คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
สายลมอันหนาวเย็นได้พัดผ่านไปทั่วป่ากาเดนเนียเป็นสัญญาณแรกของฤดูที่บอกถึงหน้าหนาวจะมาเยือนในไม่ช้า แสงแดดที่ค่อยต่ำลงจากฟากฟ้าบ่งบอกเป็นอันดีว่าราตรีอันยาวนานจะมาเยือนในอีกไม่กี่เพลา โดยป่าที่อุดมสมบูรณ์อย่างป่ากาเดนเนียนี้ที่ปกคลุมไปด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่มากมายรวมทั้งยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่คอยปกคลุมป่าที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ป่าแห่งนี้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยของชาวบ้านที่เป็นชุมชนเล็กๆ และทหารชายแดนของแคว้นต่างๆ แล้วยังเป็นที่แบ่งเขตแดนของเมืองต่างๆ อีกด้วย อย่างเช่นเมืองที่มีความเจริญสัมพันธไมตรีกันมาอย่างช้านานอย่างเช่นเมืองโมโนซ่าและเมืองมิเนร่า
เมืองโมโนซ่าเป็นเมืองค้าขายที่สำคัญแห่งหนึ่งในแถบนั้นและเป็นเมืองใหญ่ในการขนส่งทั้งยังเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก แตกต่างจากเมืองมิเนร่าโดยสิ้นเชิง ถึงเมืองมิเนร่าจะไม่เป็นเมืองที่สำคัญในการค้าขายแต่เมืองมิเนร่าเป็นเมืองที่สำคัญในด้านการเพาะปลูกและยังเป็นเมืองที่มีเหมืองแร่เยอะที่สุดในแถบนี้อีกด้วย
ถึงแม้เมืองทั้งสองจะเจริญสัมพันธไมตรีมาช้านาน แต่ก็ต้องมีทหารทั้งสองเมืองอยู่ในแถบชายแดนของเมืองทั้งสองเช่นกัน เพื่อความสงบของชาวบ้านของทั้งสองแคว้นและคอยปราบโจรป่าและพวกที่ทำความผิดต่างๆ
แม้แสงแดดที่จะเริ่มอ่อนแสงลงบ่งบอกว่าจะเป็นราตรีที่ยาวนานเข้าใกล้มาทุกทีแต่สองคนที่ขี่อาชาทั้งสองก็ไม่มีท่าทีว่าจะชะลอการเดินทางเลยไม่
สตรีผิวขาวที่มีแววตาสีฟ้าคราม จมูกโด่ง รูปหน้าเรียวได้รูปล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีฟ้าเฉกเช่นเดียวกับสีตาที่มีแววตาแห่งความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว แต่งกายเสื้อผ้ารัดกุมสีน้ำเงินบ่งบอกถึงเครื่องแบบของทหารมิเนร่าได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้จะใส่ชุดทหารเยี่ยงบุรุษแต่ความสวยก็ไม่ได้ลดหย่อนไปจากสตรีที่อยู่บนหลังอาชาสีปลอดแม้แต่น้อย สตรีผู้นี้มีนามว่า เฟดิน่า โอเวเดียส เจ้าหญิงรัชทายาทองค์โตของกษัตริย์
ริชาร์ด โอเวเดียส และพระราชินี โซเซีย โอเวเดียส แห่งเมืองมิเนร่า
“ใกล้ถึงค่ายของพวกทหารชายแดนของเมืองโมโนซ่าหรือยังคาล”
แล้วสตรีที่มีนามว่า เฟดิน่า โอเวเดียส ก็เอ่ยถามบุรุษอีกคนที่เดินทางมาด้วยกัน บุรุษที่เดินทางมาด้วยกันเป็นบุรุษที่มีดวงตาสีเทาและมีผมสีเทาเฉกเช่นสีผม มีจมูกโด่งเป็นสัน มีแต่งตัวรัดกุมสีออกน้ำเงินบ่งบอกถึงเป็นทหารของเมืองมิเนร่าเช่นกัน
“ใกล้และเฟดิน่า”
แล้วบุรุษนามว่าคาล ที่อยู่บนหลังอาชาสีดำก็เอ่ยตอบสตรีเพียงนางเดียวที่เดินทางมาด้วยกัน ถึงแม้บุรุษที่ชื่อว่าคาล จะเป็นถึงนายทหารที่ยศสูงแถมยังเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าหญิงเฟดิน่าแล้ว ยังเป็นคนรักของเจ้าหญิงโซดิเนีย โอเวเดียสอีกด้วย แม้พระอาทิตย์จะค่อนต่ำลงแต่เจ้าหญิงเฟดิน่าก็ไม่คิดที่จะพักผ่อนการเดินทางครั้งนี้ไม่ จนบุรุษนามว่า คาล ต้องเอ่ยปากขึ้น
“เฟดิน่าข้าว่าเจ้าน่าจะหยุดการเดินทางก่อนจะดีกว่านะ”
พอบุรุษนามว่า คาล กล่าวขึ้นทำให้สตรีบนอาชาสีปลอดชักบังเหยียนเพื่อหยุดอาชาคู่ใจทันที พร้อมทั้งหันมาหาเพื่อนสนิทพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปม พร้อมความสงสัยที่เพื่อนเริ่มเดินทางจะหยุดการเดินทาง
“ทำไมต้องหยุดละคาล เราใกล้จะถึงค่ายของพวกทหารโมโนซ่าแล้วไม่ใช่หรอ”
เฟดิน่ากล่าวถามขึ้น คาลก็ได้แต่ซ่ายหน้าเบาๆ ก็จะตอบคำถามที่ค้างคาใจให้เจ้าหญิงที่ห้าวเกินหญิงฟังถึงเหตุผลของตน
“ข้าถามจริงๆละ เจ้าจะเข้าไปทั้งแบบนี้หรือไง ก็ในเมื่อเจ้ายังใส่เครื่องแบบของทหารมิเนร่าอยู่เลย แล้วเจ้าก็ยังไม่ได้ปลอมตัวอีกด้วย เข้าไปให้เขาจับได้เลยหรือเฟดิน่า เจ้าจะประกาศให้พวกเขารู้หรอว่าเจ้าเป็นเจ้าหญิงปลอมตัวมาเพื่อจะมาสืบเรื่องของพระคู่หมั้นผู้ไม่เอาถ่านของเจ้า”
แล้วเจ้าหญิงผู้ลืมตนได้แต่ก้มมองตัวเองแล้วก็ได้รู้สึกตัวว่าตัวเองรีบร้อนจนเกินไปจนเกือบจะทำให้แผนที่ตั้งวางไว้จะมาล้มตั้งแต่ไม่ได้เริ่ม
“ข้าขอโทษคาล ข้าคงจะรีบร้อนเกินไปจริงๆ เจ้าก็รู้นี่ว่าเรารอช้าไม่ได้มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของเราเลยนะ ถ้าเราต้องแต่งงานกับคนแย่ๆ อย่างนั้นชีวิตเราจะเป็นอย่างไรบ้างเจ้าก็น่าจะรู้นะคาล เพราะข่าวของเจ้าชายซารัสนั้นมีแต่เรื่องแย่ๆ อย่างนั้นเราจึงต้องมาพิสูจน์ว่าข่าวต่างๆ เป็นจริงเท็จประการใดแล้วถ้าเป็นจริงดังข่าวที่ชาวบ้านพูดเราอาจจะสามารถมีขออ้างในการไม่แต่งงานในครั้งนี้ก็ได้”
แล้วเมื่อสตรีผู้เป็นเจ้าหญิงคิดถึงเรื่องของตนก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตาของตนที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็อาจมีความหวังถ้าหากว่าเจ้าชายเป็นคนเยี่ยงดังข่าวรือว่าเป็นเจ้าชายที่ไม่เอาถ่านได้แต่เสพสุขอยู่กับสุราและนารีเป็นบุรุษที่มักมากไม่เอาการเอางาน ได้แต่เที่ยวหาความสุขไปวันๆ เมื่อเจ้าหญิงได้ยินข่าวว่าพระราชาไม่สามารถจะทนรับพฤติกรรมของเจ้าชายรัชทายาทได้จนต้องส่งมาดัดนิสัยที่ชายแดนแทน
เจ้าหญิงผู้จมอยู่ในความคิดของตัวเองก็ได้สติขึ้นมาว่าไม่ได้อยู่คนเดียว แต่อยู่กับเพื่อนร่วมเดินทางอีกคนนึง เมื่อคิดได้ดังนั้นเจ้าหญิงเฟดิน่าก็ได้หันหลังเพื่อไปถามเพื่อนร่วมเดินทางและยังเป็นเพื่อนสนิทอีกด้วย
“และเราจะทำอย่างไรต่อละคาล นี้เราก็ใกล้จะถึงค่ายของพวกทหารโมโนซ่าแล้วไม่ใช่หรอ”
แล้วคาลเพื่อนสนิทผู้รู้ใจและเชี่ยญชาญเส้นทางนี้เป็นอย่างดี ก็ได้เสนอความคิดที่คิดไว้แล้วและเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าหญิงจอมห้าวพระองค์นี้ด้วย
“ข้าคิดว่าข้าจะขี่ออกนอกเส้นทางไปยังทางทิศตะวันตก เพราะ ที่นั่นมีหมู่บ้านอยู่แล้วที่หมู่บ้านแห่งนั้นยังมีที่พักเพื่อให้นักเดินทางและนักล่าสัตว์ได้พักอีกด้วย แล้วข้าคิดว่าเราน่าจะไปตั้งหลักที่หมู่บ้านแห่งนั้นเพราะยังไงที่นั้นก็เป็นหมู่บ้านที่มีข่าวสารมากมายให้เราได้รู้เรื่องต่างๆ ที่เราอยากจะรู้ก็เป็นได้นะเฟดิน่า”
เมื่อผู้เป็นเพื่อนสนิทได้พูดขึ้นมาเจ้าหญิงผู้แสนสวยก็เห็นพร้องต้องกันกับความคิดของคนจอมวางแผนแถมยังเป็นแผนการเดินทางที่ดีสำหรับการตั้งหลักอีกด้วย เผลอๆอาจจะมีข่าวที่น่าสนใจอยู่ด้วยก็ได้แถมยังจะได้นอนยังหมู่บ้านดีกว่ามานอนระวังภัยในป่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย
“คาลแล้วหมู่บ้านที่เจ้าว่าต้องใช้เวลาเดินทางอีกนานไม่กว่าจะถึง”
คาลจอมวางแผนก็ยิ้มน้อยๆ เมื่อรู้ว่าความคิดของตัวเองไม่ได้เป็นหมัน พร้อมทั้งต้องคำถามที่ติดอยู่ในใจเจ้าหญิงเฟดิน่า
“อีกไม่ไกลหรอกเฟดิน่าแต่เราต้องเร่งฝีเท้าหน่อยเพราะว่านี้ท้องฟ้าก็จะมืดหมดแล้ว เพราะถ้าฟ้ามืดหมดแล้วเราจะเดินทางลำบากและอาจจะถึงหมู่บ้านช้ากว่าที่คิดอีก”
“งั้นเจ้าก็นำไปคาลเพราะเจ้าคงรู้จักหมู่บ้านแห่งนั้นมากกว่าข้า ที่ไม่เคยไปเลยซักครั้งนึง”
เมื่อเจ้าหญิงเฟดิน่าพูดขึ้นบุรุษผู้อยู่บนอาชาสีน้ำตาลก็ตบสีข้างของอาชาตัวโปรดแล้วควบออกไปด้วยความเร็วทันที แต่คาลบุรุษจอมวางแผนและขี้เล่นนิดๆ ก็หันหลังเพื่อตะโกนหาเพื่อนสาวให้มั่นใจว่าเพื่อนร่วมเดินทางคงจะตามเขาทัน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแล้วว่ายังไงเพื่อนร่วมทางคนนี้คงไม่หลงเด็ดขาดแต่ก็อดตะโกนถามไม่ได้อยู่ดี
“เฟดิน่าเจ้าคงตามข้าทันนะ”
พอบุรุษนามว่าคาลเอ่ยปากพร้อมทั้งยิ้มที่มุมปากอย่างนั้นขึ้นมา ยิ่งทำให้สตรีบนหลังอาชาสีปลอดอดหมั่นใส้ในตัวเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ได้ที่พูดสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้นมาได้ แต่ก็รู้ว่าที่เจ้าเพื่อนตัวแสบตะโกนแบบนี้ก็เพื่อความเป็นห่วงด้วยนั้นละ แล้วเจ้าหญิงเฟดิน่าก็ตะโกนไปสุดเสียงเพื่อให้คนที่ควบมาอยู่ข้างหน้าได้ยิน
“คาลแข่งขี่ม้ากับข้าเมื่อครั้งที่แล้วใครชนะละ”
แล้วบุรุษผู้นามว่าคาลก็ต้องสะอึกกับคำพูดของเจ้าหญิงที่ทั้งห้าวและก็สามารถพูดโดนเข้าใจเขาทุกที
“ก็เจ้านั่นละเฟดิน่า”
“แล้วเจ้าจะถามข้าทำไมเนี่ยในเมื่อเจ้าก็รู้คำตอบ”
“เพื่อความสะใจมั่ง ฮ้าๆๆๆๆ”
แล้วคาลก็ควบอาชาเร็วกว่าเดิมออกไปทันที เพื่อจะได้ไปถึงหมู่บ้านเร็วๆ ตามมาด้วยอาชาสีปลอดของเจ้าหญิงที่ควบไล่มาติดๆ แล้วบุรุษนามว่าคาลก็ได้แต่หันหลังไปมองสตรีผู้เป็นทั้งเพื่อนสนิทและยังเป็นพี่สะใภ้ของเขาในอนาคตอีกด้วย เมื่อคาลคิดถึงเพื่อนสนิทก็ต้องนึกสงสารเพื่อนของเขาจริงๆ ที่จะต้องแต่งงานกับเจ้าชายที่ไม่ได้เรื่องอย่างนั้น
“เฮ้อ”
แล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจและก็ได้แต่อวยพรให้เพื่อนเขาโชคดี คงจะมีแต่สิ่งนี้ที่เขาพอจะทำให้เธอได้
ความคิดเห็น