ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพยุทธพลังแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #8 : อันธพาลแซ่เกา

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 61



        "ข้าน้อยเจียวจื่อ คำนับคุณชาย"

        "ข้าน้อยเจียวเล้งซู่ คับนับคุณนาย"

        "ข้าชื่อเอี้ยอี้หนาน พี่สาวทั้งสองคือบ่าวของข้า โปรดเรียกข้าว่านายท่าน แซ่ของเจ้าจากนี้ให้ใช้แซ่เอี้ย รายละเอียดต่าง ๆ ถามได้จากพี่สาวโหลวและสาวหลาน"

        ""ข้าน้อยรับทราบค่ะ นายท่าน""

        "พวกเจ้าเก็บของกันเรียบร้อยหรือยัง ถ้ายัง ก็ไปเก็บให้เรียบร้อยเดี๋ยวข้ามารับอีกทีในอีก.. ครึ่งชั่วยาม ฝากบอกแม่เล้าด้วยว่าเดี๋ยวข้ามา"

        อี้หนานถามหาร้านขายรถม้าที่ดีที่สุดในเมือง กับคนขับรถม้า


        "นี่คือร้านขายรถม้าสำเร็จรูปที่ดีที่สุดในมืองนี้"

        "สำเร็จรูป? หมายความว่าถ้าสั่งทำต้องไปอีกที่ใช่ไหม"

        "ใช่แล้วขอรับคุณชาย"

        "เดินดูไปก่อนถ้าไม่ถูกใจค่อยไปสั่งทำเอาซินะ"

        "ยินดีต้อนรับครับคุณชาย สนใจรถม้าหรือครับ เชิญเลือกดูเลือกชมได้ตามสบาย"

        "ข้าอยากได้รถที่ใหญ่โจหน่อย ไม่ต้องหรูมากเน้นนั่งสบายขนของได้เยอะ"

        "ถ้างั้นก็แนะนำสองคันนี้ คันแรกเป็นรถทรงมาตรฐานสำหรับเดินทางไกล ตัวรถทำจากไม้เนื้อแข็งทั้งคันทนทานแข็งแรง แต่มีน้ำหนักมาก ทำให้ความเร็วเคลื่นที่ไม่เร็วมากนัก ใช้ม้าสองตัวเพื่อลากจูง เหมาะสำหรับเดินทางไกล พ่อค้าส่วนใหญ่จะเลือกคันนี้... คันที่สองที่แนะนำคือนี่...รถคันนี้เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าที่มีฐานะ โครงทำจากเหล็กผสมไม้มีความทนทานและยืดหยุดสูงติดตั้งระบบกันสะเทือนช่วงล่างแบบใหม่ ทำให้วิ่งได้นิ่มมาก แม้รถจะใหญ่และมีน้ำหนักแต่ออกแบบให้รับน้ำหนักได้เยอะและยังปราดเปรียวว่องไว ปัจจัยสำคัญของรถคันนี้ก็คือต้องใช้ม้าพันธุ์ดีลาก การดูแลรักษาจะซับซ้อนปละมีรายจ่ายยิบย่อย ราคาโดยรวมจึงสูงมาก"

        "คันหลังพร้อมม้าราคาเท่าไหร่"

        "รวมแล้วร้อยแปดสิบตำลึงครับ ลูกค้าสามารถสั่งทำตัวอักษรสลักเปลี่ยนสีได้ตามสะดวกนะ เป็นบริการเสริมของเรา"

        "ไม่เป็นไรเอาเดิม ๆ นี่แหละ นี่สองร้อยตำลึง"อี้หนานยื่นตั๋วแลกเงินให้

        "ซักครู่นะครับ"พ่อค้าเข้าไปหยิบเงินทอน ซักพักจึงเดินกลับมา"นี่ครับเงินทอน ลูกค้าจะให้ไปส่งที่ไหนดีครับ"

        "อืม... เอาเป็นขับตามรถม้าของข้ามาก็แล้วกัน"

        คนขายรถม้าพยักหน้าและเรียกลูกนองมาผู้ม้ากับรถม้าแล้วให้ขับตามรถม้าคันแรกไป

        "พ่อค้า ข้อขอซื้ออาหารม้าท่ายขายยังไง"

        "กระสอบละ..."

        หลังจากจ่ายเงินเสร็จก็เดินทางกลับไปที่ขอนางโลม

        "คุณชายเอี้ยท่านมาแล้ว เจ้ามานี่ มาสวัสดีคุณชาย" แม่เล้าเจียวเรียกชายหนุ่มคนนึงเข้ามา ตัวสูงแต่รูปร่างผอมไปหน่อย

        "นี่คือคนที่แม่เล้าหามาให้เหรอ"

        "ใช่แล้ว ๆ ชื่อว่าหม่าเทียน ปีนี้อายุยี่สิบสี่"

        "คารวะคุณชาย"

        อี้หนานกระซิบถามราคากับแม่เล้าแล้วก็จ่ายเงินเรียบร้อย จึงให้รถม้าที่จ้างมากลับไปได้ เอี้นเล้งขู่กับเอี้ยจื่อ ก็เก็บของเรียบร้อยแล้ว ยกขึ้นรถม้า จึงออกเดินทางไปที่ตลาด แวะซื้ออาหาร เสื้อผ่าสำหรับบ่าวใหม่ทั้งสามคน ซื้อหีบมาอีกหลายใบ ซื้อเครื่องมือช่าง เครื่องมือดูแลสวน จึงเดินทางกลับคฤหาสน์

        "หม่าเทียนเจ้าไปนอนเรือนคนรับใช้ด้านหลัง เรื่องอาหารเมื่อถึงเวลาจะให้คนเอาไปส่ง เรียกข้าว่านายท่าน หน้าที่ตอนนี้ของเจ้าคือ ดูแลรถม้าและม้า ดูแลสวน เมื่อข้าจะไปข้างนอกก็เป็นสารถี ส่วนเงินเดือนจะให้พี่สาวโหยวดูแล และห้ามเข้าเรือนหลักโดยเด็ดขาด เข้าใจไหม"

        "เจ้าใจขอรับนายท่าน"

        เมื่อจัดแจงเรื่องหม่าเทียนแบบคร่าว ๆ เสร็จแล้ว ก็ไปจัดการเรื่องของสองสาวที่มาใหม่... เหมือนจะไม่มีอะไรให้ดูแลมากเพราะพวกนางรู้จักกันอยู่แล้ว ค่อย ๆ ให้เรียนรู้ไปก็แล้วกัน

        "พี่สาวโหยว ข้าแต่งตั้งให้ท่านเป็นหัวหน้าคนรับใช้ คอยดูแลจัดการเรื่องต่าง ๆ นะ"

        "ค่ะนายท่าน"

        "ส่วนหม่าเทียน ข้าสั่งเขา ห้ามเข้ามาในเรือนหลักเด็กขาด บอกคนอื่น ๆ ด้วย เงินเดือนของหม่าเทียน ก็ให้เจ้าเป็นคนดูแล พวกพี่สาวทั้งสี่คน ถือเป็นคนในเรือนของข้า เงินต่าง ๆ ของพวกท่าน ข้าเป็นคนจัดการ แต่เมื่อมีคนใช้ใหม่เข้ามาเพิ่ม พี่สาวโหยวจะเป็นคนรับผิดชอบโดยให้พี่สาวอีกสามคนเป็นผู้ช่วย งานหนักหน่อยนะพี่สาวโหยว"

        "ไม่หนักเลยแม้แต่น้อย งานง่าย ๆ เพียงชี้นิ้วสั่งเอา สบายมากเจ้าค่ะ"

        อี้หนานยิ้มให้กับเอี้ยโหยว
        
        เมื่อมื้อค่ำมาถึง

        "พี่สาวเล้งชู่ พี่สาวจื่อ นี่คือเม็ดยาสร้างรากฐาน ข้าขอมอบให้แก่ท่านคนละขวด สำหรับอาจารย์สอนฝึกยุทธข้าจะเชิญมาอีกภายในห้าวัน"

        อาหารเสริมปราณไม่ค่อยให้แต้มพลังงานเท่าไหร่ รสชาติก็แปลกไปนิด...

        "พี่สาวโหยว อาหารเสริมพลังปราณ ทำผสมกับอาหารปกติครึ่ง ๆ ก็แล้วกัน เม็ดยาที่ข้าให้ท่านเหลือเท่าไหร่แล้ว"

        "ข้าและเอี้ยหลาน กินครึ่งชั่วยามในละเม็ดตามที่ท่านสั่ง ตอนนี้เหลือสองเม็ดเจ้าคะ"

        "ถ้างั้นเอาไปอีกคนละขวด... อีกขวดมีเก้าเม็ด ขวดนี้เป็นของพี่สาวหลานก็แล้วกัน ท่านก็กินไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกันไว้ข้าเชิญผู้ฝึกยุทธมาได้แล้วค่อยจักการเรื่องนี้อีกที"

        "ค่ะ นายท่าน"

        พรุ่งนี้... ส่งมอบแหวนมิติ แล้ววันต่อมาช่างเหล็กก็เอาของมาส่งพร้อมกับผลึก ทามสคริปหลับทั้งวันปั๊มเงินเลยดีไหม? ตื่นกินข้าวเสกเงินแดกยาแล้วก็นอน... นี่เราเป็นทาสของเงินแล้วซินะ เอาเวลาชีวิตนึงมาแลกกันเงิน เป้าหมายอุปสรรคอะไรก็ยังไม่มีจะรีบร้อนไปทำไม? เอามาเวลาไปเที่ยวกับสาว ๆ ดีกว่า

        ถ้าเชิญอาจารย์มาได้ซักคน แล้วกินยาปราณแรง ๆ หน่อย ให้รู้ขีดจำกัดร่างกายก่อน แล้วค่อยวางแผนหาเงินก็แล้วกัน

        หลังจากอี้หนานคิดโน่นคิดนี่ คำนวนผลดีผลเสียต่าง ๆ เอี้ยโหยว เอี้ยหลาน ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เล่าเรื่องความโอ่อ่า ความมั่งคั่งและความใจดีของอี้หนานให้สองสาวที่มาใหม่อย่างสนุกปาก

        เวลาก็ผ่านไปจนถึงยามสิบ

        "นายท่าน"

        "พี่สาวทั้งสี่ เชิญ ๆ "

        อี้หนานที่กำลังวางแผนการอยู่นั้นก็ตกตะลึงเมื่อเป็น เอี้ยจื่อ และเอี้ยเล้งชู่ ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก

        อี้หนานจ้องตาไม่กระพริบ พอรู้สึกตัวอีกที เอี้ยโหยวและเอี้ยหลานก็เข้ามาถอดเสื้อผ้าของตนออกจนหมดเช่นกัน

        สองสาวที่ไม่สวมอาทร เข้าไปนั่งที่ขอบเตียง วันนี้ตอนหัวค่ำได้คุยกันหลายเรื่องทำให้พอทราบความชื่นชอบของทั้งคู่

        เอี้ยจื่อ เรียบร้อยบอบบาง ชอบอ่านตำราและเล่นเครื่องดลตรี มอบความสงบเมื่ออยู่ใกล้ ๆ

        เอี้ยเล้งชู่ ชื่นชอบวิชาต่อสู้ แต่ด้วยความที่เป็นสาวในย่ามโคมแดง จึงไม่อาจทำสิ่งที่ชอบ ทำได้เยงหาเวลาว่างฝึกด้วยตัวเอง เลียนแบบท่าทางจากในตำรานิทานภาพ ไม่มีความรู้เรื่องวรยุทธ

        อี้หนานรู้สึกเอ็นดูทั้งคู่คนนึ่งสงบดั่งสายน้ำ อีกคนร้อนแรงดั่งเปลวไฟ เมื่อกันกลับไปมองเอี้ยโหลว และเอี้ยหลาน ก็นำคำที่คิดได้เมื้อกี้มาเปียบกับทั้งคู่ เอี้ยโหลวสงบนิ่งหนักแน่นเหมือนผืนดิน เอี้ยหลานร่าเริงอิสระเหมือนสายลม เดี๋ยว ๆ ที่นี่เขามีห้าธาตุเอาแบบนี้ก็แล้วกัน พี่สาวโหยว เป็นเหมือนไม้ใหญ่ดูแลชีวิตและมอบความอบอุ่น ส่วนตัวเรา เสกทองได้ เป็นธาติเหล็กก็แล้วกัน

        อี้หนานคิดเพ้อไปเรื่อย แล้วก็ส่ายหัว จากนั้นก็มองสองสาวที่รอตนอยู่ และเดินเข้าไปหาทั้งคู่...


        --s--


        เมื่อจัดการเรื่องราวกับสาว ๆ ทั้งสี่คนเรียบร้อยแล้ว อี้หนานที่กินยามาทั้งวันก็เริ่มเสกทองคำออกมาก่อนที่จะนอนหลับไป

       
        วันนี้อี้หนานตื่นเช้ามาก จึงชวนสาว ๆ ทั้งสี่ออกท่องเที่ยวพร้อมกับทองอีกสองหีบที่เสกออกมาใหม่ในวันนี้เพื่อนำไปแลกเป็นตั๋วแลกเงินพร้อมเก็บหีบกลับมา

        "นายท่าน ท่านมาเงินมากมายขนาดนี้ควรว่าจ้างยอดฝีมือมาคุ้มกันซักสองสามคน"เอี้ยเล้งชู่ทักออกมา

        "จริงด้วย ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย มัวแต่ยุ่ง ๆ กับเรื่องอื่น แล้วเราจะหาคนได้ที่ไหน?"

        "มีสามทางด้วยกัน อย่างแรกคือจ้างทหารคุ้มกัน อย่างที่สองไปที่สำนักงานรับจ้าง คนที่ถูกจ้างที่นี่จะมีตราสัญลักษณ์ ที่ออกแบบโดยสำนักงานของหน่อยราชการ ทั้งสองวิธีนี้ปลอดภัยที่สุด วิธีสุดท้ายนายท่านก็เชิญจอมยุทธพเนจร มาทำสัญญา ราคาจะถูกกว่าแบบที่สองแต่ความปลอดภัยไม่เท่า อาจถูกหักหลังได้"

        "แล้วถ้าข้าใช้ทั้งสามวิธีละ จ้างทหารมาคุ้มกันที่คฤหาสน์  จ้างยอดฝีมือเยี่ยมยุทธมาดูแลข้างกาย และว่าจ้างจอมยุทธพเนจร มาเป็นลูกมืออีกทีนึง"

        "...แต่มันใช้เงินเยอะมากเลยนะ ถ้าจะทำแบบนี้ ว่าจ้างคนจากสำนักงานอย่างเดียวก็ได้กระมัง"

        "ก็คงงั้น ข้าไม่ได้มีเรื่องมีราวกับใครซักหน่อย ใช้ชีวิตสงบสุข เสพสุขไปวัน ๆ กับสมบัติของข้าก็เท่านั้น"

        "ว๊าย!!"

        อี้หนานหันกลับไปก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาสะอาดแต่งตัวดูดีมีฉุดแขนของเอี้ยโหยว

        "แม่นางเจียวโหยว พักนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตากันเลย เมื่อวานข้าไปหาเจ้า ได้ยินว่าเจ้าถูกไถ่ตัวออกมาแล้ว ใครกันบังอาจตัดหน้าข้า ทั้งที่ข้าเตียวเงินค่าไถ่ตัวไปเมื่อวานแท้ ๆ "

        "คุณชายเกา โปรดปล่อยแขนบ่าวเถอะ"

        "ข้าปล่อยเจ้าแน่"คุณชายเกาหันหน้ามองอี้หนาน "นี่เจ้าหน๊ะ! เจ้าเป็นคนไถ่ตัวแม่นางเจียงโหยวไปใช่ไหม ค่าให้เจ้าร้อยตำลึง จากนี้ไปเจียงโหยวเป็นของข้า"

        คุณชายเกา หยิบตั๋วแลกเงินร้อยตำลึงโยนไปตรงหน้าของอี้หนาน ทำเอาอี้หนานมองตั๋วแลกเงินตรงหน้า แล้วอี้หนานก็เหยียบลงไปเต็มเท้า

        มาอวดรวยแข่งกับพี่ ท้าทายผิดคนแล้วไอ้หนู

        "เจ้า!?"

        อี้หนานยิ้มเบา ๆ พร้อมคำนับให้ "แหม๋ ๆ คุณชายเกา ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันก็จะฉุดคร่าหญิงสาวกลางท้องถนนแบบนี้ ท่านไม่ทราบบ้างเหรอว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย"

        ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดเดินและมุงดูโดยที่มีความคิดว่า 'ข้ามีเรื่องเอาไปโม้ในวงเหล้าคืนนี้แล้ว'

        "ฮ่า ๆ ใช่แล้วบ้านเมืองมีกฎหมาย แต่ข้านี่แหละกฎหมาย!!"

        "คุณชายโปรดชี้แนะ" อี้หนานยิ้มให้กับประโยคคลาสสิคของพวกที่ไม่ตายดีคนนึง

         "ข้าต้องการแม่นางคนนี้ ร้อยตำลึงไม่พองั้นเหรอ ถ้างั้นสองร้อยตำลึงเป็นยังไง"

        "คุณชายผู้น่านับถือ โปรดฟังข้าให้ชัดอีกครั้ง! ข้า! ไม่! ขาย!!"

        "เจ้า!! เด็ก ๆ จัดการทุบตีมันจนกว่ามันจะยอม"

        แม่งเถียงไม่ออกก็ใช้กำลัง สมเป็นโลกยุทธภพ จะวิ่งหนีก็ไม่ได้ เอี้ยโหยวอยู่ในมือคนแซ่เกา ทำอย่างไรดี?

        อี้หนานตระโกนเสียงดัง "พี่น้อง! เหล่าจอมยุทธ! ประชาชนทุนท่าน!! ได้โปรดช่วยเหลือข้า แล้วตำลึงทองเหล่านี้จะเป็นของท่าน!!!" พูดเสร็จอี้หนานก็โยนตำลึงทอง ขึ้นไปบนฟ้าหลายสิบตำลึง

        สายตาชาวบ้านที่มุงอยู่ ก็มองตามทอง ที่ไม่มีเจ้าของในอากาศ อย่างไม่วางตา และรีบวิ่งกรูเข้ามาเยื้อแย่งกัน

        อี้หนานกระซิบให้พวกพี่สาวทั้งสามคนแยกย้ายกลับบ้านโดยไว แต่เอี้ยเล้งชู่ไม่ยอม อี้หนานก็เลยให้นางอยู่แต่ให้อีกสองคนกลับไปก่อนเพราะกลัวว่าจะหนีไม่ทัน

        คุณชายเกาตกตะลึงที่ผู้คนวุ่นวาย ประสบการณ์อันธพาลครองเมืองที่สั่งสมมาหลายปี ไม่เคยเจอความวุ่นวายขนาดนี้ ทำให้เผลอคลายมือ เอี้ยโหยวถึงฉวยโอกาสดิ้นหลุดออมา และวิ่งหายไปในกลุ่มคนที่ชุลมุน

        ทางอี้หนานก็โปรยตำลึงทองไปอีกสิอกว่าตำลึง ทำให้ความวุ่นวายยิ่งทวีความรุนแรง และแอบเก็บเงินร้อยตำลึงที่เหยียบค้างไว้ขึ้นมาเพื่อถอนทุนคืน และสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งมาทางตน

        "พี่สาวโหยวรีบตรงกลับไปที่บ้าน ก่อนเที่ยงข้าจะกลับไป พี่สาวเล้งชู่ คุ้มครองพี่สาวโหยวกลับบ้านให้ไวที่สุด แล้วสั่งให้หม่าเทียน ไปว่าจ้างทหารมาคุ้มกันที่คฤหาสน์"

        ""ค่ะ นายท่าน""

        อี้หนานก็วิ่งไป โปรยเงินไป แยกไปอีกทาง หลอกล่อให้คนแซ่เกาวิ่งตามฝูงชนมา และแอบหนีไปทางบ้านสกุลเอี้ย

       
        "สวัสดีขอรับ ไม่ทราบว่าคุณชายมาหาใครหรือ"

        "ข้ามาหาเอี้ยยี่ โปรดบอกว่าข้าอี้หนานมาขอพบ"

        "คุณชายโปรดรอซักครู่"

        ไม่นานก็มีชายวัยหลางคนโปล่ออกมา

        "อี้หนานเจ้ามาเยี่ยมช้าแล้ว เชิญ ๆ "

        "คารวะ ท่านลุงยี่"

        "มา ๆ ข้าจะพาไปแนะนำไปรู้จักกับคนอื่น ๆ "

        อี้หนานเดินตามเอี้ยยี่ไปทางโถงต้อนรับ นั่งรอซักครู่เอี้ยยี่มาพร้อมกับคนอีก สาม คน

        "อี้หนาน นี่คือพ่อของข้าเอี้ยหยาง อีกสองคนอือ เอี้ยหวิน และเอี้ยปี้เฉิน พี่ชายและน้องสาวของข้า"

        มองทั้งสี่คนเทียบกัน เอี้ยยี่น่าจะอายุสี่สิบ เอี้ยหยางผมขาวทั้งหัวแต่ยังดูแข็งแรงเจ็ดแปดสิบได้มั้ง เอี้ยหวินกลับดูหนุ่มกว่าเอี้ยยี่อายุสามสิบกลาง ๆ เอี้ยปี้เฉินก็น่าจะอ่อนกว่าหลายปี มีริ้วรอยเล็กน้อย...ไม่ขอกะอายุผู้หญิงท่านนี้ก็แล้วกันมิกล้า ๆ

        "ข้าน้อยเอี้ยอี้หนานขอคารวะทุก ๆ ท่าน"

        "เจ้าคือเอี้ยอี้หวานที่เพิ่งมาถึงเมืองหัวหานของเราซินนะ ได้ยินมาว่าเจ้าไม่เคยรู้จักเมืองนี้มากก่อน" เอี้ยหยางเอ่ยถาม

        "ใช่แล้ว ข้าใช้แซ่ว่าเอี้ยก็จริง แต่ไม่อาจบอกได้ว่ามาจากตระกูลเอี้ยของท่าน เพราะข้าอาศัยอยู่ในอีกฝั่งทำเลที่ไกลออกไป และเร่ร่อนมาทั้งชีวิต"

        "ข้าพอได้ยินมาจากเอี้ยยี่ว่า เจ้าเสียครอบครัวจากอุบัติเหตุทางทะเล"

        "ถูกต้องตามที่กล่าว ท่านพ่อและท่านแม่ข้า ออกค้าขายทางเรือ มีคนบอกกับข้าว่า เรือของท่านถูกโจรสลัดปล้น และถูกฆ่าตาย แต่ข้าที่ไม่สามารถเอาศพมาฝังได้ และยังไม่อาจปักใจว่า ทั้งสองท่านตายไปแล้ว แต่ด้วยความเศร้า และข้าที่คิดถึงพวกท่าน จึงเดินทางให้ห่างจากทะเลเพื่อที่ตัวเองจะไม่ต้องเสียใจ"

        ทั้งสามคนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเศร้าเล็กน้อย

        "ข้าได้ยินมาว่าปู่ของเจ้าชื่อว่า เอี้ยกวง เป็นทหารออกรบจนเสียชีวิต พอจะบอกลักษณะ หรือสถานที่ให้ข้าจะได้ไหม"

        "เรื่องนี้... ข้าต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ไม่อาจบอกข้าได้ เพราะตอนที่พ่อของข้าเกิดออกมาท่านย่าของข้าก็ตกเลือดตายไป หลังเกิดมา ญาติของท่านย่าก็รับไปเลี้ยงและเดินทางค้าขายเปลี่ยนที่อยู่ จึงทำให้แม้แต่สถานที่ ที่พ่อข้าเกิดมาก็ไม่สามารถระบุได้"

        "ไม่สามารถทราบอะไรเพิ่มเติมได้เลยรึ สิ่งของติดตัวอะไรมีบ้างไหม"

        อี้หนานส่ายหน้า

        "ข้าไม่ทราบเลย อาจมี หรืออาจไม่มีก็ได้ ข้าไม่ทราบจริง ๆ "

        "หลักฐานไม่มีเช่นนี้จะเอาอะไรมายืนยันได้กัน"เอี้ยหวิน

        "หืม? ท่านลุงหมายความว่ายังไง"

        "ข้าหมายความว่าเจ้าไม่ใช่คนตระกูลเอี้ย พวกข้าไม่อาจรับเจ้าเข้าตระกูลได้"

        "แล้วใครบอกกันล่ะ ว่าข้าอยากเข้าตระกูลของท่านกัน"

        เอี้ยหวินก็ชะงักพูดอะไรต่อไม่ถูก

        "เอี้ยหวินใจร้อนโผงผางไปบ้าง ข้าขอโทษด้วย พวกข้ามีข้อสงสัยในชาติกำเนิดของเจ้า ตระกูลข้าเคยมีคนชื่อว่าเอี้ยกวง ออกรบและตายไปเช่นเดียวกับปู่ของเจ้า"

        "อาจเป็นไปได้ว่า ข้าคือลูกหลานตระกูลท่าน ข้าเข้าใจล่ะ แต่ว่านะ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่ออ้างสิทธิ์ของคนในตระกูล ข้าย่อมคือข้า เอี้ยอี้หนานก็คือเอี้ยอี้หนาน แซ่เอี้ยของข้าได้มาจากพ่อของข้าเอี้ยก้วย" พอพูดชื่อนี้ก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย ทำให้คำพูดหมดความน่าเกรงขามไปบ้าง "ข้าไม่ใช่คนสกุลเอี้ยของท่าน และย่อมไม่ใช่คนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลท่าน ข้ามาในนามของคนรู้จักผู้หนึ่งที่ท่านลุงเอี้ยยี่เชิญมาพูดคุยเท่านั้น อย่าเพิ่งคิดเอาเองว่าข้าจะมาแย่งชิงอะไรไปจากท่าน"

        สีหน้าของทุกคนในห้องต่างแตกตื่น ไม่คิดว่าจะถูกตอกหน้ากลับมาแบบนี้

        เอี้ยหวินหน้าดำหน้าแดงปนม่วง สุดท้ายก็ซีดขาว เพราะคำพูดที่ตัวเองหลุดปากพูดไป
        
        
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×