คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : BLESS 3 : หอคอยกลางสมุทร
เริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่องที่อีกโลก จะมีตัวละครใหม่อีกเพียบเลย ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยนะคะ
BLESS 3 : หอคอยกลางสมุทร
"ข้าไม่เห็นด้วย ผมสีดำนั่น นางอาจเป็นคนของโคเฟรย์" เสียงห้าวกล่าว
"แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจ" เสียงห้าวยืนยัน
"แต่นางมีสัญญลักษณ์ของมารดาแห่งทะเลนะ และเราก็รอดจากเรือล่าเพราะการปรากฎตัวของนาง" เสียงเล็กแทรกขึ้น
"ข้าเห็นด้วยกับไรเรน"
"แต่..." เสียงห้าวยังคงพยายามคัดค้าน
"เราจะรอให้นางฟื้นซะก่อน แล้วค่อยสอบถามว่านางเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไรกันแน่" เสียงนุ่มทุ้มอธิบายอย่างใจเย็น
เสียงถอนหายใจดังขึ้น
"แล้วแต่ท่านเถอะ ...เจ้าชาย" เสียงห้าวจำนนในที่สุด
***************************************************
รินปรือตาช้าๆ ภาพที่มองเห็นช่างแปลกตา ด้วยความไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น เธอกระพริบตาถี่ๆ ภาพที่เห็นยังคงเหมือนเดิม ห้องขนาดกลางก่อจากหินหนาหนักสีเทา ให้ความรู้สึกเย็นทึบ เตาผิงมีแต่ขี้เถ้า ตู้ไม้เก่าๆที่ผนังบรรจุขวามสารพัดสี สารพัดขนาด บางขวดที่ใส เธอเห็นของเหลวบรรจุอยู่ในนั้น
หญิงสาวถึงกับสะดุ้งมองดูตนเอง เธอสวมเสื้อกระโปรงสีฟ้าอ่อนใส คิดแล้วต้องกลืนน้ำลาย นี่ไม่ใช่เสื้ผ้าของเธอแน่ โอย นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย รินพยายามรื้อสมองบีบเค้นความทรงจำ
ใช่แล้ว รินจำได้ว่าเธอกำลังจมน้ำ แล้วทำมไกน เหตุใดเธอจึงมาอยู่ที่นี่ได้ หญิงสาวก้าวลงจากเตียงสีขาวขุ่น เท้าเปล่าสัมผัสพื้นหินเย็นเฉียบที่มีฝุ่นจับบางๆ เธอก้าวตรงไปยังประตูไม่สีเข้ม มันล็อค
เธอมองหามางอื่น อ้า...ที่อีกด้านหนึ่งของห้องมีประตูกระจกขุ่น รินขยับลูกบิด กริ๊ก มันเปิดได้ ประตูนี้นำไปสู่ระเบียงโค้งครึ่งวงกลม ราวเสาระเบียงทำจากหินแกะลายสวยคล้ายสถาปัตยกรรมแบบโบราณ รินมองไปยังเบื้องล่างด้วยความหวาดเสียว มือจับราวระเบียงเสียแน่น เธอเป็นโรคกลัวความสูง และ ณ จุดที่เธอยืนอยู่ก็สูงเอาการ แม้มีรั้วแข็งแรง แต่ก็อดที่จะกลัวไม่ได้
ระเบียงนี่น่าจะเป็นของตึกหรือหอคอยอะไรสักอย่าง ที่แปลกคือมันไม่ได้ตั้งอยู่บนแผ่นดินอย่างที่ควรเป็น แต่กลับตั้งอยู่บนสิ่งที่น่าจะเรียกได้ว่า...
เรือ!
...รึเปล่านะ น่าจะใช่ เพราะมันกำลังลอยอยู่กลางทะเลนี่นา แต่เรือบ้าอะไรจะมีหอคอยทำจากหินมาตั้งอยู่ได้ หญิงสาวเริ่มสับสน
ไม่ผิดแน่ จากระเบียงนี้ รินเห็นทะเลใสระยับไกลสุดลูกหูลูกตา คลื่นระลอกเล็กใหญ่ซัดครืนๆ ฟองคลื่นสีขาวแตกกระจายตัดกับสีน้ำเงินเข้มของทะเลลึก เสียงนกร้องดังขึ้น รินละสายตาจากท้องน้ำไปยังผืนฟ้ากว้าง เธอเห็นนกสสีแดงสองตัวกลางทองฟ้าสีฟ้าจัด หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ตาทันที มองนกอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ สายตาเธอคงต้องสั้นแน่ๆ เพราะเธอเห็นนกพวกนั้นมีเปลวไฟลุกท่วมตัว แต่พวกมันก็ยังดูมีความสุขดี พากันบินเคียงคู่ไกลออกไปจากหอคอยและสายตาเธอ
แกร็ก
เสียงบิดลูกบิดประตูดังขึ้น ประตูที่เคยล็อคเปิดออก รินหันไปดูทันที รีบก้าวไปหา แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก
"อ้าว! ตื่นแล้วเรอะ" เสียงของเด็กหญิงผู้มาใหม่ทัก ที่เดินตามหลังมาไม่ห่างคือชายร่างผอมสูง
รินได้แต่นิ่งอึ้ง มองผู้มาเยือนตาค้าง
"จ้องอะไรยะ เสียมารยาท" เด็กหญิงพูด เริ่มไม่ค่อยพอใจกับสายตาที่รินใช้ เธอเดินไปที่โต๊ะล็กข้างๆตู้ไม้ วางถาดซึ่งบรรจุขวดใสจำนวนมากลง ตวัดนัยน์ตาคมสีเพลิง มองรินที่ยังคงมีอาการนิ่งค้างไม่เปลี่ยนแปลง
จะไม่ให้รินยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออกได้อย่างไร ในเมื่อคนตรงหน้าเธอนั้นห่างไกลคำว่า'ธรรมดา'มากมายนัก
เด็กหญิงคนนี้อายุราวๆสิบสามปี มีดวงตาสีแดงเพลิง ผมสีฟางยาวถึงเอวมัดเป็นหางม้าสูงด้วยโบว์สีดำ ชุดกระโปรงสีดำยาวคลุมเข่า ประดับลูกไม้สีแดงเลือดนก รองเท้าบู๊ตครึ่งแข้งตกแต่งด้วยโซ่สีทองเส้นเล็ก ดูคร่าวๆแล้วก็ธรรมดาดี แต่...
รินกระพริบตาถี่ๆ คิดว่าสายตาอาจเล่นตลกกับเธออีกครั้ง
เพราะเด็กหญิงคนนี้มีหูจิ้งจอก และหางพองฟูสีน้ำตาลออกแดงน่ะสิ!
ไม่ๆๆ คิดอีกที นั่นอาจจะเป็นชุดคอสเพลย์ก็ได้ หญิงสาวพยายามคิดอย่างคำนึงถึงเหตุผล และความเป็นไปได้ เรื่องแบบนี้มีแต่ในนิยายหรือไม่ก็การ์ตูนเท่านั้นแหละ
"หมอ ผู้หญิงคนนี้ต้องไม่เต็มแน่ๆเลย" เด็กหญิงหูจิ้งจอกเดินไปหาชายร่างผอมสูง ส่ายพู่หางสีน้ำตาลแดงแรงๆอย่างขัดใจ
หยึย! หางปลอมจะขยับได้ยังไงน่ะ
"นางแค่ตกใจน่ะ ไนน่า" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงใจดี เขาสวมชุดเสื้อคลุมตัยยาวสีเทา ผิวขาวเผือด หน้ากากที่เขาสวมปกปิดใบหน้าครึ่งบน ทำให้รินมองเห็นเพียงริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเท่านั้น ในมือสะอาดของเขาถือชามสีส้มขนาดใหญ่มาด้วย
"ข้าเองก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น" เสียงของเด็กหญิงจิ้งจอกที่ชื่อไนน่า สะบัดอย่างคนเจ้าอารมณ์ เธอยังไม่ใคร่ไว้ใจในตัวหญิงสาวผมดำคนนี้เท่าใดนัก เด็กหญิงมองชายหนุ่มคนเดียวในห้อง หมอซอร์ลุคคงจะจัดการกับเธอได้ไม่ยาก
"ข้าขอตัวไปหาแฮนเต้ก่อนนะ"
"อื้ม ฝากบอกนางด้วยว่า เย็นนี้ให้ทำอาหารรสอ่อนหน่อยล่ะ"
"ค่ะ" ไนน่ารับคำก่อนจะออกไปจากห้อง
"เจ้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง ยังเพลียอยู่รึเปล่า" เขาหันมาถามรินที่ยังยืนนิ่งเป็นใบ้
รินใช้เวลาเป็นสิบวินาที กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอ
"มะ....ไม่เป็นไร ทะ...ที่นี่ที่ไหนคะ" ความจริงแล้วรินยังรู้สึกเพลียอยู่เล็กน้อย แต่คิดว่าไม่ควรจะโอ้เอ้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
ชายหนุ่มยิ้มอย่างใจดี ทว่ารินกลับรู้สึกว่ามันดูเจ้าเล่ห์พิกล
"ที่นี่คือเรือเอสซิม(Essim) แต่ข้าว่าเจ้ายังไม่หายดี ควรจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อยนะ" เขาเป็นหมอ ทำไมจะดูไม่ออกว่าหญิงสาวยังไม่หายเป็นปกติ
"ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ"
"ยังไม่สบายก็ไม่ควรฝืนนะ" ชายหนุ่มบอก ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์กว่าเก่า
"เป็นคนไข้ก็ควรพักผ่อนอยู่บนเตียง" เขาบอกช้าชัด
หวา! รินเบิ่งตากว้าง ขาก้าวตรงดิ่งไปยังเตียงสีขุ่น ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยากก้าวไปเลยสักนิด แต่เหมือนมีบางสิ่งกำลังชักนำให้เธอเดินไป และนั่งนิ่งบนเตียงนั้น ทั้งๆที่ใจอยากจะกระโดดหนีจากสถานการณ์แปลกประหลาดนี้ให้ไกลที่สุด
ชายหนุ่มเดินตามมา เขานั่งลงที่ขอบเตียง มือซ้ายประคองชามสีส้ม ในระยะใกล้ รินเห็นว่าชามนั้นบรรจุของเหลวสีเขียวอ่อน กลิ่นสมุนไพรลอยมาจากของเหลวนั้น
"ไม่ต้องตกใจ ข้าเป็นหมอ แค่อยากให้เจ้ากินยาแล้วพักผ่อนเท่านั้น"
เขาป้อนยานั้นให้รินดื่มช้อนแล้วช้อนเล่า หญิงสาวไม่สามารถขัดขืนพลังที่บังคับเธอได้ ในที่สุด รินก็ดื่มมันจนหมด หมอหนุ่มมองชามเปล่าอย่างพอใจ
"พักผ่อนซะเถอะ จนกว่าเจ้าชายจะกลับมา"
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่รินได้ยิน ก่อนจะหลับไปเพราะฤทธิ์ยา
*************************************************************************************************
มืด
รินตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยอาการงัวเงีย พบว่าดวงตะวันเพิ่งจะลาลับขอบฟ้า แสงสีสลัวสาดผ่านกระจกประตูระเบียง เงียบเหงาและโดดเดี่ยว
ไม่ๆๆ รินตบหน้าตัวเองเบาๆ สูดลมหายใจเขาเต็มปอด เธอจะมัวชักช้าอยู่ไม่ได้แล้ว การที่เธอหายตัวมานานขนาดนี้ เพื่อนๆจะต้องเป็นห่วงเธอมาก ดังนั้น เธอจะมามัวคิดอะไรไร้สาระอยู่ไดยังไง
ตามที่คาด ประตูห้องถูกล็อคไว้ รินแนบหูที่บานประตู เงี่ยฟังเสียงข้างนอกห้อง เงียบ แต่เธอก็ยังไม่วางใจ อาจมีใครเฝ้าอยู่ก็ได้ รินอนุมานจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ สรุปได้ว่าพวกเขาไม่น่าไว้ใจ พฤติกรรมบังคับให้กินยานั่นน่าสงสัยเอาการ
หรือว่าพวกนี้จะเป็น... โจรสลัดคอสเพลย์ที่จับเธอมาเรียกค่าไถ่!
ว๊ายตายแล้ว! จินตนาการของรินเริ่มเตลิดเปิดเปิงไปไกล ทำยังไงดี จะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงล่ะเนี่ย
ทางเดียวที่เปิดได้คือประตูระเบียง ลมทะเลตอนมืดพัดเย็นและแรงกว่าตอนกลางวัน ดวงจันทร์เสี้ยวทอแสงนวลจาง เหมาะแก่การซ่อนตัวในเงามืด ที่ระเบียงห้องข้างๆก็เงียบสนิท ไม่มีใครเห็นเธอตอนนี้ ถ้าลงไปข้างล่างสำเร็จ เธอจะได้หา(จิ๊ก)เรือเล็กพายกลับไปที่หาดรีแดม
แต่จะทำยังไง....
ฟิ้ววว
ลมเย็นชะมัด รินกำลังลงจากระเบียงโค้งโดยใช้ผ้าปูที่นอนมาผูกต่อกันต่างเชือก แตต่ลมตอนนี้ก็พัดแรงเสียจริง รินเกร็งมือจับเชือกแน่น ตัวแกว่งไปตามแรงลม ในใจคดว่าไม่น่าใช้วิธีนี้เลย นึกอยากจะไต่กลับขึ้นไปหาความมั่นคงของพื้นหิน แต่ก็ทำไม่ได้ วิธีที่ง่ายกว่าคือไต่ลงไปให้ถึงพื้นให้ได้เท่านั้น
แคว่ก
หือ รินหันขึ้นไปดูตามเสียง และก็ได้เห็นภาพที่ดูเหมือนฝันร้าย ผ้าปูที่นอนสีขาวขุ่นค่อยๆขาดอย่างช้าๆ มันทำให้รินลืมกลัวความสูงไปชั่วขณะ รีบไต่ผ้าลงไปให้เร็วที่สุด แต่...ไม่ทันแล้ว
แคว่ก เสียงเส้นด้ายเส้นสุดท้ายของผ้าปูที่นอนขาด
ไม่จริงน่า... รินหล่นลงไปทันทีตามแรงโน้มถ่วง ในมือยังจับผ้าปูที่นอนส่วนที่ขาดไว้แน่น เธอร้องกรี๊ดเสียงแหลม หลับตาแน่นด้วยความกลัว
ฟึ่บ
แทนที่จะตกลงไป รินกลับกำลังบินอยู่ ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ อยู่ในอ้อมกอดของคนที่กำลังบินอยู่ ปีกสีขาวที่กำลังกระพือขยับขึ้นลง ทำให้คนที่กำลังอุ้มเธอนั้นดูเหมือน...เทวดา
ในระยะประชิด รินมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้อย่างชัดเจน ผิวนวลละเอียด จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวสวย นัยน์ตาสีฟ้าเจือเทา ผมยาวประบ่าสีน้ำเงินเข้มลึกแสกข้างปัดเป๋ ปลายฟมออกจะหยิกเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากปุถุชนคนธรรมดา คือปีกสีขาวสะอาดที่กำลังกระพือบิน ชายหนุ่มร่อนลงที่พื้นเรือ ปล่อยให้รินยืนบนพื้น หุบปีกอย่างนุ่มนวล
"ไม่เป็นอะไรใช่ไหม" น้ำเสียงที่เขาใช้ช่างนุ่มทุ้ม มีเสน่ห์ ทำเอารินเผลอเคลิ้มไปเลยทีเดียว
"เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า" ชายหนุ่มถามซ้ำด้วยความเป็นห่วง สตรีตรงหน้าไม่ตอบคำถามของเขา ซ้ำยังมีนัยน์ตาเหม่อลอย สงสัยจะตกใจจนช็อค
"มีอะไรเหรอ" คนมาใหม่โผลงข้างหลังชายหนุ่มผมสีน้ำเงิน หุบปีกสีขาว พลางเดินมาสมทบ
คนมาใหม่นี้เป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก เธอมีใบหน้ากะทัดรัด ดวงตากลมโต นัยน์ตาสีมรกตใสบริสุทธิ์ล้อมกรอบด้วยแพขนตาดกหนา ผมทองยาวประบ่า เว้นแต่ปอยผมด้านหน้าทั้งสองข้างที่ยาวจรดหน้าอก ผิวพรรณขาวใส ร่างบอบบางสวมเสื้อผ้ารัดกุม เริ่มจากเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและกางเกงสีเดียวดันที่ยาวเลยเข่านิดหน่อย สวมทับด้วยเสื้อคลุมแขนกุดสีเขียวอ่อนยางปรกเข่า เดินขอบกำมะหยี่สีเขียวเข้ม ชายเสื้อคลุมทั้งสองด้านผ่าข้างถึงเองเล็กที่คาดผ้าปักลายดอกไม้น่ารัก สร้อยคอเส้นบางยาวจรดอกที่เธอสวม ประดับด้สยจี้รูปหยดน้ำสีเขียวประกายทอง
นางฟ้าชัดๆเลย
"อ้าว! ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ" สาวผมทองทักเมื่อเห็นรินยืนอยู่ด้วย ดวงตากลมโตสีเขียงมรกตมองมาอย่างสงสัย รินรู้สึกตัว จึงรีบไขว้มือไว้ข้างหลัง ซ่อนผ้าปูที่นอนที่ยังติดมือเธออยู่
"นางคงจะพลัดตกจากระเบียงกระมัง" ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ ทำไมเขาจะมองไม่เห็นผ้าผืนนั้นเล่า
"งั้นเหรอ" สาวผมทองพูดอย่างไม่รู้สึกติดใจอะไร เธอเดินมาควงแขนรินอย่างสนิทสนม "ข้าว่าพวกเรารีบเข้าไปข้างในกันดีกว่า หิวจะแย่อยู่แล้ว" พูดจบก็จูง(ลาก)รินให้เดินไปด้วยกัน
ก็อกๆ ชายผมน้ำเงินเคาะประตูหอคอย คนที่มาเปิดรับคือหมอผู้สวมหน้ากากที่รินเคยพบ เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวยืนอยู่ตรงนั้นด้วย แทนที่จะนอนอยู่ในห้อง หากก้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ชายผมน้ำเงินและหญิงผมทองถอบางกย่างที่สะพายหลังออก ส่งให้หมอหน้ากากนำไปเก็บไว้ในตู้ติดผนัง ซึ่งจะเป็นอะไรนั้น รินก็ไม่อาจรู้ได้ เห็นแต่เพียงว่า คนทั้งคู๋ไม่ได้มีปีกที่กลางหลังอีกแล้ว
รินถูกพาไปที่โต๊ะอาหารตัวยาว ณ ที่นั่น มีคนยืนอยู่สองคน คนแรกคือชายร่างสูงสองเมตร ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีตะไคร่โดดเด่นด้วยเขาแหลมสีฟาง ผิวเข้มสีน้ำตาลสวย โครงหน้าคมเข้ม ดวงตาเล็กสีอำพัน สวมเสื้อแขนกุดโชว์กล้ามแขนแข็งแรง เขาส่งสายตาแสดงความไม่เป็นมิตรมายังรินอย่างเปิดเผย ที่ยืนอยู่ข้างเขาคือเด็กชายผมแดง สูงเพียงอกของชายมีเขา เขาคล้ากับเด็กหญิงที่รินเคยเห็น เพราะเด็กชายคนนี้ก็มีหูจิ้งจอกและหางพองฟูเช่นกัน ต่างตรงที่หูขวาของเด็กชายนั้นสวมต่างหูห่วงทองเล็กๆไว้ด้วย
ในห้องนี้จึงเต็มไปด้วยคนที่มีเอกลักษณ์(แปลก)โดดเด่น รินนึกอยากให้มันเป็นเพียงความฝันจริงๆ
*******************************************************************************************************
เมื่อไนน่า เด็กหญิงหูจิ้งจอกยกอาหารมาที่โต๊ะ ทั้งหมดจึงนั่งลง ชายผมน้ำเงินนั่งที่หัวโต๊ะ ฝากโด้นซ้ายคือหญิงสาวผมทอง ริน และหมอหน้ากาก ส่วนฝั่งตรงข้ามคือไนน่า ชายมีเขา และเด็กชายผมแดง
"มัคคินกับแฮนเต้ไปไหนล่ะ" ชายผมน้ำเงินที่นั่งอยู่หัวต๊ะเอ่ยถาม
"เห็นว่ามีงานค้าง เลยขอตัวกินที่ข้างล่างแล้วล่ะค่ะ" ไนน่าตอบด้วยรอยยิ้มกว้างในแบบที่รินไม่เคยเห็น
รินนั่งตัวเกร็ง มองอาหารหน้าตาแปลกๆบนโต๊ะอย่างไม่ค่อยไว้ใจ ในขณะที่คนอื่นๆเริ่มทานกันแล้ว
"ทำไมไม่กินล่ะ ร่างกายของเจ้าต้องการอาหารนะ" หมอหน้ากากที่นั่งอยู่ข้างๆภามเสีย
เบา ฉีกยิ้มถามต่ "จะกินเอง หรือจะให้ข้าป้อนแบบคราวก่อนดีล่ะ"
พอเห็นรอยยิ้มนั้น รินก็รีบหยิบช้อนส้อมขึ้นมาจัดการอาหารตรงหน้าทันที นายคนนี้เป็นหมอหรือว่าปิศาจกันแน่นะ ช่างยิ้มได้น่ากลัวจริงๆ สงสัยโกรธเรื่องที่เธอหนีออกมาจากห้องแหงๆเลย
นี่เป็นอาหารมื้อที่ฝืดคอที่สุดเท่าที่รินเคยกินมา กินไปได้เพียงเล็กน้อยเธอก็รู้สึกอิ่ม ไม่รู้จะทำอะไร จึงนั่งก้มหน้าใช้ช้อนคนซุปในชามเล่น ในหัวคิดเรื่องมากมาย คนพวกนี้มีอะไรบางอย่างที่ดูทะแม่งๆชอบกล ทั้งคำพูดคำจา การแต่งตัว ถึงจะน้าตาดีก็เถอะ(ที่จริงเรื่องนี้ไม่ค่อยเกี่ยว)แม้จะปฏิบัติต่อเธออย่าสุภาพ แต่ก็ยังน่าสงสัย
รินเหหลือนสายตามองคนที่นั่งตรงข้าม ชายมีเขาเองก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน รินเผลอหลบสายตาวูบ สายตานั่นน่ากลัวชะมัด นี่เธอไปก่อเรื่องให้เขาโกรธตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย โอ๊ย! อยากจะบ้า
"อาหารไม่อร่อยเหรอ ทำไมทานน้อยนัก" เสียงนุ่มทุ้มนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้ นอกจากชายผมน้ำเงินที่นั่งตรงหัวโต๊ะ
รินเงยหน้าก็พบว่าสายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมาที่เธอ
"อะ..อร่อยมากค่ะ"
"ถ้าแฮนเต้มาได้ยินเข้า มีหวังดีใจจนตัวลอย" ชายสวมหน้ากากพูดอย่างขบขัน
"เจ้าคงมีเรื่องที่สงสัยมากมาย แต่ก่อนอื่น ข้าคิดว่าเราควรจะมาทำความรู้จักกันก่อน ข้าคืเจ้าชายแห่งอาณาจักรเธียริสท์"
"ไรเรน มิเรอร์เมซ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" สาวผมทองเอ่ยอย่างร่าเริง
"หมอซอร์ลุค เฮอร์เบน"
"ไนน่า ไฟร์เดฟลาว" เด็กหญิงพูดเสียงเชิ่ด
"ทรองก้า ไฮเฮลพาว" ชายร่างใหญ่พูดเสียงขรึม
"เดชิล ไฟรืไนล์เทล" เด็กชายผมแดงพูดบ้าง
ทุกคนมองมาที่ริน
"เอ่อ ริน อาร์กวินค่ะ"
* ยังมีต่อ *
ความคิดเห็น