านั้นที่ได้ยิน

        "มากถึงเพียงนี้ และต้องใช้เวลาห้าปี"

        "ใช่ ข้ารับรูู้ได้ถึงจิตใจเจ้าที่อยากช่วยจระกูลเอี้ย แต่ภาระก้อนนี้เจ้าแบกไม่ไหวหรอก" อี้หนานกัดฟันและเหงื่อตก "ถึงแม้เจ้าจะมีเงินพอที่จะชดใช้จริง ๆ ข้าก็ขอแนะนำว่า เก็บเงินเอาไว้ให้ตัวเจ้าเองเถอะ อย่าลำบากเพื่อพวกเราเลย"

        "เอาเป็นว่าข้าขอให้ ท่านน้าอย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ในตระกูลก็แล้วกัน อยู่สอนวิชาให้ข้าก่อน ขอข้าเตรียมการอะไรบางอย่าง ถ้าท่านน้าว่างก็ลองไปพูดคุยกับคนอื่น ๆ และคนที่ข้าจ้างมาสอน ส่วนข้าขอคิดอะไรคนเดียวในห้องซักพัก"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×