ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บริหารลมปราณ 18 ท่า
กลับมาถึงคฤหาสน์เวลาสี่โมงกว่า อี้หนานให้เอี้ยโหยวอ่านบิลที่ซื้อมาให้ฟัง พร้อมตรวจสอบ
สมุนไพรสำหรับอาบระดับเริ่มต้น ชุดละ 100 ตำลึง 15 ชุด 1500 ตำลึง
ยาชำระกาย เม็ดละ 20 ตำลึง 15 เม็ด 300 ตำลึง
เม็ดยาสร้างรากฐาน ขวดละ 15 ตำลึง 13 ขวด 195 ตำลึง
ยาปราณต้นกำเนิด ขวดละ 50 ตำลึง 30 ขวด 1500 ตำลึง
ค่าถังอาบน้ำ อีกเล็กน้อย เหลืออีกนิดหน่อย
ในขณะเดียวกันสาว ๆ คนอื่น ๆ ก็ ไปพูดคุยแนะนำตัวกับฮัวจิ่ว
เมื่ออี้หนานตื่นขึ้นมามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นใคร ก็ลุกออกจากอ่างยา
เมื่อวานมีโควต้าเท่าไหร่วะ..ลืม จำได้ว่าเกินสี่พัน แต่ไม่ถึงสี่พันห้า วันนี้เสกไปก่อนสองหีบตามมาตรฐานประจำวัน
สมุนไพรสำหรับอาบระดับเริ่มต้น ชุดละ 100 ตำลึง 15 ชุด 1500 ตำลึง
ยาชำระกาย เม็ดละ 20 ตำลึง 15 เม็ด 300 ตำลึง
เม็ดยาสร้างรากฐาน ขวดละ 15 ตำลึง 13 ขวด 195 ตำลึง
ยาปราณต้นกำเนิด ขวดละ 50 ตำลึง 30 ขวด 1500 ตำลึง
ค่าถังอาบน้ำ อีกเล็กน้อย เหลืออีกนิดหน่อย
ในขณะเดียวกันสาว ๆ คนอื่น ๆ ก็ ไปพูดคุยแนะนำตัวกับฮัวจิ่ว
"แม่นางฮัวจิ่ว เรามาเริ่มฝึกกันเถอะ"
ฮัวจิ่วหยักหน้า
"การเริ่มต้นฝึกนั้นไม่ยากนัก ขั้นตอนนี้เรียกว่าแรกสัมผัสปราณ มีอุปกรณ์ที่สามารถประยุกต์ได้มากมายหลายวิธี"
ฮัวจิ่วหยิบกระบี่ขึ้นมา "กระบี่นี้เป็นกระบี่ที่ทำมาให้ชาวยุทธใช้ มีการผสมผงผลึกลงไป เพื่อให้สามาถ่ายปราณลงไปได้" กระบี่สว่างขึ้นเล็กน้อย
"วิธีฝึกง่าย ๆ ก็คือการฝึกรับรู้ด้วยร่างกาย ใช้มือจับไปที่กระบี่ส่วนที่ไม่มีคม แล้วหลับตาลง เมื่อข้าจะใส่พลังปราณลงไป จับสัมผัสของมันและจดจำเอาไว้ ขั้นตอนนี้ทุกคนมาทำพร้อม ๆ กันได้เลย"
อี้หนานและคนอื่น ๆ หลับตาและจับที่กระบี่
"ข้าจะเริ่มส่งพลังละนะ"
อี้หนานรู้สึกถึงคลื่นสั่นเล็ก ๆ
"รู้สึกยังไงบ้าง"
"ข้าว่ามันสั่นนิด ๆ " เอี้ยหลานพูดออกมา
"การสั่นไม่ใช่พลังปราณ ที่ท่านรู้สึกคือผลจากพลัง ไม่ใช่ตัวพลัง ลองใหม่อีกครั้ง"
หลังจากลองหลายครั้งก็พอรู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่ส่งมาเป็นจังหวะได้
เมื่อมีคนตอบได้คนนึง ฮัวจื่อก็เปลี่ยนจังหวะปราณของตัวเอง สำหรับผู้ที่ตอบไปแล้ว ก็ให้หัดจับพลังให้ละเอียดมากขึ้น
เมื่อครบทุกคนก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี ฮัวชื่อเข้าไปช่วยสอนวิธ๊ทำอารหารเสริมพลังปราณให้สาว ๆ
ระหว่างที่รับประทานทุกคนก็พูดคุยเรื่องที่ทดสอบเมื่อกี้ เมื่อกินและเก็บล้างเสร็จแล้ว ฮัวจื่อก็เริ่มสอนต่อ
"ขั้นนี้จะเป็นการสัมผัสที่ละเอียดขึ้นมาซักหน่อย"
ฮัวจื่อจับข้อพับบริเวณศอกและให้อีกฝ่ายจับที่ข้อศอก
"ข้าจะส่งพลัง ไปที่แขนของท่าน ให้ท่านจับสัมผัสให้ดี ตรงนี้ไม่แตกต่างกับเมื่อกี้มากนัก แต่ว่าให้ท่านจำลองว่า มีพลังอยู่ในจุดตันเถียนของท่าน พลังที่เหมือนกับที่ท่านกำลังรู้สึกที่แขนที่ข้าจับ ค่อย ๆ เคลื่อนย้ายพลังนั้นขึ้นสู่อก"
อี้หนานจากที่นั่งสบาย ๆ ตอนนี้ก็นั่งตัวตรงทำสมาธิเพื่อจิตนาการตาม
"จากนั้นส่งหลังไปที่หัวไหล่ ไหลเหมือนกระแสน้ำไหลลงมาที่ข้อสอกและไหลไปสู่ฝ่ามือ และให้พลังนั้นหมุนวนไปที่แขนเหมือนกับที่ท่านสัมผัสได้จากข้า หมุนวนช้า ๆ สิบลมหายใจ และปล่อยให้พลังสลายไป เหมือนกับน้ำที่ซิบลงไปในดิน"
อี้หนานที่กำลังทำอยู่ และกำลังจะลองอีกครั้ง ฮัวจิ่วก็ปล่อยมือออก และไปสอนคนอื่น ๆ ต่อ อี้หนานจึงตั้งสมาธิฝึกขั้นตอนเหล่านั้นอีกครั้ง
รวบรวมพลังที่ท้องน้อย ส่งขึ้นไปหน้าอก ไปที่หัวไหล่ ไหลเหมือนกระแสน้ำ ไปสู่ศอกท่อนแขน และฝ่ามือ หมุนวน สิบลมหายใจก็ปล่อยให้พลังซิมหายไปดั่งน้ำที่อยู่บนผืนดิน
อี้หนานหลับท่องไปเรื่อย ๆ และกระทำซ้ำ
พอรู้สึกตัวอีกที่ ฮัวจิ่วก็มาจับที่ท่อนแขนและสั่งเหมือนเดิมอีกรอบ
"ท่านทำได้แล้ว คุณชาย"
เมื่ออี้หนานมองไปที่ฮัวจื่อก็พูดอีกประโยต
"ท่านถือเป็นคนที่สองที่ทำได้ในวันนี้ แม่นางเล้งชู่ทำได้ก่อนท่านเพียงครู่เดียว"
อี้หนานก็มองไปทางเอี้ยเล้งชู่ที่ยิ้มแย้มสดใส และยกยกนิ้วโป้งให้เธอ
"ใครที่ทำได้แล้วมารับยาปราณต้นกำเนิด จากข้าไปกินสองเม็ด แล้วฝึกต่อ ทุก ๆ หนึ่งเค่อมารับยาจากข้าไปอีกทีละเม็ด หากถึงจุดที่ไม่รับยาอีกข้าจะเป็นคนบอกกับพวกท่านเอง"
อี้หนานได้ฟังก็กินโชว์ไปเลยสิบเม็ด
"นี่ท่าน! ไม่ฟังที่ข้าบอกเลยหรือไง เดี๋ยวก็ตายหรอก!"
"ข้าเคยกินมาก่อนแล้ว นี่ยังไม่ใช่ลิมิตของข้า อีกหนึ่งเค่อท่านก็ลิงมาตรวจสอบได้"
ฮัวจิ่วได้ยินดังนั้นก็ไม่ว่าอะไร ไหน ๆ ก็กินไปแล้วถ้าเป็นอะไรค่อยว่ากันอีกที
อี้หนานจึงถือโอกาสนี้เข้าห้องไปเสกทองเพิ่มอีกเล็กน้อย
วันนี้เหลือโควต้าอีกพันตำลึง กินอาหารไปเมื่อกี้ กับวันนี้กินยาเข้าไปอีกหลายครั้ง ตบท้ายด้วยสิบเม็ดเมื่อกี้ เสกไปก่อนพันจำลึงก็แล้วกัน
แล้วอี้หนานก็เดินกลับไปนั่งฝึกต่อ
"ตอนนี้เหลือแต่ แม่นางจื่อ ที่ยังทำไม่ได้ไม่เป็นไรมาฟังข้าก่อน... หลังจากที่โคจรพลังได้แล้วให้ท่านลองโคจรไปส่วนอื่น ๆ เหมือนกับที่แขน เริ่มจากแขนทั้งสองข้าง ทำทีละข้างให้ชิน แล้วค่อยทำที่ขาทีละข้าง สุดท้ายที่หัว ถือเป็นการฝึกลมปราณพื้นฐานที่สุด วันนี้คงฝึกกันแค่นี้ก่อน แม่นางจื่อมาฝึกกับข้า จับที่แขน..."
ด้วยความดื้อ อี้หนานจึงกินยาปราณต้นกำเนิดครั้งละสองเม็ดทุกครั้ง และยิ้มให้ฮัวจิ่ว
ฝึกกันได้สี่ชั่วโมง อตนนี้สาว ๆ เริ่มถึงขีดจำกัดการลับยาแล้ว
เอี้ยเล้งชู่ 15 เม็ด เอี้ยหลาน 10 เม็ด เอี้ยโหยว 8 เม็ด และเอี้ยจื่อ 5 เม็ด ส่วนเอี้ยอี้หนาน กินได้เรื่อย ๆ ยังไม่ถึงกำหนดตอนนี้กินไป 27 เม็ดแล้วตั้งแต่เริ่มฝึก ทำเอาฮัวจิ่วยิ่งมองเห็นอี้หนานเป็นตัวประหลาดเข้าไปอีก
ฮัวจิ่ว ก็สอนวิธีรำมวยต่อ
"ตอนนี้ข้าจะให้พวกท่านเน้นจำท่าทางก่อน แต่จะบอกวิธีเคลื่อนปราณไปด้วย ทุกครั้งที่ออกท่า ให้ทำอย่างช้า ๆ ท่านี้เป็นกายบริหารสามารถทำได้ทุกวัน เป็นท่าที่ง่ายที่สุดในการฝึกยุทธ ชื่อของมวยชุดนี้คือ บริหารลมปราณ 18 ท่า..."
"แยกขาออก ส้นเท้าให้เท่ากับหัวไหล่ ยกสองแขนขึ้น 'หายใจเข้า' ยกมือมาไม่สูงเกินศีรษะ 'หายใจออก' ย่อเข่าและค่อย ๆ ลดมือลงจนถึงหัวเข่า 'หายใจเข้า'ยกมือขั้นเมือนเมื่อกี้ 'หายใจออก' ทำซ้ำห้าครั้ง เริ่มเปลี่ยนท่า 'หายใจเข้า' ให้หางแขนทั้งสองข้างออก 'หายใจออก' ลดแขนลงในท่าเดิม..... "
...นี่มันไทเก๊กใช้ไหมเนี่ย (ref : ไทเก็ก บริหารลมปราณ 18 ท่า ในยูทูป) มองอีกทีก็คล้าย ๆโยคะ
ตอนนี้ทุกคนมาเรียนวรยุทธหมัดมวยเข้าแถวหน้าหน้า มีอี้หนานและเอี้ยเล้งชู่ แถวหน้า และอีกสามคนในแถวหลัง ได้อารมย์อากงอาม่าออกกำลังหายในสวนสาธารณะมาก ท่าเปลี่ยนเป็นท่าเร็ว ๆ มีเพลงประกอบนี่ก็อารบิกตอนเย็น
ชุดนึงใช้เวลา 3 เค่อ จำท่าไม่ได้แต่มีคนทำตัวอย่างให้ดูก็ทำได้
หลังจากสอนรำมวยเสร็จ ฮัวจิ่วก็สั่งพักเป็นอันจบการฝึกของวันนี้ ก่อนจะให้กินยาชำระกายคนละเม็ด เธอจึงแยกไปเขียนตำราฝึกรำมวย
อี้หนานจึงถือโอกาสนี้ปิดงาน ไปเสกทองให้พลังหมด ทั้งวันกินยาไปสามสิบกว่าเม็ด ก็เสกเพิ่มได้อีกหกร้อย โคต้ารวม 4300 นิด ๆ
"ฮัวจิ๋ว อยากนอนในถังแช่สมุนไพร"
ฮัวจิ่วก็พยักหน้า และจัดเตรียมยาสมันไพร ใส่ไปสองชุด จากนั้นเธอก็หยิบแผ่นอักขระออกมา
"นี่คืออะไร?"
"แผ่นอักขระไฟ ใช้ต้มน้ำอาบกับอุ่นอาหารได้ เอามาต้มสมุนไพรอาบก็ได้ ไฟไม่แรงมากน้ำไม่ถึงกับเดือด ถ้าอยากทำอาหารก็ต้องใช้อีกแผ่น ไฟยิ่งแรงยิ่งกินผลึกพลังงาน"
"เท่าไหร่อ่ะ?"
"สองร้อยตำลึง"
"น่าซื้อมาใช้จริง ๆ "
"ที่ใช้เพราะช้าจะนอนไม่อยากตื่นมาเติมฟืนให้ท่าน ท่านพอมีผลึกพลังบ้างไหม"
"มี ๆ เดี๋ยวเอามาให้... แม่นางฮัวจิ่วตอนนี้ข้าใช้แหวนมิติได้หรือยัง"
"ท่านสามารถกระตุ้นการทำงานของแหวนได้ แต่สัมผัสท่านยังไม่พอ จึงไม่สามารถเอาของเข้าหรืออกจากแหวนได้"
อี้หนานจึงไปหยิบผลึกมาให้แบบคอตกเล็กน้อย
"เอาล่ะ พร้อมแล้ว ท่านลงไปนอนแช่ได้เลย พรุ่งนี้เช้าข้าจะมีดู ไปก่อนละ"
"นึกว่าท่านจะดูข้าแก้ผ้าลงอ่างซะอีก"
ฮัวจิ่วก็ขึงตาให้
"จริง ๆ ลงไปทั้งเสื้อผ้าก็ได้นะ แล้วแต่ท่านเลย ยาตรงนี้ใส่ไปสองชุดอยู่แล้วเปลืองไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก"
ฮัวจิ่วจึงออกจากห้องอาบน้ำไป
อี้หนานก็แก้ผ้าและลงไปในอ่างและนอนหลับไป...
หืม?แผ่นอักขระนี่มันทำงานยังไงนะ มีไฟลอยอยู่บนแผ่นหนังแต่ตัวแผ่นหนังกลับไม่ร้อน ไหน ๆ หยิบผลึกออก ไฟค่อย ๆ ดับ คล้าย ๆ เตาแก๊ส ยังมีพลังงานตกค้างก่อนจะดับไป ต่อไปก็วางผลึกลงไปตรงนี้... ก็วางตรงนี้นี่หว่า หรือต้องใส่พลังปราณลงไปด้วย เอาเหอะ ทำไม่เป็นก็ไม่ต้องไปลอง
"มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง"
"ข้าอยู่นี่ค่ะนายท่าน" เอี้ยจื่อเดินเข้ามา
"ช่วยข้าจุดไฟเตียมอาบน้ำล้างยาที่ตัวหน่อย"
อี้หนานลงไปแช่เตายาอีกรอบ เพราะผ้าบางที่คลุม และตัวที่เปียกน้ำยาไม่่ได้ล้าง และอากาศยามเช้าที่ตอนนี้ไม่อาจเรียกว่าสบายได้
พออ่างอายน้ำเริ่มอุ่นก็ลุกออกจากเตายา และเอาขันตักน้ำอุ่นล้างตัว ด้วยความคึกคักของผู้ชายในตอนเช้า และสีหน้าของเอี้ยจื่อที่มองตัวเองแก้ผ้า อีกทั้งพลังที่พลุกพล่านในตัวอีก
"พี่สาวจื่อมาอาบน้ำกับข้าเถอะ"
"ค่ะนายท่าน"
เอี้ยจื่อจึงลงไปอาบน้ำในอ่างกับอี้หนาน แต่อี้หนานไม่ยอมอาบง่าย ๆ จึงเริ่มลูบไล้เลือนร่างของนางแย่างแผ่วเบา และ
"อ๊าาาา!"
เสียงร้องจากทางเข้าทำให้อี้หนานหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นใคร จึงทำตามที่ตัวเองต้องการต่อไปจนเสร็จ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ อี้หนานก็ถามหาฮัวจิ่วเพื่อมาสอนเดินพลังหลังอาบน้ำยา แต่ก็ไม่มีใครเห็น
"พี่สาวโหยว เห็นฮัวจิ่วหรือไม่"
"เมื่อสักครู่นางมาบอกว่า ต้องไปซื้อบางอย่างและจะออกไปกินอาหารด้านนอก จึงฝากมาเรียนเจ้าค่ะ"
อี้หนานจึงไปฝึกเดินพลังต่อ
ซักพักก็มีคนเคาะประตูเขามา เป็นเหล็กปิดหน้าเตาที่สั่งทำไว้นั่นเอง อี้หนานดีใจมาก จึงรีบสั่งติดตั้งและทดลองเตา เอาไม้ที่ใช้ทำใส้เข้าไปภายในเตา ตัวเตาไม่มีปัญหาไม่มีรอยรั่ว ช่างที่มาจึงเดินทางกลับ
"เผาอะไรอยู่เหรอ?" ฮัวจิ่วที่กลับมาแล้วถามเอี้ยหลานที่อยู่ใกล้ ๆ
"นายท่านกำลังทำ 'ดินสอ' "
"มันคืออะไร ข้าไม่เคยได้ยิน"
"นายท่านบอกว่าเป็นของสำหรับเขียน เหมือนผู้กันแต่ใช้ง่ายกว่ามาก นายท่านมาจากดินแดนห่างไกล ที่ไม่ใช้ผู้กันเขียนหนังสือ จึงทำดินสอขึ้นมา"
"เห น่าสนใจ"
ฮัวจิ่วกลับมาในเวลาที่อี้หนานกำลังอบแกนดินสอใกล้จะเสร็จจึงไม่ได้สนใจ
หลังจากควันที่เขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าจาง ๆ อี้หนานใช้ผ้าชุบน้ำปิดที่ปล่องควัน และรอซักพักจึงนำแกนดินสอออกจากเตา
"เจ้านี่คือดินสอเหรอเจ้าคะ" เอี้ยหลานเอ่ยทัก
"มันอันเล็กแค่นี้จะเอามาเขียนยังไง" เอี้ยเล้งขู่ออกความคิดเห็น
"มันยังไม่เสร็จรออีกแป้ปนึง" อี้หนานตรวจสอบสภาพแกนดินสอ มีการแตกหักเยอะ เพราะยังกะเวลาไม่ถูก แต่ที่ใช้ได้ก็มีมากเช่นกัน
อี้หนานแบ่งวิธีสร้างเป็นสามวิธี วิธีแรกนำง่ายที่สุดแผ่นกระดาษชุบลงไปในน้ำผสมกาวยางไม้ที่ต้มพออุ่น ๆ มาพันรอบดินสอ แล้วเอาไปตาก วิธีที่สองเอาผงไม้ผสมกาวปั้นเป็นก่อนพอกรอบ ๆ ไส้ดินสอ วิธีสุดท้ายเอาไม้มาเหลาให้เป็นแท่งกลมสี่ชิ้นประกบใส้โดยใช้กาววิธีนี้ก็ง่ายพอควร
สาว ๆ ช่วยกันทำ อี้หนานหยิบเอาของที่ทำชุดแรกออกมาใช้มีดเหลาดินสอให้แหลม
มันก็เหลาง่ายดีทั้งสามวิธีเลยแหะ แบบแรกทำง่ายแต่มีต้นทุนสูง แบบสองรคาถูกแต่แห้งช้า แบบสุดท้ายรูปทรงไม่สวยเพราะเหลาไม้ประกบไม่ดี โลกเก่าใช้เครื่องจักรสร้าง ดินสอสมัยแรก ๆ เขาทำยังไงกันนะ
(สมัยก่อนใช้ตะกั่ว เป็นแกนดินสอ และเปลี่ยนมาเป็นกราไฟท์ที่เป็นแร่ธาตุคาร์บอนชนิดหนึ่งผสมกับดินขาวที่ใช้ทำกระเบื้อง แต่ตัวเอกไม่รู้จึงเผาไม้ทำใส้ดินสอโดยไม่ผสมอย่างอื่น สีจึงดำมาก การผสมกับอย่างอื่นจะทำให้สีจางลงและไม่เปราะมาก)
พอได้ทดทองเขียนดู ก็มีแตกหักไปเยอะแต่โดยรวมก็พอใช้ได้ ค่อยลองหาไม้ชนิดต่าง ๆ มาลอง และจดบันทึก
พอคิดถึงตรงนี้ก็มีรอยยิ้ม
อี้หนานยกดินสอมาชูขึ้นฟ้า "กูมีดินสอใช้แล้วเว้ย!" เหล่าหญิงสาวก็ปรบมือให้อย่างยินดี
"ใช้งานง่ายจริง ๆ ด้วยนะนายท่าน"
"เขียนผิดก็ลบได้ด้วยนะ เอาพวกขนมปัง...หมั่นโถว มาปั้นเป็นก้อนแล้วลบออกได้ ข้อเสียมันก็คือพอทิ้งไว้นาน ๆ จะค่อย ๆ เลือน เอามือมาถูก็จะจางลงนิดหน่อย แต่ว่า"
อี้หนานเหลาดินสอมาหลายอันและเริ่มวาดรูป ใช้มือถูปัดเศษดินสอ วาดภาพวิวในบ้านขึ้นมา สั่งให้หม่าเทียนไปซื้อหมั่นโถวมา และปั้นเป็นก้อน ค่อย ๆ ลบส่วนที่ไม่ต้องการออก
"ว๊าวนายท่านวาดรูปได้ด้วย สวยจังเลยเจ้าค่ะ แล้วยังเหมือนของจริงมาก"
อี้หนานจึงนึกขึ้นได้สมัยก่อนไม่มีเปอร์สเปคทีฟ
"ใช่แล้ว แถมตรงไหนไม่เอาก็ยังลบได้อีก นายท่านข้าขอภาพนี้เอาไปแขวนกับผนังนะคะ"
"อ่า...ได้ซิ รอข้าวาดให้เสร็จก่อน" อี้หนานรู้สึกเกร็งนิด ๆ ที่จะเอารูปที่ตัวเองวาดไปติดบนผนัง จึงตั้งใจวาดอย่างเต็มที่
"อ่อ ยังมีประโยชน์อีกอย่าง ดินสอสามารถลากเบา ๆ ได้ วิธีนี้เขาเรียกว่าการร่าง ใช้ดินสอพวกนี้เป็นแนวทาง แล้วเอาหมึกมาวาดทับ สุดท้ายเอายางลบมาลบเส้นดินสอออก ก็จะได้กระดาษที่มีแต่เส้นหมึกอยู่ วิธีนี้ทำให้ผู้คนฝึกวาดรูปได้ง่ายขึ้น"
"นายท่านเก่งจังเลย"
"แน่นอน อี้หนานซะอย่าง"
"ไม่ใช่ว่าคุณชายเอามาจากในดินแดนที่ห่างไกลเหรอ" ฮัวจิ่วเอ่ยทัก
"อย่าเอาความจริงมาพูดซิ กำลังหล่ออยู่เลย แต่ยังไงข้าก็เป็นคนเผนแพร่นวัตกรรมใหม่นี้เข้ามา ต้องไว้หน้าข้าบ้าง"
"เจ้าค่ะ แต่ดินสอก็เยี่ยมจริง ๆ นั่นแหละ" ฮัวจิ่วหยิบขึ้นมาลองเขียนภาพวาดดูบ้าง สาว ๆ คนอื่นก็เริ่มทำตาม
"นายท่านผลิดเจ้าดินสอนี่ขายกันดีหรือไม่" เอี้ยโหยวตาเป็นประกายเอ่ยถามเข้ามา
"ก็ได้นะ เออใช่พี่สาวหลานท่านสามารถใช้เจ้านี่ออกแบบเสื้อผ้าได้นะ"
"จริงด้วย ขอบคุณนายท่าน" เอี้ยหลานโผเข้ามากอดพร้อมเสียงหัวเราะ อี้หนานก็ฉวยโอกาศกอดแลัสูดกลิ่นหอมอย่างเต็มที่
"อะแฮ้ม!!" ฮัวจิ่วแกล้งไอทัก
"พี่ฮัวจิ่วก็อยากกอดข้าเหรอ" อี้หนานอ้าแขนรับ "มาซิพี่สาวข้าพร้อมกอดท่านแล้ว"
"ใครจะอยากกอดเจ้ากัน!"
"ก็พวกข้าน่ะซิ" เอี้ยหลานโผเข้าอ้อมอกอี้หนานอีกรอบ ทุกคนจึงหัวเราะให้กัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น