ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : จอมยุทธสาวฮั่วจิ่ว
หลังจากที่อี้หนานพูดจนจบก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ บรรยากาศเริ่มหนักขึ้น
"เอาล่ะเรื่องแซ่เอี้ยของข้านั้น ข้าก็ขอยืนยันแล้วว่า ข้าไม่ใช่คนของท่าน ท่านก็อย่ามาเหมาข้ารวมกับท่านเลย ให้ท่านถือซะว่า ข้าเป็นคนรู้จักที่มาเยี่ยมเยียนเท่านั้น"
"ย่อมเป็นเช่นนั้น" เอี้ยยี่เอ่ยตอบ
"งั้นข้าขอเริ่มพูด จุดประสงค์ที่ข้ามาในวันนี้ เลยก็แล้วกัน"
"เนื่องจากข้าเป็นพ่อค้า พ่อแม่ข้าก็เป็นพ่อค้าแม่ค้า ข้าโตมาอย่างสงบสุข เงินทองไม่มีขาด แม่ของข้าก็ไม่ได้บังคับให้ข้าฝึกยุทธ"
พูดถึงตรงนี้ อี้หนานก็ยกชาขึ้นมาจิบ
"ตอนนี้ที่บ้านของข้ามีสาวใช้สี่คนและคนงานอีกคน ข้าอยากหาอาจารย์หญิงซักคน มาสอนวรยุทธให้พวกนางและตัวข้า เป็นเพราะข้าแซ่เอี้ย ไปไหนมาไหนก็ได้ยินเรื่องของตระกูลเอี้ยผู้เชี่ยวชาญวรยุทธที่เก่าแก่ อีกทั้งลุงยี่ก็ชวนข้ามาเที่ยวที่นี่ ข้าจึงตั้งใจมาทำการค้ากับท่าน... อ๊ะเรื่องวิชาที่ฝึกเอาทั่ว ๆ ไปก็พอ ไม่ต้องเอาเคล็ดลับ วิชาประจำตระกูลอะไร เพราะข้าไม่ได้สนใจอะไรพวกนั้น พวกท่านสนใจทำการค้ากับข้าไหม"
"เรื่องนี้..." คนอื่น ๆ มองหน้ากัน "ขอเวลาใคร่ควรซักนิด" เอี้ยยี่เป็นคนตอบ
"ถ้างั้นก็รบกวรแล้ว เรื่องเงินไม่มีปัญหา หากท่านเตรียมพร้อมเสร็จเมื่อไหร่ ก็ให้ไปหาข้า ที่บ้านได้เลย พวกท่านทราบแล้วว่าข้าอาศัยอยู่ที่ใด"
หลังจากพูดคุยทั่วไปอีกเล็กน้อย อี้หนานก็เดินทางกลับ เอี้ยยี่ไปส่งที่หน้าประตู
"เด็กหนุ่มคนนี้น่าตกใจจริง ๆ อายุแค่สิบสี่ สิบห้า คำพูดกลับเต็มไปด้วยความรู้ความห้าวหาญ พูดจาฉะฉานชัดเจนถึงเพียงนี้" เอี้ยหยางพูดกับทั้งสามคน
"คำพูดสีหน้าสายตาล้วนมั่นคง ไม่มีท่าทางว่าโกหกอะไร อีกทั้งยังไม่ต้องการอะไรจากเราอีก ท่านพ่อข้าว่า..." เอี้ยปี้เฉินแสดงความคิดเห็น
"ข้าไม่เชื่อใจเขา! อยู่ ๆ ก็โผล่มา ต้องสืบให้ดีซะก่อน ไม่งั้นตระกูลเอี้ยเราจะต้องจบสิ้นแน่ ๆ "
"จบสิ้นอะไรตาแก่! อีกห้าปีก็ครบกำหนดจ่ายหนี้ นั่นแหล่ะที่เรียกว่าจบสิ้น เรื่องของเอี้ยอี้หนานข้าจัดการเอง"
"ใครคือตาแก่ เจ้าดูหน้าเอี้ยยี่ซิ แก่กว่าข้าเสียอีก!"
เอี้ยยี่ได้ฟังคำพาลของพี่ชายน้องสาวตัวเอง ก็ได้แต่ถอนหายใจ
"ท่านพ่อเรื่องนี้ท่านตัดสินเถอะ"เอี้ยยี่แสดงความคิดเห็น
เอี้ยหยางที่ครุ่นคิดก็เอ่ยคำตัดสิน
"เอี้ยหวินเจ้าไปสืบเรื่องของอี้หนาน ก่อนที่จะเดินทางมาเมืองนี้ เอี้ยปี้เฉินเจ้าอยากจัดการเรื่องของอี้หนาน ข้าอนุญาต รออีกสามวัน เจ้าค่อยไปสอนยุทธให้กับอี้หนาน เอี้ยยี่ส่วนเจ้า รวบรวมเรื่องของอี้หนาน ตั้งแต่มาถึงเมืองนี้ และมารายงานให้แก่ข้า"
"ครับ/ค่ะ ท่านพ่อ"
ตามแผนของอี้หนานคือจ้างคนสกุลเอี้ย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตน และค่อย ๆตะล่อมให้เชื่อใจ ใช่แล้วสี่คนในห้องนั้น เอี้ยหวินคือคนที่พูดได้ใกล้เคียงที่สุด แต่ก็ยังไม่ถูกต้องนัก เพราะอี้หนานจะใช้ประโยชน์จากกระกูลเอี้ย ย่อมไม่ปล่อยให้ตระกูลล่มสลายอย่างแน่นอน
แต่อี้หนานก็พลาดที่นึกว่าจะคุยกันง่าย ๆ เอาเงินฟาดเอาก็จบ แต่เรื่องกลับไม่ง่ายเช่นนั้น จึงได้แต่กลับคฤหาสน์ไปโดยดี
"พี่สาวทุกท่านไม่เป็นอะไรนะ"
"พวกข้าไม่เป็นอะไร นายท่านโปรดสบายใจ"
"พี่สาวเล่าเรื่องคนแซ่เกาให้ข้าฟังหน่อย"
"คุณชายเกา เป็นแขกของข้าน้อยมาประมาณสองปีมาแล้ว ชื่อเต็มคือเกาหลง อายุยี่สิบห้าปี เป็นลูกชายของขุนนางเกา จึงถูกตามใจตั้งแต่เด็ก เป็นผู้ฝึกวรยุทธ ถ้าข้าจำไม่ผิดอยู่ขั้นกำเนิดปราณ"
"ไอ้ขั้นกำเนิดปราณนี่เก่งมากไหม"
"ผู้ฝึกยุทธย่อมต้องเก่งกาจเหนือคนธรรมดา ให้เอี้ยเล้งจูเล่าเรื่องนี้จะดีกว่า"
"เรียนนายท่าน ผู้ฝึกยุทธ จะมีระดับชั้นต่าง ๆ อยู่ ในแต่ละขั้นจะแบ่งได้สิบระดับ ขั้นแรกปราณก่อราก เมื่อถึงขั้นสิบ จะมีพลังเทียบเท่าคนสิบคน และเมื่อทะลวงขั้นกำเนิดปราณ ได้จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว"
"เก่งขนาดนั้นเชียว แล้วทำไมกลางตลาดเมื่อครู่ เกาหลงถึงไม่ได้ลงมือ สั่งให้ลูกน้อยออกหน้าแทน"
"เป็นนิสัยของคุณชายเกา เขาบอกว่าผู้ฝึกยุทธไม่ควรลงมือกับคนธรรมดา จึงชอบให้ลูกน้องลงมือแทน"
"ใช้หลายคนรุมคน ๆ เดียว มันต่างกันตรงไหนวะนั่น เอาล่ะ ๆ ให้ข้าเดาต่อ ไอ้เกาหลงนี่จะต้องไปเที่ยวหอนางโลมเพื่อไปหาเจ้า พอรู้ว่าเข้าถูกไถ่ตัวก็คงรู้สึกขายหน้า ทำเป็นเสแสร้งมาไถ่ตัว ถ้าจะไก่ตัวจริง ๆ คงไม่ต้องใช้เวลาถึงสองปีหรอก หึ!"
"คงเป็นเช่นนั้น"
"แล้วไอ้ระดับปราณขั้นต่าง ๆ นี่ จะรู้ได้ไงว่าอยู่ขั้นไหนอะไรยังไง สามารถตรวจวัดได้ไหม"
เอี้ยเล้งจูหยักหน้า "มีหินทดสอบพลังปราณอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่าคนธรรมดาไม่สามารถใช้ได้ เพราะต้องควบคุมพลังเพื่อโคจรปราณ และส่งออกไปภายนอกร่างกายเพื่อให้พลังได้สัมผัสกับหอนทดสอบ และผู้ฝึกยุทธที่เก่งกาจจะสามารถครวจจับระดับพลังอย่างคร่าว ๆ ได้อีกด้วย แต่ถ้าเจอผู้เก่งกว่า ก็จะสามารถรับรู้แรงกดดัน แต่ไม่อาจระบุพลังได้"
"อ่าฮะ งี้คนอื่นก็รู้หมดล่ะซิ ว่าข้าอ่อนด้อยขนาดไหน ดีแล้วที่ไม่เคยทำกร่างอะไร..." เอี้ยอี้หนานกระพริบตาปริบ ๆ มองรอบ ๆ ตัว
"อะแฮ้ม! มา ๆ กินข้าว ๆ "
หลังจากกินเสร็จ ซักพักนึงพ่อค้าร้านขายเครื่องประดับ ก็เดินทางมาถึง
"สวัสดีคุณชาย"
"สวัสดีท่านพ่อค้า ในหีบคือทองหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง และนี่คือตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง"
"เช่นนั้นข้าขอตรวจสอบทองในหีบซักครู่ นี่คือแหวนที่ท่านสั่งเอาไว้ทั้งห้าวง เครื่องประดับที่ข้าแถมให้อยู่ในแหวนแล้ว"
อี้หนานจึงเล่นแหวนในมือซักครู่ ในระหว่างที่พ่อค้ากำลังตรวจนับทองในหีบ
"เอ่อ.. ท่านพ่อค้า ข้าจะเอาของในแหวนเข้าออกได้ยังไง?"
"ง่าย ๆ เพียงท่านถ่ายพลังปราณเพียงเล็กน้อย ใส่แหวนเท่านั้นเอง"
พ่อค้าก็เอาทองในหีบ ใส่แหวนและนำออกมาให้อี้หนานดู
ถึงว่าละซิ ตอนที่พ่อค้าผลิกใช้แหวนเอาของเข้าออก ตัวแหวนถึงมีแสงเรืองออกมา ที่แท้ก็ใช้พลังปราณด้วย
อี้หนานนั่งนิ่งแสร้งทำว่าตรวจสอบเรียบร้อย และเมื่อพ่อค้าตรวจสอบทองในหีบเสร็จ ก็ขอตัวลา อี้หนานลุกไปส่งที่หน้าประตู
"เหี้ยเอ้ย! ใช้ปราณไม่ได้นี่ทำให้โลกนี้อยู่ยากจริง ๆ ต้องหาวิธีใช้ปราณให้ได้ซะแล้ว เอาแค่ใช้งานแหวนมิติได้ก็พอแล้ว"
อี้หนานรู้สึกเสียหน้า ที่ซื้อแหวนมาตั้งห้าวงแต่หลับใช้ไม่ได้เสียนี่
"เอี้ยเล้งชู่ มานี่หน่อย"
"นายท่านมีอะไรให้บ่าวรับใช้"
"ไปสำนักงานรับจ้างกับข้า"
"ไปกันสองคนแค่นั้นเหรอนายท่าน" เอี้ยเล้งชู่มองอย่างสงสัย
"หม่าเทียนย่อมต้องไปด้วย"
เอี้ยเล้งชู่ถอนหายใจเบา ๆ
ทั้งสามคนจึงเดินทางไปสำนักงานจัดหางาน
จากที่ฟัง ๆ ดูสำนักงานนี่มัน น่าจะคล้าย ๆ กับพวกกิลด์นักพจญภัย ถ้างั้นเป็นธรรมดาที่จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อมาถึงสถานที่ ก็มองสำรวจรอบอย่างระแวง
"เจ้าเคยมาที่นี่รึเปล่า"
"ย่อมเคยมาเจ้าคะ ได้ติดตามแม่เล้ามา ติดต่อจอมยุทธรับจ้างไปช่วยงานเป็นครั้งคราว"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าช่วยจัดการดำเนินเรื่องให้ทีก็แล้วกัน"
"ได้เลยเจ้าคะ" เอี้ยเล้งชู่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ และเดินไปพูดคุยกับพนักงานซักพัก จึงเชิญเข้าไปคุยที่ห้องส่วนตัว
"เรียนนายท่านทั้งสอง ข้ามีนามว่าอ้วงลี่ เชิญกล่าวธุระมาได้"
เอี้ยเล้งชู่หันมาสบตากับอี้หนาน อี้หนานจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เธอจัดการเรื่องนี้
"ข้าและนายท่าน ต้องการมาเชิญจอมยุทธหญิงไปสอนเป็นการส่วนตัว"
"ระดับของผู้ฝึกอยู่ที่ขั้นใด"
"มีทั้งหมดห้าคน มีนายท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ ข้าพี่สาวน้องสาวข้าอีกสี่คน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เริ่มต้น"
"ไม่ยาก ๆ แล้วพวกท่านต้องการเงื่อนไขพิเศษอะไรอีกไหม ว่าจ้างนานเท่าไหร่ สอนแบบตามเวลาหรือนอนพักที่นั่น"
เอี้ยเล้งชู่หันมาขอความช่วยเหลือจากอี้หนาน
"ข้าขอทดลองงานก่อนช่วงนึงก่อน ซักสามวัน แบบพักกับพวกข้า อายุอย่าให้มากนัก จะได้สนิดกับสาว ๆ ในบ้านข้าได้"
"จอมยุทธหญิง สอนวิชาสำหรับผู้ฝึกเริ่มต้น แบบพักอาศัย สัญญาสามวัน เงื่อนไขอายุไม่เยอะ นายท่านโปรดรอซักครู่ ข้าจะไปเรียกคนมาให้"
อี้หนานจิบชารอซักพักนึงก็มี หญิงสาวไม่ซิเด็กสาว อายุสิบหกปีเข้ามา แนะนำตัว
"สวัสดีนายท่านทั้งสอง ข้ามีชื่อว่า ฮัวจิ่ว เป็นศิษย์ภายนอกของสำนักชิงชาน พลังยุทธระดับกำเนิดปราณ ขั้นที่เจ็ด"
หืม? สำนักชิงซาน เหมือนเคยได้ยิน จึงหันหน้าไปมอง เอี้ยเล้งชู่ และกระซิบถามเบา ๆ
"สำนักชิงซานนี่ ทำไมคุ้น ๆ "
เอี้ยเล้งชู่มองนายท่านของตนด้วยความแปลกใจ "เรียนนายท่าน เมืองหัวอาน มีสามสำนักสี่ตระกูลใหญ่ สำนักชิงซานคือหนึ่งในนั้น"
"อ๋อ มิน่าล่ะ แม่นางฮัดจิ้วนี่มาจากสำนักชื่อดังนี่เอง"
"ชื่อของข้าคือ ฮัว จิ่ว!" มีเสียงกระซิบเขา ๆ ดังมาที่หูของอี้หนาน
อี้หนานจิงหันกับไปยิ้มเบา ๆ ให้กับแม่นางน้อยที่มีสีหน้าโกรธเล็กน้อย
"นับถือ ๆ วิชาส่งเสียงด้วยพลังปราณที่ล่ำลือ" จากในนิยาย "เช่นนั้น ค่าจ้างคิดยังไง"
"วันละสิบตำลึงทอง!"
"ตกลง!"
ฮัวจิ่วแปลกใจเล็กน้อย เพราะราคาที่เรียกไปนั้นถือเป็นเท่าตัวของรายได้ปกติ แต่น้องชายคนนี้กลับ ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
"ขอทราบนามของนายท่าน"
"เรียกข้าอี้หนาน ส่วนนี่พี่สาวเล้งชู่ แม่นางฮัวจิ่ว สามวันนี่เพียงพอไหมที่จะเรียนรู้การใช้ปราณแบบง่าย ๆ "
"พรสวรรค์ของแต่ละคนล้วนไม่เท่ากัน แต่ยิ่งอายุน้อยก็จะฝึกได้อย่างรวดเร็ว"
"แล้วอย่างข้าปีนี้อายุสิบสี่ถือว่าเยอะไหม"
"ตัวข้าฝึกตอนเจ็ดขวบ พวกที่มีฐาณะล้วนเรื่อมฝึกตั้งแต่สี่ถึงห้าขวบ อย่างท่านที่ร่างกายยังโตไม่เต็มที่ถือว่าไม่สายเกินไปที่จะฝึก แต่พื้นฐานจะไม่แน่น ไม่อาจฝึกฝนไปยังระดับพลังขั้นสูงได้"
"แล้วถ้ากินยาปราณเยอะ ๆ ล่ะ"
"พวกคุณหนูคุณชายล้วนแล้วแต่กินอาหารเสริมปราณ ยาเม็ดล้ำค่า อาบสมุนไพรตั้งแต่เด็ก ๆ อายุเท่ากับนายท่าน ก็ฝึกถึงขั้นปราณฟ้าได้แล้ว"
"...พี่สาว เอ่อ...จริง ๆ นะ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไอ้ระดับพลังอะไรนี่จำชื่อไม่ได้ซักนิด เดี๋ยวท่านจดให้ข้าไปท่องดูก่อนนะ"
ฮัวจิ่วมองอี้หนานด้วยสายตาเหมือนกับเจอลิงที่เพิ่งลงจากเขา เหมือนกับเขาไม่มีความรู้ใด ๆ ในโลกมนุษย์ จึงใจเย็นลง และค่อย ๆ อธิบายช้า ๆ
ระดับปราณแต่ละขั้นมีสิบระดับ ในทุก ๆ ช่วงรอยต่อของแต่ละขั้นพลังจะเพิ่มเป็นทวีคูณ
ปราณก่อราก มีพลังเทียบเท่าหนึ่งคนในแต่ละระดับ
กำเนิดปราณ มีพลังเทียบเท่าห้าคนในแต่ละระดับ
ปราณปฐพี สามาต่อยหินแหลกโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ปราณฟ้า สามารถกระโดดราวกับเหาะเหิน
ปราณแก่นกำเนิด ตกผลักพลังงานในตันเถียน
ปราณกำเนิดปฐพี ปล่อยคลื่นพลังปราณทำลายระยะไกลได้
ปราณกำเนิดฟ้า ยืนอยู่บนท้องฟ้าได้
ปราณแก่นแท้ อายุกลายเป็นสองร้อยปี
"ท่านรู้จัก ยาแก่นปราณระดับหนึ่ง ไหมถ้าข้ากินไปซักสิบเม็ด ข้าจะสามารถทำลวงได้ถึงขั้นใด"
"ข้าย่อมรู้จัก มันเป็นยาที่ดีที่สุด ที่ผู้ไม่มีวรยุทธสามารถรับประทานได้ แต่ว่าต่อให้ท่านกินสิบเม็ด อ่านก็อาจจะไม่สามารถทะลวงระดับกำเนิดปราณได้โดยง่าย ต้องต้องมีพื้นฐานที่แน่นพอเสียก่อน"
"แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าถ้ามีพื้นแน่นพอแล้ว"
"ท่านก็ต้องฝึกฝนไปเรื่อย ๆ จนหว่าจะทะลวงระดับได้"
แม่งสุดท้ายก็ต้องฝึกนาน ๆ พี่อยากได้วิชาลัดอ่ะ
"แล้ววิธีที่เร็วที่สุดคืออะไร"
"ข้าได้บอกท่านไปแล้ว กินอาหารเสริมปราณ ยาเม็ดล้ำค่า อาบสมุนไพร สามวิธีนี้คือวิธีที่เร็วที่สุดสำหรับผู้ฝึกขั้นแรก"
"งั้นพวกเราไปซื้อของพวกนี้กัน เออข้าได้ซื้ออาหารเสริมปราณมาบ้างแล้ว ท่านช่วยพาข้าไปซื้อของอย่างอื่นก็แล้วกัน"
"เชิญคุณชาย"
วนกลับมาร้านขายยาสกุลจาง ทำเอาอี้หนานอยากหันหน้ากลับ
"แม่นางฮัวจิ่ว ท่านจัดการเรื่องพวกยากิน ยาอาบให้ข้าที ข้าขอเดินเล่นข้างนอกอีกครึ่งชั่วยามข้าจะกลับมา นี่เงินสำหรับจัดซื้อ เอาแบบที่ท่านคิดว่าเร็วที่สุดสำหรับคนห้าคน"
อี้หนานยัดตั๋วแลกเงินใส่มือ สามพันห้าร้อยตำลึง
"ท่านช่วยขอบิล...ใบราคาของที่ท่านซื้อมาด้วย เดี๋ยวข้ากลับมา"
อี้หนานและเอี้ยเล้งชู่ เดินออกไปเที่ยวตลาด กันสองคน ปล่อยให้ฮั่วจิ่วจัดซื้อยาอยู่คนเดียว แน่นอนว่าหม่าเทียนก็เฝ้าม้าอยู่ข้าง ๆ ร้านขายยา
เมื่ออี้หนานเดินทางหลับมา ตรวจสอบสินค้า ก็เจอยาใหม่สองชนิด สมุนไพรสำหรับอาบระดับเริ่มต้น ชุดละ 100 ตำลึง ตอนอาบต้องเติมสมุนไพรเรื่อย ๆ ยาชำระกาย ล้างสิ่งตกค้าง ไม่เพิ่มพลัง เม็ดละ 20 ตำลึง แล้วก็ชุดถังไม้สำหรับอาบ ห้าชุด
อี้หนานมองถังอาบสมุนไพรที่มีขนาดเล็กมาก คือเวลาเข้าไม่มีปัญหา แต่เวลาออกต้องให้คนช่วยประคองออก
"ถังมันเล็กไปมั้ง แม่นางฮัวจิ่ว เอาใหญ่กว่านี้หน่อย ไม่ก็เอาแบบห้าคนลงไปแช่พร้อมกันเลย!"
ฮัวจิ่วกะลังจะอธิบาย เพื่อความประหยัดยา แต่เจอประโยคหลังก็ทำเอาอึ้งไปซักพัก
คุณชายท่านนี้มีความคิดผิดแปลกทำเอาเราแปลกใจหลายครั้งหลายคน ตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องที่แม้แต่เด็กเจ็ดขวบก็รู้ ต่อมาก็ความคิดสัปดนพรรค์นี้อีก หลุดมาจากป่าที่ไหนกัน
"เพื่อประหยัดตัวยา มันต้องมีขนาดพอดีตัวนี่และ ส่วนถังใหญ่หลายคนเข้าไปรวมกัน จะไม่ค่อยได้ผลนัก ภายหลังต้องมีการปรับตัวยาให้เข้ากันกับแต่ละบุลคล"
"น่าเสียดาย ๆ แต่เอาถังที่ใหญ่กว่านี้หน่อยเถอะ เข้าไปนั่งขดตัวในถังแคบ ๆ อึดอัดตายพอดี แต่ละครั้งต้องแช่นานขนาดไหนกัน"
"ก็ตามสะดวก หนึ่งถึงสามชั่วยาม มากกว่านี้รางกายอาจไม่ดูดซึม ต้องออกมาอาบน้ำ รำมวยให้ให้ตัวยาในร่างกายเปลี่ยนเป็นพลังงานภายใน จึงค่อยกลับมาแช่ต่อ"
"สามชั่วยามเรอะ พอดีเลย" พอดีกับการหลับหลังจากเสกทองพอดี "เอาเป็นว่าหาถังใหญ่ให้ลุกนั่งสะดวกกว่านี้หน่อย เปลืองสมุนไพรช่างมันเดี๋ยวข้าให้เจ้าออกมาซื้อเพิ่ม เอาที่มันลุกนั่งสบาย ๆ หน่อย...เอาเท่าถังอาบน้ำทั่วไปก็แล้วกัน"
"แต่ถังอาบน้ำนี่มันใหญ่เกือบสองเท่าเลยนะนายท่าน"
"เหอะน่า มา ๆ เปลี่ยนถังพวกนี้ให้หน่อย"
หลังจากจ่ายเงินเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็ได้ถังอาบน้ำขนาดเล็กสำหรับแช่คนเดียวมาห้าถัง ให้คนใส่รถขนตามรถม้ากลับคฤหาสน์
"เอาล่ะเรื่องแซ่เอี้ยของข้านั้น ข้าก็ขอยืนยันแล้วว่า ข้าไม่ใช่คนของท่าน ท่านก็อย่ามาเหมาข้ารวมกับท่านเลย ให้ท่านถือซะว่า ข้าเป็นคนรู้จักที่มาเยี่ยมเยียนเท่านั้น"
"ย่อมเป็นเช่นนั้น" เอี้ยยี่เอ่ยตอบ
"งั้นข้าขอเริ่มพูด จุดประสงค์ที่ข้ามาในวันนี้ เลยก็แล้วกัน"
"เนื่องจากข้าเป็นพ่อค้า พ่อแม่ข้าก็เป็นพ่อค้าแม่ค้า ข้าโตมาอย่างสงบสุข เงินทองไม่มีขาด แม่ของข้าก็ไม่ได้บังคับให้ข้าฝึกยุทธ"
พูดถึงตรงนี้ อี้หนานก็ยกชาขึ้นมาจิบ
"ตอนนี้ที่บ้านของข้ามีสาวใช้สี่คนและคนงานอีกคน ข้าอยากหาอาจารย์หญิงซักคน มาสอนวรยุทธให้พวกนางและตัวข้า เป็นเพราะข้าแซ่เอี้ย ไปไหนมาไหนก็ได้ยินเรื่องของตระกูลเอี้ยผู้เชี่ยวชาญวรยุทธที่เก่าแก่ อีกทั้งลุงยี่ก็ชวนข้ามาเที่ยวที่นี่ ข้าจึงตั้งใจมาทำการค้ากับท่าน... อ๊ะเรื่องวิชาที่ฝึกเอาทั่ว ๆ ไปก็พอ ไม่ต้องเอาเคล็ดลับ วิชาประจำตระกูลอะไร เพราะข้าไม่ได้สนใจอะไรพวกนั้น พวกท่านสนใจทำการค้ากับข้าไหม"
"เรื่องนี้..." คนอื่น ๆ มองหน้ากัน "ขอเวลาใคร่ควรซักนิด" เอี้ยยี่เป็นคนตอบ
"ถ้างั้นก็รบกวรแล้ว เรื่องเงินไม่มีปัญหา หากท่านเตรียมพร้อมเสร็จเมื่อไหร่ ก็ให้ไปหาข้า ที่บ้านได้เลย พวกท่านทราบแล้วว่าข้าอาศัยอยู่ที่ใด"
หลังจากพูดคุยทั่วไปอีกเล็กน้อย อี้หนานก็เดินทางกลับ เอี้ยยี่ไปส่งที่หน้าประตู
"เด็กหนุ่มคนนี้น่าตกใจจริง ๆ อายุแค่สิบสี่ สิบห้า คำพูดกลับเต็มไปด้วยความรู้ความห้าวหาญ พูดจาฉะฉานชัดเจนถึงเพียงนี้" เอี้ยหยางพูดกับทั้งสามคน
"คำพูดสีหน้าสายตาล้วนมั่นคง ไม่มีท่าทางว่าโกหกอะไร อีกทั้งยังไม่ต้องการอะไรจากเราอีก ท่านพ่อข้าว่า..." เอี้ยปี้เฉินแสดงความคิดเห็น
"ข้าไม่เชื่อใจเขา! อยู่ ๆ ก็โผล่มา ต้องสืบให้ดีซะก่อน ไม่งั้นตระกูลเอี้ยเราจะต้องจบสิ้นแน่ ๆ "
"จบสิ้นอะไรตาแก่! อีกห้าปีก็ครบกำหนดจ่ายหนี้ นั่นแหล่ะที่เรียกว่าจบสิ้น เรื่องของเอี้ยอี้หนานข้าจัดการเอง"
"ใครคือตาแก่ เจ้าดูหน้าเอี้ยยี่ซิ แก่กว่าข้าเสียอีก!"
เอี้ยยี่ได้ฟังคำพาลของพี่ชายน้องสาวตัวเอง ก็ได้แต่ถอนหายใจ
"ท่านพ่อเรื่องนี้ท่านตัดสินเถอะ"เอี้ยยี่แสดงความคิดเห็น
เอี้ยหยางที่ครุ่นคิดก็เอ่ยคำตัดสิน
"เอี้ยหวินเจ้าไปสืบเรื่องของอี้หนาน ก่อนที่จะเดินทางมาเมืองนี้ เอี้ยปี้เฉินเจ้าอยากจัดการเรื่องของอี้หนาน ข้าอนุญาต รออีกสามวัน เจ้าค่อยไปสอนยุทธให้กับอี้หนาน เอี้ยยี่ส่วนเจ้า รวบรวมเรื่องของอี้หนาน ตั้งแต่มาถึงเมืองนี้ และมารายงานให้แก่ข้า"
"ครับ/ค่ะ ท่านพ่อ"
ตามแผนของอี้หนานคือจ้างคนสกุลเอี้ย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตน และค่อย ๆตะล่อมให้เชื่อใจ ใช่แล้วสี่คนในห้องนั้น เอี้ยหวินคือคนที่พูดได้ใกล้เคียงที่สุด แต่ก็ยังไม่ถูกต้องนัก เพราะอี้หนานจะใช้ประโยชน์จากกระกูลเอี้ย ย่อมไม่ปล่อยให้ตระกูลล่มสลายอย่างแน่นอน
แต่อี้หนานก็พลาดที่นึกว่าจะคุยกันง่าย ๆ เอาเงินฟาดเอาก็จบ แต่เรื่องกลับไม่ง่ายเช่นนั้น จึงได้แต่กลับคฤหาสน์ไปโดยดี
"พี่สาวทุกท่านไม่เป็นอะไรนะ"
"พวกข้าไม่เป็นอะไร นายท่านโปรดสบายใจ"
"พี่สาวเล่าเรื่องคนแซ่เกาให้ข้าฟังหน่อย"
"คุณชายเกา เป็นแขกของข้าน้อยมาประมาณสองปีมาแล้ว ชื่อเต็มคือเกาหลง อายุยี่สิบห้าปี เป็นลูกชายของขุนนางเกา จึงถูกตามใจตั้งแต่เด็ก เป็นผู้ฝึกวรยุทธ ถ้าข้าจำไม่ผิดอยู่ขั้นกำเนิดปราณ"
"ไอ้ขั้นกำเนิดปราณนี่เก่งมากไหม"
"ผู้ฝึกยุทธย่อมต้องเก่งกาจเหนือคนธรรมดา ให้เอี้ยเล้งจูเล่าเรื่องนี้จะดีกว่า"
"เรียนนายท่าน ผู้ฝึกยุทธ จะมีระดับชั้นต่าง ๆ อยู่ ในแต่ละขั้นจะแบ่งได้สิบระดับ ขั้นแรกปราณก่อราก เมื่อถึงขั้นสิบ จะมีพลังเทียบเท่าคนสิบคน และเมื่อทะลวงขั้นกำเนิดปราณ ได้จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว"
"เก่งขนาดนั้นเชียว แล้วทำไมกลางตลาดเมื่อครู่ เกาหลงถึงไม่ได้ลงมือ สั่งให้ลูกน้อยออกหน้าแทน"
"เป็นนิสัยของคุณชายเกา เขาบอกว่าผู้ฝึกยุทธไม่ควรลงมือกับคนธรรมดา จึงชอบให้ลูกน้องลงมือแทน"
"ใช้หลายคนรุมคน ๆ เดียว มันต่างกันตรงไหนวะนั่น เอาล่ะ ๆ ให้ข้าเดาต่อ ไอ้เกาหลงนี่จะต้องไปเที่ยวหอนางโลมเพื่อไปหาเจ้า พอรู้ว่าเข้าถูกไถ่ตัวก็คงรู้สึกขายหน้า ทำเป็นเสแสร้งมาไถ่ตัว ถ้าจะไก่ตัวจริง ๆ คงไม่ต้องใช้เวลาถึงสองปีหรอก หึ!"
"คงเป็นเช่นนั้น"
"แล้วไอ้ระดับปราณขั้นต่าง ๆ นี่ จะรู้ได้ไงว่าอยู่ขั้นไหนอะไรยังไง สามารถตรวจวัดได้ไหม"
เอี้ยเล้งจูหยักหน้า "มีหินทดสอบพลังปราณอยู่เจ้าค่ะ แต่ว่าคนธรรมดาไม่สามารถใช้ได้ เพราะต้องควบคุมพลังเพื่อโคจรปราณ และส่งออกไปภายนอกร่างกายเพื่อให้พลังได้สัมผัสกับหอนทดสอบ และผู้ฝึกยุทธที่เก่งกาจจะสามารถครวจจับระดับพลังอย่างคร่าว ๆ ได้อีกด้วย แต่ถ้าเจอผู้เก่งกว่า ก็จะสามารถรับรู้แรงกดดัน แต่ไม่อาจระบุพลังได้"
"อ่าฮะ งี้คนอื่นก็รู้หมดล่ะซิ ว่าข้าอ่อนด้อยขนาดไหน ดีแล้วที่ไม่เคยทำกร่างอะไร..." เอี้ยอี้หนานกระพริบตาปริบ ๆ มองรอบ ๆ ตัว
"อะแฮ้ม! มา ๆ กินข้าว ๆ "
หลังจากกินเสร็จ ซักพักนึงพ่อค้าร้านขายเครื่องประดับ ก็เดินทางมาถึง
"สวัสดีคุณชาย"
"สวัสดีท่านพ่อค้า ในหีบคือทองหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง และนี่คือตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง"
"เช่นนั้นข้าขอตรวจสอบทองในหีบซักครู่ นี่คือแหวนที่ท่านสั่งเอาไว้ทั้งห้าวง เครื่องประดับที่ข้าแถมให้อยู่ในแหวนแล้ว"
อี้หนานจึงเล่นแหวนในมือซักครู่ ในระหว่างที่พ่อค้ากำลังตรวจนับทองในหีบ
"เอ่อ.. ท่านพ่อค้า ข้าจะเอาของในแหวนเข้าออกได้ยังไง?"
"ง่าย ๆ เพียงท่านถ่ายพลังปราณเพียงเล็กน้อย ใส่แหวนเท่านั้นเอง"
พ่อค้าก็เอาทองในหีบ ใส่แหวนและนำออกมาให้อี้หนานดู
ถึงว่าละซิ ตอนที่พ่อค้าผลิกใช้แหวนเอาของเข้าออก ตัวแหวนถึงมีแสงเรืองออกมา ที่แท้ก็ใช้พลังปราณด้วย
อี้หนานนั่งนิ่งแสร้งทำว่าตรวจสอบเรียบร้อย และเมื่อพ่อค้าตรวจสอบทองในหีบเสร็จ ก็ขอตัวลา อี้หนานลุกไปส่งที่หน้าประตู
"เหี้ยเอ้ย! ใช้ปราณไม่ได้นี่ทำให้โลกนี้อยู่ยากจริง ๆ ต้องหาวิธีใช้ปราณให้ได้ซะแล้ว เอาแค่ใช้งานแหวนมิติได้ก็พอแล้ว"
อี้หนานรู้สึกเสียหน้า ที่ซื้อแหวนมาตั้งห้าวงแต่หลับใช้ไม่ได้เสียนี่
"เอี้ยเล้งชู่ มานี่หน่อย"
"นายท่านมีอะไรให้บ่าวรับใช้"
"ไปสำนักงานรับจ้างกับข้า"
"ไปกันสองคนแค่นั้นเหรอนายท่าน" เอี้ยเล้งชู่มองอย่างสงสัย
"หม่าเทียนย่อมต้องไปด้วย"
เอี้ยเล้งชู่ถอนหายใจเบา ๆ
ทั้งสามคนจึงเดินทางไปสำนักงานจัดหางาน
จากที่ฟัง ๆ ดูสำนักงานนี่มัน น่าจะคล้าย ๆ กับพวกกิลด์นักพจญภัย ถ้างั้นเป็นธรรมดาที่จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อมาถึงสถานที่ ก็มองสำรวจรอบอย่างระแวง
"เจ้าเคยมาที่นี่รึเปล่า"
"ย่อมเคยมาเจ้าคะ ได้ติดตามแม่เล้ามา ติดต่อจอมยุทธรับจ้างไปช่วยงานเป็นครั้งคราว"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าช่วยจัดการดำเนินเรื่องให้ทีก็แล้วกัน"
"ได้เลยเจ้าคะ" เอี้ยเล้งชู่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ และเดินไปพูดคุยกับพนักงานซักพัก จึงเชิญเข้าไปคุยที่ห้องส่วนตัว
"เรียนนายท่านทั้งสอง ข้ามีนามว่าอ้วงลี่ เชิญกล่าวธุระมาได้"
เอี้ยเล้งชู่หันมาสบตากับอี้หนาน อี้หนานจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เธอจัดการเรื่องนี้
"ข้าและนายท่าน ต้องการมาเชิญจอมยุทธหญิงไปสอนเป็นการส่วนตัว"
"ระดับของผู้ฝึกอยู่ที่ขั้นใด"
"มีทั้งหมดห้าคน มีนายท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ ข้าพี่สาวน้องสาวข้าอีกสี่คน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เริ่มต้น"
"ไม่ยาก ๆ แล้วพวกท่านต้องการเงื่อนไขพิเศษอะไรอีกไหม ว่าจ้างนานเท่าไหร่ สอนแบบตามเวลาหรือนอนพักที่นั่น"
เอี้ยเล้งชู่หันมาขอความช่วยเหลือจากอี้หนาน
"ข้าขอทดลองงานก่อนช่วงนึงก่อน ซักสามวัน แบบพักกับพวกข้า อายุอย่าให้มากนัก จะได้สนิดกับสาว ๆ ในบ้านข้าได้"
"จอมยุทธหญิง สอนวิชาสำหรับผู้ฝึกเริ่มต้น แบบพักอาศัย สัญญาสามวัน เงื่อนไขอายุไม่เยอะ นายท่านโปรดรอซักครู่ ข้าจะไปเรียกคนมาให้"
อี้หนานจิบชารอซักพักนึงก็มี หญิงสาวไม่ซิเด็กสาว อายุสิบหกปีเข้ามา แนะนำตัว
"สวัสดีนายท่านทั้งสอง ข้ามีชื่อว่า ฮัวจิ่ว เป็นศิษย์ภายนอกของสำนักชิงชาน พลังยุทธระดับกำเนิดปราณ ขั้นที่เจ็ด"
หืม? สำนักชิงซาน เหมือนเคยได้ยิน จึงหันหน้าไปมอง เอี้ยเล้งชู่ และกระซิบถามเบา ๆ
"สำนักชิงซานนี่ ทำไมคุ้น ๆ "
เอี้ยเล้งชู่มองนายท่านของตนด้วยความแปลกใจ "เรียนนายท่าน เมืองหัวอาน มีสามสำนักสี่ตระกูลใหญ่ สำนักชิงซานคือหนึ่งในนั้น"
"อ๋อ มิน่าล่ะ แม่นางฮัดจิ้วนี่มาจากสำนักชื่อดังนี่เอง"
"ชื่อของข้าคือ ฮัว จิ่ว!" มีเสียงกระซิบเขา ๆ ดังมาที่หูของอี้หนาน
อี้หนานจิงหันกับไปยิ้มเบา ๆ ให้กับแม่นางน้อยที่มีสีหน้าโกรธเล็กน้อย
"นับถือ ๆ วิชาส่งเสียงด้วยพลังปราณที่ล่ำลือ" จากในนิยาย "เช่นนั้น ค่าจ้างคิดยังไง"
"วันละสิบตำลึงทอง!"
"ตกลง!"
ฮัวจิ่วแปลกใจเล็กน้อย เพราะราคาที่เรียกไปนั้นถือเป็นเท่าตัวของรายได้ปกติ แต่น้องชายคนนี้กลับ ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
"ขอทราบนามของนายท่าน"
"เรียกข้าอี้หนาน ส่วนนี่พี่สาวเล้งชู่ แม่นางฮัวจิ่ว สามวันนี่เพียงพอไหมที่จะเรียนรู้การใช้ปราณแบบง่าย ๆ "
"พรสวรรค์ของแต่ละคนล้วนไม่เท่ากัน แต่ยิ่งอายุน้อยก็จะฝึกได้อย่างรวดเร็ว"
"แล้วอย่างข้าปีนี้อายุสิบสี่ถือว่าเยอะไหม"
"ตัวข้าฝึกตอนเจ็ดขวบ พวกที่มีฐาณะล้วนเรื่อมฝึกตั้งแต่สี่ถึงห้าขวบ อย่างท่านที่ร่างกายยังโตไม่เต็มที่ถือว่าไม่สายเกินไปที่จะฝึก แต่พื้นฐานจะไม่แน่น ไม่อาจฝึกฝนไปยังระดับพลังขั้นสูงได้"
"แล้วถ้ากินยาปราณเยอะ ๆ ล่ะ"
"พวกคุณหนูคุณชายล้วนแล้วแต่กินอาหารเสริมปราณ ยาเม็ดล้ำค่า อาบสมุนไพรตั้งแต่เด็ก ๆ อายุเท่ากับนายท่าน ก็ฝึกถึงขั้นปราณฟ้าได้แล้ว"
"...พี่สาว เอ่อ...จริง ๆ นะ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไอ้ระดับพลังอะไรนี่จำชื่อไม่ได้ซักนิด เดี๋ยวท่านจดให้ข้าไปท่องดูก่อนนะ"
ฮัวจิ่วมองอี้หนานด้วยสายตาเหมือนกับเจอลิงที่เพิ่งลงจากเขา เหมือนกับเขาไม่มีความรู้ใด ๆ ในโลกมนุษย์ จึงใจเย็นลง และค่อย ๆ อธิบายช้า ๆ
ระดับปราณแต่ละขั้นมีสิบระดับ ในทุก ๆ ช่วงรอยต่อของแต่ละขั้นพลังจะเพิ่มเป็นทวีคูณ
ปราณก่อราก มีพลังเทียบเท่าหนึ่งคนในแต่ละระดับ
กำเนิดปราณ มีพลังเทียบเท่าห้าคนในแต่ละระดับ
ปราณปฐพี สามาต่อยหินแหลกโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ปราณฟ้า สามารถกระโดดราวกับเหาะเหิน
ปราณแก่นกำเนิด ตกผลักพลังงานในตันเถียน
ปราณกำเนิดปฐพี ปล่อยคลื่นพลังปราณทำลายระยะไกลได้
ปราณกำเนิดฟ้า ยืนอยู่บนท้องฟ้าได้
ปราณแก่นแท้ อายุกลายเป็นสองร้อยปี
"ท่านรู้จัก ยาแก่นปราณระดับหนึ่ง ไหมถ้าข้ากินไปซักสิบเม็ด ข้าจะสามารถทำลวงได้ถึงขั้นใด"
"ข้าย่อมรู้จัก มันเป็นยาที่ดีที่สุด ที่ผู้ไม่มีวรยุทธสามารถรับประทานได้ แต่ว่าต่อให้ท่านกินสิบเม็ด อ่านก็อาจจะไม่สามารถทะลวงระดับกำเนิดปราณได้โดยง่าย ต้องต้องมีพื้นฐานที่แน่นพอเสียก่อน"
"แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าถ้ามีพื้นแน่นพอแล้ว"
"ท่านก็ต้องฝึกฝนไปเรื่อย ๆ จนหว่าจะทะลวงระดับได้"
แม่งสุดท้ายก็ต้องฝึกนาน ๆ พี่อยากได้วิชาลัดอ่ะ
"แล้ววิธีที่เร็วที่สุดคืออะไร"
"ข้าได้บอกท่านไปแล้ว กินอาหารเสริมปราณ ยาเม็ดล้ำค่า อาบสมุนไพร สามวิธีนี้คือวิธีที่เร็วที่สุดสำหรับผู้ฝึกขั้นแรก"
"งั้นพวกเราไปซื้อของพวกนี้กัน เออข้าได้ซื้ออาหารเสริมปราณมาบ้างแล้ว ท่านช่วยพาข้าไปซื้อของอย่างอื่นก็แล้วกัน"
"เชิญคุณชาย"
วนกลับมาร้านขายยาสกุลจาง ทำเอาอี้หนานอยากหันหน้ากลับ
"แม่นางฮัวจิ่ว ท่านจัดการเรื่องพวกยากิน ยาอาบให้ข้าที ข้าขอเดินเล่นข้างนอกอีกครึ่งชั่วยามข้าจะกลับมา นี่เงินสำหรับจัดซื้อ เอาแบบที่ท่านคิดว่าเร็วที่สุดสำหรับคนห้าคน"
อี้หนานยัดตั๋วแลกเงินใส่มือ สามพันห้าร้อยตำลึง
"ท่านช่วยขอบิล...ใบราคาของที่ท่านซื้อมาด้วย เดี๋ยวข้ากลับมา"
อี้หนานและเอี้ยเล้งชู่ เดินออกไปเที่ยวตลาด กันสองคน ปล่อยให้ฮั่วจิ่วจัดซื้อยาอยู่คนเดียว แน่นอนว่าหม่าเทียนก็เฝ้าม้าอยู่ข้าง ๆ ร้านขายยา
เมื่ออี้หนานเดินทางหลับมา ตรวจสอบสินค้า ก็เจอยาใหม่สองชนิด สมุนไพรสำหรับอาบระดับเริ่มต้น ชุดละ 100 ตำลึง ตอนอาบต้องเติมสมุนไพรเรื่อย ๆ ยาชำระกาย ล้างสิ่งตกค้าง ไม่เพิ่มพลัง เม็ดละ 20 ตำลึง แล้วก็ชุดถังไม้สำหรับอาบ ห้าชุด
อี้หนานมองถังอาบสมุนไพรที่มีขนาดเล็กมาก คือเวลาเข้าไม่มีปัญหา แต่เวลาออกต้องให้คนช่วยประคองออก
"ถังมันเล็กไปมั้ง แม่นางฮัวจิ่ว เอาใหญ่กว่านี้หน่อย ไม่ก็เอาแบบห้าคนลงไปแช่พร้อมกันเลย!"
ฮัวจิ่วกะลังจะอธิบาย เพื่อความประหยัดยา แต่เจอประโยคหลังก็ทำเอาอึ้งไปซักพัก
คุณชายท่านนี้มีความคิดผิดแปลกทำเอาเราแปลกใจหลายครั้งหลายคน ตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องที่แม้แต่เด็กเจ็ดขวบก็รู้ ต่อมาก็ความคิดสัปดนพรรค์นี้อีก หลุดมาจากป่าที่ไหนกัน
"เพื่อประหยัดตัวยา มันต้องมีขนาดพอดีตัวนี่และ ส่วนถังใหญ่หลายคนเข้าไปรวมกัน จะไม่ค่อยได้ผลนัก ภายหลังต้องมีการปรับตัวยาให้เข้ากันกับแต่ละบุลคล"
"น่าเสียดาย ๆ แต่เอาถังที่ใหญ่กว่านี้หน่อยเถอะ เข้าไปนั่งขดตัวในถังแคบ ๆ อึดอัดตายพอดี แต่ละครั้งต้องแช่นานขนาดไหนกัน"
"ก็ตามสะดวก หนึ่งถึงสามชั่วยาม มากกว่านี้รางกายอาจไม่ดูดซึม ต้องออกมาอาบน้ำ รำมวยให้ให้ตัวยาในร่างกายเปลี่ยนเป็นพลังงานภายใน จึงค่อยกลับมาแช่ต่อ"
"สามชั่วยามเรอะ พอดีเลย" พอดีกับการหลับหลังจากเสกทองพอดี "เอาเป็นว่าหาถังใหญ่ให้ลุกนั่งสะดวกกว่านี้หน่อย เปลืองสมุนไพรช่างมันเดี๋ยวข้าให้เจ้าออกมาซื้อเพิ่ม เอาที่มันลุกนั่งสบาย ๆ หน่อย...เอาเท่าถังอาบน้ำทั่วไปก็แล้วกัน"
"แต่ถังอาบน้ำนี่มันใหญ่เกือบสองเท่าเลยนะนายท่าน"
"เหอะน่า มา ๆ เปลี่ยนถังพวกนี้ให้หน่อย"
หลังจากจ่ายเงินเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็ได้ถังอาบน้ำขนาดเล็กสำหรับแช่คนเดียวมาห้าถัง ให้คนใส่รถขนตามรถม้ากลับคฤหาสน์
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น