คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : พบอีกครั้ง
เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนภายในร้านบ่งบอกถึงจำนวนผู้คนที่อยู่ข้างในได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นช่วงเช้าที่ยังคงปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและหนาวเย็น แต่เสียงพูดคุยภายในร้านก็ยังคงเซ็งแซ่อย่างไม่หน้าเชื่อเช่นกัน
เฟดิน่าที่ลงมาจากห้องพักในชุดธรรมดาที่เสื้อแขนยาวสีดำและกางเกงสีดำยาวเช่นกันพร้อมทั้งเปลี่ยนจากผิวขาวเปล่งปลั่งเป็นสีดำแทน รวมทั้งหน้ากากครึ่งเสี้ยวที่ใช้ปิดหน้าตา ได้หยุดยืนอยู่บนบันไดเพื่อจะดูบรรยากาศข้างล่างให้ทั่วถึง พร้อมทั้งมองหาคาลที่ลงมาจองโต๊ะไว้ก่อน เพราะ ยิ่งมีงานแบบนี้แล้วห้องพักก็เต็มทุกห้องถ้าไม่ให้ลงมาจองก่อนดูถ้าคงจะได้นั่งพื้นเป็นแน่ ยิ่งเห็นคนข้างล่างที่เดินไปเดินมาจนเต็มร้านก็รู้แล้วว่าการที่ให้คาลลงมาก่อนนั้นเป็นสิ่งที่คิดถูก
แม้ผู้คนจะแน่นแค่ไหนแต่เฟดิน่าก็หาเจ้าคนหาเรื่องเจอจนได้ จะไม่ให้เธอเห็นได้ยังไงเมื่อมันยืนกระโดดแล้วโบกมือไปมาอย่างไม่อายใครอยู่โต๊ะข้างในสุดของร้าน จนต้องกุมขมับกับความหน้าด้านหน้าทนของเพื่อนจริงๆ ที่แม้จะโตจนเป็นถึงทหารฝีมือเลิศที่มีแต่คนนับถือ แต่นิสัยไม่อายชาวบ้านชาวช่องนี้ไม่รู้จะแก้ยังไง
“เฮ้อ”
เฟดิน่าได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอาก่อนจะเดินไปหาเจ้าคนจองโต๊ะที่ตอนนี้เป็นจุดเด่นที่สุดในร้านก็ว่าได้
“สั่งอะไรหรือยังคาล”
หลังจากเฟดิน่านั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับคาลก็ถามถึงอาหารมื้อเช้าทันที จนคาลต้องยิ้มที่มุมปาก ร้อยวันพันปีเฟดิน่าเคยถามเรื่องสั่งอาหารที่ไหรล่ะ แต่ที่ถามก็คงเพราะหิวจริงๆ หลังจากไม่ได้กินอะไรเมื่อคืน ด้วยเหตุผลอันไร้เหตุผลสำหรับเขาแต่ก็ทำให้เขาปล่อยก๊ากได้เหมือนกัน
“เรียบร้อยแล้ว”
คาลรีบตอบเฟดิน่าทันที เมื่อเห็นหน้าตาเอาเรื่องของเฟดิน่าที่เหมือนจะรู้ว่าโดนนินทาอยู่ในใจ แต่จะไม่ให้เขาคิดได้อย่างไรเมื่อเหตุผลที่อดข้าวเมื่อคืนก็เพราะ “ไม่มีอารมณ์กิน” โดยต้นเหตุของเรื่องคงไม่ผลเจ้าองครักษ์คนเมื่อคืนเป็นแน่แท้
“ทำหน้าอย่างนั้นคิดอะไรไม่ดีอยู่ละคาล”
เฟดิน่าพูดขึ้นมาทำให้คาลถึงกับชะงักกับการจับผิดของเพื่อนคงนี้
“คิดมากหรือเปล่าเฟดิน่า”
“คิดมากดีกว่าคิดน้อยไม่ใช่หรอคาล”
แต่แล้วก็เหมือนอาหารมื้อนี้จะช่วยชีวิตคาลได้เป็นอย่างดี เฟดิน่าที่หิวอย่างไม่ต้องพูดถึงเมื่อเห็นอาหารที่มาเสิร์ฟก็เลิกที่จะตอแยเจ้าคนปากแข็งที่ชอบคิดอะไรไม่เข้าท่าแต่แกว่งปากหาบาทาล่ะเก่ง
“เฮ้อ”
คาลได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มตักซุปที่หอมมากอย่างไม่ต้องบรรยายเข้าปาก แต่แล้วก่อนที่ซุปคำที่สองจะเข้าปาก เสียงหนึ่งก็นั่งขึ้นมาจากข้างหลังเฟดิน่า
“หวัดดีพวก”
แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะเสียงนี้ละทำเอาคาลถึงกับกลืนน้ำลายแฮกใหญ่พร้อมมองไปยังหน้าของเฟดิน่าที่ตอนนี้ดูไม่สบอารมณ์
“ของนั่งด้วยคนนะ”
ไม่พูดเปล่าคนพูดก็นั่งลง เฟดิน่าที่ตอนนี้หันมามองคนนั่งอย่างถือสิทธิ์ที่มาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยด้วยความเคือง แต่เหมือนผู้มาใหม่จะไม่รู้สึกสายตาอันน่ากลัวที่จ้องเขม็งหรือทำเป็นไม่สนใจก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คาลเริ่มซีดหนักกว่าเก่ากับความปากหาเรื่องที่น่าจะเซียนกว่าเขาซะอีก
“จะไม่พูดกันเลยหรอ หรือจะให้ข้าคิดว่าการไม่พูดเป็นการตอบรับของชาวมิเนร่าที่มีมารยาท”
พูดจบเจ้าชายในคราบองครักษ์ได้แต่หันไปดูคาลที่ได้แต่ทักทายพร้อมยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่รวมโต๊ะด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แต่ก็เป็นคนที่หน้าสนใจดีสำหรับเขา และเหมือนว่าคนโดนมองจะเริ่มไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เมื่ออีกฝ่ายจ้องมองตนอยู่ได้ไม่ยอมวางตา
“ข้าไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก”
พอพูดจบเฟดิน่าก็ลงมือกินอาหารต่อเพื่อจะได้ลุกจากโต๊ะให้เร็วที่สุด แต่แล้วเหมือนว่าองครักษ์หนุ่มจะเริ่มชอบใจมากขึ้นกับคนที่น่าสนใจคนนี้เข้าไปใหญ่
“ครั้งที่แล้วเจอกันข้ายังไม่ได้ถามนามพวกเจ้าเลย ส่วนข้าเป็นองครักษ์ประจำตัวของเจ้าชายซารัสมีนามว่า เกรย์ แล้วพวกเจ้าละมีนามว่าอะไรกันบ้างหรือว่าข้าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเจ้าจึงบอกไม่ได้”
พอพูดจบก็หันไปมองคนที่ไม่พอใจเป็นที่สุดและคนนั้นก็คงไม่พ้นเฟดิน่าอีกนั้นละ แต่ก่อนอะไรจะเกิดขึ้นคาลก็พูดชื่อที่พึงคิดขึ้นได้
“ข้ามีนามว่า คิล ส่วนคนนั้นก็ ซาน”
คาลชี้ตัวเองก่อนจะหันไปชี้เจ้าคนนามว่า ซาน ที่ดูเหมือนจะไม่คอยชอบชื่อใหม่ของตัวเองซักเท่าไหร่นัก แต่มันก็ดีกว่าบอกชื่อจริงไปไม่งั้นคงจะบรรลัยกันหมด
“หรอ พวกเจ้าชื่อคิลกับซาน ข้านึกว่าพวกเจ้าจะชื่อดีกว่านี้ซะอีก”
คนปากไม่ดีก็พูดไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าคำแต่ละคำเหมือนน้ำมันราดกองไฟดีๆ นี้เอง
“แล้วพวกเจ้าเป็นทหารกองไหนละ หรือว่าจะกองหน้าที่เจ้าหญิงสองเพศเป็นคนคุ้มละ”
ถึงกับตาแตกกันเป็นแถว เมื่อได้ยินพระนามเจ้าหญิงเฟดิน่ากลายเป็นชื่อเจ้าหญิงสองเพศตั้งแต่เมื่อไหร่
“เราอยู่กองเดียวกับเจ้าหญิงเฟดิน่าผู้เป็นธิดาองค์โตนะ แล้วอีกอย่างเมืองเราก็มีเจ้าหญิงสองพระองค์นามว่า เฟดิน่าและโซดิเนีย เจ้าหญิงสองเพศข้าไม่ยักจะเคยได้ยิน”
เฟดิน่าตอบอย่างใจเย็น แต่ก็ถามออกไปด้วยความอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมนามของนางถึงได้แปลกนัก แต่องครักษ์ก็ได้แต่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะตอบ
“แล้วพวกเจ้าไม่คิดว่ามันพิลึกบ้างหรอ”
ผู้มีนามว่าเกรย์ได้แต่ยิ้มกับท่าทางของเฟดิน่ากับคาลที่เริ่มงงกับคำว่า “พิลึก” ก่อนจะได้คำตอบที่เหมือนโยนกองไฟกองใหญ่ลงไปอีก
“ก็พวกเจ้าคิดดูซิว่าเจ้าหญิงสติดีที่ไหนจะออกสนามรบ แต่ข้าก็พอจะเข้าใจองค์หญิงของพวกเจ้านะที่ทำแบบนั้น ก็นางออกจะอัปลักษณ์สิ้นดี แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ ทำไมนางต้องเล่นตัวกับเจ้าชายของข้าก็ไม่รู้ ถ้าเป็นข้าละก็คงจะวิ่งมาซบอกไปนานแล้ว”
คนที่ถูกว่าเสียหายก็ได้แต่กำหมัดแน่น จะไม่ให้นางเล่นตัวได้ยังไงเมื่อถ้าเจ้าชายซารัสนั้น เป็นอย่างที่เขาลือกันจริงๆ แล้วข้าต้องแต่งกับคนพันธุ์นั้นความตายยังจะดีกว่าซะอีก
“เจ้ารู้ได้ยังไงละว่าเจ้าหญิงเฟดิน่าถึงอัปลักษณ์ในเมื่อเจ้าไม่น่าจะเคยเห็นซักหน่อยไม่ใช่หรือ อีกอย่างข้าไม่เห็นว่าเจ้าหญิงจะอัปลักษณ์ตรงไหนออกจะงดงามซะด้วยซ้ำ”
องครักษ์ได้แต่หัวเราะเสียงดังเหมือนฟังเรื่องตลกก็ไม่ปาน เมื่อได้ยินคำตอบจากคาลที่ได้แต่พูดคำแก้ต่างให้เจ้าหญิงผู้เป็นนายเหนือหัว จะไม่ให้เขาหัวเราะได้ยังไงล่ะ เมื่อเขาให้ทหารของเขาไปสืบมาเอง ถึงหน้าตาของเจ้าหญิงเฟดิน่า
“เจ้ามีอารมณ์ขันมากเลยรู้หรือเปล่าคิล เจ้าหญิงของเจ้านะหรืองดงาม ข้าคิดว่าคงจะเป็นเรื่องโจ๊กที่สุดที่ข้าเคยได้ยินเชียวละ หรือบางทีเจ้าหญิงของเจ้าอาจจะงดงามจริงๆ ก็ได้นะ ถ้า........”
สุดท้ายนี้ เฟดิน่าในสายตาองครักษ์คนนี้เป็นคนอัปลักษณ์หรืองดงามกันแน่นะ ตอนแรกก็บอกว่าอัปลักษณ์นี้ก็บอกว่าอาจจะงดงามรู้สึกปวดหัวจริงๆ แล้วคาลก็ได้แต่เกาหัวก่อนจะมองไปยังเฟดิน่าที่ก็งงไม่แพ้กันกับคำว่า “ถ้า” ด้วยความสงสัยก็ถามออกไปเร็วกว่าความคิดซะอีก
“ถ้าอะไรของท่านล่ะ”
“หึๆ”
แต่เจ้าองครักษ์ก็ได้แต่ยิ้มพร้อมกั้นหัวเราะเต็มที่กับคำถามของคนไม่ชอบพูด ก่อนจะเฉลยข้อคล่องใจของคนร่วมสนทนาด้วย
“ถ้าเจ้าคนที่เห็นเจ้าหญิงของพวกเจ้า ไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อนยังไงล่ะ ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เมื่อได้ฟังคำตอบจบเฟดิน่าก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะต่อยหน้าเจ้าองครักษ์ปากมอม องครักษ์ที่จะโดนทำร้ายร่างกายได้แต่จุ๊ปากเบาๆ อย่างไม่ทุกร้อน
“ถ้าเจ้าคิดที่จะมีเรื่องกับข้าเก็บแรงเจ้าไว้ตอนเที่ยงไม่ดีรึ ดีกว่ามาเสียแรงเปล่าๆ แต่ถ้าเจ้าอยากจะมีเรื่องกับข้าจริง รอเจ้าเข้ารอบมาก่อนซิแล้วเจ้าจะได้สู้กับข้าจริงๆ”
เฟดิน่าได้แต่ยืนกำหมัดแน่นก่อนจะนั่งลงอย่างเดิมเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง แต่สิ่งที่เฟดิน่าทำนั้น ไม่อาจรอดสายตาขององครักษ์ที่เมื่อเห็นพฤติกรรมอย่างนั้นของเฟดิน่าก็มีคำถามมากมายเข้ามาอย่างห้ามไม่ได้ แต่แล้วความคิดก็ต้องค้างอีกเมื่อมองไปเห็นทหารที่คงจะมาตามพระองค์เป็นแน่แท้
“ดูถ้าข้าจะต้องไปซะแล้ว ยังไงก็ขอให้พวกเจ้าโชคดีและเข้าข้างพวกเจ้าก็แล้วกัน”
ซารัสพูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแต่ก่อนจะไปก็ยังไม่วายปากเสียเหมือนเดิม
“อีกอย่างอย่าชิงตายหรือกลัวจนหนีกับมิเนร่าไปซะก่อนล่ะ”
เมื่อพูดจบก็ออกเดินไปหาทหารที่คอยอยู่หน้าร้าน แล้วก็เดินลับหายไปพร้อมทหารที่มาตาม โดยไม่รู้ว่าตอนนี้เฟดิน่าได้แต่ขบฟันกรามแน่นก่อนจะพูดรอดไรฟันด้วยความคับแค้นเป็นอย่างมาก
“คาล”
“อะไรหรือเฟ”
คาลได้แต่ตอบรับอย่างงงๆ
“งานประลองครั้งนี้เป็นตายยังไงฉันจะต้องฆ่าไอ้บ้านั้นให้ได้”
เอาแล้วไงล่ะ หากเฟดิน่าโกรธอย่างนี้มีหวังว่าองครักษ์คนนั้นคงจะตายแหงๆ แถมอาจจะไม่มีหลุมฝังศพอีกต่างหากนะซิ แต่รู้สึกว่างานนี้โดนหรอกยังไงไม่รู้
.
แสงแดดยามเช้าที่มาพร้อมสายลมอ่อนๆ ของรุ่งอรุณมาเยือนและความเย็นที่ปกคลุมไปทั่วอุทยานที่องค์ราชาริชาร์ดทรงประทับอยู่กับเจ้าหญิงโซดิเนียผู้เป็นธิดาองค์เล็กเพื่อทรงจิบน้ำชายามเช้า
“คิดอะไรหรือท่านพ่อ”
โซดิเนียได้แต่ถ้าองค์ราชาริชาร์ดผู้เป็นพ่อที่ได้แต่เหม่อมองเป็นเวลานาน เมื่อได้ยินเสียงธิดาของตนก็ได้หันมา
“ไม่มีอะไรหรอกโซดิเนียพ่อเพียงแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
พูดจบราชาริชาร์ดก็ได้จิบชาที่จากที่ร้อนๆ กลายเป็นชาเย็นไปเรียบร้อยแล้ว
“เรื่องเรื่อยเปื่อยของท่านพ่อนี้เป็นเรื่องของเสด็จแม่หรือท่านพี่เพคะ”
“ฮึ”
พระองค์ได้แต่หัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินประโยคที่โซดิเนียพูดออกมา อย่างรู้ทันผู้เป็นพ่อ
“แล้วลูกคิดว่าพ่อคิดเรื่องของใครล่ะ”
“ทั้งสองเรื่องล่ะเพคะแต่ว่าน่าจะเรื่องของท่านพี่มากกว่า เพราะว่า ลูกคิดว่าเรื่องของท่านแม่มันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าเรื่องของท่านพี่หรอกเพคะ”
เมื่อได้ยินคำตอบของผู้เป็นลูกทำเอาพระองค์ถึงกับปวดขมับขึ้นมาทันที จะไม่ให้ปวดได้ยังไงล่ะ ก็เฟดิน่าเป็นคนนิสัยยังไงมีหรือพระองค์จะไม่รู้ โซดิเนียพอเห็นผู้เป็นพ่อหน้าเครียดก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะพูดเพื่อให้ผู้เป็นพ่อสบายใจ
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวลหรอกเพคะ ลูกคิดว่าเรื่องนี้คงจะไม่มีอะไรเลวร้ายเพียงแต่ท่านพ่อคงจะไม่ได้เห็นเสด็จพี่อีกเป็นเวลานานเท่านั้นเองเพคะ”
องค์ริชาร์ดถึงกับงง เป็นการใหญ่เมื่อได้ยินสิ่งที่โซดิเนียพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่พระองค์ว่านับวันมันยิ่งเหมือนกับคาลยังไงก็ไม่รู้ เพราะ ในความเข้าใจของพระองค์ หนึ่งเดือนของพระองค์ก็เท่ากับหนึ่งปีของเฟดิน่าทั้งๆ ที่รู้ก็รับปากไปจนได้แต่คำว่านานของโซดิเนียนี้ล่ะมันจะนานซักแค่ไหนกัน
“ทำไมพ่อถึงจะไม่เห็นเฟดิน่า อีกนานละโซดิเนีย”
โซดิเนียได้แต่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นมา จะไม่ให้เธอยิ้มได้ยังไงหลังจากได้ยิ้มข่าวการประลองที่คาลส่งมาเมื่อเช้า เกี่ยวกับการประลองที่ดูถ้างานนี้จะมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นเป็นแน่
“เพราะว่า ท่านพี่อาจจะต้องไปเป็นองครักษ์ประจำตัวเจ้าชายซารัสก็เป็นไปได้นะเพคะ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของโซดิเนียทำเอาพระองค์ถึงกับลมจะจับ ไม่รู้ว่าเฟดิน่าคิดอะไรอยู่แต่ที่รู้ๆ งานนี้อาจจะมีอะไรสนุกๆ ก็เป็นได้
พระองค์ได้แต่หันไปมองโซดิเนียที่กำลังยิ้มอย่างเดียวกับพระองค์ ก่อนที่พระองค์กับธิดาของตนจะหัวเราะด้วยความคิดที่น่าจะคิดในเรื่องเดียวกัน ทำให้ทั่วทั้งอุทยานมีแต่เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คาซัดที่ผ่านมาถึงกับยิ้มตามไปด้วย
ความคิดเห็น