ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gunrit 38* SF

    ลำดับตอนที่ #20 : SF Bodyguard

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 54





    Bodyguard
     
             และแล้วเดอะดาวตัวพ่อของเมืองไทยก็มีคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตที่จัดขึ้นตั้ง 2 รอบและก็ได้รับการ


    ตอบรับจากบรรดาแฟนคลับอย่างล้นหลามและเหมือนเป็นการการันตีว่าเดอะดาวดวงนี้ได้โลดแล่นอยู่บนท้องฟ้า


    ได้อย่างเต็มภาคภูมิ คอนเสิร์ตครั้งนี้จัดเต็มไปด้วยความสนุกสาน ความสุข ความประทับใจและส่วนหนึ่งของ


    ความสุขก็มาจากบุคคลที่มาเป็นแขกรับเชิญไม่ว่าจะเป็น อาชรินทร์ ต้นตำรับแห่งเพลงลูกกรุง สน ยุกต์ พี่ชายที่


    เจอกันเมื่อถ่ายเรือนแพ น้องเปา น้องสาวที่เหน่อเป็นธรรมชาติเพราะเกิดบ้านเดียวกัน มัดหมี่ แม่พลอยของคุณ


    เปรมนภัทร   พี่โน่ พี่ชายจากบ้านเดอะดาวที่ภูมิใจในความสำเร็จของเค้าเสมอ และคนสุดท้าย ริท เพื่อนจากบ้าน


    เดอะดาวที่เข้ากับเค้าได้ทุกเรื่อง สร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะได้เสมอถึงแม้เค้าจะป่วยแค่ไหนแต่ก็เต็มร้อยเสมอและ


    ที่สำคัญเป็นกำลังใจสำคัญของเค้าอีกดวงเพราะตลอดที่อยู่หลังเวทีก็คอยมาให้กำลังใจกันเสมอ ถ้าไม่รวมกำลัง


    ใจจากเพื่อนสนิทคนนี้แล้วก็ยังมีกำลังใจจากแฟนคลับ ครอบครัวอินทร์ใจเอื้อเสมอๆ




                      ถึงแม้ว่าคอนทั้ง 2 รอบอาจจะเล่นดำเนินการเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ก็มีการเปลี่ยนนิดหน่อยของ 3


    หนุ่มแห่งบ้านเดอะดาวที่หยิบเอาเรื่องราวในการทำงานที่ผ่านมาคืองานที่ไปเดินแบบแล้วเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น


    จนทำให้เดินแบบไปมีการ์ดคอยคุมไปตลอดและแถมเพื่อนสนิทยังจำลองเหตุการณ์ในวันนั้นให้ดูอีกด้วยก็สร้าง


    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากบรรดาแฟนคลับได้ดังเลยทีเดียวและเมื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเดอะดาวดวงนี้


    จบลงก็ได้มีงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แรงกายทั้งหมดถึงแม้ตัวดาวเองจะป่วยก็ต้องมา


    ซ้อมทุกครั้งแต่ไม่ว่าจะอย่างไรแล้วมันก็ผ่านพ้นไปด้วยความประทับใจที่ดาวดวงคงไม่มีวันลืมเอาถึงกลับกลั้น


    น้ำตาเอาไว้ไม่อยู่และภายในงานก็มแต่ความสุข สนุกสนาน เฮฮากันอย่างเต็มที่แต่มีดาวอีกดวงที่ยังป่วยอยู่จนพี่


    เออาร์คู่ใจต้องขอตัวพาไปเค้าพักผ่อนก่อน



    “ริท พี่ว่าเรากลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่าเพราะ 2 วันนี้ริทยังไม่ได้พักผ่อนเลยนะ” เออาร์คู่ในเอ่ยขึ้น



    “ก็ได้ครับเพราะริทเองก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีด้วย” ริทเองก็รู้ตัวว่าเริ่มจะไม่ดีเช่นกัน



    “งั้นขอตัวไปลาทุกคนก่อนนะครับ”ริทพูดจบก็เดินร่ำลาทุกคนภายในงานแต่พอร่ำลาทุกคนเสร็จสรรพจะไปลาเจ้า



    ของคอนเสิร์ตซะหน่อยแต่ก็เห็นว่านั่งอยู่กับครอบครัว ไม่ใช่ว่าริทจะไม่กล้าเข้าไปแต่ไม่อยากเข้าไปขัดความสุข


    ของลูกชายที่กำลังนั่งกอดแม่ อ้อนแม่ ต่างหากเพราะทุกครั้งที่กันอยู่กับครอบครัวเค้าจะมีความสุขมากและตัวเอง


    ก็รู้ดีว่ากันไม่ค่อยได้เจอพ่อแม่จึงไม่เดินเข้าได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุขให้กับภาพตรงหน้า



    “พี่โน่ ริทฝากลาคุณพ่อคุณแม่ของกันด้วยนะ ฝากบอกไอ้กันด้วยว่าริทกลับก่อน” โตโน่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนั้น


    ริทเลยตัดสินใจมาฝากคำร่ำลา



    “ได้ๆ งั้นเอ็งก็กลับไปพักผ่อนนะเดี๋ยวพี่จะบอกให้” โตโน่รับคำส่วนริทเองก็กลับคอนโดไปกับเออาร์คู่ใจ เมื่องาน


    เลี้ยงจบลงครอบครัวของกันก็เดินทางกลับจังหวัดสุพรรณและทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านด้วยสีหน้าแห่งความ


    สุข ส่วนกันน่ะหรอขอคุณอาไปนอนบ้านเพื่อนแต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเพื่อนคนไหนแต่อ้างสาเหตุว่าอยากฉลองความ


    สำเร็จกับเพื่อนต่อซึ่งคุณอาก็รู้ว่าคงไม่มีเรื่องเสียหายอะไรเพราะนิสัยของเพื่อนทุกคนคุณอารับรู้



    “พี่โน่แล้วริทล่ะ” กันที่เดินมาหาพี่ชายที่ยืนยิ้มให้เค้าอยู่



    “อ๋อ ริทมันกลับไปแล้วมันยังฝากลาพ่อแม่ของเอ็งอยู่เลย แล้วพ่อกับแม่ล่ะ” โตโน่บอกพร้อมกับเอ่ยถาม



    “พ่อแม่กลับไปแล้ว” กันตอบ



    “อ้าวพี่ยังไม่ได้ลาพ่อแม่เอ็งเลย”โตโน่บอก



    “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมโทรบอกพ่อแม่กับแม่ให้แอง” กันบอก



    “กัน พี่ดีใจกับเอ็งด้วยนะ วันนี้เอ็งสุดยอดมาก พี่ดีใจที่มีน้องชายอย่างเอ็ง” โตโน่ตบบ่าของน้องชายพร้อมกับพูด


    ความรู้สึกมันออกมา



    “ผมก็ต้องขอบคุณพี่ด้วยนะครับที่มาเป็นแขกรับเชิญให้กับผม ผมดีใจเหมือนกันครับที่มีพี่ชายอย่างพี่” กันพูดจบก็


    เข้าไปกอดพี่ชายสุดที่รักคนนี้



    “พี่โน่แล้วทำไมริทกลับก่อนแต่ไม่เห็นไปบอกกันเลยล่ะ” กันเอ่ยถามขณะที่นั่งรถตู้มาด้วยกัน



    “มันเห็นว่าเอ็งอยู่กับพ่อแม่ไงเลยไม่ได้เข้าไปบอกน่ะ” โตโน่อธิบาย



    “ทำไม ! น้อยใจมันหรอที่อยู่ไม่ถึงงานเลิกน่ะ”โตโน่เอ่ยถามระหว่างที่นั่งกลับไปยังตึก



    “ป่าว แต่แค่อยากรู้เฉยๆแล้วอีกอย่างริทก็ยังไม่สายอยู่ด้วยกลับไปพักผ่อนน่ะดีแล้ว” กันอธิบาย



    “แต่พี่ว่ามันคงจะไม่ได้พักผ่อนแล้วอ่ะดิ”โตโน่เอ่ยขึ้นมา



    “ทำไม?” กันที่ไม่เข้าใจก็เอ่ยถาม



    “ฮ่าๆๆ ก็เอ็งไปนอนกับมัน มันจะได้พักผ่อนมั้ย” โตโน่หัวเราะร่วนก่อนที่จะตอบคำถามน้องชาย



    “ทะนุถนอมมันหน่อยนะ มันป่วยอยู่” โตโน่บอกก่อนที่จะยิ้มอย่างกวนๆ



    “เฮ้ย! พี่โน่คิดอะไรอยู่เนี่ย” กันร้องถามอย่างตกใจ



    “ก็คิดอย่างที่เอ็งคิดนั่นแหละ” พี่ชายคนดีตอบอย่างรู้ทัน



    “แล้วถ้าผมไม่ได้คิดอย่างที่พี่คิดล่ะ”กันส่วนกลับ



    “อย่าเลยไอ้น้อง เรามันเหมือนกันอย่างนี้จะไม่รู้ได้ไงว่าใครกำลังคิดอะไรอยู่” โตโน่หันไปตอบอย่างมั่นใจ



    “ผมไม่คิดอย่างที่พี่คิดก็แล้วกัน” กันยืนยันคำพูดเดิม



    “แต่ถ้าเป็นไปตามที่หัวใจมันเรียกร้องก็ไม่เหลือ” โตโน่พูดดักทางโดยที่กันนั่งเงียบ



    “หึ หึ เอ็งไปที่นั่นทีไรไอ้เจ้าของห้องไม่เคยรอด” โตโน่หัวเราะในลำคอก่อนที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับ


    ยักคิ้วให้น้องชายคนนี้ของเค้าซึ่งตลอดระยะทางที่กำลังเดินทางนอกจากจะถกเถียงเรื่องนี้กันแล้วยังพูดคุยถึง


    เรื่องราวต่างๆอีกมากมายและแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทางของน้องชายสุดแสบ



    “อย่าลืมนะเว้ย! เบาๆเดี๋ยวคนข้างห้องเค้าจะไม่ได้นอน” โตโน่พูดอย่างกวนๆ



    “ได้เลยพี่ จะไม่ให้รบกวนคนอื่นแน่นอน ฮ่าๆๆ” กันหันกลับมาตอบอย่างกวนๆกลับไปเช่นกัน



    “จัดไปตามที่หัวใจเรียกร้องนะเว้ย ฮ่าๆๆๆ” โตโน่ทิ้งทวนอย่างรู้ทัน



        ส่วนคนที่กลับมาพักผ่อนนานแล้วก็ยังนอนไม่หลับเหมือนกันไม่รู้ว่าเป็นอะไร นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงมา


    สักพักใหญ่แล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู



    ก๊อก ก๊อก ก๊อก



    “ใครมาเอาจนป่านนี้เนี่ย” ริทบ่นขึ้นมาก่อนที่จะเงยหน้ามองนาฬิกานี่ก็เกือบจะตี 1 เข้าไปแล้ว



    “มาทำไมเนี่ย ไมไม่กลับบ้านไปพักผ่อน”ริทที่เปิดประตูแล้วเห็นที่มาหาคือกัน



    “ก็กลับมาพักผ่อนแล้วไงเนี่ย”กันเถียงกลับไป



    “แล้ววันนี้ไม่นอนกับพ่อแม่หรอ” ริทเอ่ยถามอีกครั้ง



    “อ๋อๆวันนี้พ่อแม่กลับไปสุพรรณแล้ว” กันตอบ



    “แล้วทำไมกลับมาก่อนไม่บอกกันเลยอ่ะ”กันถามกลับไปก่อนที่จะเดินตามเจ้าของห้องเข้าไปข้างใน



    “ก็เห็นนั่งกอดแม่อยู่ นั่งอ้อนอะไรแม่อยู่เลยไม่อยากเข้าไปน่ะ” ริทตอบ



    “อ้อนให้เตรียมสินสอดเก็บไว้ไปสู่ขอลูกสะใภ้คนนี้อยู่มั่ง” กันที่เดินตามหลังก็เข้าไปกอดคนนรักจากข้างหลังก่อน


    ที่ตอบ



    “ทะลึ่งอีกแระ” ริทตอบก่อนที่จะตีหน้าผากของกัน



    “โอ๊ย ! เจ็บนะนี่” กันพูดจบก่อนที่จับที่หน้าผากของตัวเอง



    “ก็อยากมาทะลึ่งเอง” ริทหันมาตอบ



    “คิดถึง” กันพูดจบก็หอมแก้มริททันที



    “เวอร์อีกแระ” ริทพูดเขินๆ



    “แล้วนี่ไม่สบายทำไมยังไม่นอนอีก”กันเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง



    “ก็มันนอนไม่หลับอ่ะ” ริทตอบกลับมา



    “งั้นเดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะมาร้องเพลงกล่อม” กันพูดจบก็บีบจมูกรั้นของคนตรงหน้า



    “อื้อ” ริทอุทานในลำคอ ไม่นานนักคนตัวพ่อก็อาบน้ำแต่งเสร็จเรียบร้อยก็เห็นว่าริทยังนั่งพิงหัวเตียงไม่



    ยอมนอนเสียที



    “อ้าว!!! ไมไม่นอนล่ะ” กันเอ่ยถาม



    “ก็ใครบอกว่าจะมาร้องเพลงกล่อมล่ะ”ริทตอบ



    “โอเคๆ คนกล่อมมาแล้ว” กันเดินมานั่งที่เตียงก่อนที่ซุกขาตัวเองเข้าไปในผ้าห่มก่อนที่รั้งร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างเข้า


    มากอดไว้



    “อยากฟังเพลงอะไร”กันเอ่ยถาม



    “กัน…. ริทดีใจด้วยนะสำหรับความสำเร็จของกันในวันนี้ ดีใจที่ตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น กันคงมีความสุขกับ



    มันมากๆเลยใช่มั้ย เก็บมันเอาไว้ในใจเลยนะ “ริทเอ่ยขึ้นแทนที่จะตอบคำถามของกัน



    “กันเองจะเก็บมันเอาไว้ในใจตลอดไป”กันตอบก่อนที่จะเอ่ยถามอีกครั้งและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น



     “นึกถึงวันที่เดินแบบวันนั้นแล้วก็ใจเสียเนอะไม่คิดว่าจะเกิดอะไรแบบนั้นสงสัยจะเป็นเพราะความฮอตของพวกเรา



    เนอะ” ริทรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกว่าอยากอยู่กับกันก่อน อยากคุยกบกันก่อน ไม่อยากนอนเพราะเค้ารู้ดีว่าถ้ากัน



    ร้องเพลงกล่อมเค้าเมื่อไรเค้าต้องหลับแน่นอนและรู้ดีว่าวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปกันเองก็งานจะยุ่งไม่มีเวลามาอยู่อย่าง



    นี้แน่นอน ใจจริงตัวเค้าเองก็ดีใจไม่น้อยที่กันมาหาที่นี่เพราะก็ตั้งใจว่าจะโทรไปหาก่อนนอนอยู่แล้วแต่



     “กัน….วันการ์ดริทคนนี้เป็นไงบ้างแล้วริทเป็นการ์ดให้กันได้มั้ยเพราะตอนนี้กันเป็นซุปเปอร์สตาร์แล้วนะ พอจะคุ้ม


    ครองได้มั้ย” ริทเอ่ยถาม



    “ไม่ได้หรอกเพราะการ์ดคนนี้คุ้มครองกันได้นิดเดียวเอง”กันที่พูดจบก็รั้งร่างของริทมานั่งหว่างขาก่อนที่จะค่อยๆ


    กอดริททั้งตัวเอาไว้ในอ้อมกอดของเค้า



    “มันต้องกอดอย่างนี้ถึงจะคุ้มครองกันได้” กันตอบกลับไปโดยที่ริทเองเปลี่ยนมานอนตะแคงแล้วกอดกันเอาไว้


    แทน



    เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต

    ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหา และรอคอยเธอมาแสนนาน

    และสุดท้ายก็เจอว่าเธอคือทุกอย่าง ที่เติมเต็มหัวใจ


    จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ

    หากว่าเธอนั้นคือความรัก ก็เป็นรักที่ดีจนไม่มีคำบรรยาย

    ฉันโชคดีเหลือเกินที่มีเธอเดินข้างกาย ชีวิตนั้นได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย
     
    จู่ๆกันก็ร้องเพลงนี้ขึ้นมาพร้อมกับกอดริทไว้แน่นซึ่งในระหว่างไปร้องก็โยกตัวไปกลายๆกับกล่อมคนในอ้อมกอดให้


    หลับบ้าง จูบที่ไหล่ของริทก่อนที่ย้ายมาจูบที่ขมับบ้างตามประสาของคนรักและเมื่อกันร้องเพลงอยู่นั่นก็ถูกคนใน


    อ้อมกอดที่เงยหน้ามาบรรจงจูบทันที



    “ริทโชคดีมากว่าที่ได้รักกัน” ริทเอ่ยขึ้นมาและเมื่อพูดจบก็กลับไปนอนในท่าเดิม



    “เอาเป็นว่าเราต่างคนต่างโชคดีที่มีกันและกันดีกว่าเนอะ”กันพูดจบก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม



    “แต่ตอนนี้นอนได้แล้วนะดึกแล้ว การ์ดคนนี้ของกันป่วยอยู่เดี๋ยวจะเป็นหนักกว่านี้” กันบอกก่อนที่จะจูบไปที่หน้า


    ผากของริทและค่อยๆผลักตัวของริทให้นอนลง



    “ริทขอนอนอย่างนี้ได้มั้ย”ริทที่เห็นว่ากันกำลังจะให้เค้านอนจึงท้วงขึ้นก่อนที่ซบไปที่อกแกร่งแล้วกอดกันเอาไว้



    “ตามใจ”กันตอบและค่อยเปลี่ยนจากท่านั่งมานอนแล้วกอดริทเอาไว้



    “มีความสุขจังเลย เพลงทุกเพลงบนเวทีร้องออกมาอย่างเต็มที่ แสดงทุกสิ่งอย่างเต็มใจ มีความสุขมากจริงๆ”กันที่


    นอนกอดริทอยู่ก็เอ่ยขึ้น



    “รวมถึงเพลงเฮ้อด้วยใช่มั้ย” ริทเอ่ยถามอย่างเสียงขุ่นๆ



    “มันแน่นอนอยู่แล้ว”กันตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก



    “เยอะ!” ริทพูดต่อว่าเป็นนัยๆก่อนที่เปลี่ยนไปหนุนหมอนแทน



    “อะไร อย่าบอกนะว่าหึง” กันถามกลับไปพร้อมกับมองคนตรงหน้าที่กำลังงอนๆ ก็อดยิ้มไม่ได้เพราะความน่ารักของ


    ริทนั่นเอง



    “ป่าว..ริทง่วงแล้วน่ะ”ริทตอบแต่ก็ไม่เห็นจะหันหน้ามามองเลยซักนิด



    “ไหนบอกว่าจะนอนอย่างนั้นไง” กันเอ่ยถามเพราะเมื่อกี้ริทยังขอนอนบนอกแกร่งอยู่เลย



    “ไม่นอนแล้วเมื่อย” ริทตอบมาก่อนที่จะเงียบ



    “มันเป็นงานนะครับอย่าคิดมากเลยนะ” กันอธิบายพร้อมเข้าไปรั้งร่างริทมากอด



    “หันมาคุยให้รู้เรื่อง”กันพลิกร่างของริทให้หันมาหาเค้า



    “เข้าใจกันนะครับ”กันเอ่ยถาม



    “แต่บางทีมันก็เยอะเกิน”ริทพูดเบาๆ



    “ฮ่าๆๆ แล้วถ้าไม่อยากเยอะเกินไปต้องทำกับริทใช่ป่ะ” กันหัวเราะร่วนก่อนที่ถาม




    “ทำไร ไอ้บ้า” ริทที่รู้สึกว่าเขินๆก็ต่อว่าอย่างอายๆ



    “อย่างนี้ไง”กันยื่นหน้าเข้าไปจูบอย่างแผ่วเบาก่อนที่ถอนริมฝีปากออกแล้วนอนมองหน้าริทด้วยความรัก



    “รักนะ” ริทเอ่ยก่อนที่เงยหน้าไปแตะริมฝีปากตัวเองอย่างแผ่วเบาไปบนริมฝีหนาของกัน



    “รักเหมือนกันครับ” กันเองที่ตอบกลับไปด้วยความรักก็แตะริมฝีปากตัวเองกลับไปอย่างแผ่วเบาและหยุดริมฝีปาก


    ไว้อยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่จะบรรจงจูบไปอย่างทะนุถนอมและแปรเปลี่ยนไปเป็นจูบด้วยความรัก ความคิดถึงที่โหย


    หาเหมือนจะอ้อยอิ่งกับการจูบอยู่สักพัก และเมื่อมองหน้ากันและกันก็พบสายตาที่แววของความสุขมันสว่างออกมา


    อย่างโดดเด่นเหมือนก่อนจะคิดติตรองเพื่อลองถามหัวใจของกันและกันว่าต้องการอะไรและเมื่อรู้คำตอบของหัวใจ


    คนตัวพ่อก็อดแกล้งคนในอ้อมกอดไม่ได้



    “คืนนี้เค้าไม่อยากรังแกคนป่วยนะครับ”กันเอ่ยออกไป



    “คืนนี้ก็ไม่อยากให้คนที่เพิ่งหายป่วยกลับมาป่วยเหมือนกัน”ริทเถียงกลับไป



    “ดึกแล้วนอนเถอะเริ่มง่วงแล้ว………..อื้ออออออ”ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกอีกคนปิดปากด้วยจูบทันทีเมื่อความต้อง


    การของหัวใจทั้งคู่เรียกร้องอะไรก็คงต้องตอบสนองหัวใจโดยที่มีร่างกายสอดคล้องไปด้วยท่วงท่าทำนองของ


    ความรักและเพลงที่จะร้องเพื่อกล่อมคนป่วยก็คงเป็นเพลงภาษารักที่บอกทางกายเสียแล้วกระมั่ง    

    .........................................................................................................................................................


    Writer Talk


    กลับมาแล้วๆๆ SF ตอนนี้แต่งหลังจากคอนเดี่ยวของกันเนอะ เพ้อดีเลย์มากมายอ่ะ (เพิ่งสอบเสร็จ) เลยเพิ่งอัพน่ะ

    แต่งไปแต่งมารู้สึกว่ามันยังค้างๆ ไม่สุดในความรู้สึกอย่างไรไม่รู้ ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าอ่านแล้วดูค้างๆ


    อย่างบอกไม่ถูก  คิดถึงรีดเดอร์ทุกคนนะคะ  ^^
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×