ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การเริ่มต้นแห่งชะตากรรม
  สายลมตะวันออกพัดกลีบดอกซากุระปลิดปลิว เมฆหมอกเลื่อนลอยบดบังดวงจันทราที่สะท้อนยอดปราสาทให้อ่อนแสงลง  เสียงทำนองหวานเศร้าคลอกับเสียงใบไม้ไหว  หากผู้ที่ขับขานบทเพลงในยามที่อากาศหนาวเย็น.....สถานที่ที่ราวกับถูกสาบให้เวลาหยุดเดิน  ไม่เป็นภูติพรายก็คงเป็นเพียงแค่เสียงหวีดหวิวของลมที่ทำให้ให้ผู้ได้ยินหูฝาดไป
  เงาของร่างสูงร่างหนึ่งเดินผ่านระเบียงไม้ที่ตัดผ่านสวนไปยังอีกตำหนักที่ถูกจัดไว้ให้เขาพัก  เสียงสรวลเสเฮฮาจอมปลอมที่เดินจากมาก็พลันเงียบลง  ราวกับสรรพสำเนียงใดในโลกต่างรอสดับบทเพลงที่เขาพยายามหยุดฟังนี้  เสียงหวานก้องดังมาจากทางสวน  เบื้องหลังเป็นตำหนักสีขาวที่ถูกบอกเล่าว่าเป็นตำหนักต้องห้าม  เสียงเครือเศร้าเนื้อร้องฟังคุ้นหูราวกับนิทานท้องถิ่นที่ถูกขับขานเป็นเพลง
                  ข้าเพียกหาเจ้าผ่านกระแสธารแห่งวิญญาณ
                ด้วยโทษทัณฑ์ที่ถูกตัดสินว่าเป็นบาป..................
  เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นเสียงพยายามก้าวอย่างเบาที่สุด  สายตาเริ่มปรับให้เข้ากับความมืดจนพอจะเห็นร่างๆหนึ่ง  ผ้าคลุมผืนใหญ่บางเบาดูใหญ่เกินกว่าเจ้าของ  กลีบซากุระโปรยปรายยามสายลมพัดพา  แสงจันทร์สลัวสะท้อนผิวขาวที่โผล่พ้นผ้าออกมาเหมือนเชื้อเชิญให้เข้าไปใกล้ 
             
                    ข้าผิดหรือ......ที่ปล่อยหัวใจไปตามโชคชะตา
                ปลดพันธนาการแห่งการรับใช้.....องค์เทพเอย..............
           
  ร่างโปร่งในชุดกิโมโนสีขาวดูราวกับวิญญาณ    สายลมแรงพัดผ้าคลุม  เผยให้เห็นใบหน้าหวาน  กลีบดอกไม้สีชมพูยามต้องแสงจันทร์ออกแดงคล้ายเลือดไล้แก้มนวล  ร่างนั้นยืนนิ่งเหมือนไม่สังเกตเห็นผู้ลุกล้ำที่เดินไปใกล้
                    หากบาปนัก........จงมาพรากวิญญาณข้าไป
                แม้ ณ ดินแดนแห่งความตาย.....ข้าไม่ได้พบเจ้า..............
               
  ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปหาร่างโปร่งราวกับต้องมนต์ ไม่สนใจว่าตนจะเป็นคนแปลกถิ่นที่เข้ามาทำลายภาพมายาตรงหน้า  กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ได้มาจากกลิ่นมวลไม้  หากคงเป็นเพราะภูติตนนี้เสียมากกว่า  เสียงหวานฟังชัดขึ้นยามเข้าใกล้ยิ่งไพเราะ  ริมฝีปากที่ขยับเอื้อนเอ่ยดูชวนให้ฝังรอยจูบ
                    เพียงแค่ขออยู่ใกล้........ณ ที่ร่างของเจ้าสถิต
                .........ข้า.....เพียร.......ขอ......................
  เสียงหวานชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก  ชายหนุ่มนั่นเองที่บังเอิญไปเหยียบเข้า  รู้สึกเสียดายมนตราที่ถูกร่าย  ใบหน้าหวานหันมา  มือขาวๆที่โผล่พ้นกิโมโนดึงผ้าคลุมกระชับปิดความงามลงอีกครั้ง
  \".........\"
  \"ขอโทษนะ  ข้าไม่ได้ตั้งใจมาขัดจังหวะ  แต่เสียงของเจ้ามันหวานเครือเศร้าเสียจนมิอาจเพียงแค่เดินผ่านเฉยไปได้\"  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ย
  \"..........\"ยังไม่มีเสียงตอบใด  มีเพียงรอยยิ้มเล็กน้อยที่พอจะสังเกตได้  ดูจะเป็นการตอบ
  \".........เพลงที่เจ้าร้องเมื่อกี้  มันต่อว่าอย่างไรหรือ.....\"เสียงทุ้มยังคงพยายามชวนคุย  เหนี่ยวรั้งให้หยุดแม้เพียวเสี้ยวลมหายใจก็ยังดี
  ร่างโปร่งขยับเข้ามาใกล้  เมื่อยืนเทียบกับเขาแล้ว  ร่างนั้นดูเล็กไปถนัดตา   
  \"ครึรึรึกกกกก...\"
    เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังร่างโปร่ง  พลันใบหน้าหวานหันไปมอง
  สัตว์ตัวใหญ่สีขาวพาดลายสีดำยามสะท้อนกับแสงจันทร์ดูราวกับเส้นไหมสีเงิน  สัตว์ตัวนั้นเยื้องย่างด้วยสี่เท้า  แสงสะท้อนจากในนัยตาทองลุกวาวแลดูโกรธเกรี้ยว 
    จังหวะการก้าวยิ่งเร็วขึ้นเมื่อเข้าใกล้  ขนาดร่างใหญ่ของมันกระโจนโถมใส่  ร่างโปร่งล้มลงกับพื้นนอนนิ่ง  อุ้งเท้าขนาดใหญ่ตะปบลงบนใบหน้าหวาน  ร่างสูงขยับตัวจะเข้าไปช่วย 
    แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร  มือขาวนวลกลับลูบหัวสัตว์ตัวนั้นอย่างแผ่วเบา  กระซิบถ้อยคำบางอย่างที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจ  มันจึงขยับตัวออก
    มือเรียวถูกยื่นไปให้มือเล็กดึงให้ลุกขึ้น  ผมสีดำเงายาวเท่าเอวที่เคยถูกซ่อนใต้ผ้าคลุม  ล้อมใบหน้าหวานให้ดูงามยิ่งขึ้น  ร่างสูงชะงักนิ่ง ท่าทางเงอะงะเล็กน้อยอย่างไม่เคยเป็น  มือที่จับอยู่ไม่ยอมปล่อยแม้ผู้ถูกกุมพยายามจะดึงออก  แต่กลับรั้งร่างแบบบางให้ชิดแผ่นอกกว้าง
    \"ครึกกก.........\"  เสียงคำรามในลำคอของสัตว์ราวกับไม่พอใจ  เร่งเร้าผู้ที่ยืนชิดเขา  จนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของภูติตนนี้  ไม่สิ..........มนุษย์ต่างหาก
   
   
    \".......ข้าเพียรขอชำระบาปด้วยความตาย.....\"
    เสียงกระซิบฟังดูแหบพร่า  ร่างโปร่งยิ้มให้ร่างสูงอีกครั้ง  แม้จะไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใส  อ่อนหวาน  เหมือนหญิงสาวทั่วไป  แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าจนสะกดรอยยิ้มทั้งมวลให้หมองลง  รอยยิ้มที่ดูราวกับว่าเป็นการร้องไห้มากกว่าการยิ้ม  แต่ก็ยังชวนมองและติดตราตรึงใจ
    ร่างโปร่งก้มศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา  สัตว์สีขาวเดินตามไปทางระเบียงที่เขาเดินมา  แต่เลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง  ตำหนักสีขาวที่คนผิดถิ่นเช่นเขาถูกบอกกล่าวว่าห้ามเข้า  แม้จะมีพระยศหรือราชศักดิ์ใดหากต่างแผ่นดินย่อมถือเป็นคนนอก มีเพียงเหตุผลที่บอกว่า\"เขตตำหนักใน\"
      ชายหนุ่มประมวลเรื่องเล่าลือที่เคยได้ยินมา  ข่าวลือจากอาณาจักรที่ราวกับว่าตำนานหรือนิทานต่างๆจะเกิดขึ้นที่นี่  ตำหนักสีขาวต้องห้ามมิอาจให้ใครเยี่ยงกราย  ภาพฝันงดงาม  ดั่งเชื้อเชิญวิญญาณและสติให้ก้าวเข้าไป  กับดักแห่งภาพลวงที่ผู้ละเมิดจะพบโทษทัณฐ์แห่งความตาย 
    ราวกับซ่อนสิ่งมีค่าไว้  หรือไม่........ก็กักขัง พันธนาการผู้อยู่ภายใน
   
    ร่างสูงมองร่างโปร่งที่เดินจากไปจนลับตา  กลิ่นหอมของผู้เป็นเจ้าของยังอบอวล  เพียงเสี้ยวสัมผัสที่น้อยคนนักที่จะรู้สึกได้  แม้เหลือเพียงจางๆแต่สำหรับเขามันจับได้ชัดเจน
    \"...........ไอเวทย์.....แปลกดีที่ได้กลิ่นแบบนี้  ในเขตพระราชวังที่มีกฏว่าห้ามใช้........\"ร่างสูงพึมพัมกับตัวเอง  หญิงสาวที่เดินไปกับเสือขาวเวทย์  หรือที่ถูกเรียกขานว่าเปี๊ยกโกะสัตว์ผู้พิทักษ์เวทย์ชั้นสูง เขาไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร  ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่สิ่งที่อยู่รอบกายหญิงสาว  นั่นย่อมแสดงฐานะได้เป็นอย่างดี
    ชายหนุ่มหยุดความคิดทั้งมวลลง  ใบหน้าที่ราวกับเด็กหนุ่มไล่ตามความฝันก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าสงบเรียบ  สังเกตความเงียบรอบตัว  และผู้ที่บัดนี้นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆเขาในเงามืด 
    \"ฝ่าบาท.....งานที่รับสั่ง  กระหม่อมพอได้ความคืบหน้ามาบ้าง\"เสียงนั้นฟังดูนบนอบต่อชายหนุ่มที่เริ่มขยับกายเดินไปตำหนักพักผ่อนที่ถูกจัดไว้ให้  ภาษาที่ใช้ก็แตกต่างจากคนที่นี่ใช้  แต่สำหรับเขาแล้วเป็นภาษาที่คุ้นหูดี  กระดาษแผ่นเล็กๆสีขาวถูกส่งให้ มือเรียวรับไว้แล้วสอดไว้ในแขนเสื้อยาว 
   
      \"...........\"เจ้าของเสียงนั่นหายตัวไปในเพียงชั่ววินาที  เมื่อภารกิจลุล่วง 
      แม้เพียงเสี้ยววินาทีที่จะสามารถจับความคิดใครได้  แต่แค่นั้นก็มากเพียงพอที่จะเห็นใบหน้าคนเป็นนาย  นัยน์ตาสีฟ้าม่วงเข้มผิดจากคนทั่วไปในแผ่นดินนี้สะท้อนแสงยิ่งทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น  สีดวงตาที่ถูกบอกว่าเป็นของปีศาจรับกับใบหน้าคม  ใบหน้าที่ปกติดูเรียบเฉยต่อทุกสิ่งแต่เวลานี้กลับดูแล้ว  ราวกับได้ของเล่นถูกใจ
      \"สิ่งใดกันเล่าที่เปลี่ยนราชันย์ปีศาจให้ดูสนุกครื้นเครงขึ้น\"แม้ไม่ได้คำตอบแต่ก็ทำให้รู้ว่าอีกไม่นานที่นี่คงไม่รอดพ้น
                  .........สงคราม..........
   
 
   
     
  เงาของร่างสูงร่างหนึ่งเดินผ่านระเบียงไม้ที่ตัดผ่านสวนไปยังอีกตำหนักที่ถูกจัดไว้ให้เขาพัก  เสียงสรวลเสเฮฮาจอมปลอมที่เดินจากมาก็พลันเงียบลง  ราวกับสรรพสำเนียงใดในโลกต่างรอสดับบทเพลงที่เขาพยายามหยุดฟังนี้  เสียงหวานก้องดังมาจากทางสวน  เบื้องหลังเป็นตำหนักสีขาวที่ถูกบอกเล่าว่าเป็นตำหนักต้องห้าม  เสียงเครือเศร้าเนื้อร้องฟังคุ้นหูราวกับนิทานท้องถิ่นที่ถูกขับขานเป็นเพลง
                  ข้าเพียกหาเจ้าผ่านกระแสธารแห่งวิญญาณ
                ด้วยโทษทัณฑ์ที่ถูกตัดสินว่าเป็นบาป..................
  เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นเสียงพยายามก้าวอย่างเบาที่สุด  สายตาเริ่มปรับให้เข้ากับความมืดจนพอจะเห็นร่างๆหนึ่ง  ผ้าคลุมผืนใหญ่บางเบาดูใหญ่เกินกว่าเจ้าของ  กลีบซากุระโปรยปรายยามสายลมพัดพา  แสงจันทร์สลัวสะท้อนผิวขาวที่โผล่พ้นผ้าออกมาเหมือนเชื้อเชิญให้เข้าไปใกล้ 
             
                    ข้าผิดหรือ......ที่ปล่อยหัวใจไปตามโชคชะตา
                ปลดพันธนาการแห่งการรับใช้.....องค์เทพเอย..............
           
  ร่างโปร่งในชุดกิโมโนสีขาวดูราวกับวิญญาณ    สายลมแรงพัดผ้าคลุม  เผยให้เห็นใบหน้าหวาน  กลีบดอกไม้สีชมพูยามต้องแสงจันทร์ออกแดงคล้ายเลือดไล้แก้มนวล  ร่างนั้นยืนนิ่งเหมือนไม่สังเกตเห็นผู้ลุกล้ำที่เดินไปใกล้
                    หากบาปนัก........จงมาพรากวิญญาณข้าไป
                แม้ ณ ดินแดนแห่งความตาย.....ข้าไม่ได้พบเจ้า..............
               
  ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปหาร่างโปร่งราวกับต้องมนต์ ไม่สนใจว่าตนจะเป็นคนแปลกถิ่นที่เข้ามาทำลายภาพมายาตรงหน้า  กลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ได้มาจากกลิ่นมวลไม้  หากคงเป็นเพราะภูติตนนี้เสียมากกว่า  เสียงหวานฟังชัดขึ้นยามเข้าใกล้ยิ่งไพเราะ  ริมฝีปากที่ขยับเอื้อนเอ่ยดูชวนให้ฝังรอยจูบ
                    เพียงแค่ขออยู่ใกล้........ณ ที่ร่างของเจ้าสถิต
                .........ข้า.....เพียร.......ขอ......................
  เสียงหวานชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก  ชายหนุ่มนั่นเองที่บังเอิญไปเหยียบเข้า  รู้สึกเสียดายมนตราที่ถูกร่าย  ใบหน้าหวานหันมา  มือขาวๆที่โผล่พ้นกิโมโนดึงผ้าคลุมกระชับปิดความงามลงอีกครั้ง
  \".........\"
  \"ขอโทษนะ  ข้าไม่ได้ตั้งใจมาขัดจังหวะ  แต่เสียงของเจ้ามันหวานเครือเศร้าเสียจนมิอาจเพียงแค่เดินผ่านเฉยไปได้\"  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ย
  \"..........\"ยังไม่มีเสียงตอบใด  มีเพียงรอยยิ้มเล็กน้อยที่พอจะสังเกตได้  ดูจะเป็นการตอบ
  \".........เพลงที่เจ้าร้องเมื่อกี้  มันต่อว่าอย่างไรหรือ.....\"เสียงทุ้มยังคงพยายามชวนคุย  เหนี่ยวรั้งให้หยุดแม้เพียวเสี้ยวลมหายใจก็ยังดี
  ร่างโปร่งขยับเข้ามาใกล้  เมื่อยืนเทียบกับเขาแล้ว  ร่างนั้นดูเล็กไปถนัดตา   
  \"ครึรึรึกกกกก...\"
    เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังร่างโปร่ง  พลันใบหน้าหวานหันไปมอง
  สัตว์ตัวใหญ่สีขาวพาดลายสีดำยามสะท้อนกับแสงจันทร์ดูราวกับเส้นไหมสีเงิน  สัตว์ตัวนั้นเยื้องย่างด้วยสี่เท้า  แสงสะท้อนจากในนัยตาทองลุกวาวแลดูโกรธเกรี้ยว 
    จังหวะการก้าวยิ่งเร็วขึ้นเมื่อเข้าใกล้  ขนาดร่างใหญ่ของมันกระโจนโถมใส่  ร่างโปร่งล้มลงกับพื้นนอนนิ่ง  อุ้งเท้าขนาดใหญ่ตะปบลงบนใบหน้าหวาน  ร่างสูงขยับตัวจะเข้าไปช่วย 
    แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร  มือขาวนวลกลับลูบหัวสัตว์ตัวนั้นอย่างแผ่วเบา  กระซิบถ้อยคำบางอย่างที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจ  มันจึงขยับตัวออก
    มือเรียวถูกยื่นไปให้มือเล็กดึงให้ลุกขึ้น  ผมสีดำเงายาวเท่าเอวที่เคยถูกซ่อนใต้ผ้าคลุม  ล้อมใบหน้าหวานให้ดูงามยิ่งขึ้น  ร่างสูงชะงักนิ่ง ท่าทางเงอะงะเล็กน้อยอย่างไม่เคยเป็น  มือที่จับอยู่ไม่ยอมปล่อยแม้ผู้ถูกกุมพยายามจะดึงออก  แต่กลับรั้งร่างแบบบางให้ชิดแผ่นอกกว้าง
    \"ครึกกก.........\"  เสียงคำรามในลำคอของสัตว์ราวกับไม่พอใจ  เร่งเร้าผู้ที่ยืนชิดเขา  จนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของภูติตนนี้  ไม่สิ..........มนุษย์ต่างหาก
   
   
    \".......ข้าเพียรขอชำระบาปด้วยความตาย.....\"
    เสียงกระซิบฟังดูแหบพร่า  ร่างโปร่งยิ้มให้ร่างสูงอีกครั้ง  แม้จะไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใส  อ่อนหวาน  เหมือนหญิงสาวทั่วไป  แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าจนสะกดรอยยิ้มทั้งมวลให้หมองลง  รอยยิ้มที่ดูราวกับว่าเป็นการร้องไห้มากกว่าการยิ้ม  แต่ก็ยังชวนมองและติดตราตรึงใจ
    ร่างโปร่งก้มศีรษะให้เล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา  สัตว์สีขาวเดินตามไปทางระเบียงที่เขาเดินมา  แต่เลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง  ตำหนักสีขาวที่คนผิดถิ่นเช่นเขาถูกบอกกล่าวว่าห้ามเข้า  แม้จะมีพระยศหรือราชศักดิ์ใดหากต่างแผ่นดินย่อมถือเป็นคนนอก มีเพียงเหตุผลที่บอกว่า\"เขตตำหนักใน\"
      ชายหนุ่มประมวลเรื่องเล่าลือที่เคยได้ยินมา  ข่าวลือจากอาณาจักรที่ราวกับว่าตำนานหรือนิทานต่างๆจะเกิดขึ้นที่นี่  ตำหนักสีขาวต้องห้ามมิอาจให้ใครเยี่ยงกราย  ภาพฝันงดงาม  ดั่งเชื้อเชิญวิญญาณและสติให้ก้าวเข้าไป  กับดักแห่งภาพลวงที่ผู้ละเมิดจะพบโทษทัณฐ์แห่งความตาย 
    ราวกับซ่อนสิ่งมีค่าไว้  หรือไม่........ก็กักขัง พันธนาการผู้อยู่ภายใน
   
    ร่างสูงมองร่างโปร่งที่เดินจากไปจนลับตา  กลิ่นหอมของผู้เป็นเจ้าของยังอบอวล  เพียงเสี้ยวสัมผัสที่น้อยคนนักที่จะรู้สึกได้  แม้เหลือเพียงจางๆแต่สำหรับเขามันจับได้ชัดเจน
    \"...........ไอเวทย์.....แปลกดีที่ได้กลิ่นแบบนี้  ในเขตพระราชวังที่มีกฏว่าห้ามใช้........\"ร่างสูงพึมพัมกับตัวเอง  หญิงสาวที่เดินไปกับเสือขาวเวทย์  หรือที่ถูกเรียกขานว่าเปี๊ยกโกะสัตว์ผู้พิทักษ์เวทย์ชั้นสูง เขาไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร  ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่สิ่งที่อยู่รอบกายหญิงสาว  นั่นย่อมแสดงฐานะได้เป็นอย่างดี
    ชายหนุ่มหยุดความคิดทั้งมวลลง  ใบหน้าที่ราวกับเด็กหนุ่มไล่ตามความฝันก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าสงบเรียบ  สังเกตความเงียบรอบตัว  และผู้ที่บัดนี้นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆเขาในเงามืด 
    \"ฝ่าบาท.....งานที่รับสั่ง  กระหม่อมพอได้ความคืบหน้ามาบ้าง\"เสียงนั้นฟังดูนบนอบต่อชายหนุ่มที่เริ่มขยับกายเดินไปตำหนักพักผ่อนที่ถูกจัดไว้ให้  ภาษาที่ใช้ก็แตกต่างจากคนที่นี่ใช้  แต่สำหรับเขาแล้วเป็นภาษาที่คุ้นหูดี  กระดาษแผ่นเล็กๆสีขาวถูกส่งให้ มือเรียวรับไว้แล้วสอดไว้ในแขนเสื้อยาว 
   
      \"...........\"เจ้าของเสียงนั่นหายตัวไปในเพียงชั่ววินาที  เมื่อภารกิจลุล่วง 
      แม้เพียงเสี้ยววินาทีที่จะสามารถจับความคิดใครได้  แต่แค่นั้นก็มากเพียงพอที่จะเห็นใบหน้าคนเป็นนาย  นัยน์ตาสีฟ้าม่วงเข้มผิดจากคนทั่วไปในแผ่นดินนี้สะท้อนแสงยิ่งทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น  สีดวงตาที่ถูกบอกว่าเป็นของปีศาจรับกับใบหน้าคม  ใบหน้าที่ปกติดูเรียบเฉยต่อทุกสิ่งแต่เวลานี้กลับดูแล้ว  ราวกับได้ของเล่นถูกใจ
      \"สิ่งใดกันเล่าที่เปลี่ยนราชันย์ปีศาจให้ดูสนุกครื้นเครงขึ้น\"แม้ไม่ได้คำตอบแต่ก็ทำให้รู้ว่าอีกไม่นานที่นี่คงไม่รอดพ้น
                  .........สงคราม..........
   
 
   
     
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น