ลำดับตอนที่ #23
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : SF อาจเคยเป็นคนไม่ดี 2
อาจเคยเป็นคนไม่ดี 2
“ช่วงนี้เหนื่อยมั้ยกันเพราะยังไม่มีผู้จัดการส่วนตัวเลย” พี่ปูเจ้าของบริษัทเอ่ยขึ้นกับกันเมื่อกันเข้ามาหาที่ห้อง
เพราะเค้าเป็นคนโทรตามนั้นเอง
เพราะเค้าเป็นคนโทรตามนั้นเอง
“ไม่ค่อยเท่าไรหรอกครับเพราะพี่พรีมเค้าจัดตารางเอาไว้อย่างดี ถ้าผมไม่มีพี่พรีมคงแย่แน่ๆเลยครับ” กันตอบกลับ
“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงวนะเพราะตอนนี้พี่หาผู้จัดการคนใหม่ของเราได้แล้วนะ” พี่ปูเอ่ยบอก
“หรอครับ” กันถามกลับไปอย่างสนใจ
“เค้าเป็นหลานพี่เองน่ะ เพิ่งเรียนจบมาจากออสเตรเลียและเรียนมาทางด้านบุคคลโดยเฉพาะด้วยพี่ว่าเค้าน่าจะ
ดูแลกันได้” พี่ปูอธิบาย
ดูแลกันได้” พี่ปูอธิบาย
“ว่าแต่ว่าเค้าบอกจะมาวันนี้แต่นี่ก็สายแล้วนะทำไมถึงยังไม่มาเลยเนี่ย กะว่าจะให้เริ่มดูแลกันตั้งแต่วันนี้เลย” เมื่อพี่
ปูพูดถึงหลานตัวเองก็ชะเง้อมองหาหลานตัวเองทันที
ปูพูดถึงหลานตัวเองก็ชะเง้อมองหาหลานตัวเองทันที
“ไหนวันนี้มีงานที่ไหนบ้าง พี่จะดูให้คร่าวๆว่างานนี้เป็นลักษณะอย่างไร” พี่ปูเอ่ยถามถึงงานของกันวันนี้
“เอ้ย! สมุดคิว”กันโพล่งออกมาอย่างเสียงดังเมื่อมองหาสมุดคิวของตัวเองแล้วไม่พบและตกใจเมื่อทำมันหาย
“วันนี้กันถือมานะครับพี่ปู” กันรีบอธิบายกับพี่ปู
“โอเคๆ ไม่เป็นไรๆ พี่พอมีคิวงานเราอยู่บ้างเดี๋ยวพี่ดูให้” พี่ปูพูดอย่างเป็นกันเองไม่ถือสาอะไรนักร้องหนุ่มและแถม
ยังเปิดไฟล์ต่างๆจาหน้าโน๊ตบุ๊คด้วยซ้ำ
ยังเปิดไฟล์ต่างๆจาหน้าโน๊ตบุ๊คด้วยซ้ำ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญค่ะ” พี่ปูเอ่ยเพื่อเป็นการเชื้อเชิญเมือ่ได้ยินเสียงเคาะประตู
“อาครับ ขอโทษนะครับพอดีเมื่อกี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” หลายชายที่เปิดประตูเข้ามาก้เอ่ยขึ้นทันและยัง
หันหลังกลับไปปิดประตูโดยไม่ทันได้มองว่าอาของตนมีแขกหรือคุยธุระอยู่หรือเปล่า
หันหลังกลับไปปิดประตูโดยไม่ทันได้มองว่าอาของตนมีแขกหรือคุยธุระอยู่หรือเปล่า
“ขอโทษจริงๆครับ ผะ
”กำลังจะเอ่ยขอโทษอีกครั้งแต่ทีนี่หันมาเจอกว่าอาอยู่กับแขก
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” หลานชายรีบขอตัวทันที
“ไม่ต้องไปไหนหรอก ไหนๆก็มาแล้วทำความรู้จักกันเอาไว้เลยก็ดีนะ” พี่ปูรั้งหลานของตนไว้
“กันนี่ หลานพี่เองที่ว่าจะให้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวน่ะ” พี่ปูเรียกนักร้องหนุ่มเพื่อจะแนะนำหลานของตนให้
“ครับ” กันขานก่อนที่จะหันไปมองแต่ก็ต้องตกใจเล็กน้อยเพราะเป็นคนๆเดียวกันที่เค้าช่วยชีวิตเอาไว้
“คุณ” เสียงทั้งสองคนประสานอย่างพร้อมเพรียง
“อ้าวนี่เราสองคนรู้จักกันแล้วหรอ” พี่ปูถามด้วยความสงสัย
“คุณคนนี้เค้าเป็นคนที่ช่วยผมไม่ให้ถูกรถชนที่หน้าบริษัทครับ” หลานชายอธิบาย
“ริท..คนๆนี้เค้าชื่อกัน คนที่อาจะให้เรามาเป็นผู้จัดการน่ะ” ผู้เป็นอาแนะนำนักร้องชื่อดังให้หลานรู้จัก
“กัน นี่ริทหลานพี่ที่บอกว่าจะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเราไงล่ะ” ผู้บริหารคนเก่งแนะนำหลานชายที่จะมาทำ
หน้าที่ดูแลนักร้องเบอร์หนึ่งของค่ายให้กันรู้จัก
หน้าที่ดูแลนักร้องเบอร์หนึ่งของค่ายให้กันรู้จัก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณริท” กันเอ่ยทักทายก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”ริทเองก็ทักทายกลับไป
“แต่พี่ว่าเราสองคนน่าจะรุ่นเดียวกันนะ” พี่ปูคาดคะเนอายุของทั้งคู่
“งั้นคุณก็เรียกผมว่า ริท เฉยๆก็ได้ครับ” ริทเองเป็นคนเริ่มให้กันเรียกอย่างง่ายๆ
“งั้นคุณก็ต้องเรียกผมว่า กัน เฉยๆเหมือนกันนะครับ” กันเลยอ้างกลับไปแบบเดิมด้วยเช่นกัน
“ก็ได้ครับ” ริทตอบด้วยความยินดีพร้อมกับยิ้มให้
“กันที่สมุดของคุณหรือเปล่า คุณน่าจะเผลอมารวมกับเอกสารของเรา” ริทยื่นสมุดคิวของกันให้ดูเพื่อถาม
“ใช่ครับ ผมกำลังหาอยู่เหมือนกันครับ คิดว่าจะหายซะแล้ว”กันแสดงความเป็นเจ้าของสมุดเล่มหนาทันที
“เราเองก็กำลังตามหาเจ้าของแต่ก็คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นของกันแน่ๆ” ริทกล่าว
“กันนี่มันก็ใกล้เวลางานแล้วนะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ” พี่แป้งที่เห็นว่าเวลางานของกันเริ่มใกล้จะได้เวลาแล้ว
เลยเตือนให้รีบไปทำงาน
เลยเตือนให้รีบไปทำงาน
“ริท วันนี้ก็ลองตามกันไปแล้วกันนะไปดูว่างานของกันเป็นอย่างไง ยุ่งขนาดไหนเราจะได้ดูเอาไว้ว่าจะจัดการ
บริหารเวลางานหรือดูแลกันได้อย่างไงบ้าง” พี่ปูก็บอกให้ริทเริ่มงานเลยทันที
บริหารเวลางานหรือดูแลกันได้อย่างไงบ้าง” พี่ปูก็บอกให้ริทเริ่มงานเลยทันที
“ครับ” เสียงของทั้งสองคนผลัดกันตอบกลับไปยังพี่ปู
“ริท” อยู่ๆพี่ปูก็เอ่ยเรียกหลานของตนขึ้นมา
“ครับ”ริทหามาตามเสียงเรียก
“เต็มที่นะ” พี่ปูพูดให้กำลังใจหลานของตนเองแต่ก็ไม่ได้คำตอบใดกลับบมานอกจากรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความมุ่ง
มั่น
มั่น
“กัน ขอโทษนะเรายังไม่ชำนาญทางในเมืองไทยอ่ะ เราเลยขับรถให้ไม่ได้” ริมเอ่ยขอโทษเมื่อเข้ามานั่งในรถขณะ
ที่กำลังเดินทางไปยังสถานที่ทำงานแรกของวัน
ที่กำลังเดินทางไปยังสถานที่ทำงานแรกของวัน
“ไม่เป็นไรหรอกริท ปกติแล้วพี่ผู้จัดการคนเก่าของกัน กันก็ขับรถเองนะ พี่เค้าแค่ดูแลเรื่องงาน เรื่องคิว ตาราง
เวลาเท่านั้นเอง” กันอธิบาย
เวลาเท่านั้นเอง” กันอธิบาย
“อย่างนี้กันก็ไปรับผู้จัดการทุกวันเลยหรอ” ริทเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ป่าวหรอก พี่เค้าจะขับรถไปหากันที่คอนโดแล้วก็ติดรถกันออกมาเวลาไปทำงานน่ะ พอเสร็จของวันแล้วก็จะขับ
รถที่จอดไว้ที่คอนโดกลับบ้านอีกที” กันอธิบาย
รถที่จอดไว้ที่คอนโดกลับบ้านอีกที” กันอธิบาย
“แล้วทำไมกันถึงขับรถเองล่ะ”ริทเอ่ยถาม
“รถคันนี้กันซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเลยจะหวงรถเป็นพิเศษไม่ค่อยกล้าให้ใครมาขับน่ะ”กันอธิบาย
“แล้วทุกวันนี้กันอยู่คนเดียวหรอ”
“อยู่กับพ่อแม่แหละแต่ว่าแยกมาคอนโดเพราะว่างานเยอะกลับบ้านที่ดึกๆดื่นๆไม่อยากรบกวนใคร” กันอธิบายอีก
ครั้ง
ครั้ง
“แล้วริทล่ะ ทำไมถึงเรียนด้านบุคคล” กันเอริ่มเป็นฝ่ายถามบ้าง
“มันก็ไม่ใช่การบุคคลอย่างเดียวหรอกมันเป็นการจัดการและมีบริหารมาผสมบ้างนิดนิด ที่ริทเรียนเพราะทางครอบ
ครัวมีกิจการหลายกิจการเลยสาวนใหญ่ก็น่าจะเรียน บริหาร การจัดการ การเงินอะไรแบบนี้โดยเฉพาะไปเลย แต่ริ
ทมองว่าไม่เห็นมีใครเรียนด้านบุคคลเลยไง ริทเลยเรียนนี่แหละ ท้าทายดี” ริทอธิบาย
ครัวมีกิจการหลายกิจการเลยสาวนใหญ่ก็น่าจะเรียน บริหาร การจัดการ การเงินอะไรแบบนี้โดยเฉพาะไปเลย แต่ริ
ทมองว่าไม่เห็นมีใครเรียนด้านบุคคลเลยไง ริทเลยเรียนนี่แหละ ท้าทายดี” ริทอธิบาย
“แล้วทำไมถึงยอมมาเป็นผู้จัดการศิลปินล่ะ” กันถาม
“ก็เหมือนเราเป็นการทดสอบตัวเองไงว่าถ้าแค่คนๆเดียวเรายังดูแลไม่ได้แล้วจะเอาอะไรกับอีกหลายร้อยคนที่อยู่
ในกิจการของครอบครัวเราก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน”ริทอธิบาย
ในกิจการของครอบครัวเราก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน”ริทอธิบาย
“งั้นก็แสดงว่าริทจะมาเป็นผู้จัดการศิลปินแป๊บเดียวอ่ะดิ” กันเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ว่าอย่างนั้น งานนี้มันเป็นงานแรกของเราเลยไงถ้าเราทำไม่ได้ งานอย่างอื่นก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน ครอบ
ครัวเราเลยให้เรามาพิสูจน์ตัวเอง 2 ปีน่ะ” ริทอธิบายตามความจริง
ครัวเราเลยให้เรามาพิสูจน์ตัวเอง 2 ปีน่ะ” ริทอธิบายตามความจริง
“แต่งานดูแลศิลปินมันต่างกันกับงานประเภทอื่นเยอะนะ” กันพูดขึ้นมา
“อาบอกริทแล้วว่างานนี้มันอาจจะไม่เหมือนอย่างที่เรียนมาเลยสักนิด ริทเองเลยอยากจะรู้ไงว่ามันจะยากสักแค่
ไหน” ริทอธิบาย
ไหน” ริทอธิบาย
“วันนี้งานของกันเป็นมินิคอนตามอีเว้นท์ต่างๆประมาณ 3ที่ ริทพอรู้แล้วใช่มั้ย” กันบอกรายละเอียดของงานและ
เอ่ยถามริท
เอ่ยถามริท
“รู้แล้ว เพราะเมื่อเช้ายังวางแผนการทำงานอยู่เลยเพราะว่าแฟนคลับของศิลปินที่เราจะดูแลเค้าเยอะ” ริทหันไป
ตอบ
ตอบ
“ถึงขนาดต้องวางแผนเลยหรอ อ่ะ เมมเบอร์ไว้ให้หน่อยเพราะว่าถ้าใครจะติดต่อเรื่องงานจะได้ให้เบอร์ผู้จัดการคน
ใหม่ไปเลย” กันอ่ยถามริทเพราะอึ้งกับสิ่งที่ริททำพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ริทเอาไปเมมเบอร์ของริท
ใหม่ไปเลย” กันอ่ยถามริทเพราะอึ้งกับสิ่งที่ริททำพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ริทเอาไปเมมเบอร์ของริท
“ก็งานนี้งานแรกนี่ ถ้าไม่วางแผนดีๆ ก็แย่ซิ ว่าแต่ว่าอาส่งอีเมล์ไปหาทุกคนแล้วนี่ว่าริทเป็นผู้จัดการใหม่ของกัน”
ริทตอบพร้อมกับรับโทรศัพท์มาแต่ก็ยังมิวายถามอย่างสงสัย
ริทตอบพร้อมกับรับโทรศัพท์มาแต่ก็ยังมิวายถามอย่างสงสัย
“อันนั้นมันก็ใช่ไงแต่ว่าถ้าผู้จัดงานคนไหนไม่ได้เปิดอีเมล์หรือไม่รู้เรื่องอ่ะ มาขอคิวงานกับกัน กันก็จะได้ให้เบอร์
ริทไปไง” กันอธิบาย
ริทไปไง” กันอธิบาย
“โทรเข้าเครื่องตัวเองไปด้วยนะแล้วเมมเก็บไว้ด้วยนะ เบอร์กันอ่ะ” กันที่หันมาเห็นว่าริทกำลังบันทึกโทรศัพท์ของ
เค้าไว้ที่เครื่องของตัวเองก็ออกคำสั่งทันที
เค้าไว้ที่เครื่องของตัวเองก็ออกคำสั่งทันที
“ได้คร้าบผม”ริทแกล้งตอบอย่างขำๆ
เมื่อถึงสถานที่ของงานแรก ริทก็ต้องตกใจเพราะเห็นบรรดาแฟนคลับของกันซึ่งการันตีได้อย่างดีว่าคนเป็น
นักร้องดังคนนึงของวงการหลังจากนั้นกันได้พาริทไปทำความรู้จักกับผู้จัดงานว่าเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเค้า และ
งานก็เริ่มขึ้น กันเปิดมินิคอนเสริต์เล็กๆคั้นระหว่างงานหลักของอีเว้นท์ ร้องเพลงประมาณ 3-4 เพลงได้เมื่องานจบ
ลงกันก็ได้พบเจอกับบรรดาแฟนคลับที่มาให้กำลังใจอย่างล้นหลามที่มาพร้อมขนม ของกิน ของขวัญ เยอะแยะ
มากมายส่วนริทแองก็ยืนมองศิลปินของตัวเองที่เริ่มต้นดูแลอย่างทึ้งในความสามารถและในความมีเสน่ห์ของคนๆ
นี้แต่ก็ก้มไปมองคิวงานต่อไปของกันจึงเขียนบอกใส่กระดาษแล้วชูให้กันดู
นักร้องดังคนนึงของวงการหลังจากนั้นกันได้พาริทไปทำความรู้จักกับผู้จัดงานว่าเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเค้า และ
งานก็เริ่มขึ้น กันเปิดมินิคอนเสริต์เล็กๆคั้นระหว่างงานหลักของอีเว้นท์ ร้องเพลงประมาณ 3-4 เพลงได้เมื่องานจบ
ลงกันก็ได้พบเจอกับบรรดาแฟนคลับที่มาให้กำลังใจอย่างล้นหลามที่มาพร้อมขนม ของกิน ของขวัญ เยอะแยะ
มากมายส่วนริทแองก็ยืนมองศิลปินของตัวเองที่เริ่มต้นดูแลอย่างทึ้งในความสามารถและในความมีเสน่ห์ของคนๆ
นี้แต่ก็ก้มไปมองคิวงานต่อไปของกันจึงเขียนบอกใส่กระดาษแล้วชูให้กันดู
“ให้เวลา 3 นาที “
เมื่อกันเห็นก็อดจะยิ้มไม่ได้เพราะผู้จัดการคนก่อนจะมากระซิบบอกแต่ริทคงเข้าถึงเค้าไม่ได้เลยเขียนใส่กระดาษ
แล้วกระโดดๆเพื่อบอกกับเค้า
แล้วกระโดดๆเพื่อบอกกับเค้า
“อ่ะ ชาเขียวเย็น” ริทยื่นแก้วชาเขียวเย็นให้กัน
“ขอบคุณครับ” กันขอบคุณพร้อมกับรับแก้วชาเขียวมาอย่างงงๆเพราะริทรู้ได้ไงว่าทุกครั้งที่เลิกงานแต่ละงานเค้า
จะต้องกินชาเขียวปั่นเพราะเป็นของโปรดของเค้าเพื่อเป็นการพลังในการทำงานต่อไป
จะต้องกินชาเขียวปั่นเพราะเป็นของโปรดของเค้าเพื่อเป็นการพลังในการทำงานต่อไป
“รู้ได้ไงว่ากันชอบกินและจะต้องกินทุกครั้งก่อนเริ่มงานต่อไป”กันถามอย่างสงสัย
“แหมๆ เราจะมาดูแลใครสักคนเราจะต้องรู้รายละเอียดของเค้าคนนั้นมาบ้างซิ”ริทตอบกลับไป
“แล้วไมถึงต้องยืนกระโดดๆเป็นเด็กเลยเข้ามาบอกดีๆก็ได้” กันถามเมื่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“ก็คนเยอะ-ขนาดนั้นเข้าไม่ถึงอ่ะดิแล้วอีกอย่างขอตั้งตัวก่อนได้มั้ยอ่ะ คนเยอะซะ เดี๋ยวริทจะแบนเอา" ริ
ทตอบกลับมา
ทตอบกลับมา
หลังจากนั้นกันไปทำงานทั้งหมดของวันนี้ทุกที่ที่เค้ามีโดยยังมีแฟนคลับแหไปให้กำลังใจเหมือนเดิมทุกๆที่
“ริทหาอะไรไปกินที่คอนโดกันเถอะ” กันเอ่ยถามเมื่อเลิกงานสุดท้ายของวันมันคงเป็นด้วยความเคยชินเพราะทุก
ครั้งเค้าจะซื้ออาหารไปกินที่คอนโดกับผู้จัดการคนก่อนเสมอๆ
ครั้งเค้าจะซื้ออาหารไปกินที่คอนโดกับผู้จัดการคนก่อนเสมอๆ
“นี่ไง ซื้อมาแล้ว” ริทชูถุงอาหารญี่ปุ่นในมือให้กันดูแสดงให้เห็นว่าเค้าจัดการเรียบร้อยแล้วโดยที่กันไม่ต้องเหนื่อย
เลยแม้แต่น้อย
เลยแม้แต่น้อย
“เรียบร้อยแล้วหรอเนี่ย”กันถามอย่างแปลกใจ
“ถูกต้องแล้ว” ริทตอบก่อนที่จะเดินนำหน้ากันไป
และเมื่อถึงคอนโดกันชวนริทขึ้นไปที่ห้องเผื่อบ่งบอกว่าทุกวันเค้าจะต้องมาที่นี่
“ห้องอาจจะไม่เรียบร้อยนะเพราะยังไม่มีเวลาดูแลเลย” ริทบอกเมื่อเปิดห้องเข้ามา
“ไม่เป็นไร” ริทตอบ
“นั่งก่อนนะเดี๋ยวเรื่องอาหารเดี๋ยวเราจัดการเอง” กันบอกก่อนที่จะหยิบถุงอาหารญี่ปุ่นเดินเข้าไปในครัว
“เรียบร้อยแล้ว” ไม่นานนักกันก็ออกมากับอาหารญี่ปุ่นที่จัดใส่จานอย่างดีพร้อมกับน้ำดื่ม
“ตามสบายเลยนะริท ถือว่าเวลานี้เป็นการพักผ่อน” กันบอกให้ริททำตัวสบายๆ
“กัน วันนี้ริททำงานเป็นไงบ้าง” อยู่ๆริทก็เอ่ยถาม
“ยังไม่ตอบได้มั้ยอ่ะเพราะวันนี้มันเป็นวันแรกเองนะ ต้องรออีกที 1 เดือนจะตอบได้”กันตอบ
“โอเคๆ” ริทตอบกลับมา
หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว นั่งเล่นสักพัก จัดการล้างภาชนะเรียบร้อยทุกอย่างแล้วริทจึงขอตัวกลับ
“กัน ริทกลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งเจอกัน” ริทเอ่ยขึ้น
“จะกลับแล้วหรอ” กันเอ่ยถามและแอบตกใจเล็กน้อยเพราะปกติแล้วผู้จัดการคนก่อนจะกลับก็ต่อเมื่อเค้าไล่ให้กลับ
“กันจะได้พักผ่อน ไม่อยากรบกวนน่ะเพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ริทตอบ
“ โอเคเดี๋ยวลงไปส่ง” กันเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องๆ กันพักผ่อนเถอะเดี๋ยวริทไปเองได้” ริทบอกด้วยความเกรงใจ
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันก็แล้วกัน” กันบอก
“ให้ขึ้นมาบนห้องเลยใช่มั้ย” ริทเอ่ยถามก่อนที่เปิดประตู
“ใช่แล้ว” กันที่เดินไปส่งหน้าประตูพยักหน้าพร้อมกับตอบ
“กลับล่ะ บายๆ” ริทบอกก่อนที่เดินออกไป”
“กลับบ้านดีๆล่ะ” กันตะโกนตามหลัง
ขณะที่เดินเข้ามานั่งเล่นที่โซฟาก็อดที่จะอมยิ้มให้กับการทำงานของผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพ
วันนี้มาทั้งวัน ยิ้มให้กับการเอาใจใส่ว่าตัวเค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร มันคงแปลกพิลึกเนอะถ้าจะรู้สึกดีกับการดูแลที่
ได้รับจากผู้จัดการคนใหม่คนนี้ของเค้าเพราะแต่ก่อนผู้จัดการของเค้าคือผู้หญิง
วันนี้มาทั้งวัน ยิ้มให้กับการเอาใจใส่ว่าตัวเค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร มันคงแปลกพิลึกเนอะถ้าจะรู้สึกดีกับการดูแลที่
ได้รับจากผู้จัดการคนใหม่คนนี้ของเค้าเพราะแต่ก่อนผู้จัดการของเค้าคือผู้หญิง
แต่มันก็แปลกที่ใครและใครทั้งสองคนมาเจอกันและร่วมงานด้วยกันครั้งแรกแต่กลับไม่มีอะไรที่ทำให้เค้าทั้งคู่ไม่ถูก
ใจ ไม่พอใจเลยสักอย่างแถมยังเป็นไปได้ด้วยดี มันคงต้องเรียกว่า “พรหมลิขิต”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ใจ ไม่พอใจเลยสักอย่างแถมยังเป็นไปได้ด้วยดี มันคงต้องเรียกว่า “พรหมลิขิต”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
Writer Talk
มาต่อๆให้แล้วตอนที่ 2 อิอิ กันไม่ได้เดินชนใครนะคะแต่ไปช่วยคนที่กำลังจะถูกรถชนต่างหาก สงสัยจะแต่งไม่
เคลียร์ 555
เคลียร์ 555
คนๆนั้นคือ “ริท” นั้นเอง แต่ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร จะเป็นเรื่อง “อาจเคยเป็นคนไม่ดี” อย่างไร ต้องติดตามนะ
ค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาตลอดๆๆ
ค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาตลอดๆๆ
ปล. SF เรื่องนี้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาให้ศิลปินเสียหาย
รีดเดอร์ท่านใดถูกน้ำท่วมบ้าง ดูแลตัวดีๆนะคะ (ถ้าถูกน้ำท่วมคงอ่านได้อยู่เนอะ แกนี่บ้าเนอะไรเตอร์) 555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น