คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : งานประลอง 1
เสียงอึกกระทึกกึกก้องดังไปทั่วทั้งสนาม แม้แดดจะแผดแสงแรงเพียงใดผู้คนที่ค่อยดูและลุ้นระทึกก็หาน้อยลงไม่ แต่ตรงกันข้ามเพราะมันกลับมากล้นเหนือคณา แล้วสำหรับผู้คนมากมายในสนามที่ตอนนี้ได้เห็นคู่แรกลงสนามต่างพากันโห่เสียงดังด้วยความคิดที่ว่า
“ทำไมถึงไม่ยุติธรรมอย่างนี้”
จะไม่ให้คิดได้ยังไงเมื่อการต่อสู้ของคู่แรกกลายเป็นเหมือน
“ผู้ใหญ่รังแกเด็กมากกว่าการต่อสู้”
ก็ในเมื่อคู่แรกที่ประลองดันเป็นชายหนุ่มในชุดเกราะของมิเนร่าที่ร่างบอบบางเกินกว่ามาตรฐานการเป็นชายอย่างมากพร้อมทั้งมีผ้าคลุมหน้าไว้ตลอดเวลา แต่อีกฝ่ายดันเป็นโจรป่าที่ตัวสูงเกินสองเมตรหรือถ้าพูดง่ายๆ ก็คือใหญ่กว่าคู่ต่อสู้เป็นเท่าตัว
“ชนะใสๆ เลยนี่หว่า”
ชายหนุ่มร่างผอมที่นั่งอยู่ข้างๆ คาลได้พูดขึ้นกับเพื่อนร่างท้วมที่ตอนนี้ได้แต่สนใจการต่อสู้แล้วได้แต่ทำหน้าตกใจอย่างยิ่งกับการประลองคู่แรก ก่อนหันมาสนใจเพื่อนร่างผอมก่อนจะพูดตอบกลับไป
“โห งานนี้ใครดูก็รู้แล้วว่าไอ้ยักษ์นั้นชนะอยู่แล้ว”
เพื่อนร่างผอมเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูดก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะในความคิดของทุกคนที่อยู่ที่นี้ก็คงจะคิดอย่างเดียวกับตน
“แล้วไหนเขาว่าจับคู่ตามความเหมาะสมวะ”
แล้วชายร่างท้วมก็ได้พูดโพลงขึ้นมา เพราะ ว่ามองยังไงก็หาความเหมาะสมไม่เจอแม้แต่น้อย แต่แล้วก่อนที่เขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพื่อนร่างผอมก็ต้องพูดสิ่งที่ทำให้เขาต้องงงเข้าไปอีก
“ข้าว่าเขาก็จับคู่ตามความเหมาะสมเหมือนกันนะ”
เมื่อชายร่างผอมพูดไปสิ่งที่ได้กลับมากลายเป็นหน้าที่แสนมึนงงของเพื่อนร่างท้วม ทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก
“แกเอาตาไหนมองวะว่ามันเหมาะสม”
ชายร่างท้วมได้แต่ถ้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะได้รับรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของเพื่อน
“ก็เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะฆ่าทิ้งยังไงล่ะวะ ฮ่าๆๆๆ”
เมื่อพูดจบชายร่างผอมได้แต่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ตามด้วยเพื่อนร่างท้วมที่ได้แต่หัวเราะพร้อมทั้งกอดคอกันอย่างเสียไม่ได้ เพราะ ความคิดนี้ของพวกเข้าคงจะมีคนไม่มากไม่น้อยที่ต้องคิดเหมือนพวกเขาเช่นกัน เพราะ เรื่องการที่จะถูกฆ่าในการประลองเป็นอะไรที่ไม่มีใครจะใส่ใจนักก็ในเมื่อมันเป็นแค่เรื่องธรรมดาหรืออาจจะพูดได้อีกนัยความหนึ่งว่ามันเป็นกฎของธรรมชาติที่ผู้ที่เก่งกล้าเท่านั้นถึงจะอยู่รอด
แม้มันจะเป็นแค่การประลองที่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์แต่ในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก็หามีใครรู้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในการประลอง ถึงจะเป็นแค่การประลองเพื่อแย่งชิงตำแหน่งองครักษ์อับดับสอง แต่อย่างไรการประลองก็เป็นการประลองอยู่วันยังค่ำ แล้วเมื่อมีการประลองสิ่งที่คู่กับการประลองอย่างการพนันจะไม่มีได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันเป็นอีกอย่างที่สร้างสีสันในการประลองครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
คาลที่ได้นั่งอยู่ข้างสองหนุ่มเพื่อนต่างขนาดแต่ใจเดียวกัน ที่ตอนนี้ได้แต่กอดคอหัวเราะกับการพูดกันอย่างออกรสออกชาติแล้วสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการที่แต่ละคนต่างล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองแล้วนั้นไม่ต้องบอกคาลก็รู้ว่าสิ่งที่จะเป็นต่อไปก็คือการพนันข้างเจ้ายักษ์นั้น
“ข้าขอเดิมพันข้างเจ้าหนุ่มน้อยนั้นว่าเขาต้องชนะ”
เสียงที่เรียกความสนใจของทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นให้หันไปมองกับความผิดแปลกในการพนันในครั้งนี้ที่ตอนนี้ได้เดิมพันอย่างใจถึงพร้อมทั้งถุงเงินที่ทำให้ใครเห็นก็ต้องตาวาว แล้วนั้นถึงไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าเป็นใครเพราะคาลรู้ดีว่าเสียงนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองครักษ์มือขวาที่ตอนนี้ได้โยนถุงเงินพนันไปอยู่ในมือเจ้ามือที่ตอนนี้ได้แต่ตาโตกับความโลภไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าชายในคราบขององครักษ์ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งข้างคาลพร้อมทั้งกอดคอเขาอย่างเป็นมิตร
“เจ้าไม่คิดจะพนันบ้างเลยหรือคิล”
แล้วเจ้าชายในคราบองครักษ์ที่มีนามว่าเกรย์ก็ได้เปิดบทสนทนาที่ทำให้คาลได้แต่หันไปมองก่อนจะยิ้มน้อยๆ แต่เคลือบไว้ด้วยยาพิษตามฉบับของเขาก่อนจะตอบออกไป
“ไม่ล่ะข้าไม่ค่อยชอบเสี่ยงดวงกับสิ่งที่รู้ผลอยู่แล้วว่ามันจะออกมายังไง แล้วเจ้าล่ะเกรย์เจ้าชอบการพนันอย่างนั้นหรือ”
ผู้มีนามว่าเกรย์ได้แต่ยิ้มน้อยๆ เมื่อรู้ว่าตนโดนย้อนคำถามเมื่อกี้เสียแล้ว
“การพนันสำหรับข้ามันเป็นแค่เกมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ถึงแม้บางครั้งผลที่ออกมามันจะไม่ดีนักหรือไม่ตื่นเต้น แต่ข้าก็คิดว่าเป็นอะไรที่คลายเครียดได้ไม่ใช่น้อยไม่ใช่หรือ แล้วเจ้าล่ะเหตุใดถึงว่าการต่อสู้ครั้งนี้รู้ผลแล้วล่ะหรือว่าเพื่อนเจ้าอ่อนแอจนไม่สามารถสู้เจ้ายักษ์นั้นได้อย่างนั้นหรือเจ้าถึงพูดอย่างนั้น”
หลังจากได้ฟังสิ่งที่เกรย์ถามก็สามารถเรียกรอยยิ้มกว้างจากคาลตอบกลับไปจนทำให้คนมีนามว่าเกรย์ได้ยิ้มกว้างเข้าไปอีก เพราะ เป็นอันรู้ว่าสิ่งที่เขาถามออกไปนั้นถูกใจคนโดนถามไม่ใช่น้อย
“หากเจ้าคิดว่าซานอ่อนแอขนาดนั้นทำไมเจ้าไม่แทงฝ่ายโน้นล่ะเกรย์”
แล้วเกรย์ที่ยิ้มหน้าบานตอนนี้ก็ถึงกับหุบยิ้มแล้วก็ต้องสะอึกคำพูดที่ตัวเองพูดไปก่อนนี้ตายทันที เพราะ ว่าสิ่งที่เขาพูดกับการกระทำเขามันสั่งขัดแย้งกันซะนี้กระไร แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้สิ่งที่ทำให้คนมีนามว่า เกรย์ ตระหนักก็คือ
คนๆ นี้ฉลาด
การที่จะล้วงความลับจากคนนี้เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ยากยิ่งล่ะมั่ง เพราะ แม้จะพูดอะไรเพื่อเป็นสิ่งที่ทำให้ฝ่ายนั้นพูดออกมา ผลที่ได้กลับมากลายเป็นว่าคนถามนี้ล่ะที่ต้องถูกล้วงความลับซะเอง แต่ก่อนที่คนมีนามว่าเกรย์จะจมกลับความคิดของตนไปมากกว่านี้คนข้างๆ ตนก็พูดขึ้นมาก่อน
“อย่ามองแต่สิ่งที่เห็นแล้วอย่าเชื่อแต่สิ่งที่ได้ยินหากเราไม่รู้แก่นที่แท้จริงของสิ่งๆ นั้น”
พูดจบคาลก็ได้แต่หันมามองคนข้างๆ ก่อนจะยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของตน แต่ก็สามารถเรียกรอยยิ้มจากคนที่ชื่อเกรย์ได้เป็นอย่างดี
“ให้ตายสิคิลฉันล่ะเกลียดรอยยิ้มอย่างนั้นของนายชะมัดเลย”
คนที่บอกว่าเกลียดรอยยิ้มของอีกฝ่ายได้แต่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เป็นที่สุดก่อนจะยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อได้ยิ้มสิ่งที่คนโดนเกลียดพูดออกมา
“เพราะ มันเป็นรอยยิ้มเหมือนนายหรือเปล่าเกรย์”
คาลได้แต่ยิ้มกว้างหลังจากพูดจบแต่ก็ทำให้คนที่ยิ้มกว้างอีกคนได้แต่ส่ายหน้าอย่างเสียไม่ได้ก่อนที่จะพูดต่อ
“นายนี่มันเจ้าเล่ห์ชะมัดเลยรู้ไหมคิล”
เมื่อเกรย์พูดจบคาลก็ถึงกับหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้ก่อน
“เอาเป็นว่างานนี้เราเสมอกันก็แล้วกันนะเกรย์”
แล้วเมื่อคาลพูดจบทั้งคู่ก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ทั้งคู่ เพราะ ความถูกคอของคู่สนทนาของตนเป็นที่สุด โดยไม่ได้รู้สึกแรงอาฆาตของเฟดิน่าที่ส่งมาแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น