ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gunrit 38* SF

    ลำดับตอนที่ #23 : SF อาจเคยเป็นคนไม่ดี 2

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 54





      อาจเคยเป็นคนไม่ดี 2

     
    “ช่วงนี้เหนื่อยมั้ยกันเพราะยังไม่มีผู้จัดการส่วนตัวเลย” พี่ปูเจ้าของบริษัทเอ่ยขึ้นกับกันเมื่อกันเข้ามาหาที่ห้อง


    เพราะเค้าเป็นคนโทรตามนั้นเอง



    “ไม่ค่อยเท่าไรหรอกครับเพราะพี่พรีมเค้าจัดตารางเอาไว้อย่างดี ถ้าผมไม่มีพี่พรีมคงแย่แน่ๆเลยครับ” กันตอบกลับ




    “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงวนะเพราะตอนนี้พี่หาผู้จัดการคนใหม่ของเราได้แล้วนะ” พี่ปูเอ่ยบอก


    “หรอครับ” กันถามกลับไปอย่างสนใจ


    “เค้าเป็นหลานพี่เองน่ะ เพิ่งเรียนจบมาจากออสเตรเลียและเรียนมาทางด้านบุคคลโดยเฉพาะด้วยพี่ว่าเค้าน่าจะ


    ดูแลกันได้” พี่ปูอธิบาย


    “ว่าแต่ว่าเค้าบอกจะมาวันนี้แต่นี่ก็สายแล้วนะทำไมถึงยังไม่มาเลยเนี่ย กะว่าจะให้เริ่มดูแลกันตั้งแต่วันนี้เลย” เมื่อพี่


    ปูพูดถึงหลานตัวเองก็ชะเง้อมองหาหลานตัวเองทันที


    “ไหนวันนี้มีงานที่ไหนบ้าง พี่จะดูให้คร่าวๆว่างานนี้เป็นลักษณะอย่างไร” พี่ปูเอ่ยถามถึงงานของกันวันนี้


    “เอ้ย! สมุดคิว”กันโพล่งออกมาอย่างเสียงดังเมื่อมองหาสมุดคิวของตัวเองแล้วไม่พบและตกใจเมื่อทำมันหาย


    “วันนี้กันถือมานะครับพี่ปู” กันรีบอธิบายกับพี่ปู


    “โอเคๆ ไม่เป็นไรๆ พี่พอมีคิวงานเราอยู่บ้างเดี๋ยวพี่ดูให้” พี่ปูพูดอย่างเป็นกันเองไม่ถือสาอะไรนักร้องหนุ่มและแถม

    ยังเปิดไฟล์ต่างๆจาหน้าโน๊ตบุ๊คด้วยซ้ำ


     
    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     
    “เชิญค่ะ” พี่ปูเอ่ยเพื่อเป็นการเชื้อเชิญเมือ่ได้ยินเสียงเคาะประตู



    “อาครับ ขอโทษนะครับพอดีเมื่อกี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ” หลายชายที่เปิดประตูเข้ามาก้เอ่ยขึ้นทันและยัง




    หันหลังกลับไปปิดประตูโดยไม่ทันได้มองว่าอาของตนมีแขกหรือคุยธุระอยู่หรือเปล่า


    “ขอโทษจริงๆครับ ผะ”กำลังจะเอ่ยขอโทษอีกครั้งแต่ทีนี่หันมาเจอกว่าอาอยู่กับแขก


    “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” หลานชายรีบขอตัวทันที


    “ไม่ต้องไปไหนหรอก ไหนๆก็มาแล้วทำความรู้จักกันเอาไว้เลยก็ดีนะ” พี่ปูรั้งหลานของตนไว้


    “กันนี่ หลานพี่เองที่ว่าจะให้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวน่ะ” พี่ปูเรียกนักร้องหนุ่มเพื่อจะแนะนำหลานของตนให้


    “ครับ” กันขานก่อนที่จะหันไปมองแต่ก็ต้องตกใจเล็กน้อยเพราะเป็นคนๆเดียวกันที่เค้าช่วยชีวิตเอาไว้


    “คุณ” เสียงทั้งสองคนประสานอย่างพร้อมเพรียง


    “อ้าวนี่เราสองคนรู้จักกันแล้วหรอ” พี่ปูถามด้วยความสงสัย


    “คุณคนนี้เค้าเป็นคนที่ช่วยผมไม่ให้ถูกรถชนที่หน้าบริษัทครับ” หลานชายอธิบาย


    “ริท..คนๆนี้เค้าชื่อกัน  คนที่อาจะให้เรามาเป็นผู้จัดการน่ะ” ผู้เป็นอาแนะนำนักร้องชื่อดังให้หลานรู้จัก


    “กัน นี่ริทหลานพี่ที่บอกว่าจะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเราไงล่ะ” ผู้บริหารคนเก่งแนะนำหลานชายที่จะมาทำ


    หน้าที่ดูแลนักร้องเบอร์หนึ่งของค่ายให้กันรู้จัก

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณริท” กันเอ่ยทักทายก่อน


    “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”ริทเองก็ทักทายกลับไป


    “แต่พี่ว่าเราสองคนน่าจะรุ่นเดียวกันนะ” พี่ปูคาดคะเนอายุของทั้งคู่


    “งั้นคุณก็เรียกผมว่า ริท เฉยๆก็ได้ครับ” ริทเองเป็นคนเริ่มให้กันเรียกอย่างง่ายๆ


    “งั้นคุณก็ต้องเรียกผมว่า กัน เฉยๆเหมือนกันนะครับ” กันเลยอ้างกลับไปแบบเดิมด้วยเช่นกัน


    “ก็ได้ครับ” ริทตอบด้วยความยินดีพร้อมกับยิ้มให้


    “กันที่สมุดของคุณหรือเปล่า คุณน่าจะเผลอมารวมกับเอกสารของเรา” ริทยื่นสมุดคิวของกันให้ดูเพื่อถาม


    “ใช่ครับ ผมกำลังหาอยู่เหมือนกันครับ คิดว่าจะหายซะแล้ว”กันแสดงความเป็นเจ้าของสมุดเล่มหนาทันที


    “เราเองก็กำลังตามหาเจ้าของแต่ก็คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นของกันแน่ๆ” ริทกล่าว


    “กันนี่มันก็ใกล้เวลางานแล้วนะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ” พี่แป้งที่เห็นว่าเวลางานของกันเริ่มใกล้จะได้เวลาแล้ว


    เลยเตือนให้รีบไปทำงาน


    “ริท วันนี้ก็ลองตามกันไปแล้วกันนะไปดูว่างานของกันเป็นอย่างไง ยุ่งขนาดไหนเราจะได้ดูเอาไว้ว่าจะจัดการ


    บริหารเวลางานหรือดูแลกันได้อย่างไงบ้าง” พี่ปูก็บอกให้ริทเริ่มงานเลยทันที


    “ครับ” เสียงของทั้งสองคนผลัดกันตอบกลับไปยังพี่ปู

    “ริท” อยู่ๆพี่ปูก็เอ่ยเรียกหลานของตนขึ้นมา


    “ครับ”ริทหามาตามเสียงเรียก

    “เต็มที่นะ” พี่ปูพูดให้กำลังใจหลานของตนเองแต่ก็ไม่ได้คำตอบใดกลับบมานอกจากรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความมุ่ง

    มั่น

     
    “กัน ขอโทษนะเรายังไม่ชำนาญทางในเมืองไทยอ่ะ เราเลยขับรถให้ไม่ได้” ริมเอ่ยขอโทษเมื่อเข้ามานั่งในรถขณะ


    ที่กำลังเดินทางไปยังสถานที่ทำงานแรกของวัน


    “ไม่เป็นไรหรอกริท ปกติแล้วพี่ผู้จัดการคนเก่าของกัน กันก็ขับรถเองนะ พี่เค้าแค่ดูแลเรื่องงาน เรื่องคิว ตาราง


    เวลาเท่านั้นเอง” กันอธิบาย


    “อย่างนี้กันก็ไปรับผู้จัดการทุกวันเลยหรอ” ริทเอ่ยถามอย่างสงสัย


    “ป่าวหรอก พี่เค้าจะขับรถไปหากันที่คอนโดแล้วก็ติดรถกันออกมาเวลาไปทำงานน่ะ พอเสร็จของวันแล้วก็จะขับ


    รถที่จอดไว้ที่คอนโดกลับบ้านอีกที” กันอธิบาย


    “แล้วทำไมกันถึงขับรถเองล่ะ”ริทเอ่ยถาม

    “รถคันนี้กันซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเลยจะหวงรถเป็นพิเศษไม่ค่อยกล้าให้ใครมาขับน่ะ”กันอธิบาย


    “แล้วทุกวันนี้กันอยู่คนเดียวหรอ”

    “อยู่กับพ่อแม่แหละแต่ว่าแยกมาคอนโดเพราะว่างานเยอะกลับบ้านที่ดึกๆดื่นๆไม่อยากรบกวนใคร” กันอธิบายอีก

    ครั้ง


    “แล้วริทล่ะ ทำไมถึงเรียนด้านบุคคล” กันเอริ่มเป็นฝ่ายถามบ้าง


    “มันก็ไม่ใช่การบุคคลอย่างเดียวหรอกมันเป็นการจัดการและมีบริหารมาผสมบ้างนิดนิด ที่ริทเรียนเพราะทางครอบ


    ครัวมีกิจการหลายกิจการเลยสาวนใหญ่ก็น่าจะเรียน บริหาร การจัดการ การเงินอะไรแบบนี้โดยเฉพาะไปเลย แต่ริ


    ทมองว่าไม่เห็นมีใครเรียนด้านบุคคลเลยไง ริทเลยเรียนนี่แหละ ท้าทายดี” ริทอธิบาย


    “แล้วทำไมถึงยอมมาเป็นผู้จัดการศิลปินล่ะ” กันถาม


    “ก็เหมือนเราเป็นการทดสอบตัวเองไงว่าถ้าแค่คนๆเดียวเรายังดูแลไม่ได้แล้วจะเอาอะไรกับอีกหลายร้อยคนที่อยู่


    ในกิจการของครอบครัวเราก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน”ริทอธิบาย


    “งั้นก็แสดงว่าริทจะมาเป็นผู้จัดการศิลปินแป๊บเดียวอ่ะดิ” กันเอ่ยถาม


    “ไม่ใช่ว่าอย่างนั้น งานนี้มันเป็นงานแรกของเราเลยไงถ้าเราทำไม่ได้ งานอย่างอื่นก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน ครอบ


    ครัวเราเลยให้เรามาพิสูจน์ตัวเอง
    2 ปีน่ะ” ริทอธิบายตามความจริง

    “แต่งานดูแลศิลปินมันต่างกันกับงานประเภทอื่นเยอะนะ” กันพูดขึ้นมา

    “อาบอกริทแล้วว่างานนี้มันอาจจะไม่เหมือนอย่างที่เรียนมาเลยสักนิด ริทเองเลยอยากจะรู้ไงว่ามันจะยากสักแค่

    ไหน”  ริทอธิบาย

    “วันนี้งานของกันเป็นมินิคอนตามอีเว้นท์ต่างๆประมาณ 3ที่ ริทพอรู้แล้วใช่มั้ย” กันบอกรายละเอียดของงานและ


    เอ่ยถามริท


    “รู้แล้ว เพราะเมื่อเช้ายังวางแผนการทำงานอยู่เลยเพราะว่าแฟนคลับของศิลปินที่เราจะดูแลเค้าเยอะ” ริทหันไป


    ตอบ


    “ถึงขนาดต้องวางแผนเลยหรอ อ่ะ เมมเบอร์ไว้ให้หน่อยเพราะว่าถ้าใครจะติดต่อเรื่องงานจะได้ให้เบอร์ผู้จัดการคน



    ใหม่ไปเลย” กันอ่ยถามริทเพราะอึ้งกับสิ่งที่ริททำพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ริทเอาไปเมมเบอร์ของริท


    “ก็งานนี้งานแรกนี่ ถ้าไม่วางแผนดีๆ ก็แย่ซิ ว่าแต่ว่าอาส่งอีเมล์ไปหาทุกคนแล้วนี่ว่าริทเป็นผู้จัดการใหม่ของกัน”  


    ริทตอบพร้อมกับรับโทรศัพท์มาแต่ก็ยังมิวายถามอย่างสงสัย


    “อันนั้นมันก็ใช่ไงแต่ว่าถ้าผู้จัดงานคนไหนไม่ได้เปิดอีเมล์หรือไม่รู้เรื่องอ่ะ มาขอคิวงานกับกัน กันก็จะได้ให้เบอร์  


    ริทไปไง” กันอธิบาย


    “โทรเข้าเครื่องตัวเองไปด้วยนะแล้วเมมเก็บไว้ด้วยนะ เบอร์กันอ่ะ” กันที่หันมาเห็นว่าริทกำลังบันทึกโทรศัพท์ของ


    เค้าไว้ที่เครื่องของตัวเองก็ออกคำสั่งทันที


    “ได้คร้าบผม”ริทแกล้งตอบอย่างขำๆ
     
              เมื่อถึงสถานที่ของงานแรก ริทก็ต้องตกใจเพราะเห็นบรรดาแฟนคลับของกันซึ่งการันตีได้อย่างดีว่าคนเป็น


    นักร้องดังคนนึงของวงการหลังจากนั้นกันได้พาริทไปทำความรู้จักกับผู้จัดงานว่าเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเค้า และ


    งานก็เริ่มขึ้น กันเปิดมินิคอนเสริต์เล็กๆคั้นระหว่างงานหลักของอีเว้นท์ ร้องเพลงประมาณ
    3-4 เพลงได้เมื่องานจบ


    ลงกันก็ได้พบเจอกับบรรดาแฟนคลับที่มาให้กำลังใจอย่างล้นหลามที่มาพร้อมขนม ของกิน ของขวัญ เยอะแยะ


    มากมายส่วนริทแองก็ยืนมองศิลปินของตัวเองที่เริ่มต้นดูแลอย่างทึ้งในความสามารถและในความมีเสน่ห์ของคนๆ


    นี้แต่ก็ก้มไปมองคิวงานต่อไปของกันจึงเขียนบอกใส่กระดาษแล้วชูให้กันดู


    “ให้เวลา 3 นาที “


    เมื่อกันเห็นก็อดจะยิ้มไม่ได้เพราะผู้จัดการคนก่อนจะมากระซิบบอกแต่ริทคงเข้าถึงเค้าไม่ได้เลยเขียนใส่กระดาษ


    แล้วกระโดดๆเพื่อบอกกับเค้า

    “อ่ะ ชาเขียวเย็น” ริทยื่นแก้วชาเขียวเย็นให้กัน

    “ขอบคุณครับ” กันขอบคุณพร้อมกับรับแก้วชาเขียวมาอย่างงงๆเพราะริทรู้ได้ไงว่าทุกครั้งที่เลิกงานแต่ละงานเค้า


    จะต้องกินชาเขียวปั่นเพราะเป็นของโปรดของเค้าเพื่อเป็นการพลังในการทำงานต่อไป


    “รู้ได้ไงว่ากันชอบกินและจะต้องกินทุกครั้งก่อนเริ่มงานต่อไป”กันถามอย่างสงสัย


    “แหมๆ เราจะมาดูแลใครสักคนเราจะต้องรู้รายละเอียดของเค้าคนนั้นมาบ้างซิ”ริทตอบกลับไป


    “แล้วไมถึงต้องยืนกระโดดๆเป็นเด็กเลยเข้ามาบอกดีๆก็ได้” กันถามเมื่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา


    “ก็คนเยอะ-ขนาดนั้นเข้าไม่ถึงอ่ะดิแล้วอีกอย่างขอตั้งตัวก่อนได้มั้ยอ่ะ คนเยอะซะ เดี๋ยวริทจะแบนเอา"  ริ

    ทตอบกลับมา


    หลังจากนั้นกันไปทำงานทั้งหมดของวันนี้ทุกที่ที่เค้ามีโดยยังมีแฟนคลับแหไปให้กำลังใจเหมือนเดิมทุกๆที่

    “ริทหาอะไรไปกินที่คอนโดกันเถอะ” กันเอ่ยถามเมื่อเลิกงานสุดท้ายของวันมันคงเป็นด้วยความเคยชินเพราะทุก


    ครั้งเค้าจะซื้ออาหารไปกินที่คอนโดกับผู้จัดการคนก่อนเสมอๆ


    “นี่ไง ซื้อมาแล้ว” ริทชูถุงอาหารญี่ปุ่นในมือให้กันดูแสดงให้เห็นว่าเค้าจัดการเรียบร้อยแล้วโดยที่กันไม่ต้องเหนื่อย

    เลยแม้แต่น้อย


    “เรียบร้อยแล้วหรอเนี่ย”กันถามอย่างแปลกใจ


    “ถูกต้องแล้ว” ริทตอบก่อนที่จะเดินนำหน้ากันไป

    และเมื่อถึงคอนโดกันชวนริทขึ้นไปที่ห้องเผื่อบ่งบอกว่าทุกวันเค้าจะต้องมาที่นี่

    “ห้องอาจจะไม่เรียบร้อยนะเพราะยังไม่มีเวลาดูแลเลย” ริทบอกเมื่อเปิดห้องเข้ามา

    “ไม่เป็นไร” ริทตอบ


    “นั่งก่อนนะเดี๋ยวเรื่องอาหารเดี๋ยวเราจัดการเอง” กันบอกก่อนที่จะหยิบถุงอาหารญี่ปุ่นเดินเข้าไปในครัว


    “เรียบร้อยแล้ว” ไม่นานนักกันก็ออกมากับอาหารญี่ปุ่นที่จัดใส่จานอย่างดีพร้อมกับน้ำดื่ม

    “ตามสบายเลยนะริท ถือว่าเวลานี้เป็นการพักผ่อน” กันบอกให้ริททำตัวสบายๆ


    “กัน วันนี้ริททำงานเป็นไงบ้าง” อยู่ๆริทก็เอ่ยถาม


    “ยังไม่ตอบได้มั้ยอ่ะเพราะวันนี้มันเป็นวันแรกเองนะ ต้องรออีกที 1 เดือนจะตอบได้”กันตอบ


    “โอเคๆ” ริทตอบกลับมา


    หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว นั่งเล่นสักพัก จัดการล้างภาชนะเรียบร้อยทุกอย่างแล้วริทจึงขอตัวกลับ


    “กัน ริทกลับก่อนนะ  เดี๋ยวพรุ่งเจอกัน” ริทเอ่ยขึ้น


    “จะกลับแล้วหรอ” กันเอ่ยถามและแอบตกใจเล็กน้อยเพราะปกติแล้วผู้จัดการคนก่อนจะกลับก็ต่อเมื่อเค้าไล่ให้กลับ


    “กันจะได้พักผ่อน ไม่อยากรบกวนน่ะเพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ริทตอบ


    “ โอเคเดี๋ยวลงไปส่ง” กันเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน

    “ไม่ต้องๆ กันพักผ่อนเถอะเดี๋ยวริทไปเองได้” ริทบอกด้วยความเกรงใจ


    “งั้นพรุ่งนี้เจอกันก็แล้วกัน” กันบอก


    “ให้ขึ้นมาบนห้องเลยใช่มั้ย” ริทเอ่ยถามก่อนที่เปิดประตู


    “ใช่แล้ว” กันที่เดินไปส่งหน้าประตูพยักหน้าพร้อมกับตอบ


    “กลับล่ะ บายๆ” ริทบอกก่อนที่เดินออกไป”


    “กลับบ้านดีๆล่ะ” กันตะโกนตามหลัง


     ขณะที่เดินเข้ามานั่งเล่นที่โซฟาก็อดที่จะอมยิ้มให้กับการทำงานของผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพ


    วันนี้มาทั้งวัน
    ยิ้มให้กับการเอาใจใส่ว่าตัวเค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร มันคงแปลกพิลึกเนอะถ้าจะรู้สึกดีกับการดูแลที่


    ได้รับจากผู้จัดการคนใหม่คนนี้ของเค้าเพราะแต่ก่อนผู้จัดการของเค้าคือผู้หญิง

    แต่มันก็แปลกที่ใครและใครทั้งสองคนมาเจอกันและร่วมงานด้วยกันครั้งแรกแต่กลับไม่มีอะไรที่ทำให้เค้าทั้งคู่ไม่ถูก



    ใจ ไม่พอใจเลยสักอย่างแถมยังเป็นไปได้ด้วยดี มันคงต้องเรียกว่า “พรหมลิขิต”


    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
    Writer Talk
     
    มาต่อๆให้แล้วตอนที่ อิอิ กันไม่ได้เดินชนใครนะคะแต่ไปช่วยคนที่กำลังจะถูกรถชนต่างหาก สงสัยจะแต่งไม่


    เคลียร์
    555
    คนๆนั้นคือ “ริท” นั้นเอง แต่ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร จะเป็นเรื่อง “อาจเคยเป็นคนไม่ดี” อย่างไร ต้องติดตามนะ

    ค่ะ  
    ขอบคุณที่อ่านมาตลอดๆๆ
     
    ปล. SF เรื่องนี้แต่งขึ้นมาจากจินตนาการเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาให้ศิลปินเสียหาย
     
    รีดเดอร์ท่านใดถูกน้ำท่วมบ้าง ดูแลตัวดีๆนะคะ (ถ้าถูกน้ำท่วมคงอ่านได้อยู่เนอะ แกนี่บ้าเนอะไรเตอร์) 555
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×