ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพยุทธพลังแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #4 : ความสุขในย่านโคมแดง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 61


        เดินทางมาหอนางโลม ด้วยเสื้อราคาถูกตัวเดิม แต่ด้วยการที่พึ่งใช้บริการพิเศษหลายอย่างเมื่อวาน จึงได้รับการต้อนรับจากแม่เล้าอย่างดี

        "คุณชายเอี้ย พบกันอีกแล้ว"

        "พบกันเมื่อยามเหงา เราเจอกันอีกแล้วแม่เล้าเจียว พอได้มาที่นี่แล้วข้ารู้สึกหลับสบายยิ่งนัก "

        "ให้ข้าเรียกเจียวโหยว เจียวหลานให้ไหมคะคุณชาย"

        "ข้าขอสอบถามเรื่องเจียวหงส์"

        "ตอนนี้นางรับแขกอยู่ไม่สะดวกนัก เห็นว่าเราสองคนคุยกันถูกคอคือว่าอย่างนี้..."แม่เล้าเจียวกระซิบบอกคำพูดที่ไม่สะดวกพูด

        "อ่อเป็นอย่างนี้นี่เองข้าเข้าใจ ๆ ไม่เป็นไรข้าไม่ถือ ข้าชอบแม่เล้าเจียวนะคุยกันง่ายดี ตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม เช่นนั้นพอหาเสื้อผ้าอย่างดีให้ข้าพลัดเปลี่ยนหรือไม่ ข้าขอซื้อต่อ ลายไม่ต้องเยอะ ข้าชอบเรียบ ๆ แต่ดูดี... ขอเป็นสีน้ำเงินเข้ม" อี้หนานยัดเงินสองตำลึงทองใส่มือแม่เล้าเจียว

        "ขอบคุณคุณชายเอี้ยที่เข้าใจข้า เดี๋ยวข้าจะจัดการให้นะ ท่านช่วยรอที่ห้องเดิมก็แล้วกันจะได้สะดวก"

        "รบกวนแล้ว ๆ อ่อเรียกเจียวโหยว เจียวหลานเข้าไปกันข้าด้วยนะ" ที่แท้ก็เป็นวันแสดงมินิคอนเสิร์ต ผู้ชมต้องจ่ายเงินมากกว่ายี่สิบตำลึง ถึงจะเข้าห้องจัดแสดงได้ ห้องจัดแสดงนี้รวมอาการเครื่องดื่ม แพงใช้ได้ แต่ก็ถูกกว่าคุยส่วนตัว ทั้งยังได้ชมละครคุณชายตระกูลต่าง ๆ อวดรวยใส่กันอีก ไม่เลว ๆ บัตรแถวหน้าคิดราคาห้าสิบตำลึง และลดหน่อยลงมาทีละสิบตำลึง มุมอับสุดคือ ยี่สิบตำลึง เพราะไม่อยากเด่น แค่อยากเจอหน้า และฟังเสียงร้องจึงแอบ ๆ ดูมุมห้องนี่แหละดีที่สุด

        พูดคุยราคากับแม่เล้าเจียวทำให้ทราบว่าการแสดงจะจัดเพียงหนึ่งชั่วโมงสอนสองทุ่ม อีกหนึ่งชั่วโมงจะเป็นการพูดคุย ตอบคำถามเล่นเกมกัน ก็เลยจะให้เจียวโหยวเจียวหลานอยู่เป็นเพื่อนคุยถึงราวสิบเอ็ดโมง แล้วกะว่าจะแฮกให้สลบไปตื่นอีกทีตอนเช้า นั่งรอสักพักเจียวโหยวเจียวหลานก็เข้ามาพาไปนั่งที่ห้องจัดแสดง

        ห้องนี้เป็นห้องกว้างมีโต๊ะสิบโต๊ะ สองแถวแถวละห้า ตรงกลางแถวแรก ห้าสิบตำลึง ด้านข้างของตรงกลาง สี่สิบตำลึง แถวสองตรงกลางสามโต๊ะ สามสิบตำลึง มุมติดขอบแถวหนึ่งและสอง ยี่สิบตำลึงโต๊ะทุกโต๊ะเต็มหมด ถือเป็นความดีของแม่เล้าเขียวที่แทรกคิวให้ บริการดีจริง ๆ สมควรแถมเงินให้เยอะ ๆ ไหน ๆ ก็เสกเอาทั้งนั้น เอาเงินซื้อความสุขนี่แหละชีวิตในฝันของคนทั่วหล้า

        คนอื่น ๆ เข้ามานั่งได้สักพักแล้ว ตัวประกอบหลบมุมเข้ามาทีหลัง คนอื่น ๆ หันมามองแล้วก็หันกลับไม่ได้สนใจอะไร

        "คุณชายหยง สนใจแลกโต๊ะกันไหม? ข้าให้ท่านเพิ่มอีกสามสิบตำลึง" เสียงมาจากคนนั่งโต๊ะข้าง ๆ ด้านซ้าย

        "คงจะไม่ได้หรอกคุณชายจาง ข้าจองที่ตรงนี้มานานแล้ว"

        "เพิ่มอีกสิบตำลึงเป็นยังไง สนใจไหม"

        "เห็นว่าคุณชายจางขอร้องถ้าให้ข้าร้อยตำลึงข้าจะแลกที่นั่งทันที"

        คุณชายหลงจ้องกลับคุณชายจางเหมือนมีสายฟ้าแลบผ่านเปรี๊ยะ ๆ ดุเดือดแท้ สมราคาจริง ๆ

        "ตกลง!"

        เหยด! ร้อยตำลึง จ่ายสดโหดจริง ๆ คนสกุลจางจ่ายเงินให้คนสกุลหยงหลีกทาง แค่นี้ก็เอาไปเป็นขี้ปากชาวบ้านได้แล้ว ศึกฝีปากสองตระกูลใหญ่

        "แหม๋ ๆ พี่จางฉาน เงินทองเหลือเฟือยิ่งนัก ช่วยออกเงินให้ข้าด้วยได้ไหม"เสียงมาจากทางขวาจองโต๊ะที่ราคาแพงที่สุด

        "คงจะไม่ได้หรอกน้องเฉิน ข้าเพียงต้องการให้แม่นางหงส์มองข้าถนัด ๆ เท่านั้น"

        "น่าเสียดายจริง ๆ ตระกูลข้าไม่มีเงินทองมากมายนี่ข้าเก็บเงินตั้งนานนะ กว่าจะได้ที่ตรงนี้มา"

        "ล้อเล่นกันไปแล้ว น้องเฉินถึงท่านจะไม่ใช่ห้าตระกูลใหญ่ แต่ท่านนั้นมีสมบัติมากกว่าตระกูลใหญ่บางตระกูลเสียอีก"

        "โอย สมบัติอะไรกันตระกูลจูของข้าเริ่มต้นทำการค้าเล็ก ๆ เพียงสองรุ่นเท่านั้น ไม่อาจเรียกว่ารวยได้หรอก แต่ที่บอกก็มากกว่าบางตระกูลนั้นก็คงแน่นอนล่ะ..." จูเฉินพูดพลางยิ้มเล็ก ๆ

        อี้หนานพลางแตะมือเจี้ยงโหยว และกระซิบถามเบา ๆ "ที่จูเฉินคนนั้นพูดถึงคือตระกูลอะไรเหรอ ฟังไม่รู้เรื่องแล้วขาดอรรถรสยิ่ง"

        "เป็นตระกูลเอี้ย เห็นว่าไม่สามารถผลิตทายาทที่ไร้พรสวรรค์มาสามรุ่นแล้ว ตอนนี้ผู้ที่ปกครองตระกูลก็อายุร่วมร้อยเจ็บสิบแล้ว ถ้ารุ่นต่อไปไม่สามารถมีเด็กที่มีพรสวรรค์ได้ล่ะก็... ตระกูลเอี้ยอาจจะต้องขายสมบัติของตระกูลทั้งหมดเพื่อใช้หนี้ "

        "ตระกูลเอี้ยเป็นหนี้? เป็นตระกูลผู้ฝึกยุทธไม่ใช่เหรอ ไม่น่าขาดแคลนขนาดนั้นมั้ง ต่อให้ไร้พรสวรรค์ ก็ไม่น่าขาดแคลนเงินทองขนาดนั้น มีแขนมีขาทำมาหากินเอาก็ได้"

        "มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะซิ ตระกูลเอี้ย กู้ยืมเงินจากตระกูลจาง เพื่อซื้อวัตถุดิบไปบ่มเพาะวิทยายุทธ ถ้าไม่สามารถใช้คืนได้ภายในห้าปีนี้ ตระกูลเอี้ยจะล้มละลาย ตระกูลจางจะได้ทุกอย่างของตระกูลเอี้ย ทั้งศาสตราวุธพิสดาร ทั้งตำราฝึกยุทธประจำตระกูล และตำตำราลับมากมาย ก็จะตกเป็นของตระกูลจางทั้งหมด หลังจากนั้นตระกูลจางจะขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง"

        "เป็นเช่นนี้นี่เอง"

        "อ๊ะ! คุณชายก็.." แล้วก็เงียบไป พอรู้น่าข้าแซ่เอี้ยไม่มีวิทยายุทธ แต่ไม่เกี่ยวกับเอี้ยที่นี่แน่นอน... ไม่ซิ เอาเรื่องนี้ไปคุยดูก็น่าจะพอได้อยู่พรุ่งนี้ลองไปแถ ๆ ดูก็แล้วกัน

        ฟังพวกคุณชายคุยแข่งกันสักพักก็มีหญิงสาวเดินขึ้นเวที แต่มีม่านกันเอาไว้ไม่ให้เห็นหน้า เห็นเพียงเงาลาง ๆ

        "ขอต้อนรับเหล่าคุณชายทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาในวันนี้เจียวหงส์ ครึ่งชั่วยามนี้ ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับอาหาร และการแสดงดลตรี เจียวหงส์ขอรับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!"

        ดลตรีเริ่มบรรเลงพร้อมเสียงหวานเสนาะหู... แม่งไอ้ระบบแปลภาษานี่มันดีจริง ๆ ฟังไม่ออกสักคำ ขอซับไตเติ้ลหน่อยก็ไม่ได้ แต่ก็ดี ฟังเพลิน ๆ ดี ถ้าร้องแบบแปลเสร็จให้ฟังขัดหู อาจต้องเรียนภาษาโดยด่วนซะแล้ว ไม่ก็อัพเกรดระบบแปลให้ดีขึ้น...ถ้ามีให้อัพได้ละก็นะ

        "เล่าเรื่องตระกูลเอี้ยให้ข้าฟังหน่อยซิ"

        เจียวโหยวเจียวหลานก็พูดกันเบา ๆ เล่าเรื่องตระกูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเอี้ยให้ฟัง รวมถึงสภาพของตระกูลตอนนี้

        สรุปเอาว่า กระกูลเอี้ยกู้เงินหาทรัพยากรมาฝึกฝนให้เด็ก ๆ รุ่นใหม่ แต่ว่าสองรุ่นที่ผ่านมากลับไม่สามารถสร้างคนเก่งกล้าออกมาได้เลย ทางตระกูลเอี้ยก็พยายามเกี่ยวดองกับตระกูลฝึกยุทธแน่  ๆ ก็แล้วแต่เด็กที่เกิดมาเหมือนมีคำสาป ไม่มีเด็กที่มีพรสวรรค์เลยแม้แต่คนเดียว ส่งเด็กในตระกูลออกรบก็ตาย ส่งไปเป็นพ่อค้าก็ไม่รวย ทำให้สมบัติในตระกูลร่อยหรอลงเรื่อย ๆ

        จระกูลจางที่ให้กู้ยืมเงินก็เตรียมฉลอง เพราะถ้าได้สมบัติประจำตระกูลของตระกูลเอี้ย ก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก ไร้ผู้ต้าน แม้ตระกูลหยงที่มีผู้ฝึกวิธยายุทธอันดับหนึ่งก็ต้องยอมแพ้ เพราะความมั่งคั่งของตระกูลจางนั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ต้องให้เอาอีกสี่ตระกูลที่เหลือรวมกัน ก็ยังไม่อาจเทียบความมั่งคั่งของตระกูลจางแห่งเมืองหัวอาน

        ตอนนี้สัญญาหมั้นที่เคยพูดไว้ตั้งแต่รุ่นปู่ก็ถูกยกเลิก ตอนนี้ไม่มีใครไยดีกับตระกูลเอี้ยที่ใกล้ล่มสลาย กำหนดห้าปีที่กำลังจะถึงนี้ไม่มีใครทราบว่าราคาเท่าใด ยกเว้นผู้นำตระกูลทั้งสองเท่านั้นที่ทราบได้

        กู้ยืมเงินต่อเนื่องร้อยปีใกล้จะครบกำหนดแล้ว จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหรือไม่ ตอนนี้เอี้ยอี้หนานผู้แอบอ้างใช้แซ่แบบหน้าไม่อายกำลังวางแผนการใหญ่

        หนี้ร้อยปีเชียวนะ อาจถึงขั้นล้านตำลึงทอง ไม่ซิผู้ฝึกยุทธใช้เงินมากโขอยู่แล้ว แค่ผลึกก้อนเล็ก ๆ ก็สิบตำลึงทองแล้ว วันนึงเราอาจเสกได้หลักพันตำลึง ห้าร้อยตำลึงทอง ก็เสกออกมาสบาย ๆ ไม่รู้ลิมิตอยู่ที่จำนวนเท่าไหร่ เสกถึงขีดจำกัดก็จะนอนหลับยาวหกชั่วโมง ประมาณสามรอบต่อวันตื่นมากินข้าวแล้วก็สลบต่อ ตีไปคร่าว ๆ ก่อนวันละ พันตำลึงเราทำได้แน่นอนอยู่แล้ว

        สามปีล้านตำลึงแบบสลบทุกวัน เหี้ยไม่ไหวมั้ง เอาเงินไปซื้อของให้ตัวเองดีกว่า... แต่สมบัติลับของตระกูลที่เก็บเอาไว้ก็น่าสนใจ ตระกูลจางถึงขนาดรอคอยโอกาสถึงร้อยปี เพื่อจะได้ครอบครองย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน ลองไปคุยเงื่อนไขดูก่อนก็แล้วกัน ไม่ไหวก็คือไม่ไหว ไม่ไหวก็แค่ถอนตัวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราอยู่แล้ว

        เอาไอ้นี่แหละไอ้คนที่ไปตายในสนามรบ ชื่อเอี้ยกวง โอเค จากอายุรุ่นปู่เราได้พอดี ปู่ชื่อเอี้ยกวง พ่อชื่อเอี้ยก้วย ว๊า ฮะ ฮ่า แอบไข่ทิ้งไว้ช่วงออกรบ พอเอี้ยก้วยเกิดแม่ก็ตาย เอี้ยก้วยจึงนั่งเรือทำการค้าที่ต่างประเทศ สุดท้ายถูกโจรสลัดฆ่า สมบัติทั้งหมดเลยมาอยู่กับ เอี้ยอี้หนาน ใช้ได้ ๆ เอาเนื้อเรื่องประมาณนี้และ พรุ่งนี้โดดฝึกแม่ม จ่ายค่าปรับเอาได้สบ๊าย!

        นึกแผนการไปเรื่อย ๆ ฟังเจียวโหยวเจียวหลานพูดคุยแกล้มอาหาร สุดท้ายการแสดงก็จบลง ทุกคนปรบมือให้

        เมื่อเจียวหงส์เดินออกมาจากม่านที่กั้น ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง อี้หนานก็ไม่เว้นมองตาค้าง เหมือนตอนไปเที่ยวเหมืองหลวงแล้วเจอดาราเดินในห้างกลางเมือง หน้าตางดงาม หุ่นเพอร์เฟค ผิวที่ละเอียดเปร่งออร่านั่นอีก และยังท่าเดินและสีหน้าที่เย้ายวน ปลุกเร้าอารมณ์อย่างน่าตกตะลึง

        หน้าตาให้ร้อยเต็มร้อย เสียงเพลงนี้จำไม่ได้จริง ๆ เพราะสนใจเรื่องอื่นอยู่ แต่ที่ผ่าน ๆ หูก็ดูไม่เลวจริง ๆ ชักอยากหาที่ระบายอารมณ์ซะแล้วซิ

        คุณชายคนอื่นก็พูดคุยจีบเจียวหงส์ แต่อี้หนานแทบทนไม่ไหวแล้ว จึงให้เจียวโหยวเจียวหลานเดินกลับไปที่ห้องพิเศษห้องที่ห้า

        เรียกแม่เล้าออกมา ติดต่อราคาเปิดซิงเจียวหลานพร้อมราคาเหมาเจียวโหยวเจียวหลาน ไม่ให้รับแขกคนอื่นอีก ราคาเทียบเท่าเงินค่าไถ่ตัว แต่ขอฝากไว้ที่นี่ก่อนไม่สะดวกรับตัวไปจริง ๆ ต่อรองกันเสร็จสรรพ ก็เข้าห้องไปจัดการหญิงสาวทั้งสอง


    -s-

        หลังจากอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จ ผมก็เริ่มแฮกผลึกต่อ แต่นอนว่าพลังงานไม่เพียงพอ

        หลังจากนั้นผมก็นอนโดยมีหญิงสาวทั้งสองคนอนกันผมคนละข้าง แล้วจึงหมดพลังงานหลับไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×