ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพยุทธพลังแฮกเกอร์

    ลำดับตอนที่ #14 : ท้าดวล

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 61


        "ท่านน้าฝึกวิชาถึงขั้นใด"

        "ตามข้ามาซิ"

        เอี้ยเล่งชู่เดินออกมาด้านนอกที่เป็นบริเวณลานฝึก และส่งพลังปราณเป็นรูปฝ่ามือกระแทกลงไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ห่างออกไปหลายเมตร ก้อนหินก้อนนั้นก็ระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

        เห้ย! ไม่ถามอะไรข้าซักคำ มาทำลายก้อนหินที่ประดับสวนซะอย่างนั้น แล้วยังยิ้มภูมิใจนั่นอีก พวกชาวยุทธแม่งไม่รู้จักความเกรงใจกันจริง ๆ

        "น้าฝึกถึงขั้นปรา
    กำเนิดปฐพี แต่ขั้นนี้ก็ไม่ได้มีดีอะไร พวกที่มีพรสวรรค์อายุแค่ยี่สิบห้าปี แต่มีฝีมือทัดเทียมกับน้านั้นมีอยู่มากมายในสำนักต่าง ๆ หากเจ้าเข้าสำนักเหล่านั้นได้ ข้ารับรองว่าอนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด"

        "ท่านน้าเคยเป็นศิษย์สำนักใดหรือไม่"

        "ข้าเคยอยู่สำนักชิงซาน ที่นั่นกฎระเบียบมากมาย หลังจากที่น้ามีลูกน้าก็ออกจากสำนักมาเลี้ยงดูลูก ๆ อ๋อ ข้ายังมีลูกชายอีกสองคน คนโตอยู่สำนักกระบี่ดาวดึงส์ คนรองอยู่สำนักชิงซาน"

        "แล้วเจ้าตัวเล็กสองคนนี้ ท่านคิดจะส่งพวกเขาไปที่ไหน"

        "พ่อของพวกเขาอยากให้ไปที่สำนักครามมังกร เพื่อเชื่อมไมตรีต่อทุกสำนัก แต่ข้าไม่อยากให้พวกเขาไปเท่าไหร่นัก"

        "เพราะอะไร?"

        "สำนักครามมังกร เน้นฝึกการฆ่า การฝึกของสำนักนี้ถือว่าอันตรายและโหดเหี้ยมที่สุด ข้ากลัว กลัวว่าลูก ๆ ของข้าจะเปลี่ยนไป"

        เอี้ยปี้เฉินมีแววตาเศร้า

        "ท่านอย่าคิดมาก ต่อให้เปลี่ยนไปยังไงท่านที่มอบความรักให้กับพวกเขา พวกเขาย่อมต้องรักท่านอย่างแน่นอน ข้ายืนยันว่าสิ่งนี้ยังไงก็ไม่เปลี่ยน"

        เอี้ปี้เฉินยิ้มบาง "เจ้านี่เข้าใจปลอบใจข้านะ นั่นซิอย่างอื่นอาจเปลี่ยน แต่ความรักของข้าที่มอบให้พวกเขาย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง..ตลอดกาล"

        อี้หนานให้เวลากับนางพักนึก

        "มาเถอะไปดูพวกเด็ก ๆ กัน"

        อี้เฉินยังมีคำถามที่เก็บไว้ในใจ แต่ตอนนี้ขอปล่อยให้ท่านน้าไปเจอพวกลูก ๆ นางจะดีกว่า

        "ท่านแม่ พี่สาวรังแกข้า" เมื่อเห็นเอี้ยปี้เฉิน เอี้ยไป่อิ๋งก็วิ่งเข้ามาฟ้อง

        เอี้ยปี้เฉินก็เข้าไปลูบหัว "ไหน คนไหนกล้ามารังแกเจ้า" เสียงที่พูดเจือความอบอุ่น ไม่มีความโกรธอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย

        "คน ๆ นี้ ดุข้าตอนที่ข้าจะเอากระบี่ไม้ของนางมาฝึก ไล่ให้ข้าไปหยิบเอากระบี่ไม้ห่วย ๆ "

        อี้หนานได้ยินก็หัวเราะ แค่กระบี่ไม้ถูก ๆ ก็งอแงได้ขนาดนี้ ท่านน้าคงรักและตามใจนางมากจริง ๆ

        "พี่ยาวเล้งชู่ ท่านก็มอบกระบี่ให้นางเถอะ ถือว่าเป็นของแทนมิตรภาพของผู้ฝึกยุทธ"

        เอี้ยเล้งชู่ ที่ทำท่าจะพูดแย้งในตอนแรก พอได้ยินประโยคหลังก็เปลี่ยนสีหน้าทันที

        "อ่ะนี่พี่สาวให้กระบี่กับเจ้า เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ"

        เอี้ยไป่อิ๋งก็วิ่งคว้ากระบี่ไม้ ก่อนจะวิ่งกลับไปหาแม่ของนางและแลบลิ้นใส่เอี้ยเล้งชู่ "แบร่"

        "นายท่าน" เอี้ยเล่งชู่ทำตาน่าสงสาร

        "ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าซื้อให้เจ้าใหม่" อี้หนานหัวเราะ

        "หลงเอ๋อร์เจ้าล่ะ สนิดกับพวกพี่สาวหรือยัง" ปี้เฉินถาม

        "ท่านพี่..พี่สาวใจดีมาก ข้าสนิดกับพี่สาว" เอี้ยไป่หลงตอบด้วยใบหน้าเขินอาย

        คนอื่น ๆ ก็ยิ้มแย้ม เอี้ยปี้เฉินก็ปล่อยให้เด็ก ๆ ไปเล่นกันต่อ

        "เหมือนพวกเด็ก ๆ จะอยู่กันได้ ไม่มีปัญหาอะไรนะ"

        "เดือนหน้าก็จะเริ่มการสอบเข้าสำนักต่าง ๆ แล้ว ข้าหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร"

        "เดือนหน้าจะมีการสอบงั้นเหรอ? ที่ใดเปิดเป็นที่แรก แล้วถ้าสอบไม่ผ่านจะสอบอีกที่ได้หรือไม่" อี้หนานนึงถึงการสอบเข้ามหาลัย

        "การสอบจะจัดขึ้นเวลาเดียวกันทุกสำนัก แต่สำหรับเจ้าข้าไม่แน่ใจ การสอบบุคคลภายนอกข้าจำไม่ได้จริง ๆ แต่น่าจะช่วงเวลาเดียวกัน เสี่ยวหนานเจ้าสนใจสำนักใดเป็นพิเศษ"

        "ตอนนี้ข้าตัดสินใจอยู่ ข้าอยากพาพวกพี่สาวไปกับข้าด้วย แต่อีกใจก็ไม่อยาก"

        เอี้ยโหยวที่ดูแลทุกอย่าง และอายุนางก็ถือว่ามากกว่าคนอื่น เอี้ยหลานกะจะให้นางดูแลร้านเสื้อผ้า เอี้ยจื่อก็ไม่เหมาะกับวรยุทธ มีเพียงเอี้ยเล้งชู่คนเดียวเท่านั้นที่พอจะเป็นไปได้ "ตอนนี้ข้าจะให้พวกนางฝึกกันไปก่อน เมื่อถึงเวลาข้าค่อยตัดสินใจอีกที"

        เอี้ยปี้เฉินพยักหน้า

        "อ่อท่านน้าช่วยดูที่ข้าฝึกหน่อย" อี้หนานก็เดินพลังปรา
    ผ่านนิ้วและฝึกแยกนิ้ว นิ้วที่แยกออกจากกันแยกได้เพียงเล็กน้อย และทำได้เพียงนิ้วชี้เท่านั้น

        "มีคนบอกว่าร่างกายข้ากำลังปรับสภาพ ตอนนี้กินยาปรา
    ไม่ได้ ท่านว่าอีกนานไหมถึงข้าจะสามารถกินยาได้" อี้หนานก็เดินไปหยิบยาต่าง ๆ ออกมา รวมถึงยาแก่นปราระดับหนึ่งที่ซื้อมาอีกหนึ่งเม็ด "ข้าซื้อยาแก่นปรามา ข้าชอบผลลัพของมัน ท่านน้าสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ว่าข้ากินได้อีกทีเมื่อไหร่ และพวกพี่สาวจะสามารถกินได้หรือไม่"

        "เป็นยาที่มีราคาแพงและเงื่อนไขยุ่งยาก แต่ยาตัวนี้ออกแบบมาให้ค่อย ๆ ย่อยสลาย ข้าได้ทราบปริมาณกินยาที่ทานได้ ของทุกคนจากฮัวจิ่วมาแล้วเมื่อวาน ข้าอดประหลาดใจกับยาที่เจ้ารับไหวจริง ๆ ตัวเจ้าในตอนนี้ให้ฝึกเดินพลังไปก่อน เสี่ยวหนานหากเจ้าอยากได้วิธีที่รวดเร็วข้าย่อมมีวิธี แต่มันก็ย่อมมีค่าใช่จ่ายด้วยเช่นกัน"

        "เรื่องเงินสำหรับการฝึกของข้า ข้าทุ่มเต็มที่ไม่มีกั๊ก ท่านน้าบอกมาเลยว่าต้องการเท่าไหร่"

        "เรื่องนี้ข้าต้องไปดูราคาสมุนไพรที่ร้านขายยา ข้าจะออกให้เจ้าก่อนค่อยให้เจ้าจ่ายทีหลัง"

        "ขอบคุณท่านน้า แล้วพวกพี่สาวล่ะ สามารถกิน ยาแก่นปรา
    ได้หรือไม่"

        "เมื่อมีข้าอยู่ พวกนางทุกคนสามารถกินได้ แต่ว่าแต่ละคนจะใช้เวลาย่อยสลายตัวยานานเท่าใดนั้น ข้าไม่อาจตอบได้"

        "เช่นนั้นท่านน้า ข้าฝากท่านซื้อยาแก่นปรา
    ระดับหนึ่งมาอีกห้าเม็ด...ท่านสนใจให้ลูก ๆ ท่านกินไหม ข้าช่วยออกให้ท่านได้"

        "เจ้านี่ยังไงกัน ตอนข้าบอกให้เจ้าจ่ายพันตำลึงเป็นค่าสอนเจ้าก็ทำท่าทางกระบิดกระบวน พอมาตอนนี้กลับจ่ายเงินง่าย ๆ หลายพันตำลึง โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน"

        "แหม ท่านน้าก็ ท่านเรียกเงินพันตำลึงทุกวัน ข้าย่อมไม่สามารถจ่ายไหว แต่ยาแก่นปรา
    พวกนี้ นาน ๆ จึงจะจ่ายซักครั้งข้าย่อมสามารถ"

        เอี้ยปี้เฉินยิ้ม "ได้ข้าจะซื้อให้เจ้า แต่เจ้าต้องออกเงินเองนะ น้าของเจ้าคนนี้ไม่ได้พกเงินมามากนัก"

        "ไม่มีปัญหา ว่าแต่ยาที่ท่านจะซื้อราคาประมาณเท่าไหร่เหรอ"

        "ไม่น่าเกินสองร้อยตำลึง...แต่เรื่องที่เจ้าจะซื้อยาให้ลูก ๆ ของน้าน้าคิดจริงจังนะ"

        "แน่นอน ๆ รอข้าซักครู่ข้าขอตัวไปหยิบเงินมาให้ท่าน"

        อี้หนานเดินเข้าไปในห้องเก็บสมบัติและทำการเสกทองออกมาอีกเจ็ดหีบ ทำให้หีบที่ว่างเปล่าตอนนี้เหลือเพียงสองหีบเท่านั้น อี้หนานมีทองสอบเจ็ดหีบ และทองหนึ่งพันสองร้อยตำลึงอีกหีบนึง

        "หึหึ ฮ่า ๆ ๆ ว๊า ฮะ ฮ่า ๆ ข้านี่รวยเสียนี่กระไร พลังยุทธหรือจะสู้พลังเงินตรา"

        ยาเจ็ดเม็ด เจ็ดพันกับสมุนไพรปรับสภาพอีกสองร้อย อี้หนานยกหีบออกมาห้าหีบ หีบที่ห้าเป็นหีบที่ไม่เต็มมีทองพันสองร้อยตำลึงพอดี

        "แต่ละหีบมีทองหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง หีบสุดท้ายมีพันสองร้อยตำลึง รวมเป็นเจ็ดพันสองร้อย พอดีกับยาแก่นปรา
    ระดับหนึ่งเจ็ดเม็ดกับสมุนไพรที่ท่านจะซื้อ"

        "ตอนที่ข้าได้ฟังครั้งแรกข้าก็คิดว่าเจ้าพูดเล่น แต่พอมาเห็นหีบพวกนี้ นี่เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากขนาดไหนกัน"

        "ข้าย่อมมีเยอะมาก พอที่ข้าคิดไปว่าจะช่วยเหลือตระกูลท่านได้ แต่ข้าก็คิดง่ายเกินไป ข้ามีประมาณหนึ่งในสิบของหนี้ตระกูลท่านเท่านั้น"

        "มากถึงหนึ่งในสิบส่วน" เอี้ยปี้เฉินตกตะลึงกับคำโกหกของอี้หนาน

        "แต่ข้าต้องค่อย ๆ แปลงเป็นตำลึงทอง จึงไม่สามารถใช้จ่ายได้ครั้งละมาก ๆ "

        เอี้ยปี้เฉินเหงื่อตก เด็กคนนี้มีเงินมากมายถึงเพียงนี้ทำไมถึงอยากช่วยตระกูลข้ากัน

        อี้หนานยิ้มให้กับท่าทางของเปี้ยปี้เฉิน "แต่ท่านน้าไม่ต้องกังวล ข้ากำลังหาทางเพิ่มช่องทางทำเงิน ภายในห้าปี มันก็ไม่แน่ว่าข้าอาจสามารถทำได้จริง ๆ ก็เป็นได้"

        เอี้ยปี้เฉินกลืนน้ำลาย "หากเจ้าทำได้จริง ตระกูลข้าจะตอบแทนให้เจ้าอย่างเท่าเทียม"

        อี้หนานคำนับ เอี้ยปี้เฉินก็เอาหีบสมบัติดูดเข้าไปในแหวนมิติของนางทั้งหมด

        "แหวนของท่าน มีปริมาตรเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่?" อี้หนานถามอย่างตื่นเต้น

        "ปริมาตรอันใด? แหวนวงนี้สืบทอดกันมาในตระกูลข้า จุได้สิบห้าเซียะ ราคาจ้าไม่แน่ใจ แต่มีไม่กี่วงเท่านั้นในตระกูลเอี้ย"

        "สิบห้าเซียะก็.." อี้หนานเปิดสมุดจดขึ้นมาดู "ห้าเมตรใหญ่เท่ากับห้อง ๆ นึง ยอมเยี่ยม ท่านพอรู้จัดพ่อค้าที่ขายแหวนหรือไม่"

        "ข้าย่อมรู้จัก แต่ว่าแหวนที่มีความจุเยอะ ๆ เหมือนแหวนวงนี้ จะมีราคาสูงและหาซื้อได้ยาก คนมีไม่ขาย คนที่ไม่มีกลับต้องการ เจ้าต้องเข้าใจนะ เด๊๋ยวน้าจะออกไปซื้อยาและแวะถามให้"

        "ขอบคุณท่านน้า"



        เอี้ยปี้เฉินแวะกลับตระกูลเพื่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เอี้ยหยางพ่อของตนได้ฟัง

        "เจ้าบอกเขาเรื่องหนี้สินของเราโดยไม่ปรึกษา เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่เจ้าเด็กอี้หนาน กลับบอกว่ามีสมบัติมากถึงหนึ่งในสิบ เจ้าแน่ใจแล้วเหรอ"

        "ข้าย่อมไม่แน่ใจ แต่การที่เขาสามารถจ่ายเงินง่าย ๆ หลายพันตำลึงก็เป็นเรื่องจริง"

        "เอี้นยี่ สืบข่าวมาว่าเขารับซื้อผลึกจำนวนมากทุก ๆ สองวัน แต่กลับไม่เห็นการเคลื่อนไหวอื่น ๆ เขาเอาทองเหล่านี้มาจากไหนกัน อาจมียอดฝีมือแฝงตัวในที่ลับ คอยส่งของเหล่านี้มาให้ เจ้าอย่าพึ่งรีบตัดสินใจ...แต่การที่เจ้ายอมส่งอิ๋งเอ่อร์หลงเอ่อร์ไปอยู่ที่นั่นเจ้าทำได้ดีมาก เมื่อมีพวกเด็ก ๆอยู่เขาอาจจะเปิดเผยจุดประสงค์ออกมา"

        เอี้ยหยางลูบเคราวพลางคิดอะไรในใจ

        "แต่คำพูดเหล่านั้นที่อี้หนานพูดก็ดูจริงใจดี เพียงแต่เราไม่สามารถสืบที่มาของทองเหล่านั้นได้ ข้าไม่วางใจ ในบ้านหลังนั้นไม่มีใครมีพลังพอที่จะใช้งานแหวนมิติได้ใช่ไหม"

        "ค่ะท่านพ่อ คนที่น่าสงสัยที่สุดคือ จูเมิ่งพ่อค้าผลึก"

        "ได้ ข้าจะให้เอี้ยยี่ไปสืบเรื่องของพ่อค้าผลึกคนนี้ นี่อาจเป็นฝีมือของมือที่สาม เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าต่อ"

        "ค่ะท่านพ่อ" เอี้ยปี้เฉินเดินออกจากห้องไป

        "ท่านบรรพบุรุษท่าน คิดยังไงกับเรื่องนี้" เอี้ยหยางเอ่ยถามในห้องที่ว่างเปล่า

        "ติดตามต่อไป" มีเสียงชราตอบกลับมาแต่ไม่ปรากฏร่าง

        "ครับ!"



        "เจ้าเก่งที่สุดในบ้านนี้ใช่ไหม เจ้าต้องมาประลองกับข้า"

        อี้หนานที่หลับตาทำสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นมามองหน้าเอี้ยไป่อิ๋ง

        "ย่อมไม่ใช่ แม่เจ้าต่างหากที่เก่งที่สุด"

        "ไม่นับแม่ข้าซิ"

        "งั้นเจ้าก็เก่งที่สุด"

        "ไม่ใช่ข้า"

        "งั้นก็น้องชายของเจ้า"

        "ไม่นับคนตระกูลเอี้ย"

        "ไม่นับคนที่มีแซ่เอี้ยล่ะก็ หม่าเทียนเก่งที่สุด" อี้หนานเล่นคำ

        "ใครคือหม่าเทียน"

        "นั่นไง" อี้หนานชี้หม่าเทียนที่กำลังเก็บกวาดเศษหอนที่กระจายเพราะจอมยุทธท่านนึง

        "นั่นมันคนเลี้ยงม้า"

        "ใช่แล้วหม่าเทียนเป็นคนเลี้ยงม้า"

        "เขาไม่เป็นวรยุทธ"

        "นั่นก็ถูกอีกเขาไม่เป็นวรยุทธ เจ้านี่เก่งจริง ๆ รู้ไปหมดทุกเรื่องเลย"

        "อึ่ม!" เอี้นไป่อิ๋งกระทีบเท้า "ข้าจะดวลกับเจ้า"

        อี้หนานหันหลัง "ดวลกับใครไม่เห็นมีใครอยู่เลย"

        "เจ้านั่นแล่ะ!!" เอี้ยไป่อิ๋งทนไม่ไหว หมวดกระบี่ไปที่อี้หนาน

        อี้หนานกลิ้งตัวหลบ "เจ้าจู่โจมคนไม่มีอาวุธได้ยังไง แม่เจ้ากลับมาข้าจะฟ้องแม่เจ้า"

        "เจ้า!" เอี้ยไป่อิ๋งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ และวิ่งเอาดาบไม้ไล่ฟันอี้หนาน

        "ข้าจะฟ้องแม่เจ้า!"

        "อยากฟ้องก็ฟ้องไป วันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้ได้!"

        "นายท่าน" เอี้ยเล้งชูาตระโกนเรียก

        "ไม่เป็นไร ข้าเล่นไล่จับกันเท่านั้น เจ้าฝึกไปก่อน"

        "ข้าจะตีเจ้า!!!"

        เอี้ยไป่อิ๋งวิ่งไล่อี้หนานพลางทุบตีข้าวของในลานฝึก อี้หนานก็วิ่งหนีไปเรื่อย ๆ ไม่ตอบโต้ ด้วยความที่ทั้งสองเป็นผู้ฝึกยุทธระดับเดียวกัน เอี้ยไป่อิ๋งที่อารมย์ร้อนวิ่งไล่ตรง ๆ ทำให้อี้หนานหลอกล่อจนหนีไปได้ทุกครั้ง

        วิ่งมาครึ่งชั่วโมงอี้หนานที่ใกล้หมดแรงจึงชวนคุย

        "แม่นางน้อย เจ้าลองดูรอบ ๆ สิ ข้าวของเสียหายไปหมดแล้ว ฝีมือของเจ้าทั้งนั้น แม่เจ้ากลับมาต้องโกรธมากแน่ ๆ "

        "ใครใช้ให้เจ้าวิ่งหนีข้ากัน เป็นลูกผู้ชายซะเปล่า เอาแต่วิ่งหนีไม่ยอมสู้"

        "พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก ถึงแม้ว่าข้าจะโตกว่าเจ้า แต่ข้าก็พึ่งจะเริ่มฝึกยุทธได้ไม่กี่วันเท่านั้น วิชาต่อสู้อะไรข้าไม่มีซักอย่าง ของที่เจ้าถืออยู่ก็เป็นของใหม่ไม่เคยใช้งาน ข้าจะให้แม่เจ้ามาสอนข้าเนี่ยล่ะ"

        "ต่อให้เจ้าไม่มีวิชาต่อสู้ แต่เจ้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธ เจ้าต้องดวลกับข้า"

        "ข้าก็บอกเจ้าแล้ว ข้าสู้เจ้าไม่ได้ ขอยอมแพ้"

        "ข้าไม่ให้เจ้ายอมแพ้"

        "งั้นเอามาดวลอย่างอื่นกัน"

        "ได้! เจ้าจะดวลอะไรก็ได้ข้าไม่มีแทางแพ้เจ้าทั้งนั้น"

        "แข่งนั่งสมาธิ ให้น้องชายเจ้าสัดสินใครลืมตาก่อนแพ้"

        "เชอะเรื่องง่าย ๆ ข้าไม่แพ้เจ้าหรอก เสี่ยวหลงเจ้าเป็นคนตัดสิน"

        "ครับทานพี่"

        "แข่งกันเฉย ๆ ไม่สนุกเท่าไหร่นัก เรามาพนันกันซักหน่อยไหม"

        "พนัน? ยอมได้ เจ้าจะพนันอะไร"

        "ถ้าข้าชนะ เจ้าต้องเรียกข้าว่า หนานเกอ ส่วนเจ้าชนะก็แล้วแต่เจ้า"

        "งั้นถ้าข้าชนะข้าจะเรียกเจ้าว่าลูกเต่า"

        "ได้ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเริ่มได้เลย"

        เมื่อหาที่นั่งเหมาะ ๆ เอี้ยไป่อิ๋งก็ให้สัญญาณ "การดวลทำสมาธิเริ่มได้"


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×